ผู้กล้าอาคมดำ ตอนที่ 13
ในป่าที่มีเพียงแสงสลัว เลือดสีแดงคล้ำไหลนองเต็มพื้นดิน ท่ามกลางเศษซากโครงกระดูกที่กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนกลาด ร่างหนึ่งกำลังสะบัดเลือดที่ติดบนใบดาบออก ในอากาศยังคงตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า
หลังจากจัดการร่างสถิตย์มานาลงได้ ร็อดก็ใช้เรี่ยวแรงที่ยังเหลือทำการกวาดล้างพวกอันเดดจนหมด
หลังจากที่กำจัดศัตรูทั้งหมดแล้ว ร็อดก็ไม่ได้หยุดพัก เขาเริ่มทำการเก็บกวาดสนามรบและตรวจนับสิ่งของ
ในระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ร็อดไม่เห็นพวกอันเดดพกพาสัมภาระใด ดังนั้นเขาจึงตรงไปค้นศพของเนโครแมนเซอร์ฝึกหัด
ร่างกายของเนโครแมนเซอร์ฝึกหัดเต็มไปด้วยรอยแผลจากการระเบิดของมานา ยับเยินจนมีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่ง
ร็อดถอนหายใจ ศพของผู้กล้าคนหนึ่งกลับถูกทำลายเสียไม่มีชิ้นดี หากว่าสภาพของมันยังดี มันก็คงใช้ทำประโยชน์ได้มากกว่านี้
ซากศพระดับผู้กล้า หากว่านำไปใช้สร้างอันเดด อันเดดที่ได้ย่อมแข็งแกร่งเหนือธรรมดา และหากว่าผ่านพิธีกรรมบางอย่าง บางทีมันอาจจะมีคุณสมบัติถึงขั้นเดธไนท์
ไอเท็มทรงพลังบางชนิดเองก็จำเป็นต้องใช้ศพของผู้กล้า และคนสร้างไอเท็มเหล่านั้นก็คงไม่สนใจว่าศพผู้กล้านี้จะเป็นศพของเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ไหน
ด้วยเหตุผลข้างต้น ศพของผู้กล้าจึงมีมูลค่าสูง ต่อให้หอการค้าอิสระไม่รับซื้อ แต่ขายให้ตลาดมืดก็ยังมีราคาสูงลิ่ว
แน่นอนว่าราคาของผู้กล้าที่ยังมีชีวิตย่อมดีกว่าผู้กล้าที่ตายแล้ว
น่าเสียดายที่ศพของผู้กล้าเนโครแมนเซอร์ฝึกหัดถูกทำลายจนเสียสภาพ ค่าความสามารถที่มีย่อมเสียค่าไป แม้แต่จะเปลี่ยนให้เป็นอันเดดยังทำไม่ได้
ขณะที่ค้นตัว ร็อดก็พบจี้เส้นหนึ่งในอกเสื้อของศพ จี้เส้นนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด มันทำให้ร็อดรู้สึกแปลกๆ ร็อดยกมือของศพขึ้นมา และเขาก็พบแหวนกลมเกลี้ยงวงหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะมีประสบการณ์จากในอดีต ร็อดก็คงจะมองข้ามตำแหน่งนี้ไปแล้ว
เนโครแมนเซอร์ฝึกหัดส่วนใหญ่มักขาดแคลนเงินทอง เป็นเรื่องยากที่จะมีเครื่องประดับอย่างจี้หรือแหวนพกติดตัว
ร็อดถอดแหวนออกมา จากนั้นจึงลองสวมใส่นิ้วของตน ร็อดรู้สึกได้ว่ามานาของเขาค่อยๆไหลเข้าสู่ตัวแหวน เขารู้ว่าตนเองเจอแจ๊คพอตเข้าให้แล้ว มันเป็นแหวนมิติ
แหวนมิติมีราคาแพงมาก แพงจนเนโครแมนเซอร์ฝึกหัดคนหนึ่งยากจะครอบครองได้ เดาว่าเงินที่ใช้ซื้อสิ่งนี้คงได้มาจากการขายผู้กล้าโรว์ลิ่ง
