ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 365 ภูตประหลาด

บทที่ 365 ภูตประหลาด

บทที่ 365 ภูตประหลาด

สายฝนฤดูใบไม้ร่วงแฝงความเย็นเยียบ หยดร่วงลงมาบนใบหน้า ร่างกาย ท่อนแขน และซึมซาบไปในร่างกายโดยไม่รู้ตัว ระเหยไม่ได้ สุดท้ายก็สั่นเทิ้ม กลายเป็นความเย็นเยียบราวน้ำแข็งเสียดแทงกระดูก

เฉกเช่นบทเพลงนี้

ร่างกายสวี่ชิงสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุม เขาคิดถึงตนเองตอนอยู่ที่ฐานที่มั่นคนเก็บกวาด ไปป่าพื้นที่ต้องห้ามกับหัวหน้าเหลย เห็นรองเท้าผู้หญิงที่ย่างเดินอยู่ในหมอกเลือดคู่นั้น

ตอนนั้น เขาที่เพิ่งจะฝึกปราณและยังไร้สังกัดเคยสัมผัสความเย็นแบบนี้มาแล้ว แช่แข็งจิตวิญญาณ ผนึกร่างกาย

ตอนนี้ เขาพลังบำเพ็ญไม่ธรรมดา แต่ก็ยังสัมผัสได้เช่นครั้งในอดีต

บทเพลงที่พร่ำเพ้อและอ่อนโยน ราวกับทำให้เส้นเสียงกลายเป็นของจริง เป็นเสียงสวดศพสะกดวิญญาณ ทำให้ในกลุ่มผู้บำเพ็ญหนึ่งพันกว่าคนรอบๆ นี้ มีสิบกว่าคนร่างซวนเซ ล้มลงไปทันที

ดิ่งลงไปในหลุมลึก ร่วงไปในความมืด ราวกับถูกกลืนกิน

คนที่เหลือต่างใจสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง ความประหวั่นพรั่นพรึงฉายบนใบหน้าอย่างควบคุมไม่อยู่ เพราะเสียงขับร้องเวลานี้เริ่มสั่นเครือ

แต่ละอักขระขับร้องด้วยเสียงสั่นเครือ ราวกับกำลังหวาดผวาดและหวาดกลัว

ราวกับ นางกำลังขับกล่อมผู้ตาย

มีเพียงเสียงร้องงิ้วนี้สะท้อนก้องไปทั้งหลุมลึก ต่อให้ผู้คนจะปิดกั้นโสตประสาทไปก็ไม่เป็นผล เสียงนี้ก้องอยู่ในจิตวิญญาณ เกิดเป็นไอพลังประหลาดขึ้นมาในใจของคนทั้งหมด

ชั่วขณะหนึ่ง ขณะที่ในหลุมลึกนี้ไอพลังประหลาดเข้มข้นขึ้นต่อเนื่อง เสียงร้องงิ้วนั้นกลับเบาลง จนสุดท้ายกลายเป็นเสียงพึมพำแผ่วเบา เดี๋ยวแจ่มชัดเดี๋ยวเลือนลาง

ผู้คนพากันถอนหายใจ แต่ตอนนี้เอง เสียงร้องงิ้วอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นฉับพลัน

“ชาติก่อนไม่มา วนหาเกิดใหม่เสมอ ผู้ใดตัดขาดความเพ้อคะนึงวาดละอองฝุ่นของผู้ใด…”

เสียงเพลงครั้งนี้แตกต่างกับก่อนหน้า ไม่ได้ทำให้อกสั่นขวัญผวามากนัก ไม่ได้ยานคางอ้างว้าง เห็นได้ชัดว่าเป็นอีกบทเพลงหนึ่ง แต่กลับมืดมนยิ่งกว่า ทำให้จิตใจสั่นสะท้าน หันไปมองพื้นที่ที่สวี่ชิงอยู่พร้อมกัน

เพราะเสียงนี้ดังมาจากทางนั้น!

