บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]บทที่ 1511 เด็กสาวในชุดสีม่วง

บทที่ 1511 เด็กสาวในชุดสีม่วง

บทที่ 1511 เด็กสาวในชุดสีม่วง

……………………………………………………………………..

บทที่ 1511 เด็กสาวในชุดสีม่วง

ตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า

วูบ!

แสงและเงาเกิดไหววูบครู่หนึ่ง ก่อนที่ร่างของเฉินซีจะปรากฏตัวออกมาจากอากาศ

“อาจารย์อา” เฉินซีประหลาดใจเล็กน้อย เพราะดูเหมือนว่าชิวเสวียนซูจะรอเขาอยู่นานแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินซีขมวดคิ้วขณะที่ถาม “นิกายอำนาจเทวะเข้ามาโจมตีอีกหรือ?”

ชิวเสวียนซูส่ายหัว เขาเหลือบมองเฉินซีด้วยความประหลาดใจก่อนจะพูดว่า “เมื่อสามวันก่อน มีเด็กสาวผู้หนึ่งจากนอกสำนักศึกษา นางยืนกรานว่าต้องการพบท่านให้ได้”

เฉินซีขมวดคิ้ว “เด็กสาวผู้นี้มีอะไรพิเศษหรือ?”

นับตั้งแต่วันที่เขากลายเป็นเจ้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า บุคคลสำคัญมากมายนับไม่ถ้วน ล้วนปรารถนาที่จะพบหน้าเขาทุกวัน บ้างก็ต้องการขอบางสิ่ง บ้างก็การสร้างสัมพันธ์ที่ดี

ในตอนแรกเขายังคงเต็มใจที่จะพบคนเหล่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อเล็กน้อย ดังนั้นหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจึงไม่ต้อนรับแขกจากภายนอกอีกต่อไป

ชิวเสวียนซูเองก็ทราบดีถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขากลับมารออยู่ที่นี่ เพื่อเด็กสาวคนหนึ่ง และนั่นทำให้เฉินซีตระหนักได้ทันทีว่าอาจมีสาเหตุบางอย่างซ่อนอยู่

“ข้าได้ถามรายละเอียดเรื่องนี้กับนางแล้ว แต่นางก็ไม่ยอมกล่าวอะไร เดิมที ข้าคิดว่านางมาที่นี่เพราะชื่อเสียงและอยากจะพบหน้าท่าน แต่ต่อมาข้าก็สังเกตเห็นว่านาง…” เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ ชิวเสวียนซูก็อดไม่ได้ที่จะลังเลเล็กน้อย

“เจ้าสังเกตเห็นอะไร?” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะอยากรู้

“บางทีหากท่านไปพบนาง อาจจะเข้าใจได้ดีกว่า” ชิวเสวียนซูใคร่ครวญซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สุดท้ายเขาก็ไม่รู้จะอธิบายให้เฉินซีเข้าใจอย่างไรดี ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเสนอให้เฉินซีไปพบกับเด็กสาวผู้นั้นด้วยตัวเอง

“โอ้? ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?” เฉินซีเหลือบมองชิวเสวียนซูพลางครุ่นคิด

“รอสักครู่ ข้าจะไปพานางมาที่นี่” เมื่อพูด ชิวเสวียนซูก็เตรียมจะจากไปอย่างเร่งรีบ

“ไม่เป็นไร ข้าจะไปพร้อมกับเจ้า” เฉินซีคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจทันที

ท่าทีของชิวเสวียนซูนั้นค่อนข้างแปลก และมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับเด็กสาวที่ว่า

หากมีใครฝึกฝนจนมาอยู่ในระดับเดียวกับเฉินซีแล้ว ย่อมเข้าใจในตนเองและความลับแห่งสวรรค์ ห้วงกรรมและโชคชะตา เมื่อพวกเขาพบปะกับผู้คนธรรมดา จึงสามารถมองเห็นชะตากรรมของคนเหล่านั้นได้ด้วยการมองเพิ่งแวบเดียว แม้กระทั่งเวลาที่บุคคลนั้นจะประสบภัยพิบัติ ก็ยังสามารถระบุได้อย่างแม่นยำ

แม้แต่ผู้ฝึกตนธรรมดา ๆ ก็ยังสามารถพึ่งพานิมิตเพื่อคาดเดาโชคลาภและภัยพิบัติในโชคชะตาของตัวเองได้

