ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ — I Woke Up Piloting the Strongest Starship, so I Became a Space Mercenary 356 คุยทางเทคนิคระหว่างนักวิทยาศาสตร์และช่าง

ตอนที่ 356 คุยทางเทคนิคระหว่างนักวิทยาศาสตร์และช่าง

หลังจากยืนยันว่าลูกกลมตอบสนองวัตถุดิบขยายคลื่นจิต เราตัดสินใจนิ่งไว้ก่อน จัดระเบียบ และคุยข้อมูลที่เราได้รับ ไม่ว่ากรณีไหน การตัดสินใจนโยบายจากตรงนี้จะนำไปสู่ความก้าวหน้าที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการสืบสวนและวิจัย

“สำหรับตอนนี้ พื้นฐานแล้วเรายืนยันว่าลูกกลมคุยกันผ่านสื่อจิตและพวกมันสนใจวัตถุดิบขยายคลื่นจิตมาก”

“ถูกแล้ว พวกมันสนใจนั่นจริงๆ แต่พวกมันจะเอาไปทำอะไรนะ? กินเหรอ?”

“กินนั่นได้จริงๆเหรอ……?”

พี่น้องช่างเอียงหัวตอนเธอคิดหนัก ผมสงสัยเรื่องนั้นเหมือนกัน ผมไม่เห็นอะไรเหมือนตาหรือเครื่องในไว้สัมผัสบนตัวพวกมันเลย และมันไม่ได้ดูเหมือนพวกมันมีปากด้วย อืม เพราะตัวมันเป็นลูกกลมจักรกล เครื่องในพวกนั้นแค่เก็บไว้ในพวกมันหรือบางอย่างหรือ

“ขอโทษที่เปลี่ยนประเด็นแต่จะคิดนโยบายรับมือกับพวกนั้นยังไงตอนนี้? โดยเฉพาะ จะวิจัยไปทางไหน? ถ้าเหตุผลที่วิจัยเพียงแค่ใช้เปลือกมันทางทหารมันจะไม่เป็นไรถ้าพวกเธอวิจัยแค่องค์ประกอบร่างกายพวกมันและอะไรพวกนั้นอ่ะนะ แต่ตอนนี้คูกิยืนยันแล้วว่าพวกมันสามารถสื่อสาร จะมีอะไรเปลี่ยนมั้ย?”

“เราลองคุยกับพวกมันแม้แต่ก่อนเราชวนคูกิมา ดั้งเดิมเราทำใต้การความคิดที่ว่าพวกมันเป็นอาวุธต่อสู้บางอย่างที่สร้างโดยอารยธรรมเอเลี่ยน ถ้าพวกมันเป็นอาวุธจริง ต้องมีมาตรการเพื่อเข้าถึงพวกมันบางอย่าง”

คุณเวลที่ถูกร้อยโทโรบิตสันด่าก่อนหน้ายักไหล่แรงเกินจริง พูดถึงแล้วร้อยโทโรบิตสันกลับไปหน้าที่เก่าแล้ว

“แต่พอมาคิดว่าพวกมันมีพลังวิญญาณ ฉันไม่ได้รู้สาขานั้น เธอล่ะหมอโชโกะ?”

“มันเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญฉันนิดหน่อย ดังนั้นฉันรู้ประเด็นนี้ ยังไงก็ตาม ฉันยังเชี่ยวชาญในเรื่องการดัดแปลงยีนในคนและเครื่องจักรนาโน ฉันมีความรู้บ้างเกี่ยวกับวัสดุช่าง แต่ฉันไม่รู้เลยเกี่ยวกับช่างกล มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะวิเคราะห์หรือสร้างอุปกรณ์จักรกล เข้าใจมั้ย?”

“ส่วนใหญ่ฉันก็เชี่ยวชาญใจการดัดแปลงวัสดุด้วยเหมือนกัน พวกเธอเป็นช่างกลถูกมั้ย? พวกเธอออกแบบอุปกรณ์ขึ้นมาเลยได้เปล่า?”

