ผมลาออกจากการเป็นผู้กล้าเพราะเงินเดือนมันน้อยตอนที่6 ลมหนาวจากทางเหนือ

ตอนที่6 ลมหนาวจากทางเหนือ

ใช้เวลาไม่นานหลังออกมาจากเมืองชายแดน รถม้าที่ไดอาน่านั่งมาก็มาถึงพรมแดนของอาณาจักมิเนเรีย

เมื่อมองเห็นประตูกำแพงที่ยังคงเปิดอยู่ไดอาน่าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ใกล้ถึงเขตตรวจคนเข้าเมืองแล้วนะครับ รบกวนผู้โดยสารเตรียมค่าผ่านทางด้วยครับ”

เสียงของชายชราดังขึ้นขณะที่รถม้ากำลังชะลอตัวลง

ผู้โดยสารหลังที่นั่งต่างหยิบถุงผ้าที่เต็มไปด้วยเหรียญออกมา

“รถโดยสารเหรอ เอาคนมาเท่าไร”

“หะ ห้าคนครับท่าน”

ชายชราผู้คุมรถม้ากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ห้าเองเรอะ นึกว่าจะได้เยอะกว่านั้นซะอีก รีบลงมาจ่ายค่าผ่านทาง อย่าทำให้ต้องเสียเวลา”

เมื่อได้ยินคำสั่งนั้นไดอาน่าและเหล่าผู้โดยสารก็เดินลงจากรถม้า

“เอาล่ะ ๆ รีบจ่ายมาคนละห้าเหรียญเงิน”

“หะห้าเหรียญเงิน! —— ”

ไดอาน่าที่อุทานออกมาถูกมือของชายหนุ่มในผ้าคลุมปิดปากเอาไว้ได้ทัน โชคดีที่ทหารยามไม่ได้สนใจอะไร

“ตะ แต่ครั้งก่อนมันแค่หนึ่งเหรียญเงินเองนะครับท่าน”

“เฮ้ย อย่าถามมาก รีบ ๆ จ่ายมา ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ต้องผ่าน”

เสียงถอนใจของแต่ละคนดังออกมาจนได้ยินชัด ถึงจะรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในสถานการณ์แบบนี้การที่ได้ออกจากเมืองได้ก่อนประตูจะปิดก็ถือว่าโชคดีมากพอแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็แค่ก้มหน้าก้มจ่ายไปตามจำนวนนั้นอย่างช่วยไม่ได้

ใช้เวลาไม่นานหลังตรวจสัมภาระ รถม้าคันดังกล่าวก็เริ่มขยับอีกครั้ง

“เฮ้อ~”

เด็กสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงเธอจะได้รับเอกสารยืนยันตัวตนมาจากกิลด์แล้ว แต่ถ้าเมื่อกี้เธอเผลอทำตัวน่าสงสัยก็ไม่แน่ว่าทหารยามอาจจะไม่ยอมให้ผ่านทางก็ได้

“ขอบคุณนะที่ช่วยเอาไว้เมื่อกี้”

“…”

ไดอาน่ากล่าวขอบคุณชายในชุดคลุม แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นเพียงความเงียบสงัด พอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากคุยด้วยเธอจึงตัดใจและไม่เซ้าซี้ต่อ

ไม่นานหลังจากนั้นชายวัยกลางคนทั้งสองก็เริ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

“แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ เล่นตั้งราคากันแบบนี้”

“ที่ทำแบบนั้นก็เพราะรู้ว่าถ้าเป็นชาวบ้านตาดำ ๆ ไม่มีวันจ่ายไหวไงเล่า”

“แย่ซะจริง คิดถูกแล้วล่ะที่รีบออกมาก่อนเกิดเรื่อง”

“อะไร? ทำไมพูดยังกับว่าตอนนี้ยังแย่ไม่พอ”

