บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 997: ตายอย่างคุ้มค่า

ตอนที่ 997: ตายอย่างคุ้มค่า

ตอนที่ 997: ตายอย่างคุ้มค่า

…………………………………………………..

ตอนที่ 997: ตายอย่างคุ้มค่า

ผู้เฒ่าผมขาวชุดแดงสีหน้าเปลี่ยน ในใจหนาวสะท้าน

ผู้เป็นจักรพรรดิที่อยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้นต่างก็เห็นความน่ากลัวของเย่ลั่วกับยมบาลอย่างแจ่มชัด

ทว่าใครเลยจะคาดคิดว่า ซูอี้ที่คอยดูการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ มาโดยตลอดจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้?

ดาบเดียว ผู้เป็นจักรพรรดิสิบสามคนก็ถูกประหาร!

ภาพนองเลือดเช่นนี้สร้างความสะเทือนใจอย่างรุนแรงต่อตัวตนจักรพรรดิเหล่านั้น

ครู่ถัดมา เสียงร้องโอดครวญเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“อ๊ากกก…!”

ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำที่กำลังร่วมรับมือเพื่อจัดการกับเย่ลั่วถูกคมดาบไร้เทียมทานฟันจนหัวกระเด็น

แทบจะในขณะเดียวกัน มือเรียวยาวของยมบาลสาววาดลวดลายมหัศจรรย์เป็นรูปดอกบัวเบ่งบาน

ปัง!

เมื่อลวดลายฝ่ามือที่คล้ายกับกลีบดอกบัวนี้ร่วงลงมาเบา ๆ ร่างของตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำคนหนึ่งก็ระเบิดเป็นเศษเนื้อราวกับเศษกระเบื้อง

“ให้ตายสิ!”

“เป็นไปได้อย่างไร…”

เสียงร้องตื่นตระหนกดังขึ้น สถานการณ์เริ่มโกลาหลขึ้น

ผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงตระหนักแล้วว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว จากนั้นเขาก็ร้องตวาดหน้าดำคร่ำเคร่ง “ถอย!”

โอกาสผ่านพ้นไปแล้ว!

เป็นเพราะพวกเขานึกไม่ถึงเลยสักนิดว่า ฝ่ายตรงข้ามมีกันเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ทว่าแต่ละคนล้วนมีความสามารถที่น่ากลัว!

และผลของการประมาทคู่ต่อสู้ก็คือ ถึงแม้พวกเขาจะมีคนมาก ทว่าตอนนี้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ!

“คิดจะหนี? ไม่มีทาง!”

ผู้เฒ่าในชุดนักพรตส่งเสียงตะคอก โจมตีสุดกำลังเพื่อควบคุมตัวฝ่ายตรงข้าม

ขณะเดียวกัน เย่ลั่วกับยมบาลก็ไม่คิดจะปล่อยคู่ต่อสู้ให้หนีไปง่าย ๆ เช่นกัน พวกเขาซัดเต็มกำลัง

สถานการณ์สับสนอลหม่านขึ้นมา ผู้เป็นจักรพรรดิขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเหล่านั้นพากันหนีเตลิดเปิดเปิง เห็นว่าตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเหล่านั้นถูกจับตัวไว้ได้ ไม่อาจหนีไปไหนได้อีก และทำให้พวกเขาถอยก็ไม่ได้เดินหน้าก็ไม่ไหวด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ซูอี้ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป และก็ลงมือจัดการในทันที

ชุดที่เขาใส่พองลม ร่างของเขาประดุจกระเรียนบินผงาด ก้าวเดินโดยถือค้อนทุบเซียนต่างดาบ ฟาดลงกลางอากาศ

เอื๊อก!

