ผู้กล้าอาคมดํา ตอนที่ 22
ตอนที่ซอมบี้สวมเกราะถูกค้างคาวรุมโจมตี ร็อดก็ถอยมาในแนวป้องกันที่สองและเริ่มควบคุมซอมบี้ที่อยู่ที่นี่ให้จุดไฟ
ที่นี่ก็คือห้องโถงที่ร็อดฟื้นขึ้นมา เนื่องเพราะความกว้างขวางของมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจุดไฟให้พื้นที่ทั้งหมด ร็อดยังคงจับตามองไปทางเชื่อมระหว่างห้องโถงกับห้องฝังศพ
สุสานส่วนด้านหลังตกอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง ทางเดินของห้องฝังศพถูกขวางกั้นด้วยกองไม้ติดไฟ ที่ด้านหน้าแนวป้องกันยืนไว้ด้วยซอมบี้สวมเกราะถือโล่ใบใหญ่เผชิญหน้ากับแวมไพร์ที่พุ่งตัวเข้ามา
……….
“แค่ก…แค่กๆ”
นับตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในสุสาน สังหารอันเดดที่ขวางอยู่ตลอดทาง หลอกล่อฝูงหมาป่า และกลับเข้ามาต่อสู้ภายในสุสานอีกครั้ง เหตุการณ์เหล่านี้ทําให้ร็อดคุ้นชินกับเส้นทางทั้งหมดภายในสุสาน
เขาสามารถเลือกตําแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการตั้งแนวป้องกัน ที่แรกก็คือหน้าทางเข้าห้องฝังศพที่มีโลงศพตั้งอยู่ อีกอันตั้งอยู่ตรงทางแยกของห้องโถงที่ซึ่งมีศพอยู่มากมาย อีกอันตั้งอยู่ที่บริเวณพื้นที่แคบของทางเดิน และอีกอันอยู่ที่ทางออกของสุสาน
ตามความคิดเดิมของร็อด เขาจะอยู่หน้าด้านหลังแนวป้องกัน เมื่อใดก็ตามที่แวมไพร์ฝ่าแนวป้องกันมาได้ เขาก็จะให้ซอมบี้ที่อยู่แนวป้องกันถัดไปจุดไฟทันที
ทว่าการเผาไหม้กองไม้ภายในสุสานได้ก่อเกิดควันลอยคละคลุ้ง ควันอันหนาทึบนี้ทําให้ร็อดยากจะมองเห็นสถานการณ์โดยละเอียด ทั้งยังทําให้เขาเริ่มสําลักควันจนอึดอัดอย่างมาก
เทียบกับอันเดดที่ควันไฟไม่มีผลต่อพวกมันแล้ว ควันไฟนี้ส่งผลเสียต่อร่างกายของมนุษย์อย่างมาก
ร็อดทําได้เพียงปรับเปลี่ยนแผนการ เมื่อแวมไพร์ติดอยู่ที่แนวป้องกันที่สอง เชาก็ล่าถอยออกจากสุสาน แน่นอนว่าก่อนไปย่อมสั่งให้ซอมบี้จุดไฟที่แนวป้องกัน
เมื่อออกมาด้านนอกสุสาน เขาสูดเอาอากาศเข้าปอด มองดูเหล่าหมาป่าซอมบี้ที่กําลังรอคอยคําสั่ง เมื่อเห็นควันลอยออกมาจากสุสาน ร็อดก็นึกถึงสิ่งที่ได้เห็นภายในสุสานครั้งแรก
เขาไม่ได้ประหลาดใจที่อีกฝ่ายตีฝ่าแนวป้องกันมาได้ เขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าเพียงแนวป้องกันชั้นเดียวย่อมไม่อาจสกัดขวางแวมไพร์ตนนั้น แต่เขาได้เตรียมแนวป้องกันเอาไว้หลายชั้น เรื่องที่ทําให้เขาประหลาดใจก็คือความเร็วในการบุกทะลวงของแวมไพร์
ตอนที่จัดวางแนวป้องกันเหล่านี้ ร็อดยังไม่รู้ว่าศัตรูภายในโลงศพเป็นอันเดดชนิดใด เขาได้แต่ลองคาดเดาดูว่ามีอันเดดชนิดใดบ้างที่ต้องนนหลับหรือจําศีล
สิ่งแรกที่ร็อดนึกถึงก็คือวิญญาณร้าย อันเดดระดับสาม ภายในดีย่านั้น สุดสานส่วนใหญ่ล้วนแต่มีวิญญาณร้ายหลับใหลอยู่ เนโครแมนเซอร์จะสามารถใช้พลังของวิญญาณร้ายเพื่อสร้างอันเดดขึ้นมา ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างความสัมพันธ์ในเชิงได้รับประโยชน์ร่วมกันขึ้นมา
นอกจากวิญญาณร้ายแล้ว อันเดดชนิดอื่นๆย่อมมีความเป็นไปได้ต่ำกว่ามาก มีเพียงพวกซากศพ มัมมี่และแวมไพร์ ในพวกอันเดดนั้น ขอเพียงมีระดับตั้งแต่สามขึ้นไปย่อมไม่อาจประทับตราจิตวิญญาณได้โดยตรง
แต่ไม่ว่าอันเดดภายในโลงศพจะเป็นตัวอะไร ร็อดมั่นใจว่าด้วยแนวป้องกันที่ตั้งขึ้นมา ควบคู่ไปกับการส่งซอมบี้ไปลากถ่วงไว้ เขาจะสามารถซื้อเวลาได้จนกระทั่งอันเดดตนนั้นถูกไฟแผดเผาจนบาดเจ็บ
ทว่าอันเดดภายในโลงกลับเป็นแวมไพร์ที่มุ่งเน้นทางด้านการเอาชีวิตรอด และค้างคาวแปลงกายก็เป็นสกิลที่สามารถเล็ดรอดผ่านช่องว่างแนวป้องกัน เมื่อมีสกิลนี้อยู่ แวมไพร์ก็เพียงแค่ต้องจัดการกับซอมบี้สวมเกราะที่คอยเฝ้าอยู่ด้านหน้า ให้ได้จากนั้นมันก็จะสามารถมุดผ่านช่องว่างของแนวกั้นมา
หากว่าศัตรูไม่ใช่แวมไพร์แต่เป็นอันเดดจําพวกวิญญาณร้าย มันก็คงไม่อาจบุกฝ่าแนวป้องกันได้รวดเร็วขนาดนี้
แนวป้องกันที่รอดจัดสร้างขึ้นแทบไม่อาจเป็นภัยคุกคามต่อแวมไพร์ ทะเลเพลิงไม่ได้มีผลเท่ากับที่ร็อดคาดการณ์เอาไว้ มันเพียงแค่ทําให้แวมไพร์ต้องใช้สกิลค้างคาวแปลงกายบ่อยครั้งขึ้นเท่านั้น
ทว่าหากแวมไพร์ใช้ค้างคาวแปลงกายบ่อยเกินไป เป้าหมายที่ร็อดเตรียมการสิ่งเหล่านี้ไว้ก็นับว่าประสบความสําเร็จ ยิ่งแวมไพร์ใช้ค้างคาวแปลงกาย ความมั่นใจที่จะปราบพิชิตมันก็ยิ่งมีมากขึ้น
เดิมทีร็อดก็ไม่ได้ตั้งใจจะใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อสังหารอันเดดภายในโลงอยู่แล้ว เขาเพียงแค่ต้องการตัดกําลังของมันให้ได้มากที่สุด อย่างไรเสียอันเดดระดับสามก็ย่อมไม่ใช่ศัตรูที่จะสามารถจัดการได้โดยง่ายอยู่แล้ว
หรือต่อให้มันเป็นวิญญาณร้าย แม้จะไม่มีความสามารถในการเอาตัวรอดสูงเท่ากับแวมไพร์ แต่มันก็ยังสามารถพึ่งพาความสามารถในร่างของมันทะลวงฝ่าแนวป้องกัน สําหรับร็อดแล้ว สนามรบที่แท้จริงอยู่บนพื้นดินด้านบนต่างหาก
ที่ต้องเตรียมการมากมายขนาดนี้ก็เพื่อให้ตนเองได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งถัดไปต่างหาก การเปิดโลงศพและประจัญหน้ากับสิ่งที่อยู่ภายในโลงโดยตรงย่อมเป็นวิธีการอันโง่เขลาอย่างที่สุด
ไม่ว่าใครก็ต้องอยากให้ตนเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ ไม่ว่าจะด้วยกับดัก อาวุธอาบยาพิษ การลอบโจมตี หรือวิธีการอื่นๆ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีนิสัยใจคอเช่นไร ขอเพียงได้เปรียบขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย มันก็ย่อมดีกว่าการปะทะซึ่งหน้าอย่างเสียเปรียบ
“จะใช้ได้อีกสักกี่ครั้งกันนะ…”
ร็อดก็พึมพําออกมา เมื่อรู้สึกได้ว่าการเชื่อมต่อกับอันเดดที่ประจําอยู่แนวป้องกันที่สามได้ถูกตัดขาด
สําหรับการต่อกรกับแวมไพร์ ร็อดที่มีประสบการณ์ในชีวิตก่อนย่อมไม่กังวลสักเท่าไร สกิลค้างคาวแปลงกายนั้น นอกจากจะสูญเสียพลังชีวิตยามเมื่อใช้แล้ว มันยังมีข้อจํากัดด้านจํานวนครั้งที่สามารถใช้งานอยู่ มีเพียงการอยู่ในระดับสี่ขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถใช้ค้างคาวแปลงกายได้ไม่จํากัดจํานวนครั้ง
