ผู้กล้าอาคมดำ ตอนที่ 21
หลังจากใช้มานาไปบางส่วน ร็อดก็จุดคบเพลิงที่ได้เตรียมการเอาไว้ เขายื่นคบเพลิงให้กับซอมบี้ตัวที่อยู่ข้างๆก่อนจะถอยไปด้านข้างของทางเดิน
ภายในห้องฝังศพ ร็อดได้ทิ้งซอมบี้เอาไว้สองตัว ตัวแรกสวมเกราะเหล็ก ในมือถือโล่ที่จะพังแหล่มิพังแหล่ มันยืนเฝ้าอยู่ตรงทางเข้า ขณะที่อีกตัวซึ่งอยู่ในสภาพดั้งเดิมกำลังยืนอยู่ภายในห้อง ซอมบี้ทั้งสองต่างก็ถือคบเพลิงเอาไว้ในมือ
ร็อดสั่งการซอมบี้ผ่านทางตราประทับจิตวิญญาณให้เริ่มทำการจุดไฟ
ซอมบี้ตัวนั้นถือคบเพลิงและเดินเข้าไปหาโลงศพที่น่าขนลุกนั้น เมื่อคบเพลิงถูกจ่อเข้ากับกองไม้ข้างโลงศพ กองไม้ก็เริ่มติดไฟ
ภายใต้การควบคุมของร็อด ซอมบี้ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น มันเดินไปจุดไฟในตำแหน่งถัดไป เมื่อจุดไฟตรงทางเดินเสร็จสิ้นแล้ว ซอมบี้ตัวนั้นก็เดินมาถึงซอมบี้สวมเกราะ จากนั้นจึงจุดไฟใส่กองไม้ที่วางอยู่หน้าทางเข้าห้องโถง
ตอนนี้กองไม้ทั้งหมดที่วางสุมอยู่ภายในห้องฝังศพล้วนถูกจุดไฟแล้วเรียบร้อย ทำให้ห้องฝังศพแห่งนี้พร้อมจะแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง
ภายใต้การเผาไหม้ของเปลวไฟ พลังความตายภายในห้องฝังศพจึงถูกขับสลายไปจำนวนมาก
ร็อดยังควบคุมซอมบี้ต่อไป หลังจากที่จุดไฟภายในห้องฝังศพเสร็จแล้ว ซอมบี้ก็เดินฝ่าทะเลเพลิงเข้าไปและวางคบเพลิงลงบนโลงศพ โลงศพเริ่มติดไฟ
ตอนนี้เองจู่ๆโลงศพก็เกิดการสั่นอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่าอันเดดที่หลับใหลอยู่ข้างในนั้นจะตื่นขึ้นมาแล้ว
ส่วนเท้าของซอมบี้ถูกเผาจนไหม้เกรียม กลิ่นแปลกๆผสมผสานไปกับกลิ่นเหม็นไหม้ลอยโชยตามลม กระนั้นด้วยเอกลักษณ์ของอันเดดก็ทำให้ร็อดสามารถจุดไฟได้สำเร็จตามแผน ค่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของซอมบี้ช่วยให้มันยังมีชีวิตอยู่ได้ไปอีกสักพัก
ตึง! ตึง!
เกิดเสียงทุบดังออกมาจากภายในโลง ดูเหมือนว่าอันเดดตนนี้จะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ มันกำลังจะพังโลงศพออกมา
ร็อดพยายามจะควบคุมซอมบี้ให้เดินเข้าไปเปิดโลง แต่ก็ไม่สำเร็จ ดูเหมือนโลงศพใบนี้จะถูกตอกตะปูเอาไว้อย่างแน่นหนา
ช่วงที่เตรียมการหลายวันมานี้ ร็อดเองก็สังเกตดูโลงศพมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทว่าก็ไม่พบเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์พิเศษอะไร ร็อดไม่กล้าแตะสัมผัสตัวโลงศพโดยตรงเพราะกลัวว่าอันเดดที่อยู่ข้างในจะรู้สึกตัว
ร็อดควบคุมซอมบี้ให้พยายามเปิดฝาโลง นี่ก็เพื่อปล่อยอันเดดที่อยู่ข้างในออกมาโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้อากาศภายในสุสานต้องถูกใช้ไปอย่างเสียเปล่า
ปัง!
ขณะที่ซอมบี้พยายามดันฝาโลงออกอยู่นั้น มือข้างหนึ่งก็ทะลุฝาโลงที่ถูกเผาอยู่ออกมา จากนั้นมือนั่นก็ถูกไฟแผดเผา เมื่อสัมผัสโดนไฟ มือข้างนั้นก็รีบหดกลับลงไป จากนั้นเสียงทุบโลงก็ดังขึ้นจากข้างในอีกครั้ง
ร็อดใช้จังหวะโอกาสนี้ควบคุมซอมบี้ให้แหย่คบเพลิงลงไปตามรูแตกบนโลงนั้น
เสียงทุบโลงเปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้น ซอมบี้ยังคงกดคบเพลิงลงไปสุดกำลัง
เปลวไฟทำให้อันเดดตนนั้นได้รับความเสียหายไม่เบา โลงศพเริ่มสั่นอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นฝาโลงก็ลอยกระเด็นขึ้นฟ้า ค้างคาวจำนวนมากโผบินออกมา
“แวมไพร์…..”
เมื่อเห็นค้างคาวบินออกมาจากโลงศพ ร็อดก็ทราบถึงตัวตนของอันเดดภายในโลงศพทันที แวมไพร์!
ค้างคาวแปลงกายเป็นสกิลอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกแวมไพร์
ตามความคิดของร็อดแล้ว ไม่ว่าอันเดดภายในโลงจะเป็นตัวอะไร เมื่อพยายามจะออกมานอกโลง ซอมบี้ที่เขาควบคุมอยู่จะโถมไปกดทับเอาไว้เพื่อลากถ่วงให้อันเดดตนนั้นติดอยู่ท่ามกลางทะเลไฟให้นานที่สุด
ทว่าการปรากฏตัวของค้างคาวทำให้ความพยายามของซอมบี้เปลี่ยนเป็นล้มเหลว ซอมบี้กวัดแกว่งคบเพลิงในมืออย่างบ้าคลั่ง พยายามจะใช้ไฟโจมตีใส่พวกค้างคาว
พวกค้างคาวเมินการโจมตีของซอมบี้ตัวนั้นแล้วบินผ่านไป การกวัดแกว่งคบเพลิงของซอมบี้ไร้ผล มันต้องการจะคว้าจับค้างคาวอย่างสิ้นหวัง แต่เพราะว่าส่วนเท้าถูกไฟคลอกจนละลาย มันจึงเสียการทรงตัวและล้มลงไปในกองเพลิง นอนนิ่งรอคอยความตาย
หลังจากยืนยันชนิดของอันเดดภายในโลงศพได้แล้ว ร็อดก็ไม่สนใจซอมบี้ที่นอนอยู่ในกองไฟอีก เขาล่าถอยไปข้างหลัง ขณะเดียวกันก็นำไม้ขนาดใหญ่ออกมาเพื่อกั้นทางเข้าเอาไว้
ร็อดเดินผ่านทางเข้า จากนั้นก็นำไม้ออกมาวางไว้ด้านข้าง
ภายในโถงฝังศพ ซอมบี้สวมเกราะใช้คบเพลิงจุดไฟใส่กองไม้ที่วางสุมซ้อนอยู่ด้านหลังของมัน
เวลานี้กองไม้ที่วางไว้เป็นสิ่งกีดขวางได้ถูกจุดไฟจนหมดแล้ว เรื่องนี้ร็อดทำโดยลำพังไม่ได้ เขาได้แต่ต้องพึ่งพาซอมบี้สวมเกราะที่อยู่ด้านในให้จุดไฟขึ้นมา
ฝูงค้างคาวพุ่งมาทางซอมบี้สวมเกราะ ซอมบี้สวมเกราะโยนคบเพลิงทิ้ง จากนั้นพลันยกโล่ขึ้นมาป้องกันส่วนศีรษะ
ภายในพริบตา ซอมบี้สวมเกราะก็ถูกฝูงค้างคาวรุมล้อม เกิดรอยขีดข่วนขึ้นตามร่างของซอมบี้สวมเกราะ ขณะเดียวกันพวกค้างคาวก็กัดกินเลือดเนื้อของซอมบี้สวมเกราะไปด้วย ซอมบี้สวมเกราะไม่ได้ตอบโต้อะไร มันยืนนิ่งขวางอยู่หน้าทางเข้าภายใต้การควบคุมของร็อด
