ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 323 ใต้ปรโลก

บทที่ 323 ใต้ปรโลก

บทที่ 323 ใต้ปรโลก

สวี่ชิงเห็นเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องแล้ว

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็เห็นสวี่ชิงเช่นกัน

แทบจะในเสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงพุ่งตัวมา ร่างของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็ถอยหลังไปในทันที รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง จะหลบหนีไป

ความเร็วของเขาเร็วกว่าในอดีต ในขณะที่พลังแก่นลมปราณวังสวรรค์หนึ่งวังปะทุมา วิหคทองในตาขวาของเขาก็ปรากฏออกมา เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า

บนร่างของวิหคทองตัวนี้ถูกอักขระมายานับไม่ถ้วนพันธนาการเอาไว้ ฝั่งหนึ่งหลอมรวมไปกับตาขวาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง อีกฝั่งหนึ่งเชื่อมไปในตัววิหคทองตัวนี้

วิธีนี้แสดงให้เห็นฝีมือที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ทำให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องควบคุมเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณผ่านวิธีนี้ ตอนนี้ภายใต้การเพิ่มพลังของวิหคทอง ความเร็วของเขารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง

แต่ความเร็วของสวี่ชิงน่าตกใจยิ่งกว่า เพียงพริบตาก็พุ่งเข้าไปในสำนักนำบารมี ตรงไปหาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง

ในเสี้ยวพริบตาที่ลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตทั้งหลายพุ่งตัวออกไป บุกเขาไปในสำนักนำบารมี บริเวณหุบเขาจันทร์ลับนภาที่สำนักนำบารมีตั้งอยู่จู่ๆ ก็ส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นออกมา รอยแยกนับไม่ถ้วนแล่นมาตามพื้น แสงเปลวไฟแต่ละทางๆ ปะทุออกมาจากในนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือมีมือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นออกมาจากพื้นดินสำนักนำบารมี

มือยักษ์ข้างนี้มีขนาดถึงร้อยจั้ง ทั้งมือก่อขึ้นจากหินผา บนนั้นเต็มไปด้วยลายเปลวไฟ เหมือนว่าในแขนข้างนี้มีเลือดเป็นหินหนืด

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก้องฟ้า หุบเขาถล่ม เศษหินนับไม่ถ้วนกระเด็นกระดอน

ตอนนี้ หลังจากที่มือยักษ์ข้างนี้ปรากฏขึ้น มันก็กดไปที่พื้น ในขณะที่พื้นดินสั่นไหว ยักษ์หินผาตนหนึ่งที่แผ่แสงเปลวไฟน่าหวั่นเกรงก็กระโดดออกมาจากใต้พื้นดิน

ตัวขนาดหลายพันจั้ง ยืนตระหง่านในฟ้าดิน ขณะเดียวกับที่คำรามอย่างคลุ้มคลั่ง กลิ่นอายที่อยู่เหนือระดับปราณก่อกำเนิดทั้งร่างก็ปะทุออกมาจากร่างของมัน ทำให้รอบๆ เกิดระลอกคลื่นพลังรุนแรง

ยิ่งไปกว่านั้น จะเห็นว่าที่หน้าอกของยักษ์ตนนี้มีโลงศพสีดำโลงหนึ่งฝังเอาไว้

และที่หัวของยักษ์หินผาตนนี้มีเงาร่างอีกสองเงา

สองคนนี้ล้วนใส่ชุดคลุมยาวสีดำ สวมหน้ากากเสี้ยวหน้าเทพเจ้า แต่กลับไม่ใช่นกเขาราตรีและรัชทายาทรัฐม่วงคราม พวกเขาคนหยึ่งยืน คนหนึ่งนั่งย่อตัว

บนร่างของทั้งสองคนมีระลอกคลื่นพลังน่ากลัวแผ่มา ในสายตามที่เผยออกมาจากใต้หน้ากากเสี้ยวหน้าเทพเจ้าแฝงด้วยความเย็นชา

“หาที่นี่ได้เจอเชียวหรือ”