“นี่ไม่เคยเข้าเมืองหลวงมิเนเรียหรอ? เห็นว่าเป็นผู้ลี้ภัยเหมือนกันหรอกนะ”

“…”

บุคคลใต้เสื้อคลุมชำเลืองมองชายชราทั้งสองที่กำลังซุบซิบอย่างออกรส ไดอาน่าที่นั่งอยู่ข้างก็สัมผัสได้ว่าเขากำลังฟังสิ่งที่คนทั้งสองพูด

“ดูเหมือนจะมีสายลับอยู่ในเมืองหลวงล่ะ ที่นี้พอเรื่องสายลับรู้ไปถึงหูองค์กษัตริย์ภายในเลยวุ่นวาย โชคดีที่ฉันออกจากเมืองหลวงมาก่อนที่ประตูจะปิดตายอะนะ ส่วนที่เหลือก็ไม่รู้แล้วล่ะ”

“เห็นว่าที่เมืองหลวงอัญเชิญผู้กล้ามาได้แล้วไม่ใช่รึไง จะกลัวอะไรแค่สายลับ”

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ว่าแต่นายเหอะ เคยเห็นหน้าตาผู้กล้าที่ว่านั่นรึเปล่าล่ะ”

“จะว่าไปแล้วก็ไม่เคยเห็นเลย”

“ก็นั่นไง ไอ้ผู้กล้านั่นมีตัวตนรึเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะเป็นแค่คำขู่ที่ทางอาณาจักรกุขึ้นมาก็ได้”

“…”

ไดอาน่าที่เพิ่งรับรู้ข้อมูลนั้นได้แต่นิ่งเงียบไม่ส่งเสียง เธอทำเป็นไม่ได้ยินอะไรและหยิบหมวกใบเล็กขึ้นมาสวม กลับกันชายในชุดคลุมดูจะตั้งใจฟังอย่างเห็นได้ชัด

ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางพ้นรอยต่อของการปกครอง แม้จะไม่ใช่ทิศทางที่รถม้าวิ่งไป แต่จากตรงนี้ก็สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของเทือกเขาสูงเสียดฟ้า มันเป็นเทือกเขาที่ทอดยาวขวางกั้นอาณาจักรอัลเลนและมิเนเรีย

และมันก็ไม่ได้เป็นแค่แนวกั้นที่ทำให้สองประเทศเจอกันไม่ได้ มันยังเป็นสิ่งกีดขวางเดียวที่ทำให้อาณาจักรมิเนเรียอากาศดีตลอดปี เพราะเทือกเขาแห่งนี้มันขวางกั้นลมหนาวจากทางเหนือ จึงทำให้มีแค่อาณาจักรอีเดนที่ต้องเจอกับลมหนาวจากทางเหนือ

“ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ได้มาเห็นใกล้ขนาดนี้ นี่เหรอเทือกเขาสันหลังมังกร”

ไดอาน่าอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นหลังได้เห็นเทือกเขาสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทิศเหนือ เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวผ่านแนวกั้นของเทือกเขานั้นก็สัมผัสได้ถึงลมหนาวที่พัดลงมา

“อย่างที่ลุงดวอร์ฟบอกเลยแฮะ”

“เอ๊ะ? เมื่อกี้เขาพูดอะไรรึเปล่า”

เสียงนั้นดังมาจากบุคคลในชุดคลุม แต่พอไดอาน่าหันไปมองเขากลับทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปที่ใต้เกราะอกเพื่อทำบางอย่าง พอชายชราที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้เห็นก็เริ่มชวนคุย

“โอ้ว เป็นชุดที่มีฉนวนทำความร้อนงั้นรึ สะดวกดีจัง เป็นนักผจญภัยแรงค์สูงเลยสินะถึงได้มีของดีแบบนั้น”

เขาพูดขณะที่กำลังหยิบเสื้อกันหนาวขนสัตว์ขึ้นมาสวม

“อา เป็นของที่ผู้มีพระคุณทำให้ก่อนจากลาน่ะ”

