ผู้กล้าอาคมดํา ตอนที่ 29
โดยทั่วไปแล้ว พวกโจรหรือหัวขโมยมักจะไม่มายุ่มย่ามกับพวกที่แต่งตัวเหมือนกับร็อด
เป้าหมายของโจรมักจะเป็นพวกที่ไม่ระมัดระวังตัวหรือพวกที่แต่งกายคล้ายเศรษฐี หากว่าร็อดปรากฏตัวขึ้นในฐานะนักเวท โจรเหล่านี้จะหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าตอนนี้กลับมีโจรคนหนึ่งพยายามจะขโมยของจากร็อด กล่าวได้ว่าที่โจรคนนี้ลงมือ ก็เพราะว่าอาจจะได้รับคําไหว้วานมาจากกองกําลังเมือง พวกเขาจะทดสอบการตอบสนองของร็อด จากนั้นจึงจะรับมือตามสิ่งที่ร็อดเลือกที่จะกระทํา
ร็อดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มองดูร่างของโจรที่กําลังเสียหลักล้มมาทางเขา ราวกับรอให้โจรคนนี้หยิบฉวยถุงเงินของเขาไป
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายไม่ได้เคลื่อนไหว ในใจของโจรก็ลอบยินดี เดิมทีเขาลังเลที่จะตรวจสอบเป้าหมายนี้อย่างมาก ในการทดสอบครั้งก่อนนั้นเป็นเพียงเป้าหมายง่ายๆที่ไม่ได้ระมัดระวังตัวอะไร แต่เป้าหมายที่อยู่ตรงหน้านี้ดูลึกลับยากคาดเดา แม้ว่าเขาจะแต่งตัวคล้ายนักเวท แต่เขาก็ไม่ได้มีการระวังป้องกันใดๆ หากว่าครั้งนี้ลงมือสําเร็จ เขาก็จะสามารถนําของมีค่าจากไปได้ทันที
เมื่อคิดว่าสิ่งที่ขโมยได้จากการทดสอบครั้งนี้จะกลายเป็นของเขา มือที่เอื้อมออกไปก็เพิ่มความเร็วขึ้น คนในชุดคลุมที่เบื้องหน้านี้คงจะเป็นนักเวทหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์คนหนึ่ง เมื่อเขาลงมือสําเร็จ เมจิกไอเท็มที่ได้มาก็จะสามารถนําไปขายได้ในราคาสูง
ทันใดนั้น สัญชาตญาณจากการเป็นโจรมาหลายปีก็ทําให้โจรรู้สึกถึงบางอย่าง เขาต้องการจะหยุดมือและถอยกลับไป แต่นั่นก็สายไปเสียแล้ว
ขณะที่กําลังจะถอนมือกลับ โจรก็ได้เห็นฉากที่น่ากลัวที่สุด มือที่มีเล็บอันแหลมคมพลันยื่นออกมาอย่างรวดเร็ว เร็วเกินกว่าที่เขาจะตอบสนองได้ทัน
มือที่มีเล็บแหลมคมคว้าจับมือของโจรเอาไว้ได้อย่างแม่นยํา ขณะที่โจรกําลังจะออกแรงขัดขืน เขาก็พลันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด และมือข้างหนึ่งก็ร่วงลงบนพื้น
ความเจ็บปวดอย่างท่วมท้นได้เข้าครอบงําสติทั้งหมดของโจรเอาไว้ในใจของโจรเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขารู้ได้ทันทีว่าการทดสอบในครั้งนี้ได้พบเจอตอเข้าเต็มๆ
หยาดโลหิตรินไหลลงบนพื้น โจรต้องการจะถอยหลังเพื่อหลบหนี แต่ขณะนั้นเอง เขาก็พบว่านักเวทคน นั้นยังคงยืนนิ่งเฉย ไม่ได้ทําอะไร
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ร็อดไม่ได้ทําอะไรเลย เขาเพียงใช้สายตามองดูโจรที่เบื้องหน้าเท่านั้น ส่วนมือที่ถูกตัดทิ้งข้างนั้นของโจรเป็นฝีมือของแวมไพร์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
โจรสัมผัสได้ถึงความตายอย่างรุนแรง หากว่าเขาเลือกที่จะถอยหลังเพื่อหลบหนี นักเวทที่เบื้องหน้าผู้นี้คงจะใช้เวทฆ่าเขาในทันที
สะกดกลั้นความเจ็บปวดและความกลัวที่อยู่ภายในใจโจร รีบคุกเข่าลงบนพื้น แต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองนักเวทคนนั้น เขารีบบอกเหตุผลหลากหลายประการและร้องขอความเมตตาจากร็อด
ร็อดไม่ได้สร้างความลําบากให้กับโจรผู้นี้ เขาถามออกไปตรงๆ
“กิลด์โจรในเมืองนี้ตั้งอยู่ที่ไหน?”
