ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลกบทที่ 400 คำถามสุดท้าย

บทที่ 400 คำถามสุดท้าย

  บทที่ 400 คำถามสุดท้าย

    

    เฉินเฉียงก็พูดจะรู้อยู่บ้างว่าหลิวฉิงหยุนนั้นจะกล่าวถึงเคล็ดวิชาจากโลกอื่น

    

    เคล็ดวิชาเหล่านั้นสมควรจะเป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในแหวนเก็บของของสามจักรพรรดิ

    

    ถึงแม้ว่าร่างจิตวิญญาณของสามจักรพรรดิจะมีโลกใบเล็กอยู่ แต่กับของใช้ทั่วไปนั้นการเก็บไว้ในแหวนเก็บของย่อมสะดวกสบายยามใช้ง่ายกว่ามาก นั่นก็เพราะการจะเปิดปิดโลกใบเล็กนั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องใช้พลังฟ้าดินในการดำเนินการ

    

    สำหรับเคล็ดวิชาที่หลงเหลือไว้ในแหวนเก็บของ พวกมันสมควรจะไม่ใช่เคล็ดวิชาที่สูงส่งแต่อย่างใด

    

    แต่ด้วยการที่มีระบบการบ่มเพาะที่แตกต่างกัน ผู้คนบนโลกปีศาจย่อมไม่อาจเข้าใจและฝึกฝนเคล็ดวิชาเหล่านี้ได้อย่างถ่องแท้ แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาถือว่าพวกมันเป็นสมบัติล้ำค่าไปแทน

    

    สิ่งที่หลิวฉิงหยุนต้องการนั้น ย่อมไม่ใช่สิ่งยากเย็นของเฉินเฉียง

    

    แต่ว่าเขาควรจะทำมันรึเปล่าก็แค่นั้น

    

    กับเพียงสิ่งที่หลิวฉิงหยุนพูดออกมานั้น สำหรับเขาไม่ได้ถือว่ามันเป็นความลับของวิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ

    

    เมื่อเห็นท่าทางของเฉินเฉียงในตอนนี้ หลิวฉิงหยุนก็ราวจะอ่านความคิดเฉินเฉียงออก จึงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ชวนสงสัย

    

    “เฉินเฉียง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะบนเส้นทางอัคคี ดังนั้นข้าจึงไม่กังวลเกี่ยวกับท่าทีของผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตจะทำร้ายเจ้า”

    

    “แต่เจ้าคงไม่ได้ลืมว่าเจ้านั้นมีคุณหนูหยานเสวี่ยของเจ้าอยู่ข้างกาย นางคงไม่ใช่ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางอัคคีด้วยใช่รึเปล่าล่ะ”

    

    “ต่อให้เจ้ามีโอกาสที่จะได้เหยียบย่างเข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ แต่ก่อนหน้านั้นล่ะ เจ้าจะทำยังไง”

    

    “ต่อให้สำนักเต๋าสวรรค์ชั้นฟ้าจะต้องการคนมีความสามารถอยู่ไม่ขาด แต่ถ้าไอ้พวกหุ่นเชิดโลหิตหมายตาคุณหนูของเจ้า เจ้าจะไม่ห่วงเรื่องนางโดนสัมผัสโดยพวกมันเลยรึไง”

    

    “ส่วนไอ้วิธีการป้องกันไอ้พวกหุ่นเชิดโลหิตนั้น ข้าเชื่อว่าเจ้าย่อมรู้ดี”

    

    เมื่อพูดจบ หลิวฉิงหยุนได้นำกล่องหยกออกมาจากแหวนเก็บของ

    

    เฉินเฉียงตาลุกวาวในทันทีเมื่อเห็นสิ่งของข้างในกล่อง

    

    ภายในกล่องนั้นมีต้นไม้บางอย่างที่มีสี่แฉกต้นเล็กๆ

    

    บนใบทั้งสี่ของมันนี้มีสีเขียวมรกต มันใสมากจนสามารถมองเห็นท่อน้ำเลี้ยงข้างในมันได้ด้วยตาเปล่าได้จนทั่วทั้งใบ

    

    นอกจากนี้แล้ว มันก็ไม่ได้มีกลิ่นหรือสิ่งอื่นที่แปลกประหลาด

    

    แต่กระนั้น เฉินเฉียงก็จดจำมันได้ในทันทีว่ามันคือสมุนไพรหมุนเวียนเลือด ที่เขาตามหามาโดยตลอด

    

    เพียงใบของมันใบเดียวก็เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาบอลเลือดปีศาจที่ถูกส่งเข้าไปโดยสัตว์ปีศาจได้ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

    

    หลิวฉิงหยุนได้เหลือบมองไปที่เฉินเฉียงปราดหนึ่ง ก่อนจะเก็บมันกลับไป

    