บุคคลใต้ผ้าคลุมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“แค่ได้ยินว่าอาณาจักรอีเดนเป็นเขตหนาวเลยเตรียมตัวมาดี”

“เห~ สะดวกดีนิ คงเป็นคนมีเงินสิท่า”

ไดอาน่ากล่าวอย่างจิกกัดเมื่อเห็นว่าชายปริศนาตอบคำถามคุณลุง แต่เลือกที่จะเมินเธอในตอนแรก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบกลับ เสียงของคุณลุงเจ้าของรถก็ดังขึ้นเสียก่อน

“แถวนี้เป็นแหล่งขุดเหมืองเก่า เพราะงั้นเลยมีพวกมอนสเตอร์มาทำรังในถ้ำที่ไม่ได้ปิด รบกวนผู้โดยสารอย่าส่งเสียงดังมากนักนะครับ”

“กรี๊ด——”

ทันทีที่สิ้นสุดคำพูดของคุณลุงเจ้าของรถม้า เสียงร้องประหลาดก็ดังขึ้นแทบจะในทันที

คุณเจ้าของรถที่มีประสบการณ์จึงหยุดรถทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ พร้อมมือที่เอื้อมไปหยิบสัญญาณควันฉุกเฉินที่เตรียมมา

“มอนสเตอร์ซุ่มโจมตีเรอะ?”

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ”

ชายชราที่คุยกันอยู่บนรถกล่าวถามกับคุณลุงเจ้าของรถ

ในตอนที่ผู้โดยสารต่างสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นั้นเอง ชายในชุดคลุมก็กระโจนออกจากรถม้าก่อนจะมองออกไปยังทิศของเสียง เขาจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดสิ่งที่เห็นออกมาให้คนอื่นได้รับรู้

“มีนักผจญภัยถูกโจมตีอยู่ด้านหน้า มีสามคนได้รับบาดเจ็บจนขยับไม่ได้ และมีอีกหนึ่งคนที่กำลังสู้ ส่วนศัตรูเป็น…ไดร์อาวูล์ฟเหรอ? ไม่น่าใช่”

“ดะ ไดร์อาวูล์ฟ!? ไม่จริงน่า มันเป็นสัตว์กลางคืนไม่ใช่เหรอ? แถมตรงนี้ก็ไกลป่าด้วย”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่รีบยิงสัญญาณควันก่อนเร็ว”

อาจเป็นเพราะประสบการณ์อันโชกโชน เจ้าของรถม้าไม่รอช้าหยิบพลุมายิงสัญญาณควันทันที

“ดูท่าคนที่กำลังสู้นั้นเหมือนจะไม่ไหวแล้วแฮะ”

“ระยะขนาดนั่นยังมองเห็นอีกงั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นพรศักดิ์สิทธิ์”

ชั่วขณะหนึ่งความคิดเช่นนั้นก็ผุดขึ้นในหัวของไดอาน่า แต่เพราะชายในชุดคลุมกระโจนออกจากรถม้าก่อนจะเริ่มวิ่งไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว เธอจึงพักความสงสัยนั้นทิ้งไปก่อนกระโดดลงจากรถม้าเช่นกัน

“นี่พวกเธอคิดจะทำอะไรน่ะ ถะ ถ้าเป็นไดร์อาวูล์ฟจริงแค่สองคนไม่ไหวหรอกนะ”

“จริง ๆ แค่ฉันคนเดียวก็พอ”

เด็กหนุ่มไม่ได้หันกลับมามอง เขาได้แต่กระซิบกล่าวก่อนจะพุ่งออกไปพร้อมอาวุธรูปร่างคล้ายธนูที่ถูกซ่อนเอาไว้ใต้ผ้าคลุม

“อะไรน่ะ เร็วเกินไปแล้วนะ”

ไดอาน่าแม้จะลังเลอยู่บ้าง แต่พอเห็นชายคนนั้นวิ่งออกไปเธอจึงไม่มีทางเลือก

“โธ่เอ๊ย หลังจบงานต้องเอาส่วนแบ่งมาให้ฉันด้วยนะ!”