นี่ไม่ใช่การทำนายแต่เป็นสัญชาตญาณรูปแบบหนึ่งที่พวกเขาได้รับ หลังจากบรรลุขอบเขตราชันเซียน ที่ถือว่าเป็นตัวตนชั้นยอดที่สามารถได้เอาชนะข้อจำกัดของสวรรค์และปฐพีได้ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถมองผ่านชีวิตและความตายได้ในพริบตาเดียว

เช่นเดียวกับตอนนี้ ลางบอกเหตุถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน และเพราะเฉินซีไม่สามารถสรุปสถานการณ์ที่แน่นอนได้ จึงมั่นใจว่าเรื่องนี้คงจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเป็นแน่

ลานด้านนอกของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า ณ ตำหนักอันสวยงาม

พระอาทิตย์อัสดงยามเย็น ส่องสว่างย้อมท้องฟ้าด้วยแสงสีส้มแดง เด็กสาวในชุดสีม่วงนั่งอยู่คนเดียวที่ลานหน้าบ้าน แขนของนางกอดเข่าไว้ขณะที่จ้องมองไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังตกด้วยสายตาว่างเปล่า

นางมีผมยาวสีแดงนุ่มสลวย พวกมันถูกมัดเป็นแกละไว้ด้านหลังศีรษะด้วยริบบิ้นผ้าไหม เผยใบหน้ารูปไข่ขาวใส คิ้วสีเข้มราวหมึกเหนือดวงตา ทั้งสีดำสนิท หนาเข้ม เรียวยาวราวกับคมดาบ แสดงรัศมีที่มีชีวิตชีวาและกล้าหาญออกมา

อย่างไรก็ตาม ในยามนี้ คิ้วที่สวยงามกลับขมวดติดกันแน่น ริมฝีปากบางแดงนุ่มเองก็เม้มเข้าหากัน แฝงความไม่ยอมแพ้ออกมาจาง ๆ ความกังวลบนใบหน้ารูปไข่ขาวใสเองก็ชัดเจนเกินกว่าจะปกปิดได้

เด็กสาวในชุดสีม่วงนั่งอยู่คนเดียวภายใต้พระอาทิตย์ตกดิน โดยกอดเข่าของตนไว้ หากมองจากที่ไกล ๆ นางดูเหมือนต้นไผ่สีเขียว ที่ทำให้ผู้อื่นสัมผัสได้ถึงความเข้มแข็งในหัวใจ แต่ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะสงสารนาง

“อาจารย์อา นั่นคือ…” ชิวเสวียนซูชี้ไปที่ด้านหลังของเด็กสาวในชุดสีม่วงแล้วพูดเบา ๆ

สิ้นเสียงนี้ ร่างของเด็กสาวก็ดูเหมือนจะชะงักแข็งทื่อไปและหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่เฉียบคมจับจ้องไปทางชิวเสวียนซูราวกับดาบคม ก่อนจะขยับสายตาไปยังเฉินซีที่ยืนอยู่ด้านข้าง

ทันทีที่สบตากัน ลมหายใจของเด็กสาวก็สะดุดไปชั่วขณะ ดวงตาของนางเบิกกว้างและเผยให้เห็นอารมณ์ต่าง ๆ ทั้งตื่นเต้น มีความสุข เกลียดชัง ต่อต้าน… อารมณ์หลากหลายปรากฏในดวงตานั่น และในท้ายที่สุดก็เหลือเพียงความสับสน

ดูเหมือนนางจะตกตะลึงและลืมทุกอย่าง

ในทางกลับกัน ทันทีที่เด็กสาวหันในชุดสีม่วงหันกลับมา ดวงตาของเฉินซีก็หดตัวอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าหัวใจของตนถูกค้อนยักษ์กระแทกอย่างรุนแรง ตกใจจนใบหน้าที่สงบนิ่งตามปกติ ถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจ และความเหลือเชื่อ แล้วในที่สุดก็กลายเป็นความสับสน

ราวกับว่าเวลาหยุดลงไปทันใด

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ชิวเสวียนซู ปากของเขาก็อ้าหุบหลายครั้งเพราะไม่รู้จะพูดอะไร

กล่าวอีกนัยหนึ่ง บางทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเด็กสาวเมื่อสามวันก่อน เขาก็อยู่ในภาวะสับสนและไม่สามารถปฏิเสธคำขอของนางได้ และเขาไม่สามารถทนไล่นางให้ออกไปจากสำนักได้

แม้จะไม่รู้จักเด็กสาวผู้นี้เลย แต่รูปร่างหน้าตาของนางนั้น… คล้ายกับอาจารย์อามาก!

