ผู้กล้าเหนือกาลเวลาบทที่ 319 แก่นลมปราณวังสวรรค์

บทที่ 319 แก่นลมปราณวังสวรรค์

บทที่ 319 แก่นลมปราณวังสวรรค์

แสงสีฟ้าปะทุท่วมฟ้ามาในแผ่นดินเผ่าสิงซากซากสมุทร มาบนแท่นพิธีเซ่นไหว้ของวิเศษเวทต้องห้ามสำนักเจ็ดเนตรโลหิตแห่งนี้

ท่ามกลางแสงที่ปะทุตลอดไม่ขาดสาย ก็สร้างความสนใจในระดับสูงให้กับเผ่าสิงซากสมุทรและลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิต

โดยเฉพาะฝ่ายแรกยิ่งฮือฮาไปทั้งเผ่า เผ่าสิงซากสมุทรแทบจะทุกตนหลายวันมานี้ล้วนเห็นแสงสีฟ้าที่สาดแสงมาจากแท่นพิธีเซ่นไหว้ พวกเขาย่อมรู้ดีว่านี่เกิดขึ้นจากอะไร

และเป็นเพราะว่ารู้ดี ดังนั้นหลังจากสังเกตได้ว่าเวลาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ระลอกคลื่นในจิตใจของพวกเขาก็ยิ่งรุนแรง

ส่วนลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่ปักหลักอยู่ที่นี่ก็เช่นกัน

นายท่านสามมองไปยังสวี่ชิงที่แสงสีฟ้าลอยเอ่อบนแท่นพิธีเซ่นไหว้ข้างล่าง มองแสงสีฟ้าและกลิ่นอายความตายที่แผ่ออกมาทั่วร่างของเขา ในใจก็เกิดคลื่นถาโถมเช่นกัน

หากไม่รู้ว่าสวี่ชิงทำไปเพื่อเปิดช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด อีกทั้งยังมีอัตราความเป็นไปได้ที่จะหักหลังสำนักน้อยมากแล้วล่ะก็ เขายังรู้สึกว่าสวี่ชิงจะแปรสภาพไปเป็นเผ่าสิงซากสมุทรจริงๆ แล้วหรือเปล่า

สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้จากการที่พลังเทวรูปบรรพชนศพหลายองค์ผสานเข้าไป ชีวิตของเขาต่ำลงจนใกล้ถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว กลิ่นอายความตายทั่วทั้งร่างยิ่งเข้มข้น

จนผ่านไปอีกสามชั่วยาม เวลาพลบค่ำผ่านไป จันทร์กระจ่างลอยเด่นกลางฟ้า ร่างสวี่ชิงพลันสะท้านเฮือก เขาสัมผัสได้ถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว

ผลึกวารีสีม่วงในร่างทั้งมีการควบคุมจากร่างกายเขา ทั้งมีการโจมตีภายนอกจากพลังเทวรูปบรรพชนศพ ในที่สุดก็ทำให้ร่างของเขาห่างจากการแปรสภาพโดยสมบูรณ์เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น

เศษเสี้ยวนี้ซ้ายคือเป็น ขวาคือตาย

นี่คือช่วงระหว่างความเป็นและความตาย

แต่สภาวะนี้เสถียรเอามากๆ น้อยไปนิดเดียวก็ไม่ใช่ระหว่างความเป็นความตาย มากไปนิดเดียว…ก็คือแปรสภาพเป็นเผ่าสิงซากสมุทรจริงๆ

ในช่วงเวลาสำคัญนี้ ดวงตาทั้งสองของสวี่ชิงก็พลันลืมตื่นขึ้น เผยให้เห็นประกายแสงสีฟ้า มาพร้อมด้วยความเย็นชาที่ไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เขายกมือขวาที่เหมือนกับซากศพขึ้น แล้วชี้ไปที่ชิ้นไม้สีดำที่อยู่ข้างหน้าอย่างช้าเนิบ

ภายใต้การชี้นี้ ชิ้นไม้สีดำชิ้นนั้นก็แผ่ระลอกแข็งแกร่งออกมาทันที

เสี้ยวขณะต่อมา ประตูไม้มายาบานมหึมาบานหนึ่งก็ปรากฏข้างหน้าสวี่ชิง ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ประตูไม้บานนี้ก็เปิดออกหาสวี่ชิงอย่างช้าๆ

แสงสีขาวเจิดจ้าที่แตกต่างไปจากแสงสีฟ้ารอบๆ สาดมาจากในประตูไม้บานนี้ ปกคลุมไปบนร่างสวี่ชิง!