ฝีเท้าของชายในชุดคลุมหยุดลง เขามองพวกหมาป่าก่อนจะเริ่มนับจำนวนพวกมัน

“สิบสองตัว เยอะกว่าที่เห็นเมื่อกี้ น่าจะพอไหวอยู่”

“อะไรนะ?! สิบสองตัว!”

ไดอาน่าหอบหายใจขณะพูด เธอวิ่งอย่างสุดแรงเพื่อไล่ตามเขาคนนั้นให้ทัน

“ตรงนี้น่าจะได้”

ชายในชุดคลุมเริ่มตั้งท่า สายของคันธนูในมือถูกง้าง ลูกศรไร้รูปทรงปรากฏจากความว่างเปล่า มันไร้สีสัน เป็นเพียงแสงที่น่าจะเกิดจากมวลพลังเวทของคันศร

“ถึงว่าล่ะทำไมไม่เห็นกระเป๋าธนู เป็นคันศรเวทมนตร์งั้นเหรอ? เพิ่งเคยเห็นเลย”

“สองตัวทางซ้าย”

เมื่อสิ้นเสียงลูกธนูพลังเวทในมือจึงถูกปล่อย แสงที่ไร้เงาพุ่งตัดผ่านอากาศทะลุไป แสงนั้นรวดเร็วจนมองไม่เห็นแม้แต่ตำแหน่งของเป้าหมาย

“อีกสองตัวทางขวา”

ประโยคคล้ายเดิมถูกกล่าวอีกครั้ง พร้อมคันศรที่ปล่อยแสงออกไปเป็นครั้งที่สอง

เมื่อลองมองออกไปยังทิศทางตามดวงตาคู่นั้นก็เห็นร่างของหมาป่าขนสีขาวล้มลงพร้อมกันสี่ตัว ศรพลังเวทพุ่งทะลุร่างเพียงสองนัดก็เก็บไปได้ถึงสี่ศพ

ทันทีที่หมาป่าเห็นพรรคพวกล้มลงนอนอาบเลือด เจ้าตัวที่เหลือก็เปลี่ยนเป้าหมายแทบจะในทันที

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแปดคู่จ้องมองมายังคนทั้งสอง คมเขี้ยวของสัตว์ร้ายแยกออกพร้อมเสียงร้องครวญครางน่าขนลุก ทันทีที่มันเห็นเป้าหมายมันพุ่งตรงเขามาอย่างหิวกระหาย

“ช่วยถอยไปก่อนได้ไหม พวกมันคงไม่ได้เหลือแค่แปดหรอก”

เขาชำเลืองมองมาที่เธอด้วยแววตายากจะเข้าใจ แต่ถึงกระนั้นเด็กสาวก็ไม่เถียงอะไร เพราะรู้ดีว่าเอาชนะหมาป่าพวกนั้นทั้งหมดไม่ได้

ยังไม่ทันที่ไดอาน่าจะก้าวถอยออกมา——ร่างเงาของสัตว์สี่ขาจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกจากพุ่มไม้

เธอสัมผัสถึงความรู้สึกประหลาดที่ปลายกระดูกสันหลังไล่ขึ้นมาถึงต้นคอ มันช่างชวนให้พิศวง ดวงตาของเธอกับเจ้าสัตว์ร้ายสบกันอยู่ครู่หนึ่ง วินาทีนั้นของเด็กสาวมันช่างยาวนาน แต่แล้วก็มีบางสิ่งตัดผ่านร่างเงาเหล่านั้นจนขาดสะบั้น

อาวุธในมือของชายปริศนาที่เคยเป็นธนู ทว่าตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับดาบมือเดียว ไม่มั่นใจว่าใช้ลูกเล่นแบบไหนถึงได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้แบบนั้น

