บทที่ 189 ผู้สืบทอดมรรคาสิงซากสมุทร
“ในที่สุดเจ้าก็ยอมออกมาแล้วหรือ”
แทบจะตอนที่ร่างของสวี่ชิงเดินออกมาจากกระแสวนกลางเสาหินยักษ์ทั้งสองต้นนั่น เขาก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านหน้า
อีกฝ่ายน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีคลื่นอารมณ์แม้แต่น้อย
สวี่ชิงเงยหน้ามอง ภาพที่เห็นเบื้องหน้า อันที่จริงเขาเห็นผ่านเจ้าเงาก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นด้วยตาตนเอง ก็ยังทำให้เขาต้องสงบสติอารมณ์
เดิมทีที่นี่มีผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรพันกว่าคนคุ้มกันอยู่ ทว่าปัจจุบันคนเหล่านี้ล้วนคุกเข่าคารวะกันอยู่ไกลๆ ไม่เข้าใกล้สถานที่นี้เลย
ด้านนอกประตู มีคนอยู่เพียงคนเดียว
คนผู้นี้เป็นชายหนุ่ม สวมชุดคลุมจักรพรรดิสีทองแต่ไม่มีมงกุฎ ผิวของเขาขาวไปทั้งตัวไม่มีรอยช้ำ กลิ่นอายทรงพลังล้ำลึก แววตาเหมือนมีดวงดาราแฝงอยู่
เขายังสู้สวี่ชิงด้านหน้าตาไม่ได้ แต่กายเขาเผยคุณสมบัติอันสูงส่งออกมา ย่อมทำให้ที่ที่เขาอยู่กลายเป็นจุดสนใจ
ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเห็ดหลินจือสีแดงขนาดยักษ์ดอกหนึ่ง มองสวี่ชิงอย่างเย็นชา ข้างกายมีปราณหมอกสีดำกลุ่มหนึ่งลอยอวลอยู่ สิ่งที่ถูกขังอยู่ในปราณหมอกคือเหล็กแหลมสีดำ
เห็นได้ชัดว่าพริบตาที่พุ่งออกมาเมื่อครู่ บรรพจารย์สำนักวัชระก็ถูกคนผู้นี้จับเอาไว้
และเพราะความพิเศษของเจ้าเงาจึงไม่ถูกเจอตัว เวลานี้พรางตัวอยู่บนเห็ดหลินจือ กำลังแผ่ออกไปอย่างระมัดระวัง ราวกับคิดจะเข้าไปใกล้แล้วกลืนกินเงาของอีกฝ่าย
“ข้าชื่อเหมี่ยวเฉิน เป็นผู้สืบทอดมรรคารุ่นปัจจุบันของเผ่าสิงซากสมุทร เพื่อนของเจ้าถูกผู้อาวุโสอิงหลิงไล่ตามอยู่ ไม่มีทางหนีรอดไปได้หรอก
“ส่วนเจ้า ข้าอยากรู้มากว่าคนเนไรกันที่กล้าเข้ามากำเริบเสิบสานในนี้ จึงออกจากปิดด่านมาดูเสียหน่อย
“ตอนนี้ผิดหวังอยู่เล็กน้อย แต่วิญญาณศัสตราของเจ้าชิ้นนี้ยังดีหน่อย ขอข้าได้หรือไม่” เหมี่ยวเฉินเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
สวี่ชิงไม่พูดอะไร เขายืนสัมผัสรอบด้านที่ประตูทางออก ที่นี่ยังคงมีคลื่นที่จำกัดการส่งข้ามอยู่เล็กน้อย จำเป็นต้องออกไปยังบริเวณที่ห่างกว่านี้ถึงจะไหว
“เจ้าไม่ต้องมองหรอก แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะหนีจากที่นี่อย่างไร แต่ก็ไม่มีความหมาย เพราะวันนี้เจ้าจะกลายเป็นสินสงครามของข้า” เหมี่ยวเฉินมองสวี่ชิง เอ่ยเสียงเรียบ ไอรีนโนเวล
“เจ้าพูดมากเสียจริง” สวี่ชิงสายตาหยุดอยู่บนเรือนกายชายหนุ่มคนนี้ พูดประโยคแรกออกมาหลังจากที่ทั้งสองคนพบหน้ากัน