ร่างของตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำที่กำลังต่อสู้ประหัตประหารกับเย่ลั่วอย่างดุเดือดแข็งทื่อ เบิกตากว้างในทันใด

รูโบ๋พร้อมกับเลือดปรากฏขึ้นที่คอหอยของเขา

จากนั้น ร่างของเขาก็แตกระเบิดไปในพริบตาราวกับฟองสบู่ กลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อนไปทั่ว

“นี่…”

อาจารย์มักจะลงมือรวดเร็วเฉียบขาดเช่นนี้เสมอ ตายในดาบเดียว ไม่ต้องให้คาดเดา

เขาไม่รีรอชักช้า ย้อนกลับไปฆ่าผู้เป็นจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำเหล่านั้น

เมื่อซูอี้ก้าวเดินออกไป พลังดาบอันไร้เทียมทานก็พุ่งสู่ท้องฟ้าดุจดั่งเคียวเกี่ยวดวงวิญญาณ เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น เขาก็ฆ่าตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำกับผู้เป็นจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นล้ำลึกตายคาที่ถึงสองคน

น่ากลัวมาก

ชายหนุ่มถือดาบย่ำเดินในยุทธภูมิรบ ทิศทางที่ปลายดาบชี้จักต้องสังเวยด้วยชีวิต!

ความสง่างามอันเหนือธรรมดา ทำให้ศัตรูทั้งหลายแทบคลั่ง

“ตามความคาดหมาย หลังจากที่เขาผ่านพ้นภัยพิบัติใหญ่มหัศจรรย์จนกลายเป็นจักรพรรดิแล้ว ระดับวิถีในตัวก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนแต่ก่อนอีก…”

หัวใจของยมบาลสาวสั่นสะท้าน

นางเคยเห็นความน่ากลัวและความอัศจรรย์ของภัยพิบัติต้องห้ามที่ซูอี้เจอบนแท่นเกิดใหม่ด้วยตาตัวเองมาแล้ว

และตอนนี้ นางก็รู้แล้ว

ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินที่เคยเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวในมหาแดนดินเมื่อในอดีตชาติคนนี้ หลังจากที่กลับมาสู่หนทางแห่งวิถีจักรพรรดิอีกครั้ง กำลังสู้รบที่กุมในมือนั้นสามารถฆ่าตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้อย่างง่ายดาย!

ตลอดทางที่เดินผ่านไร้ซึ่งศัตรูทัดเทียม!

ทว่านางกลับไม่รู้สึกประหลาดใจนัก

เพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน นับแต่โบราณกาลมาจนปัจจุบัน เป็นคนแรกที่ถ่องแท้ในความลับแห่งวัฏสงสาร กลับมาเกิดใหม่ได้จริง!

ทั่วทั้งแดนดิน นับแต่อดีตจนถึงตอนนี้ แทบจะหาผู้ที่ทัดเทียมไม่ได้!

บุคคลยิ่งใหญ่ราวกับตำนานเรื่องเล่าเช่นนี้ ถึงแม้ตอนนี้จะมีระดับการฝึกตนเพียงแค่ขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำระยะต้นเท่านั้น ทว่าพลังที่เขากุมอยู่ในมือก็เพียงพอที่จะสร้างความตื่นตะลึง ก้าวเดินไปทั่วฟ้าทั่วแผ่นดินได้อย่างอาจหาญ!

“สารเลว! พวกเจ้ารู้ฐานะของพวกข้าหรือไม่?”

ในสมรภูมิรบ ผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงแผดเสียงร้องตะคอกด้วยความโกรธ

ที่แท้ เมื่อซูอี้เปิดตัวต่อสู้ กอปรกับได้รับความร่วมมือจากเย่ลั่วกับยมบาลสาว ศัตรูทั้งหลายก็ถูกฆ่าตายจนเกือบหมด!

กลิ่นคาวเลือดอันฉุนกึกปะปนอยู่ในกระแสแห่งการทำลายล้าง โหมกระหน่ำทั่วฟ้าดิน

และในเวลานี้ เหลือแต่เพียงผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงกับผู้ชายวัยกลางคนสวมชุดสีเหลืองเพียงสองคนเท่านั้นที่กำลังดึงดันไม่ยอมแพ้

“จะตายอยู่แล้ว ยังกล้ามาข่มขู่พวกเราอีก เจ้ารู้ฐานะของพวกเราหรือไม่?”