ในเกมนั้น ระดับที่สามและระดับที่สี่ถือเป็นแนวสันปันน้ำเส้นหนึ่ง ในระดับที่สี่นั้น ไม่ว่าจะเป็นสายอาชีพของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นๆ มันก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญ พลังต่อสู้จะสูงขึ้นอีกหลายเท่า มีเพียงการไปถึงระดับที่สี่เท่านั้น ผู้เล่นอาชีพนักเวทจึงจะสามารถลบคําว่าฝึกหัดออกจากชื่อและกลายเป็นนักเวทเต็มตัว
ในทํานองเดียวกันกับแวมไพร์ เมื่อขึ้นไปถึงระดับสี่ได้ นอกจากร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว สกิลทั้งหมดก็จะพัฒนาไปอีกก้าวใหญ่ อย่างเช่นค้างคาวแปลงกายจะสามารถใช้ได้โดยไม่มีการจํากัดจํานวนครั้งอีกต่อไป สกิลอื่นๆเองก็จะถูกปรับโฉมใหม่จนทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
ที่ร็อดกลัวว่าอันเดดภายในโลงจะพัฒนาขึ้นอีกระดับก็ด้วยเพราะเหตุนี้เอง แต่จากการสังเกตดูแล้ว แวมไพร์ตนนี้ยังอยู่เพียงระดับสาม
อันเดดประเภทแวมไพร์นั้นจะสามารถพัฒนาพลังได้โดยการนอนสงบจิตอยู่ภายในโลงศพ และเก็บรวบรวมพลังความตาย แวมไพร์ส่วนใหญ่ต่างก็นิยมใช้วิธีนี้เพื่อยกระดับ
ดังนั้นเมื่อการยกระดับถูกขัดขวาง แวมไพร์จึงปรากฏกายขึ้นด้วยความโกรธ วิธีการพัฒนาพลังนี้จะต้องใช้การนอนหลับเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เมื่อถูกขัดขวางเอากลางคัน ก็กล่าวได้ว่าสิ่งที่ทํามาทั้งหมดล้วนกลายเป็นสูญเปล่า
ด้วยเหตุนี้เอง แวมไพร์จึงไม่ลังเลที่จะบุกฝ่าเปลวเพลิงเพื่อตามล่าคนที่ทําเรื่องเช่นนี้กับมัน
แน่นอนว่าร็อดย่อมเตรียมการเพื่อกรณีที่เลวร้ายเอาไว้ แนวป้องกันสุดท้ายที่ทางออกนั้นแข็งแกร่งที่สุด ดีกว่าทุกๆแนวป้องกันภายในสุสานทั้งหมดรวมกัน
ร็อดควบคุมซอมบี้ให้จุดไฟตรงทางเดิน จากนั้นจึงเรียกเหล่าซอมบี้มาประจําตําแหน่ง ที่เหลือก้แค่รอให้แวมไพร์ตนนั้นโผล่ออกมา
หลังจากแนวป้องกันที่สามถูกทําลาย ร็อดก็มุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ทางออก รอคอยให้ศัตรูปรากฏตัว
ควันหนาทึบลอยออกมาจากในสุสาน
หลังจากรอได้สักพักแล้วสถานการณ์ยังคงเงียบกริบ ร็อดก็เริ่มประหลาดใจ ตามความเร็วก่อนหน้านี้ของแวมไพร์ มันควรจะมาถึงตําแหน่งนี้แล้ว และเหล่าซอมบี้ที่ประจําการอยู่ในทางเดินก็ไม่ได้ส่งสัญญาณแจ้งเตือนมาแต่อย่างใด ร็อดหรี่ตาลงพลางเพิ่มความระมัดระวัง
ทันใดนั้นสัญชาตญาณของร็อดก็พลันแจ้งเตือนอย่างเร่งร้อนว่ามีอันตรายมาจากทางด้านหน้า ร็อดไม่ขบคิดใดๆทั้งสิ้น เข้าพุ่งตัวหลบออกไปด้านข้างทันที
เงาดําผุบโผล่ขึ้นมาปากทางเข้าสุสาน จากนั้นจึงพุ่งตรงดิ่งมาที่ร็อดอย่างรวดเร็วพร้อมกรงเล็บอันคมกริบ
แม้ร็อดจะพุ่งตัวหลบไปด้านข้างแล้ว กระนั้นเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บที่แขน เล็บอันแหลมคมได้ฉีกเลือดเนื้อบนแขนเป็นแนวยาว
เงาดํานั้นก็คือ แวมไพร์
แวมไพร์ย่อมไม่รู้เรื่องการเตรียมการของร็อด แต่ด้วยเหตุผลบางประการ มันกลับล่วงรู้ว่าร็อดอยู่ที่ด้านบนนั้น ดังนั้นมันจึงใช้โอกาสที่ร็อดกําลังรอคอยมัน ชิงจู่โจมอย่างฉับพลัน!