“ก่อนใต้เท้าจะไปพูดไว้ไม่ผิดเลย จะดูถูกขั้วอำนาจใดๆ ไม่ได้เลย”

“เช่นนี้แล้ว ฐานที่มั่นอีกสามแห่งที่เหลือ พันธมิตรแปดสำนักก็คงส่งคนไปแล้วเหมือนกัน”

เทียนประทีปเป็นกลุ่มอำนาจ ดังนั้นในนั้นไม่มีทางมีแค่รัชทายาทรัฐม่วงครามกับนกเขาราตรี แต่มีสมาชิกมากมาย

ผู้เป็นคนสำคัญในนั้นแต่ละคนล้วนมีชื่อเสียง แต่ว่าสมาชิกที่มีมากกว่าคือสมาชิกระดับล่างเหมือนเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องพวกนั้น

แม้พวกเขาจะเข้าร่วมกับเทียนประทีปแต่กลับไม่มีคุณสมบัติเป็นสมาชิกคนสำคัญ ไม่มีสิทธิ์สวมหน้ากาก

มีเพียงคนที่เคยทำการแสดงสีเลือด อีกทั้งมีพลังบำเพ็ญอย่างน้อยระดับปราณก่อกำเนิดเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์นั้น

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนนี้เป็นสมาชิกคนสำคัญของเทียนประทีปในมณฑลรับเสด็จราชัน แทบจะในเสี้ยวพริบตาที่พวกเขาปรากฏตัว สายตาของนายท่านเจ็ดก็จ้องเพ่งไป

การลงมือกับกลุ่มอำนาจเทียนประทีปในสำนักนำบารมีครั้งนี้ เป้าหมายแรกของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็คือล่อบุคคลสำคัญของกลุ่มอำนาจเทียนประทีปออกมา

เมื่อเห็นว่าปรากฏตัวขึ้น นายท่านเจ็ดก็ก้าวออกไป เหยียบไปในอากาศ พุ่งตรงไปยังยักษ์หินผาตนนี้

ยักษ์จ้องนายท่านเจ็ดเขม็ง ในสายตาฉายความบ้าคลั่ง คนทั้งสองคนที่หัวของมันร่างรางเลือนไปเช่นกัน ลงมือทันทีในเวลาเดียวกัน

แต่ชั่วพริบตาต่อมา จากการที่ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน จากเสียงกึกก้องในฟ้าดิน ร่างของยักษ์หินผาก็สั่นสะท้านบ้าคลั่ง มือขวาที่ยกขึ้นพังทลายไปในทันที

ในขณะที่ถอยไปทีละก้าวๆ คนชุดดำสองคนที่ลงมือพร้อมกับมัน ล้วนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น ต่างถอยหลังไป ในดวงตาฉายแววเคร่งเครียด

นายท่านเจ็ดเพียงคนเดียวโจมตีให้ผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณทั้งสามนี้ถอยไปทั้งหมดได้

ขณะเดียวกัน ที่พื้น ลูกศิษย์ของสำนักนำบารมีก็กระเด็นกันไปคนละทิศจากการพังถล่มของแผ่นดินและหุบเขา

แม้สีหน้าพวกเขาจะแตกตื่นตกใจ แต่อันตรายที่ประสบไม่ได้มากเท่าไร เพราะเป้าหมายของลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่อยู่บนพื้นคือสมาชิกระดับล่างกลุ่มอำนาจเทียนประทีปที่ร่างแผ่ไอพลังสีดำออกมาพวกนั้น

เพียงแต่จากเหตุการณ์เมื่อครู่ บนพื้นก็เละเทะไปหมด สมาชิกระดับล่างเทียนประทีปทุกคนต่างทำการหลบหนีด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี

และต่อให้เทียนประทีปกลุ่มอำนาจกลุ่มนี้เป็นสมาชิกระดับล่างก็ล้วนมีความพิเศษและความโหดเหี้ยม ไม่ว่าคนไหนก็ล้วนไม่ธรรมดาทั้งนั้น ตอนนี้จากการกระจายตัวกันไปของสมาชิกพันคน สำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็ยากจะสังหารให้หมดได้ในคราวเดียว