ใช่แล้ว ใบหน้าของเด็กสาวชุดสีม่วงคนนี้คล้ายกับเฉินซีมาก!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิ้วของนางที่ดำสนิทราวกับหมึกและตรงราวกับคมดาบ รับกับสันจมูกโด่ง คล้ายถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์แบบเดียวกับเฉินซี

ใครก็ตามที่เห็นเด็กสาวผู้นี้ ย่อมนึกถึงเฉินซีขึ้นมาทันที ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า นางไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเฉินซี!

นางเป็นใคร?

นางมีความเกี่ยวข้องกับเฉินซีอย่างไร?

ชิวเสวียนซูครุ่นคิดมาสามวันเต็ม โดยพยายามหาคำตอบจากเด็กสาวอย่างไม่ย่อท้อ น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะถามอย่างไรนางก็ไม่ยอมปปริปากแม้เพียงครึ่งคำ

“เจ้าคือ…”ทันใดนั้น เฉินซีก็พูดด้วยสีหน้าซับซ้อนจนยากจะอธิบายได้ ดูเหมือนตื่นเต้น แต่ก็ไม่กล้ายืนยันความคิดของตน แต่เขาก็ตระหนักได้ว่า เสียงของตนนั้นแหบแห้งและสั่นเทา จนไม่สามารถควบคุมมันได้

เด็กสาวราวกับว่าตื่นจากความฝัน นางหายใจเข้าลึก ๆ และยืนขึ้น เม้มริมฝีปากสีแดงแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้นและจ้องมองไปที่เฉินซี โดยยังคงไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

ดูเหมือน… นางต้องการยืนยันว่าชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้คือบุคคลนั้นที่นางตั้งตาคอยที่จะได้พบมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

แสงสีแดงเพลิงของดวงอาทิตย์ที่กำลังตก ปกคลุมร่างที่เพรียวบางและสง่างามของเด็กสาวด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และผมยาวสีแดงอันนุ่มนวลปลิวไสวตามสายลมดูโดดเด่นอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเขาเห็นเด็กสาวเม้มริมฝีปากสีแดง จ้องมองมาด้วยท่าทางที่ดื้อรั้นและเด็ดเดี่ยว หัวใจของเฉินซีก็รู้สึกราวกับถูกปิดกั้น นึกถึงตัวตนในวัยเยาว์โดยไม่ได้ตั้งใจ ในเวลานั้น เพื่อความอยู่รอดและดูแลทั้งปู่และน้องชาย เฉินซีเองก็เงียบนิ่ง ดื้อรั้นและเด็ดเดี่ยวไม่ต่างกัน

ทันใดนั้น ดูเหมือนเด็กสาวจะตัดสินใจได้แล้ว นางจ้องมองไปที่เฉินซีขณะที่พูดอย่างจริงจัง “ท่านแม่ถูกจับตัวไป หลังจากที่ข้าคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก คนเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้ที่สามารถช่วยข้าและท่านแม่ได้ก็คือท่าน ดังนั้น… ข้าจึงมาที่นี่”

ขณะที่พูดจบ มือสีขาวของนางก็กำแน่นขึ้นเงียบ ๆ แต่เหมือนจะออกแรงมากเกินไป เส้นเลือดที่หลังมือของนางจึงโป่งขึ้น ราวกับใช้กำลังทั้งหมดพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้

ทว่าร่างกายของนางก็ยังคงสั่นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังจะสูญเสียการควบคุมได้ทุกเมื่อ

นางดูเหมือนลูกหมาป่าที่มั่นคงและโดดเดี่ยว ซึ่งใช้เหตุผลที่เย็นชาเพื่อเตือนตัวเองให้สงบสติอารมณ์ เพราะอย่างน้อยด้วยวิธีนี้นนางจึงจะสามารถรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้

น่าเสียดายที่ยังมีบางสิ่งอยู่เหนือเหตุผลและความนิ่งเงียบ เช่นเดียวกับช่วงตอนนี้ เมื่อนางเผชิญหน้ากับเฉินซี นางไม่สามารถรักษาความเข้มแข็งก่อนหน้านี้ของตนได้อีกต่อไป

ในทางกลับกัน เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ จิตใจของเฉินซีก็สั่นไหว ราวกับถูกฟ้าผ่า อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “มารดาของเจ้าคือ… ฟ่านอวิ๋นหลาน?”