    “เฉินเฉียง สมุนไพรหมุนเวียนเลือดนี้ข้าได้รับมาตอนไปแกว่วอยู่ที่กำแพงแสงศักดิ์สิทธิ์นั่นอยู่ห้าปี”

    

    “ข้าเห็นว่ามันทรงคุณค่าเกินไป ข้าจึงไม่ได้ใช้มัน”

    

    “แต่ในภายหลัง เมื่อพวกข้าพบเจอสมุนไพรที่ว่ากันว่าล้ำค่านักล้ำค่าหนาขึ้นอยู่บานทุ่งบนเขาโรคา มันก็ทำให้ความคิดของข้าเปลี่ยนไป”

    

    “เฮ้ออออ ไอ้พวกวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นมันคิดใช้เศษหญ้าริมทางนี้ทำให้พวกข้ามุ่งมั่นทำงานถึงห้าปี ช่างน่าโมโหนัก”

    

    “เหตุผลที่ตาแก่คนนี้ยังคงเก็บมันเอาไว้ นั่นเป็นเพราะเอาไว้เป็นสิ่งย้ำเตือนในความระยำของไอ้พวกวิหารศักดิ์สิทธิ์”

    

    “เฉินเฉียง ตราบใดที่เจ้ารับข้อเสนอของข้า ข้ายินดีที่จะมอบมันให้เจ้าในทันที เจ้าคิดว่ายังไง”

    

    เฉินเฉียงพยักหน้ารับอย่าไม่ลังเลแต่อย่างใด “ไม่มีปัญหา”

    

    “ว่าแต่ ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านมั่นใจว่าข้าจะได้เข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

    

    “แล้ว…ทำไมท่านถึงเชื่อมั่นในตัวข้าขนาดนั้น”

    

    “หลิวฉิงหยุนเผยรอยยิ้มละไมออกมาในทันที “เฉินเฉียง ข้าก็อายุเกินกว่าหกสิบปีแล้วในปีนี้ ต่อให้ไม่พนันแบบนี้ ชีวิตของข้าเองก็ต้องจบลงในไม่ช้าอยู่ดี”

    

    “ตอนที่ข้ายังหนุ่ม ด้วยการที่ข้าได้เหยียบย่างเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้ความฝันของข้ามลายสิ้น”

    

    “ด้วยอายุขนาดนี้แล้ว นอกจากการยกระดับขั้นการบ่มเพาะ ตัวข้าก็ไม่มีความหวังในชีวิตเหลืออยู่อีก”

    

    “ในชีวิตของคนผู้หนึ่ง ทุกคนต่างก็มีมุมมองและเส้นทางในการดำเนินชีวิตที่หลากหลาย แต่เมื่อเจ้าได้เห็นโลกจนหมดสิ้น คนที่เลือกเส้นทางผิดก็คงจะรู้สึกนึกเศร้าเสียใจกับชีวิตที่หลงเหลือ”

    

    “เฉกเช่นข้า ผู้ซึ่งยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อผักหญ้าริมทางต้นนี้”

    

    เมื่อเฉินเฉียงได้ยิน เขาก็พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ผู้อาวุโสสูงสุด ข้า เฉินเฉียงขอรับรองว่า ตราบใดที่ข้าได้เหยียบย่างเข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะทำให้คำขอของท่านเป็นจริง”

    

    ถึงแม้พวกเขาจะมาจากโลกที่แตกต่าง และเฉินเฉียงเองก็ไม่ได้รู้สึกดีกับคนในโลกปีศาจเลยก็ตาม แต่สำหรับเฉินเฉียงแล้ว หลิวฉิงหยุนคือคนแก่คนหนึ่งที่คู่ควรจะให้เขาเคารพ มันก็เพียงเท่านั้น

    

    ตราบใดที่เขาสามารถเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาจะทำตามคำขอของชายแก่คนนี้ เพราะมันง่ายราวกับพลิกฝ่ามือของเขาเลยทีเดียว

    

    หลิวฉิงหยุนเองเมื่อได้ยินก็แสดงออกมาด้วยท่าทีที่ปลาบปลื้มใจ ก่อนที่จะวางกล่องหยกตรงหน้าของเฉินเฉียงแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

    

    หลังจากเฉินเฉียงเก็บกล่องหยกกลับไปแล้ว เขาก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัย “ผู้อาวุโสสูงสุด ข้าขอถามได้รึเปล่าว่าทำไมพวกวิหารศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ให้ความสำคัญกับผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตมากมายถึงขนาดนั้น”

    

    “นั่นเป็นคำถามที่ดี”

    

    หลิวฉิงหยุนเอ่ยชมออกมา “เฉินฉียง ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะ เจ้าเองก็ควรจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะลึกลับจากโลกอื่นสามคนที่คงอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ใช่รึเปล่า”