แสงนี้สว่างกว่า เจิดจ้ากว่า…เมื่อในอดีต มันไม่ได้หมองหม่นไปเพราะความจริงและโลกอันโหดร้าย มันยังคงดำรงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนมาเย็นเล็กน้อย ความอบอุ่นในนั้นซ่อนลงไปลึกขึ้น

แสงของประประตูไม้สีดำก็คือวิธีหยุดช่วงเวลาระหว่างความเป็นความตายที่สวี่ชิงคิดได้

ไม่ว่าจะเป็นการสู้กับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก่อนหน้านี้ หรือจะเป็นการศึกษาค้นคว้าหลังจากนั้น เขาล้วนรู้เป็นอย่างดีว่าประตูไม้ที่ผ่านการสังเวยบูชาครั้งที่สอง แสงในนั้นจะมีพลังในการผนึกระดับขั้นชีวิตบางอย่าง

พลังผนึกประเภทนี้เหมือนการแช่แข็งผนึก ทำให้คนในเสี้ยวพริบตานั้นอยู่ในสภาวะเหมือนถูกแช่แข็งไปทั้งร่าง

ตอนนี้จากการสาดมาของแสง ร่างของสวี่ชิงก็พลันสะท้านเฮือก สภาวะไม่เสถียรระหว่างความเป็นและความตายภายใต้แสงของประตูเจตจำนงวิญญาณแห่งนิรันดร์บานนี้ก็ถูกหยุดเอาไว้โดยสมบูรณ์ สภาวะไม่เสถียรหยุดนิ่ง

ระดับขั้นชีวิตก็เหมือนถูกหยุดไปด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ ภายใต้การจัดการของนายท่านสามที่จับตามองสวี่ชิง แสงสีฟ้าที่มาจากเทวรูปบรรพชนศพรอบๆ ก็สลายไปทันที

จากนั้นขณะเขาประสานปางมือ กระจกสัมฤทธิ์โบราณของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็ฉายประกายแสงเจิดจ้าบนท้องฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นลำแสง หลังจากที่สาดกระทบไปที่ร่างสวี่ชิงก็หักเหกลับมา

ทำให้ทั้งร่างของสวี่ชิงถูกปกคลุมอยู่ในลำแสงไปโดยสมบูรณ์

สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก สติของเขาตอนนี้ยังคงอยู่ สัมผัสได้แสงที่ปกคลุมทั่วทั้งร่างอย่างรวดเร็ว หาช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดของตัวเอง

นายท่านเจ็ดเคยบอกไว้ จุดช่องเวทของแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดยิ่งเป็นเช่นนั้น

แต่ตอนนี้ ในสภาวะระหว่างความเป็นความตาย อาศัยของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต สวี่ชิงหลังจากสัมผัสทั่วทั้งร่างในที่สุด…ก็หาช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดของตัวเองเจอ

ช่องเวทช่องนี้อยู่ในทะเลความรู้สึกของเขา ไม่ใช่ของจริง แต่อยู่ในสภาวะละม้ายคล้ายภาพมายาอย่างหนึ่ง

ในเสี้ยวพริบตาที่หาเจอ สวี่ชิงก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น พลังวิญญาณในร่างกายปะทุขึ้นมาทันที แล้วโหมทะลักสุดพลังไปยังตำแหน่งที่หาเจอในทะเลความรู้สึก ชั่วขณะต่อมา ร่างของสวี่ชิงก็สั่นสะท้าน

การทะลวงเปิดช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดยากกว่าช่องเวทช่องอื่นๆ มาก แต่สวี่ชิงเตรียมตัวเพื่อการนี้มาเป็นอย่างดี พลังวิญญาณในร่างกระตุ้นขึ้นมาจากช่องเวทแต่ละช่องอีกครั้ง รวมอยู่ด้วยกันก่อเป็นเพลิงวิญญาณผืนหนึ่ง แล้วกวาดโหมไปอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ จากเสียงเปรี๊ยะๆ ที่ดังสะท้อนในทะเลวิญญาณ ร่างของสวี่ชิงสะท้านเฮือก ช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดที่อยู่ในสภาวะมายาในทะเลความรู้สึกก็พลัน…ทะลวงเปิดออก!