โจรรีบบอกเส้นทางเสียงเบา จากนั้นร็อดจึงถามขึ้นอีกว่า
“สมาคมการค้าอิสระล่ะ?”
หลังจากได้รับคําตอบจากโจรแล้ว ร็อดก็ไม่ได้สนใจโจรอีก เขาเดินผ่านโจรที่กําลังคุกเข่าอยู่บนพื้นไป ขณะเดียวกันก็ควบคุมแวมไพร์ผ่านทางตราประทับวิญญาณ ไม่ให้แสดงความกระหายเลือดของมันออกมา จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังกิลด์โจรตามเส้นทางที่โจรบอก
โจรที่คุกเข่าอยู่บนพื้นกําลังรู้สึกสํานึกเสียใจอย่างที่สุด ต่อให้เขาห้ามเลือดได้แล้ว เขาก็จะสูญเสียมือข้างที่ฉกฉวยได้ดีที่สุดไปตลอดกาล กล่าวได้ว่าชีวิตการเป็นโจรของเขาจะต้องจบเพียงเท่านี้
ร็อดเดินไปตามทาง ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ว่าสายตาที่จับจ้องมองมาได้เปลี่ยนไปแล้ว
ตอนที่เขาเข้ามาในเมืองนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จับตามองมา สายตาเหล่านั้นอยากรู้ที่มา เป้าหมายและความแข็งแกร่งของเขา
บางที่นี่อาจเป็นเพราะผลด้านลบของตัวตนเนโครแมนเซอร์ ร็อดไม่เชื่อว่าผู้ที่เข้ามาในเมืองเป็นครั้งแรกจะได้รับการทดสอบแบบนี้ทุกคน
ในขั้นตอนการทดสอบของโจรคนนั้น การลงมือเพียงครั้งเดียวของแวมไพร์ก็สามารถจัดการโจรลงได้ วิธีการอันโหดร้ายและความแข็งแกร่งที่ได้แสดงออกมานี้ทําให้เหล่าผู้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ต่างชะงัก อีกทั้งตั้งแต่ต้นจนจบ ร็อดยังไม่ได้ทําอะไรเลย การไม่สามารถประเมินความแข็งแกร่งของเขาได้ทําให้เหล่าผู้ที่เฝ้าจับตาดูอยู่ต่างก็กาหัวเขาไว้ว่าเป็นบุคคลอันตราย ไม่ควรตอแย
ร็อดไม่ได้ถามโจรคนนั้นว่าเขาได้รับคําสั่งมาจากกลุ่มอิทธิพลใด ไม่ว่าจะเป็นขุมกําลังต่างๆภายในเมืองหรือกิลด์โจรทั้งหมดล้วนไม่มีความสําคัญสําหรับเขา ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ต้องการจะเสียพลังงานไปกับเรื่องเหล่านี้ เพราะเขามีเรื่องที่สําคัญกว่าต้องกระทํา
ร็อดนําแวมไพร์เดินไปตามเส้นทางที่โจรบอกก่อนจะมาหยุดยืนอยู่หน้าอาคารหลังหนึ่ง
ร็อดมองเข้าไปในอาคาร ภายในเพียงติดไฟสลัวๆ มีตะเกียงน้ำมันอยู่เพียงไม่กี่อันเท่านั้น แต่มันก็ยังสว่างกว่าภายในสุสานที่ร็อดตื่นขึ้นมาอยู่ดี