พอรู้ตัวอีกทีใบดาบสีดำนั่นก็ฟาดฟันผ่านร่างที่พุ่งเข้ามาไปแล้วไม่รู้กี่ตัว ความคมของมันนั้นก็น่าเหลือเชื่อ ร่างของหมาป่าถูกหั่นราวกับตัดเนย

ไดอาน่าที่มัวแต่ตกใจได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างนิ่งเฉย นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นส่องแสงเรืองจาง ๆ ท่วงท่าและคมดาบในมือขยับอย่างสอดประสาน สิ่งที่ได้เห็นไม่ต่างจากการร่ายรำท่ามกลางกองเลือด

แต่พอมองเห็นลมหายใจสีขาวที่พ่นออกมาทุกครั้งที่แกว่งดาบ ก็ถึงรู้ว่าทุกการโจมตีนั้นสร้างภาระให้ร่างกายเช่นกัน

ดวงตาสีแดงคู่นั้นที่จับจ้องศัตรูราวกับรู้การเคลื่อนไหวคงจะเป็นสิ่งดึงดูเด็กสาวให้เฝ้ามองโดยไม่รู้ตัว แม้จะรวดเร็วและแม่นยำ แต่ก็หาได้ทรงพลัง ดาบของเขาแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็จัดการศัตรูที่มาพร้อมกันได้ยาก ทันทีที่คิดเช่นนั้นไดอาน่าจึงส่ายหัวเรียกสติให้กลับมา

เธอหยิบอาวุธคู่ใจขึ้นมา หน้าไม้ขนาดกลางที่สร้างจากเหล็กสีดำ มันถูกพับและซ่อนไว้ด้านหลัง เด็กสาวดึงสายพร้อมบรรจุลูกศรลงไป แต่สิ่งที่เป็นเหมือนหัวลูกศรกลับไม่ได้ทำจากเหล็กหรือหิน มันดูคล้ายสิ่งที่ไดอาน่าขว้างใส่โจรที่เมืองก่อนหน้า

“เดี๋ยวจะโชว์ให้ดูว่าฉันทำอะไรได้”

ทันทีที่เห็นว่าชายปริศนาคนนั้นใกล้หมดแรงไดอาน่าจึงยิงศรแบบพิเศษออกไป ศรนั้นพุ่งตรงออกไปตามทิศทางที่ถูกกำหนด แม้จะไม่ได้เร็วเท่าศรของผู้ชายคนนั้น แต่ก็มากพอที่จะพุ่งตรงปักเข้าไปยังเจ้าหมาป่าที่จ้องเล่นงานทีเผลอ

ทันทีที่ศรนั้นสัมผัสโดนเป้าหมายมันก็เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง

เสียงหอบหายของเด็กสาวดังขึ้นใจเล็กน้อยหลังกลั้นหายใจเพื่อยิงศรลูกนั้น และดูเหมือนชายชุดคลุมก็จะดูตกใจด้วย เขาหันกลับมามองไดอาน่าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาหันกลับไปก่อนจะลงมือสะบั้นคอหมาป่าตัวสุดท้ายลง เมื่อลองเพ่งสายตามองไปรอบ ๆ แล้วไม่พบหมาป่า เด็กสาวจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาโดยไม่รู้ตัว

เช่นเดียวกัน เสียงหอบหายใจของชายปริศนาก็ค่อย ๆ  สงบลง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบขวดแก้วสีใสจากกระเป๋าเก็บของใต้ผ้าคลุมผืนนั้น

“โพชั่นเหรอ?”