ระลอกคลื่นพลังเวทที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ปะทุออกมาจากในช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดช่องนี้จากการเปิดออก

แข็งแกร่งทรงพลัง สะท้านฟ้าสะเทือนดิน!

พลังที่แผ่ออกมาจากช่องเวทช่องนี้เหมือนช่องเวทสามสิบช่องรวมอยู่ด้วยกัน

เนื่องจากพลังในนั้นมหาศาลท่วมท้น ดังนั้นถึงมีคำกล่าวที่ว่าหนึ่งช่องเปิดไฟชีวิตหนึ่งดวง

ตอนนี้ไฟชีวิตดวงที่สี่ที่ลุกไหม้ในร่างสวี่ชิงจากการปะทุต่อไป แม้สีจะเปลี่ยนไปจากพลังของเผ่าสิงซากสมุทร แต่ไม่นานนัก จากการหลอมรวมของเส้นไฟนับไม่ถ้วน ไฟชีวิตดวงที่ห้าของสวี่ชิงก็ปรากฏขึ้นทันที

สีของไฟชีวิตดวงที่ห้าเป็นสีแดงเพลิง

ภายใต้การโหมลุกไหม้ในตอนนี้ ระลอกคลื่นน่าครั่นคร้ามก็แผ่ออกมาจากในนั้น หลังจากแผ่ไปทั่วร่างสวี่ชิง สภาวะระหว่างความเป็นตายของเขาก็ถูกทำลายลงทันที

หลังจากความโชติช่วงของไฟแห่งชีวิตทำลายสภาวะของเขา กลิ่นอายความตายก็เริ่มหายไป

เนื่องจากพิธียังไม่เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ สวี่ชิงยังไม่ได้แปรสภาพเป็นเผ่าสิงซากสมุทรโดยสมบูรณ์ จึงยังเปลี่ยนกลับมาได้

โดยเฉพาะพลังผลึกวารีสีม่วง สวี่ชิงนอกจากให้เจ้าเงาปกคลุมไปบนนั้นไม่ให้มันเปิดเผยออกมาข้างนอก ก็ไม่ได้ทำการควบคุมอะไรอีก ดังนั้นการฟื้นฟูพลังชีวิตของเขาจึงเร็วมาก

ในไฟชีวิตห้าดวงมีสองดวงที่สีค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง เป็นดวงที่สาม…สุดท้ายในยามที่สีของไฟชีวิตทั้งห้าดวงกลับมาเป็นปกติ พลังชีวิตเข้มข้นก็ปะทุออกมาจากในร่างสวี่ชิง แผ่ซ่านไปทั้งกาย

สีของผิวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผมก็ไม่แห้งกร้านอีกต่อไป

หลังจากสภาวะนี้ดำเนินไปสี่ชั่วยาม สวี่ชิงก็พลันลืมตาขึ้น ทุกอย่างฟื้นฟูกลับคืนมา!

เขาเปลี่ยนช่วงเวลาระหว่างความเป็นและความตายกลับมาได้สำเร็จ อีกทั้งยังเปิดช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด ภาพนี้ทำให้เผ่าสิงซากสมุทรทั้งเจ็ดตนนั้นที่มองอยู่จากกลางอากาศ ในขณะที่ในใจรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ก็เกิดความเคร่งเครียด

ไม่มีใครกล้าดูถูกผู้ที่ทะลวงเปิดช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด นี่หมายความว่าขีดจำกัดบนระดับแก่นลมปราณของเขามาถึงในระดับสูงสุดแล้ว โดยเฉพาะพวกเขารู้จักสวี่ชิงมาตั้งนานแล้ว รู้เรื่องตะเกียงแห่งชีวิตของสวี่ชิง

นายท่านสามโล่งออก ดวงตาฉายความชื่นชมออกมา แต่ก็ไม่ได้รบกวน เพราะเขามองออกว่า ต่อจากนี้…สวี่ชิงจะยกระดับสู่แก่นลมปราณวังสวรรค์ที่นี่

เขาจึงสะบัดมือทันที ขับไล่ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่อยู่รอบๆ หลังจากปิดผนึกที่นี่ให้หนาแน่นขึ้นแล้ว เขาก็คุ้มกันให้สวี่ชิงด้วยตัวเอง

นี่คือเรื่องที่นายท่านเจ็ดไหว้วานเขา ไม่ว่าจะเป็นจุดยืนของสำนักหรือมิตรภาพที่มีกับนายท่านเจ็ด เจ้ายอดเขาสามล้วนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

เขาไม่ยอมให้การยกระดับของสวี่ชิงมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเด็ดขาด

ความจริงแล้ว ดินแดนต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็ยากจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน ที่นี่พูดได้ว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงลืมตาขึ้น หลังจากนิ่งเงียบอยู่หลายอึดใจ เขาก็สัมผัสได้ถึงการจัดวางรอบๆ จากนายท่านสาม เขาจึงหลับตาลงอีกครั้ง เตรียมตัวยกระดับ!