เย่ลั่วหัวเราะเสียงดัง

ขณะที่พูดคุย เขาก็พุ่งตัวไปฆ่าชายกลางคนในชุดสีเหลืองคนนั้นในชั่วพริบตา

ส่วนซูอี้กับยมบาลสาวคร้านจะลงมืออีก โอกาสดีสำเร็จลุล่วงไปแล้ว ผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวคนนั้นไม่อาจทำอะไรได้อีก

“พวกเจ้า… เป็นใคร!?“

ผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงทำหน้าสิ้นหวัง แต่ก็ยังคงดันทุรังอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าหากไม่รู้คำตอบ ต่อให้ต้องตายก็ไม่มีวันเลิกรา

ริมฝีปากแดงเฉิดฉายของยมบาลเผยอยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้าน่ะ เมื่อในอดีตกาล ผู้ฝึกตนทั่วทั้งภูมิมืดมิดต่างก็เรียกข้าว่ายมบาล”

ผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงราวกับถูกฟ้าผ่า ในที่สุดก็เข้าใจความหมาย มือเท้าเย็นไปหมด

“มิน่าเล่า วันนี้พวกข้าจึงได้พ่ายแพ้ย่อยยับเช่นนี้…”

เขาถอนใจยาว ๆ

ยมบาล!

คนหนึ่งคือตัวตนน่ากลัวที่สามารถงัดข้อกับดินแดนปรภพเมื่อในอดีตกาลนานมาแล้ว อีกคนหนึ่งเป็นบุคคลที่ทำให้สรรพชีวิตถึงกับตัวสั่นงันงก!

พ่ายแพ้ในน้ำมือของพวกเขา เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

“แต่ เทียบกันแล้ว ข้าในตอนนี้เป็นเพียงแค่ร่างจำแลงร่างหนึ่งเท่านั้น หากว่าเป็นตัวข้าเอง คงจัดการกับพวกเจ้าทั้งหมดได้ยากเช่นกัน”

ยมบาลสาวถอนใจเบา ๆ

หากว่าเป็นร่างแท้ของนางอยู่ตรงนี้ เหตุใดต้องลำบากลำบนด้วย เพียงแค่พลิกฝ่ามือก็หยุดทุกสิ่งแล้ว!

ฉับพลันผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงนึกอะไรขึ้นได้ จากนั้นเขาก็เบนสายตามองไปที่ซูอี้กับเย่ลั่ว เกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง หรือว่า… สองคนนี้จะยิ่งใหญ่กว่ายมบาล?

ไม่รอให้เขาคิดอย่างละเอียด

ครืน!

ทันใดเย่ลั่วก็ซัดพลังออกไป โดยใช้ดาบฟันร่างของผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดง จนเลือดสาดกระเซ็น

ท่ามกลางเสียงร้องร่ำคร่ำครวญ จิตวิญญาณของผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงทะยานสู่ท้องฟ้า

ร่างของเขาเซถลา สีหน้าขาวซีด “ทุกท่าน ให้ข้าได้ตายอย่างรู้เหตุผลได้หรือไม่?”

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ดวงตางดงามคู่นั้นของยมบาลมองไปที่ซูอี้ เห็นว่าซูอี้ไม่ได้แสดงท่าทีอันใดออกมาจึงกล่าวเบา ๆ “สหายเต๋าที่ฟันร่างวิถีของเจ้าคนนั้นคือศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน”

ศิษย์… ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!?

จิตดั้งเดิมของผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงสั่นสะท้านขึ้นมา ไม่อยากจะเชื่อ

ทว่าผู้เฒ่าผมชุดสีแดงก็ตื่นตระหนกไม่หายเช่นกัน

ทั่วทั้งภูมิมืดมิด ใครบ้างไม่รู้ว่าศิษย์ทั้งเก้าของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินแต่ละคนมีความสามารถมากมายและเก่งกาจไปรอบด้าน?