สวี่ชิงหันหน้าฉับพลัน มองไปทางนายกอง

นายกองดวงตาเบิกกว้างเช่นกัน เขามองสวี่ชิงอยู่

ในดวงตาของสวี่ชิง เขามองเห็นเงาของตนเองรวมไปถึง…ร่างเงาสีขาวที่ล่องลอยอยู่ด้านหลัง

คนที่ร้องเพลง ก็คือร่างที่ไม่รู้ว่าปรากฏขึ้นมาด้านหลังนายกองตั้งแต่เมื่อใด

นายกองหรี่ตาลงใบหน้าเหี้ยมเกรียม ใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นในรูม่านตา ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบ แสยะยิ้มยิงฟัน หันไปด้านหลังฉับพลัน กัดไปคำใหญ่อย่างแรง

เสียงฟันกระทบกันดังก้องไปทั่ว เห็นได้เลยว่าการกัดครั้งนี้เหี้ยมหาญเพียงใด

แต่เสียงร้องงิ้วยังคงขับขาน

เพียงแต่ครั้งนี้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังผู้บำเพ็ญอีกคนหนึ่ง ผู้บำเพ็ญคนนั้นร่างสั่นเทิ้ม สัมผัสถึงวิกฤตความเป็นความตายขนานใหญ่ได้ กำลังจะบีบแผ่นหยกส่งข้ามในมือให้แตก แต่พริบตาต่อมา…ดวงตาเขาก็เผยความสับสน สีหน้าเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม

จากนั้นร่างกายของเขาก็ส่งเสียงครืนครัน ไอพลังประหลาดปะทุขึ้นสู้จุดสูงสุดในพริบตา กลายพันธุ์ทันที!

แผ่นหลังเขามีเนื้องอกปูดโปนขึ้นมาในพริบตา สองแขนหนาขึ้นหลายเท่า กระดูกหลายแท่งแทงทะลุเลือดเนื้อกับเสื้อผ้าจนฉีกขาด

สองขาหนาขึ้นเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นต้นขาก็ปริแตก แต่ละข้างมีรยางค์ที่เปรอะเลือดข้นเจ็ดแปดเส้นงอกออกมา และสิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือศีรษะของเขา ทั้งศีรษะ…กลายเป็นดวงตาสีน้ำเงินขนาดยักษ์ดวงหนึ่ง

ดวงตากะพริบ ร่างกายเขาหายไปในพริบตา ตอนที่ปรากฏขึ้นก็มาอยู่ข้างหน้าผู้บำเพ็ญสำนักเล็กๆ อีกคนหนึ่ง ผู้บำเพ็ญคนนั้นก็ไม่ธรรมดา ตอนที่ประกบปางมือรอบด้านก็มีเปลวเพลิงแผดเผา แผ่คลุมฉับพลัน

แต่ไม่มีประโยชน์ รยางค์เส้นหนึ่งยื่นออกมาจากเปลวเพลิง สอดเข้าไปในปากของผู้บำเพ็ญคนนั้น

พริบตาต่อมา ผู้บำเพ็ญคนนี้ก็ร้องโหยหวนอู้อี้ ร่างกายถูกยกขึ้น ช่วงท้องขยายออกไม่หยุด จนกระทั่งมีเสียงดังปัง ท้องระเบิด

รยางค์ที่สอดเข้าไปในร่างกายก็ยื่นออกมาจากจุดที่ระเบิด ส่ายไหวไปมา เลือดเนื้อสาดกระเซ็น

ภาพนี้ ทำให้ผู้พากันสูดลมหายใจ

จากนั้นร่างผู้บำเพ็ญที่กลายพันธุ์ก็ไหววูบ สำแดงความเร็วที่น่าตื่นตะลึง พุ่งไปหาอีกคนหนึ่ง

เสียงร้องดังก้องไม่หยุดชั่วขณะหนึ่ง

ผ่านไปหลายอึดใจ ผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์ที่สังหารคนไปมากมาย ครั้งนี้มาปรากฏข้างกายสวี่ชิง

จังหวะที่ปรากฏตัว มันก็ยกสองมือขึ้นโอบสวี่ชิง บนท้องมีปากขนาดใหญ่ ตั้งท่าจะกลืนกิน

และความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ในขณะนี้ก็เช่นเดียวกัน จากอันตรายที่ปรากฏขึ้นในหลุมลึก รอบด้านที่มีอยู่พันกว่าคน ไม่จำเป็นต้องลงมือพร้อมกัน เพียงแค่สักเจ็ดแปดคนช่วยกัน ต่อให้ผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์คนนี้จะเร็วสักเพียงใดก็ไร้ประโยชน์

แต่ทุกคนคิดไม่เหมือนกัน มีคนมากมายถือโอกาสตอนที่ผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์ลงมือกับคนอื่น ร่างไหววูบพุ่งไปยังส่วนลึกของหลุมลึก หลบเลี่ยงอันตราย

คนแบบนี้มีไม่น้อย มากกว่าหลายร้อยคน และมีบางคนที่เลือกบีบแผ่นหยกหลบหนี ไม่ไปต่อ

สถานการณ์วุ่นวายมาก

สวี่ชิงไม่สนใจ พริบตาที่ผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์มาอย่างอำมหิต ดวงตาเขาก็เปล่งประกายเย็นวาบ ไม่ถอยหนีแต่พุ่งเข้าหา ทะยานไป เข้าประชิดผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์ในพริบตา มือขวาซัดหมัดออกไป

วังสวรรค์สามวังในร่างกายปะทุขึ้น วิหคทองระเบิดพลัง

ผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์ส่งเสียงร้องแหลมภายใต้หมัดนี้ ถอยร่นฉับพลัน

ถอยไปได้ครู่เดียว ด้านหลังเขาก็มีกลิ่นอายเย็นเยียบ ร่างนายกองปรากฏไร้ซุ่มเสียง ประกายหม่นในดวงตาจับจ้องร่างผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์ อ้าปากตรงไปกัดที่ดวงตาสีฟ้า

ตอนที่เสียงแหลมยิ่งกว่าดังออกมาจากปากขนาดใหญ่ที่ท้องผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์ สวี่ชิงก็พุ่งไปซัดอีกหมัด

สุดท้ายก็มีเสียงดังสนั่นดังขึ้น ร่างของสัตว์ประหลาดก็ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ ร่วงลงไปในหลุมลึกเบื้องล่าง

และตอนนี้ที่นี่เหลือผู้บำเพ็ญอีกไม่มากแล้ว เหลือแค่สิบกว่าคน คนอื่นไม่ส่งข้ามหนีไปก็ลงไปด้านล่างแล้ว

“อาชิงน้อย พวกเราแยกกันไปดีกว่า ต้องรีบทำเวลาแล้ว” นายกองอาเจียนออกมา ทำท่าไม่อร่อย

สวี่ชิงพยักหน้า ทั้งสองคนพุ่งลงไปด้านล่างทันที

พวกเขารวดเร็วมาก ขณะที่ทะยานไปสวี่ชิงเห็นศิษย์สำนักต่างๆ ที่แยกตัวออกมาก่อนหน้านี้

ปัจจุบันคนเหล่านี้กำลังต่อสู้กัน คู่มือของพวกเขาคือร่างเงาสีขาวที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่ บ้างก็ถูกเงาร่างนี้สิงสู่ จนกลายเป็นผู้บำเพ็ญกลายพันธุ์

มีจำนวนมากมาย ส่วนใหญ่กำลังต่อสู้

และคนที่กล้ามาทดสอบที่นี่ ย่อมมีวิธีบางอย่างอยู่แล้ว ตลอดทางสวี่ชิงจึงเห็นว่าเผ่ามนุษย์ส่วนมากเอาชนะได้

ทว่าศิษย์ที่ยังไม่ทันส่งข้ามออกไปแล้วตายลงที่นี่ก็มีมากเช่นกัน

การรับคุณสมบัติเช่นนี้ อันตรายมากจริงๆ

ตลอดทางที่สวี่ชิงเหาะเหินมา หลบเลี่ยงการปะทะบางอย่าง แต่ยิ่งลึกลงไป ความเยือกเย็นมืดมนในหลุมลึกก็ยิ่งเข้มข้น ยิ่งรู้สึกกดดันรุนแรงขึ้น ทำให้คนหอบหายใจ หัวใจเต้นเร็วขึ้น