ไฟชีวิตห้าดวงยกระดับโดยพื้นฐานแล้วเป็นเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จ

และระดับสร้างฐานยกระดับสู้ระดับแก่นลมปราณ สิ่งที่ต้องทำคือเผาไหม้ไฟชีวิตให้ถึงขีดจำกัดสูงสุด ลุกโหมขึ้นสูงในร่าง ฉายวังสวรรค์ออกมา

วังสวรรค์ที่ฉายออกมาอยู่ในสภาวะมายา แต่จะไม่หายไป เหมือนกับกายทิพย์ที่คงอยู่ตลอดไป

และในวันเวลาหลังจากนี้ของผู้บำเพ็ญ สิ่งที่ต้องทำคือเปลี่ยนสภาวะมายาของสังสวรรค์ที่ตัวเองฉายออกมาให้เป็นวัตถุจริง สุดท้ายก็บรรจุแก่นลมปราณสะกดลงไป ก็จะกลายเป็นวังสวรรค์ของจริงวังหนึ่ง

ตอนนี้จากความคิดของสวี่ชิง ไฟชีวิตห้าดวงในกายของเขาโชติช่วงขึ้นทันที

ช่องเวทหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดช่องเหมือนเตาไฟหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดเตา โดยเฉพาะช่องสุดท้าย เปลวไฟยิ่งร้อนแรง แปรเปลี่ยนเป็นเส้นไฟนับไม่ถ้วน หลอมรวมมาในไฟชีวิตทั้งห้า ทำให้ไฟชีวิตทั้งห้าดวงของสวี่ชิง แสงเพลิงยิ่งเจิดจ้า

ตะเกียงแห่งชีวิตก็ปรากฏออกมา หลังจากแสงเพลิงได้รับการเพิ่มพลังอีกครั้ง ก็ลุกโหมขึ้นสูงในร่างสวี่ชิง

เสี้ยวขณะต่อมา ในทะเลความรู้สึกของเขา บนไฟชีวิตดวงนั้น วังสวรรค์วังแรกที่แต่เดิมก็เผยออกมาให้เห็นมุมหนึ่ง ประเดี๋ยวเลือนรางประเดี๋ยวปรากฏนั่น ก็เหมือนถูกเลิกผ้าคลุมโปร่งบางออก ส่วนที่เผยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง วังสวรรค์มายาวังแรกของสวี่ชิงก็ฉายออกมาโดยสมบูรณ์

ลักษณะของวังสวรรค์วังนี้เหมือนวังขนาดมหึมาเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และอำนาจน่าเกรงขาม

นี่คือรูปร่างลักษณะที่เป็นพื้นฐานของวังสวรรค์ เผ่ามนุษย์ทุกคน วังสวรรค์ที่ปรากฏออกมาโดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นเช่นนี้

นี่กำหนดจากสายเลือดเผ่าพันธุ์

และในขั้นตอนที่เปลี่ยนให้เป็นวัตถุจริง ก็จะเปลี่ยนไปในลักษณะที่ต่างกันตามวิชาของผู้บำเพ็ญ

ตอนนี้จากการลุกไหม้และลุกโหมขึ้นสูงของไฟชีวิตทั้งห้าดวงของสวี่ชิง ไม่นานนัก…เหนือวังสวรรค์มายาวังแรก วังสวรรค์มายาวังที่สองของสวี่ชิงก็ฉายออกมา

จากนั้นก็เป็นวังที่สาม วังที่สี่…

ในทะเลความรู้สึกของเขาตอนนี้ส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นท่วมฟ้า เหมือนทุกอย่างล้วนสั่นคลอน ยิ่งมีสายฟ้าแต่ละทางๆ แลบแปลบปลาบไปทั่วทุกทิศ ในยามที่คล้ายว่าจะฉีกทึ้งทุกสิ่ง วังสวรรค์มายาวังที่ห้าก็ปรากฏขึ้น

