“นาย…” หลินจื่อก็โกรธจะแย่แล้วเหมือนกัน กัดฟันเอ่ยว่า “ได้ ถ้าอย่างนั้นนายปกป้องฉันแล้วกัน! ส่งธนูมา ฉันไม่เชื่อหรอกว่าถ้าไม่มีพวกนายแล้วฉันจะล่าสัตว์ไม่ได้! ล่าตัวใหญ่ไม่ได้ คิดรึว่าจะล่าตัวเล็กไม่ได้? ใครกล้าก่อกวน ฉันจะให้มันรู้ว่าอะไรเรียกว่าโหด!”
เอ่ยจบ หลินจื่อก็เดินหน้าไปด้วยความโมโห
หลินเหล่ยกระทืบเท้าทีหนึ่ง “พี่เหมิ่ง พี่ทำให้ผมผิดหวังมากนะ พี่! รอผมเดี๋ยวสิ”
หลินอิ๋งยกนิ้วโป้งให้เซี่ยเหมิ่ง “เป็นแบบอย่างที่ดี! อย่าไปโน้มน้าวพี่ฉันเลย…เหอะๆ…” ก่อนที่หลินอิ๋งจะตามไปด้วย
เซี่ยเหมิ่งหัวเราะแห้งๆ เดินตามอยู่ข้างหลัง ผ่านเรื่องในวันนี้มา เขามีความคิดจะออกไปจริงๆ ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาเพียงแค่อยากหางานที่มั่นคงก็เท่านั้น…
ขณะเดียวกัน ฟางเจิ้งกำลังฟังเด็กแดงบอกเล่าคำพวกนั้นด้วยหน้ามืดทะมึน
“อาจารย์ อีกฝ่ายบอกว่าเล็กใหญ่ไม่สน เขาแค่ต้องการหนังกับเนื้อ จิ๊ๆ ดูท่าคนที่ท่านพากลับใจจะเป็นแค่ดาบเล่มเดียว คนที่ใช้ทำดาบทำเรื่องชั่วยังไม่เป็นไรเลย อีกอย่าง เขายังจะหักขาท่านด้วยนะ” เด็กแดงเล่า
ฟางเจิ้งแค่นเสียงขึ้นจมูก “ดาบไม่น่ากลัว ดาบอยู่ในมือคนต่างกัน สมรรถนะก็ต่างกัน คนใช้ดาบแบบนี้ต่างหากที่น่ากลัวจริง นี่แหละมือมืดที่อยู่เบื้องหลัง”
“อาจารย์ ท่านก็โยนเขาลงนรกอีกสิ ให้เขามีความสุขเสียหน่อย” เด็กแดงหัวเราะคิกคัก
ฟางเจิ้งส่ายหน้าบอก “การเปิดประตูนรกเหนื่อยเกินไป อาจารย์เพิ่งเปิดไป ตอนนี้สมองแทบจะระเบิดแล้ว ถ้าเปิดอีก นายจะเอาชีวิตอาจารย์รึไง?”
“อาจารย์ แล้วจะเอายังไงดี หรือว่าจะให้เขาทำร้ายสัตว์ในภูเขาต่อไป?” กระรอกเอ่ยอย่างร้อนใจ
ฟางเจิ้งส่ายหน้า “ไม่ ไม่ได้” พูดถึงตรงนี้ ฟางเจิ้งกวาดสายตามองอภินิหารนั้นในความคิด! เดิมทีจะเก็บไว้ใช้กับเหลียงเฉิงหู่ ถ้าสั่งสอนเขาแล้วไม่หลาบจำ ก็จะให้เขาสุขสมมากกว่าเดิมอย่างไม่ถือสา! แต่ตอนนี้ดูๆ แล้วมีคนที่ต้องโดนมากกว่า
พูดจบ ฟางเจิ้งก็เดินไปทางพวกหลินจื่อ
หลินจื่อวิ่งรวดเร็ว ทิศทางที่ไปไม่ใช่จุดที่ฟางเจิ้งอยู่ ขณะกำลังวิ่งพลันได้ยินเสียงนกร้องที่คุ้นหู ร่างจึงหยุดลงโดยพลัน ไม่กล้าขยับ! หัวใจเต้นระรัวยิ่งขึ้น! พูดในใจว่า ‘เสียงนี่…นี่มันเสียงนกมังกรบิน!’
หลินจื่อวิ่งเร็วเกินไป หลินเหล่ยกับหลินอิ๋งตามไม่ทัน ส่วนเซี่ยเหมิ่งด้วยความที่ในใจมีความคิดอื่นจึงไม่ได้วิ่งเร็วมาก แค่ตามอยู่ข้างหลังหลินอิ๋ง ดังนั้นคนพวกนี้จึงทิ้งระยะห่างกันช่วงหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ฟางเจิ้งได้ยินเสียงนี้เช่นกัน จึงคิ้วขมวดเอ่ย “นี่มันเสียงของนกมังกรบิน!”