แต่ว่าของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตผนึกที่นี่เอาไว้ ในขอบเขตพื้นที่แห่งนี้ ต่อให้สมาชิกเทียนประทีปกระจายตัวกันแต่สุดท้ายก็ไม่อาจหนีไปได้

ขณะเดียวกัน ในตำแหน่งอีกสามตำแหน่งที่เหลือในมณฑลรับเสด็จราชัน การโจมตีจากสำนักโลกันต์ทมิฬ สำนักล่าสิ่งประหลาด และสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าก็ปะทุขึ้นเช่นกัน ฐานที่มั่นที่พวกเขาไปก็มีสมาชิกของกลุ่มอำนาจเทียนประทีปเช่นกัน

ตำแหน่งทั้งสี่ศึกดุเดือดรุนแรง แต่ทุกอย่างนี้…ล้วนเพื่อล่อเหยื่อทั้งสิ้น

ดูว่านกเขาราตรีและนายของเขาจะปรากฏตัวขึ้นหรือไม่ จะปรากฏตัวขึ้นที่ใด!

นี่ไม่ใช่อุบายอำพราง แต่เป็นแผนการซึ่งหน้า!

ตาข่ายสวรรค์กับดักพิภพวางไว้แล้ว เสี้ยวขณะนี้ ขั้วอำนาจเผ่ามนุษย์ทั้งมณฑลรับเสด็จราชันล้วนจับจ้องมาที่ทั้งสี่จุดนี้ สำนักเซียนล้ำบารมีก็ให้ความร่วมมือด้วย กระทั่งลัทธินอกวิถีก็ร่วมด้วย ฟังคำสั่งของโถงครองกระบี่

ทุกคนล้วนกำลังรอ

ขณะเดียวกัน พวกเขาก็กำจัดความเป็นไปได้ที่กลุ่มอำนาจเทียนประทีปอาจจะส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม โจมตีไปที่สำนักของตัวเอง

ส่วนการฆ่าล้างสังหารของสวี่ชิงก็เปิดฉากในเสี้ยวขณะนี้เช่นกัน

จิตสังหารในดวงตาของเขารุนแรง การโจมตีของเขาโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง ชุดสีม่วงเลื่อมลายทั้งชุด กวานสวรรค์ม่วงสูงสุดบนศีรษะ วังแห่งชีวิตสองวังฉายเงาฉัตรออกมา จากแสงเจ็ดสีที่ฉายออกมา จากเปลวไฟสีดำที่แผ่ออกมา พลังบำเพ็ญระดับแก่นลมปราณของเขาสั่นคลอนไปทั่วสารทิศ

ข้างหลังยิ่งมีวิหคทองส่งเสียงคำราม ในขณะที่ทะเลเพลิงมหาศาลเข้าปกคลุม การลงมือของสวี่ชิงก็เหี้ยมเกรียมเป็นที่สุด

เขามาปรากฏข้างหน้าผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์หนึ่งวังของกลุ่มอำนาจเทียนประทีปคนหนึ่ง เมินซึ่งการโจมตีกลับของคนคนนี้ ท่ามกลางสีหน้าหวาดกลัวของอีกฝ่าย มือขวาของสวี่ชิงก็รางเลือนเป็นเงามายา วิชาพรางมารยาชิงมรรคาปะทุขึ้น ทะลวงเข้าไปในวังสวรรค์ทะเลความรู้สึกของคนคนนี้ คว้าแก่นลมปราณเอาไว้ แล้วกระชากออกมาอย่างโหดเหี้ยมท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน

แก่นลมปราณหลุดจากร่าง สวี่ชิงบีบมันแตกสลาย หลังจากผสานเข้าไปในร่าง เขาก็ถอยหลังไปทันที และพุ่งเข้าชนกบร่างของอัจฉริยะฟ้าประทานระดับไฟชีวิตสี่ดวงของต่างเผ่าคนหนึ่ง