“มันขึ้นอยู่กับว่าอุปกรณ์ทำอะไร ฉันคิดว่าเราทำได้ตราบใดที่เรารู้ว่าต้องทำอะไรนะ”

“ฉันวิจัยอุปกรณ์ขยายคลื่นจิตถึงจุดหนึ่ง ดังนั้นการสร้างสักอันควรเป็นไปได้ ยังไงก็ตาม มันจะยากถ้าอยากให้เราสร้างมาตรการสื่อสารโดยใช้คลื่นจิตไปเลย”

“ฉันคิดว่าเราทำได้ถ้าเราทำด้วยกัน ช่างเครื่องจักรนาโนทำแทนนั่นได้”

นักวิจัยและช่างกำลังคุยทางเทคนิคกัน อย่างไรก็ตาม ผมกับคูกิที่ไม่รู้เรื่องพวกนั้นเลยไม่ได้อยู่ในวงเต็มๆเลย

“ชาที่นี่อร่อยจริงๆ ใช่มั้ยท่านลอร์ด?”

“อาหารที่ทำโดยทำอาหารออโตยานกองทัพจจักรวรรดิไม่ได้รสดีปานนั้นหรอก แต่เห็นว่ามีชาอย่างเดียวที่ต่างเป็นจักรวาล ฉันคิดว่าทหารมาด้วยกับยานเราตอนนั้นพูดอะไรแบบนั้น หรือจริงๆแล้วมันเป็นพันเอกเซเรน่ากัน?”

“เข้าใจแล้ว ฉันได้ยินว่าคนจักรวรรดินี้เห็นค่าชามาก”

“จริงเหรอ……? พอมาคิดดีๆ อาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ”

ผมไม่ได้คิดเยอะจนถึงตอนนี้ แต่มันจริงที่มีมี่และเอลม่าชอบพักกินชาเป็นครั้งคราว ทีน่าและวิสก้าไม่ได้ชอบชา แต่บางทีแค่วัฒนธรรมต่างกันเพราะเผ่า

“สื่อจิต…… แต่ฉันจับคลื่นจิตหรืออะไรไม่ได้เลยนะ เราจะทำได้ถ้าฝึกเหรอ?”

“ถ้าเป็นท่าน ท่านลอร์ด พลังท่านแรงไป ท่านเลยต้องเรียนควบคุมมันก่อน ยกเว้นว่าอีกฝ่ายปล่อยคลื่นจิตแรงเท่ากันมาด้วย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสื่อกับท่านด้วยจิตใจ ท่านลอร์ด”

“เอ่อ นั่นหมายถึงพลังเอ่อล้นของฉันทำสื่อจิตกระเด็นเหรอ?”

“เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ ฉันเชื่อว่าท่านจะเรียนสื่อจิตกับคนอื่นง่าย ท่านลอร์ด ยังไงก็ตามถ้าท่านไม่ควบคุมแรงส่งพลังงานก่อน ความคิดท่านจะถูกสื่อไปใส่ทุกคนในระยะกว้างและไม่ใช่สู่คนเดียวเพราะคลื่นจิตมันทรงพลังมาก……”

“งั้น พื้นฐานแล้วมันเหมือนตะโกนสุดปอด…… นั่นไม่ได้น่าใช้เลย”

“ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เหมือนที่เขาพูดกัน”

เมื่อผมยิ้มขมขื่น คูกิหัวเราะคิกคักสนุกใจ

“หนูจะช่วยฝึกมากเท่าที่หนูทำได้ เพราะหนูเป็นคนทรงศาลของกระทรวงศักดิ์สิทธิ์ หนูมีคุณสมบัติสอนวิชานี้”

หลังจากพูดอย่างนั้น คูกิบอกอย่างภาคภูมิใจ หูสัตว์เธอตั้งอย่างน่ารัก เราเพิ่งรู้ไม่นาน แต่มันดูเหมือนคูกิก็มีฝั่งชอบเล่นและไร้เดียงสาด้วย มันแค่เธอไม่ได้แสดงท่าทางบ่อยเพราะเป็นผู้ช่วยที่อุทิศตัวหน้าผม