ร็อดจำได้ว่าปกติแล้วการจะเปิดแหวนมิตินั้นต้องใช้มานา 10 หน่วย หลังจากทำเช่นนี้แล้ว ต่อให้ทำแหวนหล่นหายไปก็จะไม่มีใครสามารถเปิดมันได้จนกว่าเจ้าของเดิมจะตายไป
ร็อดจ่ายมานาต่อไป แม้จะรู้สึกถึงกระแสมานาที่ไหลเข้าไป หากทว่าแหวนมิติก็ยังคงนิ่งสนิท ร็อดเดาว่าปริมาณมานาที่มีในปัจุบันยังไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำในการเปิดมัน ร็อดก็ไม่คิดอะไรมาก เก็บเอาไว้เปิดทีหลังก็ได้
ปกติแล้วเขาเป็นคนถนัดขวา เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้แหวนส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ ร็อดจึงสวมแหวนมิติไว้ที่นิ้วชี้ข้างซ้าย
จากนั้นร็อดจึงตรวจดู สร้อยเส้นนี้เป็นรูปทรงเพชรที่มีผ้าสีเหลืองและสีดำพันอยู่ชั้นรอบๆ ซึ่งขณะนี้ได้ย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดไปแล้ว
เดาจากรูปลักษณ์ภายนอกไปก็ไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้ ดังนั้นร็อดจึงเปิดหน้าต่างคุณสมบัติขึ้นมา
—————————————————–
[เจตจำนงแห่งเอลล็อต]
ระดับ: ผู้กล้า
ประเภท: สร้อย
ความต้องการในการสวมใส่: ไม่มี
ค่าคุณสมบัติ: การรับรู้สิ่งที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด+3
การประเมิน: สิ่งที่มีเจตจำนงของผู้กล้าซ่อนแร้นอยู่ภายใน มันจะสามารถนำพาความเปลี่ยนแปลงมาให้อย่างเหลือเชื่อ “ไม่ว่าจะเป็นเทพเทวา เทพโบราณ หรือวิญญาณร้ายจากนรก ได้โปรดนำเจตจำนงแห่งข้าไป เพื่อทำลายความสงสัยหรือลังเลใจให้หมดสิ้นไปจากข้า” -เอลล็อต
—————————————————–
จากหน้าต่างคุณสมบัติแล้ว ร็อดก็ได้รู้ว่าสร้อยเส้นนี้ถึงกับเป็นไอเท็มระดับผู้กล้า เป็นไอเท็มที่มีคุณสมบัติซ่อนเร้น
สร้อยเส้นนี้ยังมีคุณสมบัติที่ยังไม่เปิดเผยอยู่ ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือการเพิ่มอัตราฟื้นฟูมานา แต่ค่าคุณสมบัติพื้นฐานที่เปิดเผยออกมานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้โดยตรง
ภายในเกมนั้นผู้เล่นจะสามารถสวมใส่สร้อยคอได้พร้อมกันสูงสุดสามเส้น หากว่าเกินสาม สร้อยที่เกินมานั้นก็จะไม่มีผลเอฟเฟกต์และเป็นได้แค่เครื่องประดับเพิ่มความสวยงามเท่านั้น
ร็อดจำได้ว่า หากสวมใส่สร้อยสามเส้นพร้อมกันก็จะได้รับรางวัลความสำเร็จ
เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติของสร้อยเสร็จแล้ว ตอนที่ร็อดกำลังจะปิดหน้าต่างนั้นเอง ร็อดก็สังเกตเห็นคำว่า ‘เอลล็อต’ อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สะดุดตา มันคือชื่อเจ้าของคนเก่าของสร้อย
“เอลล็อต….”