“อาจารย์ นกมังกรบินคืออะไร?” เด็กแดงกับกระรอกถามด้วยความแปลกใจพร้อมกัน
ฟางเจิ้งตอบ “มังกรบินคือชื่อเรียกท้องถิ่นของพวกเรา เป็นนกชนิดหนึ่ง ชื่อทางวิชาการคือฮาเซลเกราซ์[1] ดูไปแล้วไม่ค่อยสวยเท่าไร แต่เนื้อนุ่มมาก รสชาติอร่อย เป็นของชั้นยอดในโลกมนุษย์ และยังเป็นอาหารชั้นยอดในสายตานักกินมากมาย! เมื่อหลายสิบปีก่อนนกฮาเซลเกราซ์เลยแทบจะถูกจับด้วยวิธีกวาดล้าง เกือบสูญพันธุ์แล้ว นี่ก็เป็นสัตว์คุ้มครองระดับหนึ่งของประเทศเราเหมือนกัน ล้ำค่ามาก เล่าลือว่าตอนนี้ ราคานกฮาเซลเกราซ์ในตลาดขึ้นสูงมาก ทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาด”
“อร่อยขนาดนั้นเลยรึ?” เด็กแดงน้ำลายสอเล็กน้อย…เขาคือราชาปีศาจ ถึงจะไม่ลงมือกับสัตว์ในช่วงให้นมลูก แต่ก็กินสัตว์ในช่วงอื่นๆ มาหมด! พอนึกถึงเนื้ออันโอชะก็หยุดน้ำลายเอาไว้ไม่ได้
ฟางเจิ้งยกมือเขกหัวไปทีหนึ่ง “อร่อยหรือเปล่าเกี่ยวอะไรกับนาย?”
เด็กแดงเงียบลงอย่างขมขื่น
กระรอกพูด “อาจารย์ คนชั่วนั่นอยู่ใกล้ๆ นี่ นกฮาเซลเกราซ์ก็อยู่ด้วย…มะ…มันจะมีอันตรายไหม”
ฟางเจิ้งไม่ตอบ นี่ยังต้องถามอีกเหรอ? ใช้เท้าคิดก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องไม่ปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ไปแน่ ฟางเจิ้งเลยยิ่งหยุดไม่ได้ เขาวิ่งไปยังจุดที่นกฮาเซลเกราซ์อยู่อย่างรวดเร็ว
หลินจื่อไม่กล้าวิ่ง เขาเคลื่อนอย่างตัวเงียบๆ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่เหล่าเหลียง จะให้นิ่งเหมือนแมวป่าคงไม่ได้ ทว่าเขามีความระมัดระวังมากพอ ฉะนั้นเลยไม่ได้ทำให้นกฮาเซลเกราซ์ตกใจหนีไป เขาแหวกพุ่มหญ้าออก เห็นพุ่มไม้เตี้ยผืนหนึ่ง ข้างล่างมีลำธารไหลผ่าน พุ่มไม้เหล่านั้นออกผลไม้อย่างเช่นเบอร์รี่แล้ว หลินจื่อรู้ว่าที่แบบนี้ล่อนกฮาเซลเกราซ์มาได้ง่ายที่สุด และยิ่งมั่นใจว่าตนไม่ได้ฟังเสียงพลาด!
“ไม่แน่ว่าฤดูนี้อาจจะได้นกฮาเซลเกราซ์มาสักรัง อย่างแย่สุดก็น่าจะได้ไข่สองสามฟองมั้ง? ตัวใหญ่เอาไปขาย ตัวเล็กมากินเอง ไข่เจียวก็ไม่เลว…” หลินจื่อนึกถึงตรงนี้ ถึงกับกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
หลินจื่อพิจารณามองพุ่มไม้เตี้ยอย่างละเอียด ก็พบกับเป้าหมายในพุ่มไม้เตี้ยตามนั้นจริงๆ นกฮาเซลเกราซ์เพศเมียตัวหนึ่งกระโดดไปบนพุ่มไม้เตี้ย กำลังมองรอบๆ อย่างตื่นตัว
“เด็กดี แกนี่เอง!” หลินจื่อยิ้มอย่างตื่นเต้น ง้างสายธนูแล้วยิง!
รวดเดียวเสร็จสิ้น เห็นได้ชัดว่าหลินจื่อก็เป็นมือโปรด้านธนูเหมือนกัน!
ทว่าตอนนี้เอง หลวงจีนจีวรขาวรูปหนึ่งพลันโผล่มาข้างหน้า ใช้มือข้างเดียวคว้าลูกธนูที่ยังไม่ยิงออกไปไว้!