อัจฉริยะคนนี้อยู่ในเผ่าของตนก็มีชื่อเสียงไม่น้อย แต่ตอนนี้จากการถูกสวี่ชิงกระแทก ช่างอ่อนแอสิ้นดี

ร่างของเขาส่งเสียงระเบิดบึ้มกลายเป็นเลือดเนื้อแหลกเละ ไม่เหลือเป็นรูปเป็นร่าง

สวี่ชิงไม่แม้แต่จะปรายตามอง ปล่อยให้วิหคทองกลืนกิน ร่างพลันทะยานไปข้างหน้า ขณะที่มือขวายกขึ้นเพลิงวิญญาณก็เข้าปกคลุมเป็นกริชเล่มหนึ่ง ประชิดเข้าไปใกล้ชายระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์หนึ่งวังอีกคนหนึ่ง ในเสี้ยวพริบตาที่เข้าไปใกล้ ชายคนนี้หน้าเปลี่ยนสี ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์สองวังที่อยู่ไกลๆ คนหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว สวี่ชิงปะทุความเร็วขึ้น

ความเร็วที่ปะทุขึ้นมาเร็วกว่าก่อนหน้านี้ เพียงพริบตาก็ไล่ตามชายระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์หนึ่งวังคนนั้นได้ กริชในมือไม่ชะงักลังเลแม้แต่น้อย ปาดไปที่คอของเขาอย่างโหดเหี้ยม

เสียงที่คุ้นเคยดังมา หัวขาดกระเด็น!

เสี้ยวขณะต่อมา ชายชราระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์สองวังที่เข้ามาใกล้คนนั้นลงมือโจมตีสุดกำลัง แต่สวี่ชิงเงยหน้า จิตสังหารในดวงตาฉายวาบ การคุ้มครองจากกวานสวรรค์ม่วงสูงสุดบนศีรษะแผ่ออก ในขณะเดียวกับที่สกัดกั้น มือขวาของเขาเงื้อขึ้น หมัดหนึ่งชกออกไป!

ทั่วทุกสารทิศสั่นสะเทือน ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์สองวังกระอักเลือด พลังบำเพ็ญของเขาเท่ากันกับสวี่ชิง แต่กายเนื้อสู้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวิหคทองที่คำรามอย่างโหดเหี้ยมพุ่งมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล ถอยหลังอย่างรวดเร็ว ทว่าสายไปเสียแล้ว

สวี่ชิงคว้าผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณสังสวรรค์สองวังคนนี้เอาไว้ด้วยสีหน้าเย็นชาดุดัน ช่วงเวลาวิกฤตอันตราย ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณสังสวรรค์สองวังคนนี้ก็มีของรักษาชีวิตเหมือนกัน มันก่อพลังคุ้มครองขึ้น สวี่ชิงไม่สนใจแม้แต่น้อย ใช้หัวของตัวเองโขกไปอย่างแรง

หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง!

ขณะเดียวกันพิษของเขาก็กระจายไปอย่างรวดเร็ว แมลงสีดำจิ๋วมาพร้อมด้วยพลังพิษลูกกลอนโหมกระหน่ำไปรอบๆ ชายชรา ทำให้การป้องกันของเขาสุดท้ายก็แตกสลาย ศีรษะของสวี่ชิงโขกมาที่ใบหน้าของชายชรา

เลือดเนื้อสาดกระเซ็น ในยามที่เสียงร้องโหยหวนน่าอนาถดังไปทั่วสนามศึก มือขวาของสวี่ชิงก็ทะลวงเข้าไปในวังสวรรค์ทะเลความรู้สึกของชายชรา คว้าเอาแก่นลมปราณของเขามา ตัดคอของศัตรูที่น่าสังเวชอเนถอนาถอีกทั้งยังเน่าเฟะอย่างรวดเร็ว หัวกับตัวแยกไปคนละทาง