เขาไม่ได้ตอบคำถามของไดอาน่า ก่อนจะยกดื่มโพชั่นขวดนั้นจนหมดในทีเดียว จากนั้นก็ได้ยินเสียงบ่นพึมพำตามมา

“แหวะ รสแย่ชะมัด แบบนี้ต่อให้กินอีกกี่ขวดก็ไม่ชินเลยแฮะ”

“ทำตัวเป็นเด็กดื้อยาไปได้ ถึงจะเห็นด้วยก็เถอะ”

เขาทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่ไดอาน่าพูด ขวดเปล่าถูกเก็บลงในกระเป๋าอีกใบก่อนที่ทั้งสองจะหันไปมองกลุ่มนักผจญภัยที่ถูกโจมตี แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าไปดูอาการ เสียงของคุณลุงเจ้าของรถม้าก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง

“เป็นอะไรรึเปล่าพวกเธอ”

คุณลุงเจ้าของรถนิ่งอึ้งหลังมองไปยังกองซากศพของไดร์อาวูล์ฟที่นอนกองอยู่บนพื้น

“อีกเดี๋ยวกองทหารหรือนักผจญภัยที่อยู่ใกล้ก็น่าจะมาแล้วล่ะ”

“งั้นเหรอ”

“เดี๋ยวสินายน่ะ เป็นนักผจญภัยสินะ ขอรู้ชื่อหน่อยได้รึเปล่า”

ชายปริศนาถอดฮู้ดคลุมหัวออก เผยให้เห็นดวงตาสีแดงและเส้นผมสีดำ

ภายใต้ผ้าคลุมนั่นคือสีหน้าเรียบเฉย

“…”

“อะไร ไม่อยากพูดกับฉันขนาดนั้นเลยรึไง”

“แล้วทำไมฉันต้องบอกชื่อให้คนไม่รู้จักแบบเธอด้วยล่ะ”

“ก็เพราะไม่รู้จักนี่ไงถึงได้ถามชื่อ!”

ไดอาน่าตอบกลับทันทีที่ได้ยินคำพูดกวนประสาทนั้น

“พะ พวกนี้จะใช่ไดร์อาวูล์ฟจริง ๆ เหรอ? พวกมันเป็นสัตว์หากินกลางคืนนี่ แถมนี่มันก็ค่อนข้างไกลป่าด้วย”

“ไม่รู้สิ พวกเขาอาจจะเผลอได้ทำอะไรพวกมันก่อนรึเปล่า คุณลุงฝากดูอาการพวกที่บาดเจ็บทีนะ”

ไดอาน่าที่รู้ว่าคงปลอดภัยเก็บหน้าไม้ในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปหานักผจญภัยผู้โชคร้ายพวกนั้น

ทันใดนั้น——

แม้จะไม่ได้มีสัมผัสพิเศษแต่ก็รู้สึกได้

มีบางสิ่งร้องคำรามดังออกมาจากทิศทางฝั่งที่เป็นป่า มันทั้งน่ากลัวและน่าเกรงขาม เพียงได้ยิงก็บีบรอดหัวใจให้เต้นรัวจนแทบหลุดออกจากอก

พอหันกลับไปมองตามเสียงนั้นก็พบเข้ากับเงาของบางสิ่งที่กระโจนขึ้นเหนือพื้น มันกางปีกก่อนจะโผบิน เหล่านกและสัตว์น้อยใหญ่ต่างพากันร่ำร้องและหลบหนี

เด็กสาวไม่เคยเห็นสัตว์หน้าตาประหลาดแบบนั้นมาก่อน มันมีลำคอยาว ขาทั้งสี่และปีกหนึ่งคู่ ลำตัวถูกปกคลุมด้วยเกร็ดสีขาวดูแวววาว ทุกลมหายใจนั้นสร้างไอสีขาวลอยคละคลุ้ง

“วะไวเวิร์นเหรอ? มะ ไม่ใช่รูปลักษณ์ที่ราวกับหลุดมาจากเทพนิยายแบบนั้นมัน——“

ผมลาออกจากการเป็นผู้กล้าเพราะเงินเดือนมันน้อย

ผมลาออกจากการเป็นผู้กล้าเพราะเงินเดือนมันน้อย

Score 10
Status: Completed

Options

not work with dark mode
Reset