“ใช่ ฉันคิดว่าไม่ใช้อะไรที่มีมันเสียเปล่าตั้งแต่แรก…… มันแค่… มันแค่ฉันรู้สึกเหมือนฉันเป็นบางอย่างนอกจากมนุษย์อย่างช้าๆ”

เพราะผมถูกบอกว่าผมเป่าภูเขาทั้งลูกได้ด้วยพลังตัวเอง ผมไม่เต็มใจฝึกความสามารถพลังวิญญาณ ถ้าผมไปไกลขนาดนั้น ไม่ผมเป็นอัศวินเจไ* ก็เป็นตัวละครดรา*อนบอล เอ่อ แต่ผมคิดว่าใช้พลังจิตมันค่อนข้างสะดวกและเท่ บางทีผมแม้แต่ปล่อยไฟฟ้าจากมือ เอ่อ แต่นั่นเหมือน ซิ*ลอร์ด

“เข้าใจแล้ว…… ได้โปรดบอกหนูว่าเมื่อไหร่ที่ออยากฝึก นะ?”

“อืม เมื่อฉันอยากล่ะนะ”

เมื่อผมเห็นหูคูกิตก ผมช่วยไม่ได้นอกจากหัวเราะเบาๆ เธออ่านง่ายมาก

“เราขอความสนใจหน่อยได้มั้ยพวกเธอสอง?”

“โอ้ ได้สิ”

หมอโชโกะเรียกเรา ผมหันไปมองเธอ

“ฉันอยากได้ยินความเห็นเธอ ลูกกลมพวกนั้นถูกคิดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตมีปัญญาได้มั้ย? แล้วก็ จะจัดหมวดหมู่พวกมันว่ายังไง? อาวุธชีภาพหรือสิ่งมีชีวิตธรรมชาติ? แบบไหน?”

“ฉันไม่รู้เลยอ่ะดิ มันเป็นตาเธอคูกิ”

เพราะผมไม่ได้สามารถจับคลื่นจิตมันได้จากมุมมองส่วนตัว พวกมันแค่ดูเหมือนเครื่องจักรสังหารอันตราย

“อืม …….ฉันพูดแน่ๆไม่ได้แต่ฉันคิดว่าคลื่นจิตมันคล้ายสัตว์มากกว่า ฉันไม่เคยเจออาวุธชีวภาพมาก่อน ฉันเลยไม่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่ไม่ว่ายังไง……”

“ไม่ว่ายังไง?”

“คลื่นจิตที่สื่อออกมาจากสิ่งมีชีวิตนั้นเกือบเหมือนกัน ซึ่งค่อนข้างไม่ปรกติ ธรรมดาแล้วแม้ว่าเป็นสัตว์ประเภทเดียวกัน คลื่นมันต่างกันระหว่างแต่ละตัว”

“เข้าใจแล้ว…… และ?”

“อืม อีกจุดที่หนูสงสัยเกี่ยวกับพวกมันคือ พวกมัน 『เชื่อมต่อกัน』 ทางคลื่นจิต มากกว่านั้น พวกมันดูเหมือนพยายามเชื่อมต่อกับ 『บางอย่าง』 ด้วย…… ยังไงก็ตามพวกมันไม่เห็น ‘บางอย่าง’ แล้ว…… ฉันขอโทษ ฉันอธิบายดีๆไม่ได้ อืม พูดอีกอย่าง พวกมันแค่หนึ่งในกลุ่มที่ใหญ่กว่า”

“““???”””

หมอโชโกะและคนอื่นๆเอียงหัวหลังได้ยินคำคูกิ ผมก็เอียงหัว ผมคิดว่าเธอเพิ่งพูดบางอย่างสำคัญ แต่ความเข้าใจผมยังตามไม่ทัน กลุ่มที่ใหญ่กว่า……?

“พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ใช้นโยบายสื่อสารเหมือนกันเหรอ? พูดอีกอย่าง…… พวกมันเป็นกลุ่มคล้ายเครือข่ายเหรอ?”

“มันอยู่ในความเป็นไปได้ มันคล้ายกับเครือข่ายปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้อยู่ในจักรวรรดิ คูกิคุง ระยะคลื่นจิตที่มันสื่อไกลแค่ไหน? คลื่นส่งผ่านระบบดาวได้มั้ย?”