ยังไม่จบแค่นั้น ความเร็วของสวี่ชิงเร็วยิ่งขึ้น พุ่งตรงไปในสนามรบอย่างเร็วรี่ ทุกที่ที่ผ่านเมื่อเจอสมาชิกเทียนประทีป ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะมีพลังบำเพ็ญระดับใด ขอเพียงไม่เกินสามวัง ล้วนแต่เป็นเหยื่อของเขาทั้งสิ้น

สังหารมาตลอดทาง เลือดเจิ่งนอง คอที่กริชในมือของเขาปาดเฉือนมีมากกว่าหลายสิบ หัวแต่ละหัวๆ กลิ้งอยู่บนพื้นข้างหลังเขา ศพไร้หัวแต่ละศพๆ น่าสยดสยองพรั่นพรึงนัก

กลิ่นเลือดบนร่างสวี่ชิงค่อยๆ ท่วมท้น รังสีอำมหิตน่าสะพรึงกลัว เพียงกระแทกก็ทำให้ร่างของผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงกลายเป็นหมอกเลือด

ในหมอกเลือด สวี่ชิงประดุจเทพอสูรพุ่งออกไปอย่างฉับไว ฝีเท้าไม่ลังเลแม้แต่น้อย สังหารสมาชิกระดับล่างเทียนประทีปที่เข้ามาขวางข้างหน้าอีกครั้ง

ส่วนผู้บำเพ็ญที่อยู่เหนือระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์สามวังของกลุ่มอำนาจเทียนประทีปสวี่ชิงล้วนหลบเลี่ยง ย่อมมีผู้คุมกฎของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตลงมือ เพียงพริบตา ทั้งสนามศึกสังหารโหดเหี้ยมเลือดเจิ่งนอง ทั่วทุกโกลาหลวุ่นวาย

ในสายตาสวี่ชิง เป้าหมายของเขาไม่เคยสับสน เป็นเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมาโดยตลอด

การลงมือทั้งหมดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเพราะสบโอกาสพอดีทั้งนั้น ตอนนี้เขาพุ่งผ่านสนามศึกอย่างว่องไว เข้าไปใกล้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่ถูกเขาจับเป้าหมายเอาไว้อย่างรวดเร็ว

จิตสังหารเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

สีหน้าของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเปลี่ยนไป ยังคงถอยหลัง

เห็นสวี่ชิงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในดวงตาของเขาฉายแววคลุ้มคลั่งออกมา วิหคทองที่อยู่ข้างหลังเงยหน้าคำราม ส่วนวิหคทองที่อยู่ข้างหลังสวี่ชิงกลับมีท่วงท่าที่ทรงอำนาจมากกว่า มีขนาดตัวใหญ่กว่า ปะทุพลังกลางท้องฟ้าเช่นกัน ขณะที่มันก้มหน้ามองบนพื้นก็พุ่งตัว สะกดสยบลงมา

เพียงพริบตาสวี่ชิงก็พุ่งผ่านสนามศึกมาแล้วโดยสมบูรณ์ ห่างจากเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไม่ถึงสองร้อยจั้ง

ระยะห่างสองร้อยจั้งสำหรับผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณ เพียงแค่กะพริบตาก็ก้าวข้ามได้แล้ว

ตอนนี้ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นรอยเงาที่มองไม่เห็น พุ่งไปเพียงพริบตา แค่ชั่วอึดใจก็มาอยู่ใกล้ข้างหน้าเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องแล้ว

ความเร็วประเภทนี้สร้างเป็นเสียงแหวกอากาศหวีดแหลม เมื่อดังเข้ามาในหูก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว อกสั่นขวัญหาย

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องสีหน้าเปลี่ยนไป ใบหน้าเหี้ยมเกรียม เขารู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้นแล้ว ตอนนี้วังสวรรค์ที่อยู่ข้างหลังปะทุ วิหคทองที่อยู่ข้างหลังคำราม ประสานปางมือไปทางสวี่ชิง โจมตีสุดกำลัง

แสงกระบี่นับไม่ถ้วนปะทุจากร่างเขา ก่อเป็นทะเลกระบี่ผืนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาสวี่ชิง

