ผู้กล้าอาคมดํา ตอนที่ 36
ร็อดพาแวมไพร์ขึ้นไปบนรถม้าที่กลุ่มการค้าซิลเวอร์ซีลจัดเตรียมเอาไว้
ในรถม้ามีเบาะที่นั่งอยู่สองฝั่ง ฝั่งซ้ายและฝั่งขวา พื้นที่ไม่ได้กว้างขวางสักเท่าใด ชัดเจนว่าเตรียมไว้ให้คนนั่งไม่กี่คน
หลังจากที่ขึ้นมาบนรถม้าแล้ว ร็อดก็นั่งลง
มองดูการตกแต่งภายในตัวรถ และหน้าต่างที่สามารถเปิดได้สองข้างร็อดก็เข้าใจได้ทันทีว่าเดิมที่รถม้าคันนี้ก็ถูกเตรียมไว้ให้ผู้โดยสารอยู่แล้ว
กลุ่มการค้าซิลเวอร์ซีลมีการรับผู้โดยสารร่วมทางไปด้วย แต่ก็ไม่ได้มากนักเพราะหากว่าคนมากเกินไป กลุ่มขนาดเล็กเช่นพวกเขาก็คงยากจะควบคุมสถานการณ์
สําหรับค่าโดยสารนั้น แน่นอนว่าหากเดินทางไปกับกลุ่มการค้าขนาดใหญ่ย่อมถูกกว่า เหล่าผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปยังเมืองซอโรว์ ก็ล้วนแต่เลือกใช้บริการของกลุ่มการค้าที่เพิ่งออกเดินทางไป ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทําไมกลุ่มการค้าซิลเวอร์ซีลจึงยังหาลูกค้าไม่ได้จนกระทั่งสองวันก่อนที่จะออกเดินทาง
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมยูเซอร์จึงไม่ได้ปฏิเสธลูกค้าที่มีตัวตนพิเศษเช่นร็อดในทันที แต่เลือกที่จะเจรจากับร็อดแทน
เดิมที่ยูเซอร์ต้องการจะใช้ทักษะในการพูดใช้อํานาจต่อรองที่เหนือกว่าเรียกค่าเดินทางสูงขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าด้วยการสังเกตเพียงอย่างเดียวร็อดจะสามารถล่วงรู้ไปถึงสินค้าที่เขากําลังขนถ่าย สุดท้ายเขายังต้องยกเว้นค่าเดินทางให้กับร็อดเป็นค่าปิดปาก
หลังจากเปิดโปงเรื่องกลุ่มการค้าซิลเวอร์ซีลกําลังขนส่งผลึกวิญญาณอยู่ ร็อดก็เอ่ยข้อเรียกร้องเพียงแค่ต้องการเป็นผู้โดยสาร เขาไม่ได้ฉวยโอกาสในการแบล็กเมลล์พวกเขาเขามีจุดยื่นเป็นของตัวเอง
เมื่อร่วมทางในฐานะผู้โดยสารกลุ่มการค้าก็จะต้องดูแลเขาในระหว่างทาง
ที่กลุ่มการค้าซิลเวอร์ซีลไม่ได้เรียกเก็บเงินใดๆ ก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนไม่ให้ร็อดเผยแพร่เรื่องผลึกวิญญาณออกไป ถือว่าพวกเขายอมอ่อนข้อให้ร็อดแล้ว หากว่าร็อดยังได้คืบจะเอาศอก กลุ่มการค้าซิลเวอร์ซีลเองก็ไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่จะถูกผู้ใดบีบคลึงเอาง่ายๆ
ในระหว่างที่เดินทางนั้น ร็อดย่อมไม่อาจเฝ้าระวังป้องกันจากกลุ่มซิลเวอร์ซีลได้ตลอดเวลา พวกเขามีนักรบอยู่หลายคนทั้งยังมีนักเวทอยู่ในกลุ่มด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าพวกเขาจะจัดการร็อดกับแวมไพร์ได้ง่ายๆ