เมื่อเหมี่ยวเฉินได้ยินก็ลุกขึ้นยืนแล้วหัวเราะ เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระพือคลื่นขึ้นรอบๆ ก่อเป็นพลังสั่นสะเทือน จนทำให้อาณาบริเวณรอบๆ เกิดลมพายุขึ้น
ลมพายุนี้แผ่ขยายออก จัดการโหมฝุ่นนับไม่ถ้วนบนพื้นขึ้นราวกับพลิกเขาคว่ำทะเล และพัดเอาผีเสื้อสุบินภูตเหล่านั้นออกไปจากอาณาบริเวณนี้
ลมพายุครั้งนี้ พัดผมยาวของสวี่ชิงปลิวไสว เสื้อผ้าก็ส่งเสียงพึ่บพั่บ ราวกับว่าสายลมนี้จะลบตัวเขาให้เลือนไป แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทำไม่ได้
อย่างมากสุดก็เพียงแค่พัดเส้นผมกับเสื้อผ้าของเขาเท่านั้น ร่างของเขาไม่ได้สั่นไหวเลย และไม่อาจสกัดกั้นสายตาที่เย็นชาของเขาได้ด้วย
สวี่ชิงมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่พลังราวกับสายรุ้งอย่างเย็นชา พุ่งออกไปฉับพลัน กระโจนหาอีกฝ่ายด้วยความเร็ว
ตะเกียงแห่งชีวิตในร่างเขาเผาไหม้ จุดไฟชีวิตขึ้น ภาพสัญลักษณ์วิหคทองที่แผ่นหลังแผ่ซ่านเพลิงร้อน ด้วยการสนับสนุนจากพลังกายเนื้อความเร็วจึงน่าตกตะลึง ทะลายกำแพงลมเบื้องหน้าทั้งหมด ไปอยู่เบื้องหน้าเหมี่ยวเฉิน ยกมือขวาขึ้นซัดไปหนึ่งหมัดอย่างแรง
หมัดนี้ มีเงามายาวิหคทองปรากฏออกมา มีพลังกลืนกินแห่งเพลิงพิฆาตของสวี่ชิงแผ่ซ่าน และยังมีพลานุภาพโถมฟ้ามาจากร่างกายที่เหมือนกับแผ่นดินใหญ่ลุกไหม้ของเขาอีก
เมื่อหมัดซัดไปที่หน้าอกของเหมี่ยวเฉิน ทั่วสารทิศส่งเสียงครืนครัน
สายตาเหมี่ยวเฉินมีแววเย้ยหยัน ขณะจะโบกมือ แต่เห็ดหลินจือด้านล่างเขาจู่ๆ ก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีดำ ราวกับถูกปกคลุม ดวงตาหลายดวงเบิกโพลงขึ้นมาบนนั้นฉับพลัน
การเปิดปิดของดวงตาเหล่านี้ก่อเกิดพลังประหลาด ทำให้การเคลื่อนไหวของเหมี่ยวเฉินชะงักไปชั่วขณะ
ขณะเดียวกันบรรพจารย์สำนักวัชระที่ถูกหมอกดำขังไว้ จู่ๆ เหล็กแหลมสีดำที่เขาอยู่ด้านในก็เกิดอักขระสายฟ้าเปล่งแสงเจิดจ้า ขณะที่แล่นแปลบปลาบไปรอบด้าน ก็มีอักขระสายฟ้าหลายตัวระเบิด เปลี่ยนเป็นพลังที่เหนือสามัญออกมา
เสียงดังตูม มันก็พุ่งทะลวงหมอกดำออกมาฉับพลัน ใช้ความเร็วที่น่าตกตะลึงพุ่งตรงไปที่คอของชายหนุ่ม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสียงกระดิ่งที่สั่นสะเทือนจิตวิญญาณคนดังก้องออกมาต่อเนื่อง
เห็นได้ชัดว่าที่บรรพจารย์สำนักวัชระถูกขังไว้ก่อนหน้าเป็นการซ้อนแผน ไม่ใช่ว่าเขาสลัดการจับกุมไม่หลุด แต่คิดจะรอให้สวี่ชิงลงมือเสียก่อน แล้วค่อยระเบิดออกมาในช่วงเวลาที่สำคัญ
เวลานี้พลังที่สำแดงออกมาพร้อมเจ้าเงาและสวี่ชิงมีพลานุภาพน่าตกตะลึง