ร็อดคลับคล้ายคลับคลาว่าในชีวิตก่อนเคยได้ชื่อนี้ แล้วเขาก็นึกออก….
ผู้กล้าเอลล็อตมีบทบาทอยู่ในภาคเสริมแรกๆของเกม และมีบทบาทอย่างมากในภาคเสริมที่ชื่อว่า “ชาโดว์ออฟเดธ”
ปูมหลังของเอลล็อตนั้นเป็นปริศนา ไม่มีใครรู้ความเป็นมาของเขา เท่าที่มีข้อมูลบันทึกไว้ จุดเริ่มต้นของเขาก็เริ่มที่โรงเรียนเนโครแมนเซอร์แล้ว เอลล็อตได้เข้าร่วมสนามรบในฐานะเนโครแมนเซอร์ และในเวลาไม่นาน เขาก็ได้กลายเป็นหนึ่งในเนโครลอร์ดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเวลานั้นด้วยเวทมนตร์อันวิจิตรงดงามและวิธีการอันเหี้ยมโหด
ข้อมูลจากเกมเหล่านี้ปรากฏขึ้นในหัวของร็อด ร็อดก้มลงไปมองศพของเอลล็อตอีกครั้ง
ผู้กล้าที่ถูกกำหนดให้มีชะตาที่ยิ่งใหญ่ กลับมาถูกเขาฆ่าตายกับมือตั้งแต่ยังไม่เติบโต ดูเหมือนว่าเขาจะได้เปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องของเกมไปไม่มากก็น้อยเสียแล้ว…..
กล่าวก็คือ เนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นภายในเกมที่เขารู้จักจะไม่เกิดขึ้นอีก มันจะแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาทำได้แค่อ้างอิงจากประสบการณ์บางส่วน แต่ไม่อาจมั่นใจในเนื้อเรื่องที่เคยรู้จัก เมื่อต้องเคลียร์ภารกิจในอนาคต เขาจะต้องตัดสินใจให้รอบคอบกว่านี้….
ร็อดมองดูสร้อยที่อยู่ในมือ ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรออก
คุณสมบัติเพิ่มการรับรู้ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อคนทั่วไปนัก แต่กับร็อดที่มีภารกิจที่ผูกมัดกับจิตวิญญาณนั้นไม่ใช่ คุณสมบัตินี้คือสิ่งที่ร็อดต้องการมากที่สุด
ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอยู่บ้างว่าจะตามหาน้องสาวได้อย่างไร แต่หลังจากได้สร้อยเส้นนี้มา ขอเพียงโรว์ลิ่งอยู่ในระยะที่กำหนด ร็อดจะสามารถรับรู้ได้ทันที
ร็อดสวมสร้อยเอาไว้ การรับรู้นี้จะส่งผลเมื่ออยู่ในรัศมีที่กำหนด อีกทั้งการสวมใส่เอาไว้ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการเคลื่อนไหว
เนื่องเพราะไอเท็มอื่นๆของเอลล็อตนั้นอยู่ภายในแหวนมิติ และร็อดเองก็ยังไม่มีมานาเพียงพอจะเปิดมัน เขาคงได้แต่เก็บเอาไว้ทดลองตอนที่มีมานาสูงกว่านี้
แสงสว่างเริ่มลดน้อยลง
บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเหล่าต้นไม้ภายในป่า หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเขาจดจ่ออยู่กับการต่อสู้จนเกินไป สามธิของเขาจดจ่ออยู่ที่เอลล็อตทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว หลังจากเก็บกวาดเสร็จสิ้น ยามที่เขาเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เขาก็พบว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว
เป็นเพราะภายในสุสานนั้นทั้งเหม็นอับทั้งมืดสลัว ร็อดจึงกลับไปที่ต้นไม้ที่เขาเคยใช้ซ่อนตัว เขาเตรียมจะนั่งสมาธิจนกว่าจะมีมานาเพียงพอในการเปิดแหวนมิติ…..