มองไปแล้ว วังสวรรค์ทั้งห้าตั้งแต่พื้นจนถึงข้างบนยิ่งใหญ่โอ่อ่ามาก และเปลวเพลิงจากไฟแห่งชีวิตก็ยังคงแผ่ออกมา ทำให้วังสวรรค์มายาวังที่หกฉายมาในทะเลวิญญาณ ณ เสี้ยวขณะนี้เอง

ยิ่งไปกว่านั้น บนวังสวรรค์มายาวังที่หกมีหมอกหนาแน่นผืนหนึ่ง หมอกนี้เหมือนผืนนภา ขัดขวางการฉายเข้าไปของแสงเปลวเพลิง

วังสวรรค์หกวัง นี่เป็นขีดจำกัดสูงสุดของผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสามดวง เพราะวังสวรรค์หลังจากนี้อยู่ในหมอกแห่งชะตา หากไม่ใช่แสงเปลวเพลิงแห่งไฟชีวิตอันแรงกล้าแล้วล่ะก็ จะไม่อาจฉายออกมาได้

แต่สวี่ชิงเป็นข้อยกเว้น

จากการปะทุขึ้นอีกครั้งของไฟชีวิตห้าดวง ในหมอกหนาแน่น วังสวรรค์มายาวังที่เจ็ดก็ก่อร่างขึ้นรางๆ

จากนั้นก็เป็นวังสวรรค์วังที่แปดในหมอกแห่งชะตา มันถูกฉายออกมาจากหมอกภายใต้แสงเปลวเพลิงโชติช่วงของไฟชีวิตห้าดวง

วังสวรรค์มายาแปดวังทำให้ทะเลความรู้สึกสั่นสะเทือน ส่งเสียงคำรามทั่วสารทิศ รัศมีอำนาจน่าหวั่นเกรง กระทั่งว่านอกร่างสวี่ชิงมีคลื่นวนปรากฏขึ้น ในขณะที่กวาดม้วนออกไปทั่วทุกด้าน พลังวิญญาณมหาศาลก็ถูกดูดซับมา

‘ต่อไป…ก็เป็นตะเกียงแห่งชีวิตเปลี่ยนเป็นวังแห่งชีวิต!’

สวี่ชิงพึมพำในใจ ยกตะเกียงลมครวญเจ็ดสีของตัวเองในทะเลความรู้สึกขึ้นสูง

หลังจากที่ตะเกียงดวงนี้ส่องทะลุวังสวรรค์มายาทั้งหก ก็ส่องสะท้อนไปในหมอกแห่งชะตา

ทะลุผ่านวังสวรรค์มายาวังที่เจ็ดและวังที่แปด ณ ตำแหน่งที่สูงยิ่งขึ้นไป ก็ปะทุพลังสั่นคลอนฟ้าดินออกมา

ประกายแสงที่เจิดจ้าพราวพร่างเป็นอย่างยิ่งแผ่ซ่านออกมาจากตะเกียงลมครวญเจ็ดสี วังสวรรค์วังที่เก้าพลันก่อเค้าร่างขึ้นช้าๆ มารอบตะเกียงแห่งชีวิตดวงนี้

ไม่ใช่ภาพมายา แต่เป็นวัตถุจริง

หลังจากที่ขั้นตอนทั้งหมดดำเนินไปครึ่งชั่วยาม วังสวรรค์วังที่เก้าของสวี่ชิงก็ก่อขึ้นอย่างสมบูรณ์ในหมอกแห่งชะตา

สิ่งที่ตั้งบูชาอยู่ในนั้นคือตะเกียงลมครวญเจ็ดสี มันหลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับแก่นลมปราณ สะกดอยู่ในวังสวรรค์แห่งนี้ ทำให้วังแห่งนี้…สำเร็จสมบูรณ์ในพริบตา!

พลังวังสวรรค์หนึ่งวังก่อขึ้นท่วมฟ้ามาจากร่างของสวี่ชิงที่ขัดสมาธินั่งอยู่ ทำให้ฟ้าดินที่โลกภายนอกเปลี่ยนสี ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่นมา

ยังไม่จบแค่นั้น ตะเกียงแห่งชีวิตรูปร่มสีดำ ตอนนี้ถูกสวี่ชิงยกขึ้น!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Score 10
Status: Completed
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง... รายละเอียด กำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง 'เอ่อร์เกิน' ผู้เขียน 'หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์' 'สู่วิถีสุรา' ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน' 'หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา' เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก 'สวี่ชิง' เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

Options

not work with dark mode
Reset