จนสุดท้ายตัวเขาก็ได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมคราม ยิ่งไปกว่านั้นวิสัยทัศน์ก็เปลี่ยนเป็นเลือนราง มองไม่ค่อยชัด

ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งถึงปรับตัวได้ ตอนที่เห็นชัดอีกครั้ง สวี่ชิงก็สังเกตเห็นว่าผนังหลุมรอบด้านปรากฏพวกอุโมงค์ทางแยกขึ้น เห็นได้ชัดว่าโลกใต้ดินนี้ไม่ได้มีแค่เส้นทางเส้นเดียว แต่เป็นเหมือนดั่งเขาวงกตที่มีอยู่มากมาย

ทว่ากลิ่นคาวและเน่าเสีย ไม่ได้น้อยลงเพราะการปรากฏของทางแยกเหล่านี้เลย แต่กลับยิ่งเข้มข้นขึ้น

นอกจากนี้เศษชิ้นส่วนที่ต้องการและจะทำให้ได้รับคุณสมบัติในการทดสอบผู้ครองกระบี่ครั้งนี้ จนถึงตอนนี้ สวี่ชิงก็ยังไม่เห็นเลยสักชิ้น

เขาเข้าใจว่านี่เป็นเพราะคนที่ปลีกตัวไปก่อนหน้ามีมากเกินไป สถานที่ที่คนเหล่านี้ผ่านย่อมมีชิ้นส่วนที่ถูกหยิบไปได้ง่ายๆ ล้วนถูกหยิบไปแล้ว

สวี่ชิงครุ่นคิด มองไปรอบด้าน ร่างไหววูบร่อนลงไปบนจุดที่ดินโคลนยื่นออกมาตามขอบหลุมลึก ยืนอยู่ตรงนั้นเงยหน้ามองด้านบน

ด้านบนมีเสียงต่อสู้รางๆ ประเดี๋ยวก็มีเลือดสดหยดลงมา และกลิ่นอายเยือกเย็นมืดมนด้านล่างก็เลวร้ายขึ้น เสียงร้องงิ้วก็ยังคงเดี๋ยวแจ่มชัดเดี๋ยวเลือนลาง

ส่วนร่างเงาของนายกองไม่อยู่ที่นี่แล้ว ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนคุยกันว่าครั้งนี้ให้แยกกันปฏิบัติการ ถึงอย่างไรการหาของ แยกกันมีโอกาสมากกว่า

“ไม่ไปทางอื่นแล้ว ข้าจะใช้ทางนี้ไปส่วนที่ลึกที่สุดดู”

สวี่ชิงก้มหน้า กระโดดขึ้น พุ่งหวีดหวิวลงไปต่อเบื้องล่าง

ค่อยๆ ลึกลงไปเรื่อยๆ รอบด้านยิ่งมืดมิด ตอนที่ความสึกอัดอัดคับแคบยิ่งชัดเจน จู่ๆ สวี่ชิงที่กำลังตรงไปด้านหน้าก็ชะงัก ลอยถอยหลังไปหลายก้าวกลางอากาศ หันไปมองทางขวา

ตรงนั่นมีอุโมงค์ทางแยกอยู่

ที่ปากอุโมงค์มีร่างเงาหนึ่งยืนอยู่

เป็นร่างเงาชายชรา สวมชุดคลุมสีดำทั้งตัว ไม่มีกลิ่นอายใดแผ่ซ่านออกมา ราวกับผสานรวมกับความมืดรอบๆ ถูกมองข้ามได้ง่ายมาก

เขาปล่อยสองมือตามสบาย เมื่อมองอย่างละเอียดจะเห็นว่านิ้วทั้งสิบของเขามีเล็บสีดำที่ยาวและคมมาก

เขาหันหลังให้สวี่ชิง มองไม่เห็นใบหน้า

เห็นเพียงเขาเอียงตัวเล็กน้อย คล้ายกำลังฟังเสียงร้องงิ้วที่ลอยมาจากหลุมลึกเบื้องล่างอย่างตั้งใจ