เช่นเดียวกับสถานการณ์ในตอนนี้ แม้ว่ากลุ่มซิลเวอร์ซีลจะไม่สามารถเรียกเก็บค่าโดยสารจากร็อด แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีทีท่าจะข่มขู่คุกคามหรือบีบบังคับพวกร็อดที่ยังไม่ได้เปิดเผยความแข็งแกร่ง ร็อดสามารถติดขบวนรถเพื่อไปยังเมืองซอโรว์ ดังนั้นต่างฝ่ายจึงต่างได้รับสิ่งที่ต้องการ
“ผลึกวิญญาณ…”
ขณะที่นั่งอยู่ในรถม้า ร็อดก็นึกขึ้นมาได้ เขานําผลึกวิญญาณจากแหวนมิติออกมาตรวจสอบจากนั้นจึงยื่นให้แวมไพร์
แวมไพร์รีบรับไว้ด้วยความยินดี มันกําผลึกวิญญาณเอาไว้ใกล้ตัว ไม่ยอมปล่อย
ผลึกวิญญาณจะปลดปล่อยพลังความตายออกมาตลอดเวลา พลังความตายนี้สามารถช่วยเนโครแมนเซอร์ในการเปลี่ยนสภาพศพและยังสามารถช่วยให้อันเดดค่อยๆพัฒนาขึ้น
ด้วยเหตุนี้เอง ผลึกวิญญาณจึงเป็นที่นิยมภายในดีย่าอย่างมาก แต่หากไปอยู่ในสถานที่อื่น มันก็จะมีค่าไม่ต่างจากเครื่องประดับนหนึ่ง และราคาก็จะต่ํากว่าในดีย่า
จากความรู้สึกของเขาแล้วความก้าวหน้าที่เพิ่มขึ้นของแวมไพร์น่าจะเกิดขึ้นจากผลึกวิญญาณก้อนนี้
ตามแผนการเดินทางไปยังเมืองซอโรว์ ร็อดก็ไม่รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะกินเวลานานเพียงใด ร็อดหวังว่าการมอบผลึกวิญญาณให้แวมไพร์ดูแลจะสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมัน
หลังจากที่ถูกขัดจังหวะในการเลื่อนระดับ แวมไพร์จึงไม่สามารถเลื่อนขั้นได้ไประยะหนึ่ง แต่มันยังสามารถพึ่งพาพลังความตายที่แผ่ออกมาจากผลึกวิญญาณ เพื่อรักษาระดับสูงสุดของขั้นที่สามเอาไว้ เพื่อรอคอยโอกาสในการเลื่อนขั้น
เวลานี้ท้องฟ้านอกหน้าต่างกลายเป็นสีดําไปแล้วเรียบร้อย
เมื่อเห็นว่าแวมไพร์กําลังดูดซับพลังความตายจากผลึกวิญญารอย่างผ่อนคลาย ร็อดก็จมอยู่ในห้วงความคิด
เขาไม่ได้เลือกที่จะทําสมาธิในตอนนี้ ค่ามานาของร็อดได้ถึงขีดจํากัดของค่าสติปัญญาที่มีอยู่แล้ว การทําสมาธิทําธรรมดาทั่วไปจึงไม่ส่งผลอะไรนอกจากช่วยในการฟื้นฟูพลังมานา
ตอนนี้สิ่งเดียวที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร็อดได้คือการทําสมาธิลึก
กระนั้นเงื่อนไขในการทําสมาธิลึกนั้นค่อนข้างจะโหดร้ายอยู่บ้างแต่ร็อดก็ยังมีวิธีการอยู่
นับตั้งแต่ที่มาถึงโลกใบนี้ เขาก็ผ่านการต่อสู้มาครั้งแล้วครั้งเล่าจนแทบจะไม่มีเวลาให้พัก ถึงต่อให้มีเวลา เราก็ต้องใช้เวลานั้นไปเตรียมตัวสําหรับการต่อสู้ครั้งถัดไป ช่วงเวลาเดียวที่เขาจะได้พักก็คือช่วงที่ทําสมาธิ
กระทั่งถึงตอนนี้ร็อดก็ยังไม่ได้นอนหลับเลยสักครั้ง แม้การทําสมาธิจะสามารถลดความเหนื่อยล้าทางกายแต่มันก็ไม่อาจลบล้างความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ร็อดไม่คิดว่าเขาจะสามารถทําสมาธิลึกได้อย่างราบรื่น ด้วยประสบการณ์ในชีวิตก่อนร็อดจึงรู้ว่าแทนที่จะเสียเวลาไปอย่างไร้ประโยชน์ เขาควรจะปรับสภาพจิตใจให้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดก่อน จากนั้นจึงค่อยลองทําสมาธิลึก