บรรดาศิษย์เหล่านั้นทำให้เหล่าผู้เฒ่าโบราณเก๋ากึกในสายวิถีสุดยอดภายในโลกต้องพากันหวาดกลัวไปตาม ๆ กัน!

“แล้ว… เขาเล่า?”

ผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงเบนสายตามองไปที่ซูอี้

ครั้งนี้ไม่รอให้ยมบาลเอ่ยปากพูด เย่ลั่วก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง “นั่นคืออาจารย์ของข้า”

อาจารย์?

อาจารย์ของศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน?

ช้าก่อน!

เขา… เขาคือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน?

ผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงเบิกตาโตขึ้นมาในทันใด รู้สึกราวกับสายฟ้าหมื่นพันสายซัดร่างตัวเองจนมึนงงไปหมด

ทั้งตะลึง ทั้งตระหนก ทั้งไม่อยากจะเชื่อ…

ความรู้สึกมากมายรุมเร้า

ผู้เฒ่าชุดนักพรตก็ตะลึงเช่นกัน หน้าอกกระเพื่อมอย่างแรง ความจริงที่รู้โดยไม่ตั้งใจนี้สร้างความตื่นตระหนกให้อย่างแรง

ตอนที่เขาอยู่มหาทวีปคังชิง เคยเห็นความแปลกประหลาดพิสดารหลาย ๆ อย่างของซูอี้มาแล้ว

จนกระทั่งเมื่อมาถึงภูมิมืดมิด ไม่ว่าจะเป็นที่โถงหลงลืม หรือว่าที่เมืองตาข่ายม่วง ล้วนรู้สึกได้ว่าที่มาของซูอี้นั้นมีเงื่อนงำ มีความประหลาดเป็นอย่างมาก

แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยสักนิดว่า หนุ่มน้อยชุดสีเขียวอายุเพียงแค่สิบกว่าปีคนนี้จะเคยเป็นผู้ชี้ชะตาของแดนเทวามหาแดนดินซึ่งมีวิถีดาบอันดับหนึ่งคนนั้น!

“มิน่าเล่าตอนที่อยู่ร้านรับจำนำ แม้แต่วัตถุมีจิตใจเหล่านั้นก็ยังเคารพยำเกรงต่อเขาเป็นอย่างมาก และก็ไม่แปลกเลยที่ตระกูลชุยสามารถแคล้วคลาดจากเคราะห์ภัยในคืนหมื่นโคมไฟมาได้…”

เวลานี้ผู้เฒ่าชุดนักพรตเข้าใจกระจ่างแท้แล้ว!

“ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน… ที่แท้… ที่แท้เรื่องที่เล่าลือกันไม่ใช่เรื่องโกหก ในภูมิมืดมิดแห่งนี้มีวัฏสงสารอยู่จริง….”

ผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงตื่นตระหนกจนขวัญกระเจิง “การต่อสู้ในวันนี้ ข้าเนี่ยผู้นี้สามารถพ่ายแพ้ในเงื้อมมือของใต้เท้าซูได้ ถือว่า… ตายอย่างคุ้มค่า…”

มีแต่เสียงถอนใจนั้นที่ยังคงดังก้องในปฐพี

มีเพียงยมบาลสาวเพียงคนเดียวก็ทำให้รู้สึกสิ้นหวังแล้ว มีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเคยสยบแดนดินเพิ่มขึ้นมาอีกคนก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใหญ่

เช่นนี้ ผู้เฒ่าผมขาวชุดสีแดงก็ไม่ต้องมีความหวังอันใดอีก สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้แล้วว่าวันนี้ตนเองยากจะรอดตายไปได้ ด้วยเหตุนี้จึงเลือกเป็นฝ่ายดับชีวิตของตัวเอง!