สวี่ชิงเมินการโจมตีพวกนี้ หมัดหนึ่งชกไป แหวกทะเลกระบี่กว้างใหญ่ ทำลายกระบี่บินจำนวนนับไม่ถ้วน หมัดนี้ทรงพลังเกินต้านทาน ซัดไปที่หน้าอกเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องทันที

เกราะป้องกันรอบตัวเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องปรากฏขึ้นทันที สกัดกั้นหมัดนี้ของสวี่ชิง

จิตสังหารปะทุในดวงตาสวี่ชิง เขาคิดถึงความตายของนายท่านหก คิดถึงภาพฉากทุกภาพในคืนฝนพรำ แม้คนข้างหน้าจะไม่ใช่รัชทายาทรัฐม่วงคราม แต่จิตสังหารในใจสวี่ชิงท่วมท้นมหาศาล เขาต้องระบายมันออกมา ต้องระเบิดมันออกมา

ดังนั้นสวี่ชิงดวงตาแดงก่ำ หลังจากชกมาหมัดหนึ่งก็ชกมาอีก หมัดที่สาม หมัดที่สี่ หมัดที่ห้า…

ทุกหมัดล้วนปะทุพลังสุดกำลัง ทุกหมัดล้วนได้รับการเพิ่มพลังจากกายเนื้อและพลังบำเพ็ญสุดกำลัง ยิ่งมีการปล่อยแมลงสีดำมา ทำการกัดกินอย่างรวดเร็ว

เสียงระเบิดตูมๆ ดังสนั่นฟ้า ร่างของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องถอยหลังไปไม่หยุด ต่อให้เขามีการคุ้มครอง แต่ทุกหมัดที่ชกมาจากสวี่ชิงล้วนทำให้การป้องกันบิดเบี้ยว เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือน ทำให้เขาทรมานมาก กระอักเลือดออกมาไม่หยุด กระอักออกมาคำแล้วคำเล่า

และการโจมตีของสวี่ชิงก็เหมือนพายุคลั่ง ไม่หยุดพักแม้เพียงชั่วครู่ ในขณะที่เงื้อมือก็มีดาบสวรรค์ปรากฏขึ้น แล้วฟันลงมาอย่างโหดเหี้ยม ทั้งยังมีคลื่นยักษ์เก้าซ้อน ซัดโหมมาลูกแล้วลูกเล่า รอบๆ มีภาพน้ำทะเลมายาปรากฏขึ้น คลุ้มคลั่งอย่างยิ่งยวด

ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สีหน้าของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องฉายแววหวาดกลัว สุดท้าย ในยามที่เส้นเลือดเกิดขึ้นในดวงตาสวี่ชิง จากหมัดสุดท้ายที่ชกโจมตีมา เกราะป้องกันของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ภายใต้การกัดกินจากแมลงสีดำก็เกิดสัญญาณแตกสลาย

หมัดนี้ของสวี่ชิงชกลงมาอย่างรวดเร็ว

เกราะป้องกันสั่นสะเทือนบ้าคลั่ง ท่ามกลางเสียงเปรี๊ยะๆ ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ สวี่ชิงชกมันแหลกละเอียด ท่ามกลางความแข็งแกร่งไร้เทียมทานนี้ ก็ชกมาที่อกของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง

นี่คือหมัดสุดท้ายของใต้ปรโลก!

เสี้ยวขณะต่อมา เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องทั่วร่างสั่นสะท้านบ้าคลั่ง กระอักเลือดออกมา ส่งเสียงร้องโดยหวนน่าสังเวช ร่างเกิดเสียงระเบิดตูมๆ เป็นชุด

ช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดของเขาแตกสลาย!

วังสวรรค์มายาวังที่แปดพังถล่มทันที!

พลังหนึ่งหมัดสั่นคลอนทั่วสารทิศ

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Score 10
Status: Completed
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง... รายละเอียด กำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง 'เอ่อร์เกิน' ผู้เขียน 'หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์' 'สู่วิถีสุรา' ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน' 'หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา' เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก 'สวี่ชิง' เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

Options

not work with dark mode
Reset