นี่เป็นนามที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ตลอดชีวิต

เมื่อหลายปีก่อน ภายใต้สถานการณ์บางอย่างจึงก่อให้เกิดความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างตน ฟ่านอวิ๋นหลานและชิงซิ่วอี้

หลังจากผ่านไปหลายปี เขารู้เพียงว่าชิงซิ่วอี้ได้ให้กำเนิดลูกชาย เฉินอัน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าฟ่านอวิ๋นหลาน …จะให้กำเนิดลูกสาวเช่นกัน

มันเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนยิ่ง!

มันทำให้เขาทั้งประหลาดใจ ดีใจ รู้สึกผิด ไม่สบายใจ อารมณ์มากมายวนเวียนอยู่ภายในใจ ทำให้เขาตกตะลึงยิ่ง

แน่นอนว่าชายหนุ่มมั่นใจว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือลูกสาวของเขาจริง ๆ เพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดแต่กำเนิด ไม่สามารถหลบซ่อนจากสายตาของเฉินซีได้เลย!

เมื่อเธอได้ยินคำว่า ‘ฟ่านอวิ๋นหลาน ‘ เด็กสาวก็เม้มริมฝีปากของตนและนิ่งเงียบ ราวกับยอมรับมันโดยปริยาย

เฉินซีไม่สามารถระงับอารมณ์ในใจได้อีกต่อไป และเขาตั้งใจที่จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมคำถามมากมาย…

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเด็กสาวชุดม่วงจะระแวงไม่น้อย “อย่าเข้ามา!”

เฉินซีชะงักไปครู่หนึ่ง แทนที่จะรู้สึกโกรธ เขากลับรู้สึกผิดมากขึ้น “ข้าขอโทษ ที่ทำให้ทั้งเจ้าและมารดาของเจ้าต้องผิดหวังตลอดหลายปีที่ผ่านมา” แต่ละคำเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

“ท่านคงลืมพวกเราไปแล้วสินะ” ทันใดนั้นเด็กสาวก็หัวเราะเสียงขื่น ที่แฝงการเยาะเย้ยและความเกลียดชังไว้ภายใน

คำพูดเหล่านี้เปรียบเสมือนใบมีดที่แทงเข้าไปในหัวใจของเฉินซีอย่างแรง ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาซีดลงทันที เวลานี้ จู่ ๆ เขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ตนคุยกับเฉินหลิงจวินก่อนหน้านี้

ตอนนั้นเขาเกลียดพ่อสุดหัวใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงทำแบบนั้น…

แต่เวลานี้ เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กสาวชุดม่วง เมื่อเผชิญหน้ากับลูกสาวของตัวเอง ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจถึงความรู้สึกของเฉินหลิงจวินในตอนนั้น

ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้

“ข้าเสียใจ ข้าคงไม่คู่ควรที่จะถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวของเจ้า”

ทันใดนั้นเด็กสาวก็ก้มศีรษะลง “เห็นแก่ความสัมพันธ์ของสายเลือดระหว่างเรา โปรดช่วยท่านแม่ที เมื่อเรื่องนี้จบลง ข้าสัญญาว่าจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าท่านอีก”

ทันใดนั้นการแสดงออกของเฉินซีก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าดูอย่างยิ่ง หัวใจถูกปิดกั้นจนแทบจะหายใจไม่ออก ลูกสาวของเขา สาบานว่าจะไม่มาพบเขาอีกหลังจากพบหน้ากันครั้งแรก…

ความเกลียดชัง ความเสียใจ และการโทษตัวเองอย่างรุนแรงปะทุขึ้นราวกับภูเขาไฟ และพุ่งเข้าสู่หัวใจของเฉินซี ชายหนุ่มก้มศีรษะลงและตกอยู่ในความเงียบ

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปยังเด็กสาว “มาเถอะ ไปช่วยมารดาของเจ้าก่อน”

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

Score 10
Status: Completed
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!

Options

not work with dark mode
Reset