    

    เมื่อเห็นเฉินเฉียงพยักหน้า หลิวฉิงหยุนก็ได้พูดต่อ “จากที่ข้าได้ยินมาตอนอยู่ที่นั่น เมื่อหลายร้อยปีก่อน ผู้บ่มเพาะทั้งสามมีระดับการบ่มเพาะที่สูงล้ำและหลุดเข้ามายังโลกปีศาจ ด้วยเวลาสั้นๆทำให้ทุกคนในตอนนั้นต้องถอยร่นไปตั้งรับที่วิหารศักดิ์สิทธิ์”

    

    “อย่างไรก็ตาม ในช่วงสุดท้าย กลุ่มผู้อาวุโสผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตได้ออกโรงเคลื่อนไหว และใช้หุ่นเชิดโลหิตกว่าร้อยตัวรุมล้อมและหมายสังหารผู้บ่มเพาะทั้งสามคนนั้น”

    

    “ในตอนนั้นแม้เส้นทางหุ่นเชิดโลหิตจะยังไม่เป็นที่นิยม แต่นั่นก็ทำให้วิหารศักดิ์สิทธิ์มองเห็นถึงความหวัง”

    

    “ความหวังที่ว่าสักวันหนึ่ง ยามที่พวกเขามีผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่แข็งแกร่ง พวกเขาจะหาทางข้ามไปยังโลกที่ผู้บ่มเพาะทั้งสามจากมา และแสวงหาวิชาบ่มเพาะที่สูงล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนบนโลกปีศาจ”

    

    “และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวิหารศักดิ์สิทธิ์และสำนักเต๋าต่างๆ ให้ค่าแก่ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตสูงล้ำกว่าผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายอื่น”

    

    เฉินเฉียงลอบพยักหน้าอย่างเข้าใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้

    

    คำพูดของหลิวฉิงหยุนนั้นเป็นไปตามที่เฉินเฉียงคิด

    

    มันเป็นการยืนยันว่าคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์หมายที่จะรุกรานโลกของเขาจริงๆ

    

    ยามใดที่ผู้คนบนโลกนี้ทำลายกำแพงเขตแดนไปได้ล่ะก็ คนบนโลกนี้เมื่อได้เห็นโลกของเขาแล้วจะรู้สึกยังไงกันน้อ

    

    แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง คนบนโลกปีศาจก็ใช่ว่าจะเป็นทุกคนที่หมายหมั้นปั้นมืออย่างบ้าคลั่งในการบุกไปปล้นชิงทรัพยากรบนโลกของเขา กับไอ้คนที่มีความคิดนี้ สมควรจะเป็นเหล่าผู้อาวุโสบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตที่แพร่ขยายอิทธิพลของเคล็ดวิชาสายนี้เสียมากกว่า

    

    “ถ้าอย่างนั้น….ท่านผู้อาวุโส ท่านพอทราบหรือไม่ครับว่าเคล็ดวิชานี้ใครเป็นผู้คิดค้นกัน”

    

    หลิวฉิงหยุนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะส่ายหัวไปมา “ย้อนกลับไปตอนนั้น ข้าเองไม่ได้อยู่ที่นั่นนานพอ แล้วข้าจะไปล่วงรู้ความลับเช่นนี้ได้ยังไง”

    

    “แม้แต่ห้องสมุดภาคกลางที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดและบันทึกเรื่องราวของผู้แข็งแกร่งทุกคนเอาไว้ แม้แต่ผู้บ่มเพาะจากโลกอื่นก็ยังมี แต่ที่นั่นกลับไม่มีเรื่องราวที่มาที่ไปของผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตไว้แม้แต่น้อย”

    

    “แต่ก็อีกล่ะนะ กับคำถามนี้เจ้าอาจจะได้พบเจอมันก็ได้เมื่อเจ้าเข้าไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์”

    

    หากว่าเขาต้องการจะกวาดล้างสัตว์ปีศาจที่เป็นอันตรายต่อคนบนโลกของเขาอย่างที่สุดให้หมดสิ้น สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือการสืบหาที่มาที่ไปของพวกมัน

    

    และดูเหมือนว่าเขาคงจะต้องทำอย่างที่หลิวฉิงหยุนบอก นั่นก็คือไปสืบหาหลังจากเข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเท่านั้น

    

    “คำถามสุดท้าย” เฉินเฉียงพูดพลางชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ตอนที่ท่านอยู่ที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของศพของผู้บ่มเพาะจากโลกอื่นนั่นถูกสวมคราบร่างโดยผู้อาวุโสแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วรึยัง หรือว่าพวกเขาทำอะไรกับศพของคนเหล่านั้น”

    

    

    

    

    

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Score 10
Status: Completed

ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว

ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ

หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ

ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Options

not work with dark mode
Reset