พริบตาต่อมา เหมี่ยวเฉินก็หน้าเปลี่ยนสี เขาหลบหมัดของสวี่ชิงไม่พ้น ร่างกายของเขาโยกไหวอย่างรุนแรงในช่วงเวลาวิกฤตสำคัญ ฉับพลันก็มีโลงศพหินหยกขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ
เมื่อโล่งศพนี้ปรากฏขึ้น แสงล้ำค่าก็เปล่งประกายขึ้น หลั่งไหลออกมาราวสายน้ำไหล แผ่ไปรอบๆ ตัวชายหนุ่ม ก่อตัวเป็นเกราะคุ้มกันชั้นหนึ่งทันควัน ซึ่งกำปั้นของสวี่ชิงซัดเข้าไปบนเกราะคุ้มกันนี้
เสียงครืนครันเหมือนเขาถล่มดินทลายสะท้อนก้อง ขณะที่ร่างกายเหมี่ยวเฉินลอยคว้างไปราวว่าวสายป่านขาด บรรพจารย์สำนักวัชระก็พุ่งตามไปแทงอย่างแรง เสียงฉึกดังขึ้น แม้จะไม่ได้แทงเกราะคุ้มกันจนทะลุ แต่สายฟ้ากลับแผ่ซ่านเข้าไประเบิดใส่ร่างของเหมี่ยวเฉิน
ขณะเดียวกันเจ้าเงาก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเหมี่ยวเฉินเช่นกัน เงาต้นไม้ก่อร่างขึ้นเลือนราง อ้าปากใหญ่ดูดซับอย่างรุนแรง ทันใดนั้นทั้งร่างเหมี่ยวเฉินก็มีไอพลังประหลาดแผ่ซ่านออกมาไม่น้อย
และก็ยังไม่จบ สวี่ชิงพุ่งออกไปโดยไม่ลดความเร็วอีกครั้ง ซัดไปบนเกราะคุ้มกันทีละหมัดๆ สุดท้ายภาพมายาดาบสวรรค์ก็ฟันลงมาอย่างแรง
เสียงตูมดังขึ้น ร่างของเหมี่ยวเฉินกระเด็นออกไปกว่าร้อยจั้ง ร่วงลงบนพื้นจนกลายเป็นหลุมลึกหลุมหนึ่ง ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่คุกเข่าคารวะอยู่ไกลๆ เหล่านั้นจิตใจสั่นสะท้าน เมื่อคิดจะเข้าใกล้ เสียงคำรามด้วยความโกรธก็ดังออกมาจากในหลุมลึก
“ถอยออกไปให้หมด นี่เป็นเรื่องของข้า!”
ตอนเสียงคำรามด้วยความโกรธนี้ดังออกมา คลื่นไฟชีวิตดวงหนึ่งก็สว่างเจิดจ้าขึ้นในหลุมลึก ร่างของเหมี่ยวเฉินก้าวออกมาจากด้านใน เรือนผมสยาย ดวงตาเผยจิตสังหารรุนแรง ไฟชีวิตดวงที่สองในร่างกายก็จุดติดตามการก้าวเดินออกมา
จากนั้นก็ไฟชีวิตดวงที่สาม จนถึงไฟชีวิตดวงที่สี่ก็ก่อตัวขึ้นในชั่วอึดใจ
ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดมรรคาเผ่าสิงซากสมุทร ช่องเวทของเขาเปิดไปแล้วหนึ่งร้อยยี่สิบช่อง สำเร็จการก่อไฟชีวิตดวงที่สี่
และอัจฉริยะฟ้าประทานเช่นนี้ก็มักจะอยู่ในช่วงสำคัญของการทะลวงขั้น เมื่อรวมกับคำพูดก่อนหน้าของเขา ก็มองออกว่าเดิมทีเขาเองกำลังปิดด่านอยู่ได้ แต่ในเผ่าสิงซากสมุทรเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นมาก่อน เห็นได้ชัดว่ากำลังคนเหลือไว้ไม่เพียงพอ หรือบางทีคงเพราะเขาอยากรู้อยากเห็นถึงได้มาที่นี่
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าการลงมือของสวี่ชิงที่ผสานกับวิธีการแปลกประหลาดกลับสยบเขาได้ในทันที นี่ทำให้ตัวเขาขายหน้าเหลือแสน ดังนั้นตอนนี้จึงปะทุทุกสิ่งอย่างออกมา