ด้วยเหตุนี้ ถือได้ว่าเป็นการรักษาหน้าตาครั้งสุดท้ายของตัวเองไปด้วย

ยมบาลนิ่งตะลึง “อานุภาพของสหายเต๋าช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริง ๆ ถึงกับทำให้ผู้เฒ่าผู้มีระดับวิถีขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลางฆ่าตัวตาย…”

ภาพเช่นนี้สร้างความตระหนกอย่างแรง

จะต้องสิ้นหวังถึงเพียงใดกันจึงเลือกดับชีวิตของตัวเองได้?

“อย่างไรเสียก็ต้องตาย จบชีวิตด้วยตนเอง ก็ยังดีกว่าตายเพราะถูกคนอื่นฆ่า”

เย่ลั่วกล่าว

เขาไม่รู้สึกเห็นใจอันใด

การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนด้วยกัน จะบังเกิดความเวทนาเห็นใจไม่ได้

พูดกันตามความเป็นจริง วันนี้หากไม่ใช่เพราะพวกเขามา ศิษย์อาจารย์คู่นั้นต้องตายแน่

หากว่าพวกเขาพ่ายแพ้ จุดจบที่ได้ก็ยากจะหนีพ้นจากความตายเช่นกัน

“อย่าพูดมาอีกเลย รีบไปเก็บกวาดสนามรบได้แล้ว”

ซูอี้ออกคำสั่ง

“ขอรับ”

เย่ลั่วสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป แล้วรีบออกไปทำงานงก ๆ

ช่วงเวลาหนึ่ง เขารู้สึกราวกับย้อนกลับไปในอดีตเมื่อตอนที่ติดตามอาจารย์ออกไปท่องพเนจร ทุกครั้งที่มีการต่อสู้ครั้งใหญ่ ในฐานะที่เป็นศิษย์ สิ่งที่เขาชอบทำที่สุดก็คือเวลาที่การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้วได้ออกไปเก็บรวบรวมสมบัติทั้งหลายที่ตกค้าง

คล้ายกับการขุดหาสมบัติ ได้ของกลับมาเต็ม ๆ

เพียงแต่ว่า เมื่อระดับวิถีเพิ่มสูงขึ้น เวลาที่ออกไปท่องพเนจร เขาไม่จำเป็นต้องติดตามอาจารย์อีก ความสุขเมื่อสมัยตอนเป็นหนุ่มน้อยจึงค่อย ๆ จางหายไป

แต่ตอนนี้ ความรู้สึกที่คุ้นเคยเช่นนั้นผุดขึ้นมาในหัวใจอีกครั้ง เย่ลั่วถึงกับน้ำตาซึม

มีอาจารย์อยู่ ดีจัง!

เวลานี้ ผู้เฒ่าชุดนักพรตราวกับตื่นจากฝัน เขารีบเดินตรงไปคารวะต่อซูอี้ “ขอบคุณใต้เท้าซูที่ช่วยเหลือพวกเราสองคนให้รอดพ้นจากอันตราย!”

เทพมารฝังอบายผู้ซึ่งเคยยิ่งใหญ่เมื่อในอดีตคนนี้รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างเต็มที่ เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ในแววตาสีหน้ามีความเคารพนบนอบเพิ่มขึ้นมา

ซูอี้พยักหน้าพลางกล่าว “ไม่ต้องเกรงใจ”

พูดจบ ก็เห็นใต้ท้องฟ้าที่ไกลออกไป ในที่สุดหวังถิงก็ทลายอัสนีภัยพิบัติขั้นสุดท้ายออกมาได้แล้ว!

ถึงแม้ร่างของหวังถิงเกือบจะถูกสายฟ้าฟาดเป็นชิ้น ๆ อยู่ในสภาพร่อแร่ ทว่าใคร ๆ ก็มองออกว่าพลังความเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจกำลังปรากฏภายในร่างของหวังถิง

“หนทางแสวงวิถียาวนานแปดพันปี ในที่สุดศิษย์ข้าหวังถิงก็ย่างสู่หนทางแห่งยมราชแล้ว!”

ผู้เฒ่าชุดพรตรำพึงด้วยความตื่นเต้น

ทว่าชั่วขณะนี้ ซูอี้กลับขมวดคิ้ว

……….

บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]

บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset