ผู้กล้าอาคมดำ ตอนที่ 14
กลางดึก
แสงจันทร์ส่องลอดทะลุแมกไม้ ลมโชยพัดพาทำต้นไม้ไหวโอนเอน เผยให้เห็นร่างหนึ่งอย่างคลุมเครือ
บนกิ่งไม้ที่แข็งแกรงมั่นคง ร่างหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิหลังพิงต้นไม้พลางหลับตา แม้ท่านั่งจะไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นจากร่างนี้
หากไม่ทราบมาก่อนก็ย่อมไม่มีผู้ใดคาดคาดว่าจะมีคนมานั่งสมาธิอยู่บนต้นไม้กลางป่าทึบเช่นนี้
สภาพแวดล้อมที่แต่เดิมเคยเงียบสงบเริ่มมีเสียงดังขึ้น หากเงี่ยหูตั้งใจฟังก็จะได้ยินเสียงเคี้ยวดังขึ้นมา ขณะที่เสียงนี้ดังขึ้น สีหน้าของร่างที่นั่งสมาธํิอยู่ก็ค่อยๆแย่ลง
ตอนนี้ร็อดอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เขาเพิ่งจะสงบใจลงได้เองแท้ๆ ตอนนี้กลับถูกเสียงดังขึ้นรบกวนจนสมาธิกระเจิดกระเจิงหมดสิ้น
ผลลัพธ์ของการทำสมาธิยิ่งมายิ่งลดน้อยถอยลง และยิ่งมาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าใด ทว่าจิตใจของเขากลับไม่สงบลงเลย บางทีที่แห่งนี้อาจจะไม่เหมาะสมในการทำสมาธิก็เป็นได้ ร็อดถอนหายใจก่อนจะลืมตาขึ้น
ชั่วขณะที่ร็อดเปิดเปลือกตาขึ้นมานั้นเอง การรับรู้ที่ถูกกดข่มไว้เพราะต้องการสมาธิก็หวนคืนกลับมา ดวงตาของร็อดหรี่ลงขณะมองไปยังทิศทางที่สัญชาตของเขาส่งเสียงแจ้งเตือน
ภายในความมืด ดวงตาสีเขียวหลายคู่ที่สะท้อนแสงในความมืดทำให้บรรยากาศดูน่าขนลุกขึ้นมา ร็อดก้มหน้าลงมองดู จากนั้นจึงเห็นหมาป่าฝูงหนึ่งอยู่ด้านล่าง
กลับกลายเป็นว่า ระหว่างที่ร็อดเข้าสู่สภาวะสมาธินั้น กลิ่นของซากศพเนโครแมนเซอร์ฝึกหัดและพวกซอมบี้นั้นได้ดึงดูดเหล่านักล่าแห่งป่าให้มาที่นี่ และนั่นก็คือฝูงหมาป่าที่อยู่ด้านล่างตอนนี้
ร็อดมองพวกมันเงียบๆ ตอนนี้พวกหมาป่าที่หิวโหยกำลังกัดกินซากศพตามพื้นอยู่ โดยปกติแล้วนั้นพวกหมาป่ามักจะไม่ค่อยกินซากศพ นอกเสียจากพวกมันจะหิวโหยมากจริงๆ หากไม่หิวถึงขีดสุดพวกมันคงไม่กัดกินซากศพที่ทั้งแข็งทั้งเย็นชืดของพวกซอมบี้หรอก
ในระหว่างที่มองดูอยู่นั้น ร็อดก็พบความผิดปกติบางอย่าง เทียบกับซากศพของพวกซอมบี้ที่มีหมาป่ารุมกินกันนั้น ศพของเนโครแมนเซอร์ฝึกหัดกลับมีหมาป่าเพียงตัวเดียวที่อยู่ใกล้ๆ หมาป่าตัวอื่นๆแย่งอาหารจนเกิดการทะเลาะกัน กระนั้นกลับไม่มีสักตัวที่กล้าเข้ามาแย่งศพเนโครแมนเซอร์ฝึกหัดกับหมาป่าตัวนี้
ขณะสังเกตอย่างละเอียด ร็อดก็พบความผิดปกติอีกอย่างของหมาป่าตัวนี้ หมาป่าตัวอื่นๆนั้นจะก้มหน้าก้มตากินศพซอมบี้โดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว มีเพียงหมาป่าตัวนี้ที่คอยมองไปรอบๆอย่างระแวดระวังขณะที่กิน และไม่เพียงเท่านั้น ขนาดของหมาป่าตัวนี้ยังใหญ่กว่าตัวอื่นๆ
ร็อดตระหนักได้ทันทีว่าหมาป่าตัวนี้ก็คือตัวจ่าฝูง
ร็อดกวาดสายตามองดูพวกหมาป่าพลางนับจำนวนของพวกมัน หมาป่าฝูงนี้มีกันเกือบสิบตัว เมื่อประเมินความแข็งแกร่งของเขาดูแล้ว ร็อดก็ขมวดคิ้วมุ่น
ศัตรูคราวนี้ต่างจากพวกอันเดด พวกอันเดดนั้นมีพลังชีวิตที่สูง ทว่าเคลื่อนไหวเชื่องช้าและการโจมตีก็ไร้ประสิทธิภาพ อาศัยเพียงทักษะดาบก็สามารถกำจัดจนสิ้นซาก แต่พวกหมาป่านั้นไม่เหมือนกัน พวกมันมีกลยุทธ์ พวกมันแข็งแกร่งยามออกล่าเป็นฝูง และแม้ว่าด้านสภาพร่างกายจะเทียบกับพวกอันเดดไม่ได้ แต่พวกมันก็เร็วกว่า นี่ทำให้ร็อดรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง
ยามเมื่อถูกพวกมันโอบล้อมเอาไว้ เขาจะตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบอย่างมาก ขอเพียงมีหมาป่าตัวนึงหลุดรอดมางับเข้าที่ขาของเขาได้ เขาก็จะสูญเสียการเคลื่อนไหว จากนั้นหมาป่าตัวอื่นๆก็จะเข้ามากลุ้มรุม ยังมีจ่าฝูงหมาป่านั่นอีก…
ร็อดรู้ว่าสิ่งมีชีวิตอย่างตัวจ่าฝูงนี้ก็คือหมาป่าที่พัฒนาขึ้นมาจากหมาป่าธรรมดา และมันก็สามารถใช้เวทมนตร์ได้ เทียบกับหมาป่าทั่วไปแล้ว จ่าฝูงหมาป่าตัวนี้ต่างหากที่เป็นภัยคุกคามของจริง
‘ลอบสังหารเหมือนกับเนโครแมนเซอร์คนนั้น?’ ร็อดครุ่นคิดอย่างลังเล
นึกถึงฉากที่ทิ้งตัวลงไปสังหารเนโครแมนเซอร์ฝึกหัดคนนั้นแล้ว ร็อดก็ส่ายศีรษะเบาๆ
ตอนที่เขาทิ้งตัวลงไปนั้น เนโครแมนเซอร์ฝึกหัดก็รู้สึกตัวและหันกลับมาทันที แต่เป็นเพราะขาดซึ่งความแข็งแกร่งและความคล่องตัว เขาจึงหลบคมดาบไม่พ้น
จ่าฝูงหมาป่านั้นไม่เหมือนกัน สัญชาตญาณระวังภัยของมันสูงมาก วินาทีที่เขาทิ้งตัวลงไป มันจะต้องรู้ตัวแน่ และด้วยร่างกายที่คล่องแคล่วปราดเปรียวของมัน มันจะหลบได้ทันที
หากว่าไม่ลอบสังหารแล้วลงไปปะทะกันซึ่งหน้า ผลลัพธ์นั้นก็ยากจะบอกได้ ต่อให้สุดท้ายแล้วเขาจะชนะ แต่นั่นก็คงเป็นชัยชนะที่ได้มาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด และตอนนั้นเขาก็คงใกล้หมดแรงเต็มที
ขณะที่สายตากวาดมองดูฝูงหมาป่าที่อยู่รอบๆ ร็อดก็ยังคิดอะไรไม่ออก
เขาลองค้นทบทวนดูสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันในความทรงจำ และทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรออก ดวงตาของร็อดไหววูบ เขามีวิธีแล้ว
เพื่อที่จะใช้วิธีการนั้น ร็อดจำเป็นจะต้องเตรียมตัวสักหน่อย
เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่มีแสงจันทร์ส่องถึง จากนั้นจึงเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมา
…………..
“…..”
“สิ้นสุดการทำสมาธิ”
“พิจารณาจากความก้าวหน้าในการทำสมาธิ ค่ามานาสูงสุดของคุณเพิ่มขึ้น 8 ค่ามานาปัจจุบันของคุณ 14/14”
“การทำสมาธิระยะต้นไม่ได้รับผลลัพธ์พิเศษ”
……………
มานาเพียงพอแล้ว
คิดได้ดังนั้น ร็อดก็ถ่ายเทมานาเข้าไปในแหวนมิติที่อยู่บนนิ้วมือ
ในหน้าต่างคุณสมบัตินั้น ค่ามานาค่อยๆลดลง เมื่อมานาลดลงจนถึง 10/14 แหวนมิติก็หยุดดูดซับมานา
ในตอนนั้นเองร็อดก็รู้สึกได้ว่าแหวนมิติวงนั้นกำลังทำการสร้างพันธะระหว่างมันกับเขาขึ้นมา เพียงแค่ใช้ความคิด จตสำนึกของเขาก็สามารถทะลุเข้าไปภายในแหวนและเรียกใช้งานสิ่งของด้านใน
ร้อดปล่อยจิตสำนึกเข้าไปในแหวนมิติ แหวนมิติวงนี้มีพื้นที่ราวสองถึงสามลูกบาศก์เมตร สิ่งแรกที่จิตสำนึกของร็อดตรวจพบก็คือเหรียญทองที่กองรวมกันไว้ กะประมาณโดยคร่าวๆดูแล้วคงจะมีสักสองพันเหรียญ
หนังสือสองเล่มและม้วนคัมภีร์อีกหลายม้วนถูกวางไว้บนกองเหรียญทอง และมันยังมีดาบเหล็กสองเล่มและโล่เหล็กอีกหนึ่งอัน พวกมันดูคล้ายกับของที่พวกนักรบโครงกระดูกเคยใช้ ตรงมุมของพื้นที่ยังมีอาหารแห้งและถุงน้ำดื่มวางเอาไว้ ข้างๆยังมีกองชุดเสื้อผ้าและด้านบนสุดก็มีเข็มกลัดวางเอาไว้
เมื่อพบเจอสิ่งที่ต้องการ ร็อดก็นำหนังสือและม้วนคัมภีร์ออกมา จากนั้นจึงอาศัยแสงจันทร์ตรวจดูหน้าปกหนังสือ
ปกของหนังสือเล่มแรกเขียนเอาไว้ว่า “การเลือกแนวทางพื้นฐาน” ขณะที่พวกม้วนคัมภีร์นั้นไม่มีตัวอักษร มีเพียงสัญลักษณ์อันแปลกประหลาดที่ไม่ทราบความหมายถูกเขียนเอาไว้ แต่ร็อดจำสัญลักษณ์พวกนี้ได้ มันก็คือ [ไลท์นิ่งโบลท์] [เมจิกแอโรว์] และ [ฮีลลิ่งวูนด์] อีกสองม้วน
ร็อดถือหนังสือเอาไว้ในมือ จากนั้นจึงเก็บไอเท็มที่เหลือเข้าแหวนมิติ
ร็อดเก็บพวกม้วนคัมภีร์ตามความเคยชิน ในชีวิตก่อนนั้นเขามักจแยกหนังสือและม้วนคัมภีร์เอาไว้อย่างชัดเจน นั่นก็เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถดึงม้วนคัมภีร์ออกมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว ร็อดลูบปกหนังสือ จากนั้นจึงเปิดหน้าแรก
หน้าหนังสือถูกพลิกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว หลังจากเปิดผ่านๆไปไม่กี่หน้า ร็อดก็รู้แล้วว่ามันคืออะไร มันคือตำราเวทของเอลล็อต
ตำราเวทนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเรียนรู้เวทมนตร์ของนักเวท เนื่องจากความจำของมนุษย์นั้นยังไม่ดีพอ ด้วยเวลาและปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นๆ ความเป็นไปได้ที่จะหลงๆลืมจึงเพิ่มขึ้นตาม ตำราเวทก็คือสิ่งที่มีไว้เพื่อช่วยในการจดจำ
ตำราเวทจะช่วยให้นักเวทสามารถจดแก่นสารสำคัญเอาไว้ ขณะเดียวกันก็เพื่อที่จะร่ายเวทให้ออกมาถูกต้องตามผลลัพธ์ ที่นักเวทต้องทำก็คือร่ายเวทตามตำราที่บันทึกไว้
เนื่องจากนักเวทจะใช้เงินทองส่วนใหญ่ในการศึกษาและเรียนรู้เวทมนตร์ ตำราเวทที่ถูกบันทึกไว้โดยนักเวทผู้หนึ่งจึงล้ำค่ามาก ล้ำค่าเกินกว่าจะถูกเรียกว่าสมบัติธรรมดา
ขณะที่พลิกหน้าหนังสือ ร็อดก็ใช้แต้มสกิล 1 แต้มเพื่อเรียนรู้สกิลรอบรู้
—————————————–
[รอบรู้ ระดับต่ำ]: โดยการเรียนรู้ผ่านสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ สติปัญญาของคุณจึงได้รับการยกระดับ ขณะเดียวกันภูมิความรู้ของคุณก็เพิ่มมากขึ้น บทร่ายจำนวนหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในจิตใจ คุณเริ่มที่จะเข้าใจสัจธรรมที่บรรจุไว้ในบทร่าย ตอนนี้คุณสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ระดับ 1 ได้แล้ว
—————————————–