และพริบตาที่เขาปะทุขึ้น ร่างของสวี่ชิงก็เข้าประชิดอีกครั้ง เขามีพลังบำเพ็ญไฟชีวิตสามดวงภายใต้การจุดตะเกียงแห่งชีวิต เมื่อรวมกับกายเนื้อวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ พลังต่อสู้ที่แท้จริงของสวี่ชิงจึงไปถึงไฟชีวิตสี่ดวงแล้ว
พริบตาที่เข้ามาก็ลงมืออีกครั้ง จัดการสยบชายหนุ่มที่เดินออกมาจากหลุมลึกอีกครั้ง
และในฐานะที่เหมี่ยวเฉินเป็นผู้สืบทอดมรรคา แน่นอนว่าไม่ธรรมดา ตอนนี้สีหน้าโหดเหี้ยม ขณะโบกมือก็มีน้ำฝนสีดำหลายหยดหลอมรวมรอบตัวเขา เพียงพริบตาก็กลายเป็นมหาสมุทรสีดำ ม้วนซัดเข้าหาสวี่ชิงอย่างรุนแรง
เสียงครืนครันสะเทือนฟ้า
มหาสมุทรสีดำที่โหมขึ้นก่อตัวเป็นปากขนาดใหญ่ อ้าปากจะกลืนกินสวี่ชิงอย่างโหดเหี้ยม
ดวงตาสวี่ชิงเกิดประกายสังหาร แต่เขารู้ว่าเวลานี้ตนเองจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้จึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ระเบิดทะเลวิญญาณของช่องเวทหกสิบห้าในร่างกายทั้งหมดออกไปด้านนอก ก่อตัวเป็นบ่อพลังเวทที่มีขนาดอาณาเขตพันจั้ง
อาศัยพลังเวทมหาศาลนี้สยบไปทางชายหนุ่มอย่างแรง
เสียงสนั่นโถมขึ้นฟ้า มหาสมุทรสีดำที่แปรมาจากวิชาเวทของชายหนุ่มพังทลายลงทันที และบ่อพลังเวทของสวี่ชิงก็พังทลายลงเช่นกัน พริบตาต่อมาไฟชีวิตสี่ดวงในร่างกายชายหนุ่มลุกโหมปรากฏที่เบื้องหน้าสวี่ชิงฉับพลัน ตะปบไปทางหัวใจของเขา
สวี่ชิงโยกร่างหลบ เสยหัวเข่าขึ้นอย่างรุนแรง
เสียงตูมดังขึ้น ทั้งสองคนตัดผ่านกัน พริบตาต่อมาเหล็กแหลมสีดำก็หวีดหวิวผ่านด้านข้าง อักขระสายฟ้าทั้งหมดบนนั้นเปล่งแสงจ้า ระเบิดออกมาอีกหลายตัว พุ่งไปเบื้องหน้าเหมี่ยวเฉินอย่างรุนแรง แทงไปที่คอของเขา
เหมี่ยวเฉินหน้าถอดสี คิดจะโยกหลบ แต่ตอนนี้เจ้าเงาก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินอีกครั้ง
สวี่ชิงก็ระเบิดความเร็วเช่นกัน เพลิงพิฆาตในร่างกายโหมขึ้น ตบลงไปที่หว่างคิ้วเหมี่ยวเฉิน
เหมี่ยวเฉินคำรามเสียงต่ำในช่วงวิกฤต พลังไฟชีวิตสี่ดวงในร่างกายแผ่ออกมาด้านนอกทั้งหมด ก่อตัวเป็นแรงปะทะกับแรงกดดันด้านพลังบำเพ็ญ ทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระร้องเสียงหลงลอยคว้างกลับไป สวี่ชิงก็โดนแรงปะทะของมันไปทั้งร่าง ขณะที่อวัยวะภายในทั้งห้าสั่นสะท้าน ดวงตาเขาก็มีประกายจิตสังหาร
เพราะเจ้าเงาในตอนนี้ แม้จะถูกแรงปะทะจนกระจายออกไป แต่ยังมีบางส่วนที่สัมผัสกับร่างของชายหนุ่มอยู่ มุดเข้าไปฉับพลัน จนถึงจุดตันเถียนของอีกฝ่าย และทำเช่นเดียวกับตอนที่ดับตะเกียงดับวิญญาณเมื่อครั้งนั้น กระโจนเข้าไปยังไฟชีวิตดวงหนึ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย
ไฟชีวิตดวงนั้นก็สั่นไหวขึ้นมาจากการกระโจนเข้าไป เพียงพริบตาเดียวก็มีเค้าลางเหมือนกำลังจะมอดดับอยู่เลาๆ
ภาพนี้ ทำให้จิตวิญญาณผู้สืบทอดมรรคาเผ่าสิงซากสมุทรสั่นสะท้านบ้าคลั่งขึ้นอีกครั้ง ไฟชีวิตในร่างกายเปล่งแสงเจิดจ้า กระทั่งเหมือนวังสวรรค์จะปรากฏออกมารางๆ เพื่อสะกด คิดจะป้องกันไม่ให้ไฟชีวิตมอดดับ
และเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงสนใจโลกภายนอกไม่ได้ และเปิดโอกาสให้สวี่ชิง
สวี่ชิงเผยประกายเย็นในดวงตาออกมาจนหมดในตอนนี้ เขาไม่สนใจเรื่องเผยไต๋ขณะที่ปะทะกับความเป็นความตาย ตอนที่วิหคทองบนแผ่นหลังกำลังก่อร่าง เปลวไฟสีดำแผ่กระจายโถมขึ้นฟ้า กดลงไปที่ผู้สืบทอดมรรคาเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้อย่างแรง
วิหคทองด้านหลังส่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้า ถลาไปอยู่เบื้องหน้าผู้สืบทอดมรรคาเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้เช่นเดียวกัน ขณะที่หน้าของเขากำลังถอดสี เพลิงสีดำก็ปกคลุม ดูดซับศีรษะของเขาอย่างแรง!
หล่อหลอม!
สวี่ชิงเตรียมจะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เจ้าเงามอบให้ จัดการหลอมอีกฝ่ายทั้งเป็น!
การลงมือของทั้งสองคนรวดเร็วไร้เทียมทาน คนนอกมองไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย ผู้สืบทอดมรรคาเผ่าสิงซากสมุทรดูแล้วเหมือนถูกกดดันอยู่ แต่อันที่จริงตัวเขานั้นแข็งแกร่งมาก สวี่ชิงก็งัดวิธีออกมาจนหมด ถึงได้เปรียบ
และการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่ง การได้เปรียบถือว่าสำคัญอย่างมาก
เวลานี้จากความโหดเหี้ยมในดวงตาสวี่ชิง จากการกลืนกินของวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณของเขา ผู้สืบทอดมรรคาเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้นก็ส่งเสียงร้องแหลม ดวงตาเขาเผยความพรั่นพรึงออกมาเป็นครั้งแรก เขารู้สึกว่าเลือดลมของตนเองกำลังถูกสูบออกไป ศีรษะกำลังจะละลายได้ชัดเจน
และอันที่จริงก็เป็นเช่นนี้ มองไกลๆ เลือดลมทั่วร่างผู้สืบทอดมรรคาเผ่าสิงซากสมุทรกำลังแผ่ซ่านออกมา โดยเฉพาะใบหน้าซีกขวาที่หันไปทางวิหคทอง กำลังหลอมละลายจริงๆ!
หูขวาหายไป ใบหน้าซีกขวาบิดเบี้ยว หน้าตาหล่อเหลาของเขาตอนนี้เละเทะไปหมด!
ภาพนี้ ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่อยู่ห่างออกไปหน้าถอดสี ขณะที่พากันจิตใจสั่นสะท้าน ก็ไม่สนคำกำชับของผู้สืบทอดมรรคาอีก รีบร้อนพุ่งตัวมา