หลวงจีนที่โผล่มากะทันหันทำให้หลินจื่อตกใจสะดุ้ง โยนคันธนูทิ้งตามจิตใต้สำนึก ร้องเสียงดังพร้อมกับล้มหงายไปข้างหลัง
ผลคือมีมือใหญ่ทรงพลังข้างหนึ่งคว้าเขาเอาไว้ ทำให้เขายากจะหนีรอดไปได้
“อมิตาพุทธ ประสก วางดาบลงจะสำเร็จอรหันต์ทันที ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง ชีวิตที่ประสกฆ่ากับชีวิตที่ตายเพราะประสกมีมากเกินไปแล้ว หยุดซะเถอะ” ฟางเจิ้งประนมสองมือ เอ่ยด้วยใบหน้าเมตตา
“ที่แท้ก็เป็นหลวงจีนนี่เอง…อย่าบอกนะว่าเป็นแกเองที่พูดให้เหล่าเหลียงเลิกล่าสัตว์” หลินจื่อไม่สนว่าฟางเจิ้งพูดอะไรเลย แต่นึกถึงเหล่าเหลียงทันที
ฟางเจิ้งพยักหน้าบอก “ประสกเหลียงกลับใจคือถึงฟากฝั่ง ทำไมประสกต้องยึดมั่นแบบนี้ล่ะ?”
“ไร้สาระ! เหล่าเหลียงเจ้าคนไร้สมองนั่นจะไปฟังคำพูดแกได้ยังไง แกคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดไม่กี่คำของแกเหรอ จะบอกอะไรให้นะ พวกเราสองคนสวมกางเกงตัวเดียวกันโตมาด้วยกัน ตีแม่ไก่ตายตัวแรก ก็เป็นฉันที่สอนเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่มีฉันอยู่ เขาจะรู้จักการล่าสัตว์ได้ยังไง! แต่ฉันเข้าเมืองไป เขากลับเลือกล่าสัตว์ต่อในป่า ตอนนี้เป็นมือโปรแล้ว ไม่ขอบคุณฉัน แต่กลับฟังคำพูดหลวงจีนอย่างแก ยอมกลับตัวกลับใจเนี่ยนะ แม่งเสียชาติเกิดจริงๆ!” หลินจื่อด่าว่าด้วยความโกรธ
ฟางเจิ้งอึ้งงัน เขาเห็นความทรงจำข้างในหัวขณะอยู่ในนรกภูเขาดาบของเหล่าเจ๋อเชวียน แต่ในนั้นไม่มีเงาของหลินจื่อ ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว ในนรกภูเขาดาบจะปลุกภาพความทรงจำของผู้รับโทษ และภาพที่เกี่ยวกับผู้รับโทษโดยตรง แต่จะไม่ดึงสิ่งที่เกี่ยวข้องทางอ้อมเข้าไป
หรือพูดได้ว่า เหลียงเจ๋อเชวียนไม่เคยกล่าวโทษหลินจื่อ ยังคงคิดว่านั่นคือเจตนาเดิมของเขาเสมอ…
แต่ไม่ว่าอย่างไร ฟางเจิ้งรู้ว่าคนผิดหรือคนชั่วที่แท้จริงไม่ใช่เหลียงเจ๋อเชวียน แต่เป็นหลินจื่อที่เปลี่ยนเหลียงเจ๋อเชวียนให้กลายเป็นเหลียงเฉิงหู่ กระทั่งมากกว่าตัวเหลียงเจ๋อเชวียนเองเสียอีก! นี่ต่างหากคือคนชั่วที่แท้จริง!
“อมิตาพุทธ ประสกมีบาปกรรมท่วมตัว ไม่คิดจะเปลี่ยนจริงๆ หรือ?” ฟางเจิ้งมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
หลินจื่อหัวเราะเสียงดัง “สิ่งที่ฉันหลินจื้อเฉิงทำแล้วไม่เคยเสียใจ! ตำรวจทำอะไรฉันไม่ได้ แล้วแกไอ้ลาหัวล้านจะทำอะไรฉันได้?”
“ทำความชั่วเยอะ จะไร้ลูกหลานสืบสกุล” ฟางเจิ้งกล่าว
“ไร้ลูกหลานสืบสกุล? ชิ…อย่ามาตลก ไก่ที่ฉันฆ่ามีมากกว่าที่แกเห็นเยอะ! นี่คงไม่ได้เพิ่มน้องชายน้องสาวให้ฉันหรอกนะ? น่าเสียดาย อายุห่างกันเกินไป เด็กสองคนนั่นถูกสอนล้างสมองจนเป็นขยะปัญญาอ่อน แม้แต่มดยังไม่กล้าลงมือเลย…เป็นพวกไร้ประโยชน์” หลินจื้อเฉิงส่ายหน้าเอ่ย
………………………………………………………….…………
[1]ฮาเซลเกราซ์ (hazel grouse) เป็นนกตระกูลไก่ป่า มีขนาดเล็กราว 14–15 นิ้ว ตัวผู้มีหงอนสั้น คอสีขาวขอบดำ ตัวเมียจะหงอนสั้นกว่าและไม่มีสีดำที่คอ นกชนิดนี้กินอาหารบนพื้นดินและกินพืชเป็นหลัก รังก็อยู่บนพื้นดินเช่นกัน