แต่ในอุโมงค์ภูตนี้ ร่างเงาที่ปรากฏขึ้น ทำให้ใครก็ตามที่ได้เห็นรู้สึกระแวดระวัง

สวี่ชิงจ้องเพ่ง กวาดตาไปยังร่างมืดมนร่างนี้ จากนั้นก็มองไปยังดินโคลนข้างกายอีกฝ่าย ตรงนั่นมีชิ้นส่วนฝังอยู่สามชิ้น

ชิ้นส่วนสามชิ้นนี้ คือสิ่งที่สวี่ชิงต้องการ

สวี่ชิงครุ่นคิด เขาไม่เชื่อว่าไม่มีใครเดินผ่านที่นี่ แต่ชิ้นส่วนนั่นยังอยู่ เป็นที่ประจักษ์ว่าศิษย์คนอื่นที่ผ่านมาทางนี้ ถ้าไม่ตายแล้ว ก็คงจะไม่กล้าลงมือ นำชิ้นส่วนมาไม่ได้

สวี่ชิงคิดๆ ตรวจสอบรอบๆ ก่อน หลังจากมั่นใจว่าไม่มีการซุ่มโจมตี เขาจึงสื่อจิตเทพไปหาเจ้าเงา

พริบตาต่อมาเจ้าเงาก็แผ่ลามไปอย่างไร้ซุ่มเสียง ไปข้างกายชายชราที่กำลังฟังเพลงอย่างรวดเร็ว ม้วนชิ้นส่วนชิ้นหนึ่ง กำลังจะดึงกลับมา

ตอนนี้เอง มือของชายชรายกขึ้น กดไปบนชิ้นส่วนด้วยแรงมหาศาล จนทำให้ดินโคลนครืนครัน

จากนั้นเขาก็หันหน้ามา สีหน้าไร้อารมณ์สะท้อนในดวงตาสวี่ชิง

ราวกับผีดิบ

สองตาที่ว่างเปล่าของเขา แผ่แสงสีแดงออกมาเป็นระลอก เวลานี้จ้องสวี่ชิงเขม็ง มุมปากค่อยๆ แยก เผยให้เห็นฟันเลื่อย

พริบตาต่อมา ร่างเขาก็ไหววูบ รังสีอำมหิตวูบหนึ่งปะทุขึ้นพุ่งเข้าหาสวี่ชิง

โดยเฉพาะเล็บของเขา ยิ่งตอนที่มาถึงก็เหมือนจะวาดผ่ามิติ ส่งเสียงผ่าอากาศหวีดแหลม ตะปบมาทางสวี่ชิงอย่างแรง

สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง พริบตาที่กลิ่นคาวตามลมปะทะที่หน้า ก็เบี่ยงตัวไปด้านหลัง

เห็นมือขวาหมองหม่นของผีดิบชายชราหวีดหวิวมาเบื้องหน้าตน สวี่ชิงก็ถอยหลัง ตีลังกา พลังบำเพ็ญทั่วร่างระเบิดออก พลังกายเนื้อรวมที่เท้าขวา เตะเสยไปที่คางชายชราอย่างรุนแรง!

ตูม!

หัวของผีดิบชายชราเสียงดังกร๊อบ บิดเบี้ยวบู้บี้ ร่างถูกฝีเท้านี้ของสวี่ชิงเตะจนถอยหลังไปสิบกว่าจั้ง

ขณะเดียวกันเจ้าเงาก็คว้าชิ้นส่วนสามชิ้นนั้นพุ่งกลับมาหาสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

แต่พริบตาต่อ หัวของผีดิบชายชราตนนั้นก็พลันส่าย หันกลับมา ประกายแดงในดวงตาเจิดจ้ามากขึ้น รังสีอำมหิตโถมขึ้นฟ้า ไอพลังประหลาดปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่งทั้งตัว

ส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ป่า ระเบิดความเร็วขึ้น พุ่งเข้าหาสวี่ชิงอย่างดุร้าย

พริบตาที่เข้าใกล้ก็กัดคอสวี่ชิง

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Score 10
Status: Completed
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง... รายละเอียด กำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง 'เอ่อร์เกิน' ผู้เขียน 'หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์' 'สู่วิถีสุรา' ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน' 'หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา' เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก 'สวี่ชิง' เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

Options

not work with dark mode
Reset