“คลื่นจิตข้ามกาลอวกาศได้ผ่านเงื่อนไข แต่นั้นต้องมีพลังที่มอบความเข้มข้นในคลื่นจิตที่มันส่ง พวกมันน่าจะสื่อทั้งระบบดาวนี้ แต่ไม่ไปไกลกว่านั้น”

“เข้าใจแล้ว…… ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันว่ามันจะดีที่สุดที่หาอะไรเลี่ยงคลื่นจิตพวกมันจากการออกไปก่อนยานไปสำรวจระบบดาวที่เจอลูกกลม เพราะมันน่าจะมีปัญหาถ้า 『เครือข่ายใหญ่』 ออกล่าทันทีที่เราก้าวเข้าระบบดาวนั้นหลังจากได้รับคลื่นจิต เราต้องรายงานพันเอก”

ความคิดว่าเพียงแค่ทำลายพวกมันทั้งหมดเพื่อที่พวกมันส่งคื่นจิตอีกไม่ได้เข้ามาในใจผม แต่ผมว่านั่นไม่ดีหรอก อืม ผมคิดว่ามันดีกว่าที่จะระวังเมื่อเป็นเรื่องแบบนี้

เพราะเราเจอกันยิ่งกว่าไม่ดีแล้ว สุดท้ายมันจะเป็นสงครามระดับใหญ่เหมือนในหนังหรือทีวี

ไม่ว่าอย่างไร มันแค่ทิ้งเรื่องพวกนี้ให้พันเอกเซเรน่าดีกว่า

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

patreon (Ebook): patreon.com/wayuwayu

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ด้วยการช่วยเหลือของท่านจะทำให้แปลต่อไปได้เรื่อยๆ ขอบคุณครับ

ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ — I Woke Up Piloting the Strongest Starship, so I Became a Space Mercenary

ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ — I Woke Up Piloting the Strongest Starship, so I Became a Space Mercenary

Score 10
Status: Completed
เมื่อผมตื่นขึ้นมา ผมพบว่าตัวเองอยู่ในยานอวกาศ ผมเดาว่าพวกคุณต้องคิดว่าผมพูดไร้สาระที่นี่ แต่ผมก็ไม่มีเบาะแสเลยว่าอะไรเกิดขึ้นกับผมกันแน่ ผมเกือบจะขาดสติ แต่เดชะบุญ ผมสามารถที่จะสังเกตว่าที่นี่คล้ายกับโลกที่อยู่ในเกมที่ผมเล่นไม่นานมานี้จริงๆ ผมฝันอยู่หรือ? ไม่ มันไม่ใช่ฝัน ผมอาจจะถูกส่งไปที่โลกอื่นหรืออะไรบางอย่าง? แต่ไม่ใช้เรื่องพวกนั้นปรกติแล้วจะถูกส่งไปที่โลกแห่งเวทมนตร์ ที่มีเอลฟ์ ดวาร์ฟ มังกร และอะไรพวกนั้นหรือ? ไม่ว่ากรณีไหน ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุสำหรับเรื่องนี้ แต่ผมเดาว่าผมต้องยอมรับความไม่พึงพอใจพวกนี้ และใช้ชีวตอยู่อย่างถูกต้องในโลกนี้ตั้งแต่ตอนนี้ไป มันจะโอเค ผมได้อยานอวกาศที่ผมเชื่อใจมา ดังนั้นผมน่าจะหาเงินได้บ้าง มันจะโอเค! มันต้องโอเค! นี่เป็นเรื่องราวของชายที่ถูกโยนเข้าไปในจักวารอย่างกระทันหัน ด้วยกันกับยานอวกาศส่วนตัวของเขา เขาไปทุกที่กับมัน และช่วยสาวน้อยที่เดือดร้อนในที่เหล่านั้นระหว่างที่ไป จีบกับสาวที่ว่ามานั้น หาเงินในฐานะทหารรับจ้าง ไปสู่การใช้ชีวิตอย่างอิสระและง่ายดาย

Options

not work with dark mode
Reset