ค้างคาวหลายตัวพุ่งชนใส่โล่เหล็ก แต่นั่นก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องเพราะทางด้านหลังของซอมบี้สวมเกราะเป็นกำแพงไฟอันร้อนแรง พวกค้างคาวจึงไม่สามารถอ้อมไปโจมตีจากทางด้านหลัง พวกมันทำได้เพียงกัดแทะตามแขนขาของซอมบี้สวมเกราะเท่านั้น
ภายในห้องฝังศพลุกท่วมไปด้วยไฟ ก่อเกิดเป็นควันดำลอยออกไปนอกห้อง ค้างคาวหลายตัวเริ่มร่วงลงไปในกองไฟก่อนจะสลหายหายไปเป็นควันโดยไม่ทิ้งซากศพเอาไว้แต่อย่างใด
ค้างคาวเริ่มทยอยล้มตายไปทีละตัว
ในที่สุดซอมบี้สวมเกราะก็ล้มลง พวกค้างคาวพลันมารวมตัวที่ด้านหน้าของมัน เมื่อควันดำอ่อนจางลง แวมไพร์ตนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
เห็นแวมไพร์ยืนอยู่ด้านหน้า ซอมบี้สวมเกราะก็ทำตามคำสั่งที่ร็อดเคยให้ไว้ มันซ่อนร่างกายส่วนบนทั้งหมดไว้ด้านหลังโล่เหล็กทันที
น่าเสียดายที่ทัศนวิสัยทั้งหมดถูกบดบัง ร็อดจึงไม่สามารถออกคำสั่งใดๆ ถ้าหากว่าร็อดมองเห็นสถานการณ์ข้างในนั่น เขาก็คงจะให้ซอมบี้สวมเกราะใช้โล่พุ่งกระแทกใส่แวมไพร์ ซึ่งนั่นจะทำให้แวมไพร์ตนนั้นชะงักจนเสียเวลาไปอีกพักหนึ่ง
เปลวไฟเริ่มลามเลียส่วนขาของแวมไพร์และเริ่มลามไปยังเสื้อผ้าซึ่งไม่ต่างอะไรจากเศษผ้าของมัน
แวมไพร์พุ่งร่างเข้าหาซอมบี้สวมเกราะ มันใช้กำลังทั้งหมดออกแรงผลักโล่ที่ซอมบี้สวมเกราะถืออยู่ ด้วยค่าความแข็งแกร่งที่เหนือกว่ามาก ซอมบี้สวมเกราะจึงไม่มีโอกาสต่อต้านใดๆ มันถูกผลักไปชนกองไม้ที่กำลังลุกไหม้ทางด้านหลังซึ่งเดิมทีควรจะเป็นสิ่งที่ใช้สกัดกั้นแวมไพร์ ทว่าในตอนนี้นั้น มันถูกแวมไพร์ใช้ร่างของซอมบี้สวมเกราะผลักดันจนเขยื้อน
ด้วยพละกำลังอันมหาศาลของแวมไพร์ ร่างของซอมบี้สวมเกราะก็ถูกผลักติดกองไม้ เปลวไฟได้แผดเผาแผ่นหลังของซอมบี้สวมเกราะจนส่งเสียงดังชี่ชี่ออกมา ร่างของซอมบี้สวมเกราะถูกดันจนเริ่มจะทะลุผ่านกองไม้
ในขณะเดียวกันแวมไพร์เองก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่สุขสบายไปกว่ากันสักเท่าใด ขาของมันก็ถูกไฟแผดเผาจนได้รับบาดเจ็บ
เมื่อยังมีร่างของซอมบี้สวมเกราะขวางกั้นอยู่ ดังนั้นช่องว่างที่เกิดขึ้นจึงมีขนาดไม่ใหญ่นัก
แวมไพร์ละทิ้งความคิดที่จะผลักร่างของซอมบี้สวมเกราะ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายถูกเผาไหม้ต่อไป หมอกดำจึงลอยออกมาจากของแวมไพร์อีกครั้ง
แม้จะสัมผัสได้ว่าแรงที่ผลักเข้ามานั้นหายไปแล้ว แต่ด้วยสติปัญญาที่มีอยู่อย่างน้อยนิดของมัน มันจึงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยเหตุนั้นมันจึงยกตั้งโล่ป้องกันอยู่เช่นเดิม
เมื่อฝูงค้างคาวบินรอดช่องว่างออกมา ร็อดก็ทราบได้ทันทีว่าแนวป้องกันชั้นแรกถูกตีแตกแล้ว
ฝูงค้างคาวมารวมตัวกันอีกครั้งที่ด้านนอกห้องฝังศพ จากนั้นจึงกลับคืนร่างเป็นแวมไพร์…..