ภายในอาคารมีคนอยู่ไม่น้อย แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความเงียบ ต่อให้มีคนพูดคุยกัน พวกเขาก็จะคุยกันเสียงเบา ภายใต้แสงไฟ มีเพียงเงาของผู้คนเท่านั้นที่เคลื่อนไหว ให้ความรู้สึกราวกับกําลังทําพิธีกรรมบางอย่าง
เมื่อเห็นบรรยากาศภายใน ร็อดก็ทราบได้ว่าโจรคนนั้นไม่ได้โกหกเพื่อเอาตัวร็อด นี่ก็คือสถานที่ที่เขาต้องการจะมา กิลด์โจร
ทันทีที่ร็อดเข้ามาในอาคาร พนักงานที่สวมชุดคลุมสีดําก็เดินเข้ามาต้อนรับ
แม้ที่นี่จะมีการซื้อขายข่าวสาร แต่ก็แตกต่างจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสียงอย่างร้านเหล้าหรือโรงเตี้ยม ที่กิลด์โจรนั้นข้อมูลก็คือสินค้า ไม่ว่าจะซื้อหรือขายข้อมูล ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด
ร็อดแสดงความจํานงว่าต้องการมาซื้อขข่าวสาร พนักงานนั้นกระซิบบอกให้ร็อดตามเขาไป จากนั้นจึงนําพวกเขาเข้าไปด้านใน
ภายใต้สายตาที่มองมาด้วยความใคร่รู้ ร้อนและแวมไพร์ก็เดินผ่านห้องโถงของกิลด์โจรมาถึงประตูห้องแห่งหนึ่ง
พนักงานเคาะลงบนประตูสองครั้ง จกานั้นจึงเปิดประตูให้ร็อดและแวมไพร์เข้าไป
ร็อดมองดูภายในห้อง นี่เป็นห้องอันเงียบสงบที่มีไว้เพื่อการรับฟังข่าวสาร ในห้องมีโต๊ะยาวอยู่ตัวหนึ่ง แหล่งกําเนิดแสงภายในห้องมาจากเชิงเทียนที่วางอยู่สองฟากข้างของโต๊ะ
อาศัยแสงจากเทียน ร็อดก็มองเห็นว่าที่ทั้งสองด้านของโต๊ะ มีปากกาขนนกวางเอาไว้ ขณะที่กลางโต๊ะมีกระดาษอยู่แผ่นหนึ่ง
ที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาสวมหมวกคลุมเอาไว้ บนใบหน้ายังมีผ้าปิดปากสีดําผืนหนึ่ง เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่มีริ้วรอยตอบลึก ชายชราวางมือลงบนโต๊ะ เป็นการแสดงให้ร็อดเห็นว่าเขาไม่ได้พกพาอาวุธ สายตาของชายชราเพียงมองดูร็อดเงียบๆ
ร็อดมีความเข้าใจเกี่ยวกับกิลด์โจรจากในชีวิตก่อน ดังนั้นจึงทราบว่านี่เป็นห้องที่สามารถเก็บเสียงได้มากที่สุดภายในเมืองเล็กๆแห่งนี้แล้ว
ร็อดเดาว่าเรื่องที่เขาจัดการโจรบนถนนคงถูกส่งผ่านมาถึงที่นี่แล้ว ดังนั้นตัวเขาจึงได้รับการต้อนรับระดับสูงสุด
บางที่กระทั่งการทดสอบก่อนหน้านี้ก็อาจจะเป็นฝีมือของกิลด์โจรเองก็ได้
ร็อดไม่ได้คิดมากอะไร เขานั่งลงบนเก้าอี้ ขณะที่แวมไพร์ยืนคุ้มกันอยู่ทางด้านหลัง
ชายชราผายมือไปทางกระดาษที่อยู่กลางโต๊ะ เขารอคอยให้ร็อดเขียนคําถามลงบนกระดาษ