ด้วยเหตุนี้ร็อดจึงเลือกที่จะปรับสภาพจิตใจด้วยการนอนหลับ
เป็นเพราะภายในรถม้าไม่ได้กว้างขวางสักเท่าใด ร็อดจึงไม่สามารถเหยียดตัวลงนอน เขาได้แต่นั่งกอดอกพิงผนังรถม้าจากนั้นจึงหลับตาลงพักผ่อน
ส่วนกลุ่มซิลเวอร์จะใช้โอกาสนี้โอบล้อมพวกเขาเอาไว้หรือไม่ ร็อดไม่ได้สนใจ
กลุ่มซิลเวอร์วีลนั้นมีผลึกวิญญาณให้เฝ้าระวังมากกว่าที่ร็อดคาดคิด และเพราะกลัวว่าจะสะกิดความสงสัยให้กับกลุ่มอื่นๆการล้อมรถม้าโดยสารไว้ย่อมไม่เกิดขึ้น
เวลาค่อยๆไหลผ่านไป
บางที่อาจจะเพราะจิตใต้สํานึกของเขาระแวดระวังตลอดเวลาดังนั้นต่อให้ร็อดจะหลับ แต่ก็ไม่ได้หลับลึกเขายังมีสติอยู่เลือนลางอยู่ในสภาวะกึ่งกลับกึ่งตื่น
เมื่อได้ยินเสียงอึกทึกควบคู่ไปกับแรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากใต้ฝ่าเท้าร็อดก็ตื่นขึ้นมา ส่วนแวมไพร์ยังคงดูดซับพลังความตายจากผลึกวิญญาณอย่างสงบ
ร็อดเลื่อนเปิดช่องหน้าต่างและมองออกไป
ท้องฟ้ายังมืดสลัว เป็นสีเงินเข้มในยามรุ่งสาง ดูเหมือนกลุ่มซิลเวอร์ซีลจะเตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว รถม้าจํานวนมากกําลังมุ่งหน้าไปยังทิศหนึ่ง
” ท่านตื่นแล้วหรือ?”
ราวกับสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวภายในรถม้าน้ําเสียงอันแหบแห้งพลันดังขึ้นจากทางส่วนหน้าของรถม้า
ร็อดเปิดหน้าที่กั้นส่วนหน้าของรถม้าและส่วนตู้โดยสารเจ้าของเสียงก็คือโจรคนเมื่อวาน เขากําลังนั่งอยู่ในส่วนคนขับพลางลงแส้ใส่ม้าที่กําลังลากรถ
” พวกท่านควรรู้สึกเป็นเกียรติ ทางกลุ่มการค้าของเราได้เปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางเพื่อพวกท่านโดยเฉพาะ”
หลังจากกล่าวกับร็อดจบ โจรคนขับก็ไม่ได้พูดอะไรอีกหากแต่ควบคุมรถม้าต่อไป
ร็อดก็ไม่ได้พูดอะไร เขาปิดหน้าต่างก่อนจะเอนหลังพิงผนังรถ
เขาย่อมเข้าใจความหมายในคําพูดของโจร เนื่องเพราะไม่แน่ใจว่าข้อมูลได้รั่วไหลออกไปแล้วหรือยัง หลังจากเร่งเตรียมการตลอดทั้งคืน กลุ่มการค้าซิลเวอร์ซีลก็เลือกที่จะเดินทางก่อนกําหนดหนึ่งวัน และออกเดินทางในยามรุ่งสางของวันนี้
ท้องฟ้าเพิ่งจะเริ่มสว่าง รถม้าจํานวนมากก็เรียงรายออกจากพื้นที่ของสมาคมการค้าอิสระขบวนรถม้าเคลื่อนตัวไปทางประตูเมือง
ภายใต้ท้องฟ้าสีน้ําเงินเข้ม คนหลายคนในชุดคลุมสีดําต่างก็จับจ้องมองดูขบวนรถที่กําลังเดินทาง ดูท่าการเดินทางในครั้งนี้จะไม่ราบรื่นเอาเสียแล้ว..