บทชีวิตใหม่ 10 ถ่ายหนัง

ตอนที่ 10 ถ่ายหนัง

บทที่ 10 ถ่ายหนัง

หลังจากโทรหาหนังสือพิมพ์และสถานีโทรทัศน์แล้วถานเสี่ยวเทียนก็หยิบบุหรี่หงเหอออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ตอกออกมาหนึ่งมวนแล้วจุดไฟ หลังจากสูบบุหรี่ไปครึ่งมวน เขาก็ดีดทิ้งแล้วโทรออกอีกครั้ง

“เจียงไห่นี่ฉันโจวซินเฟย ตอนนี้มีเหตุฉุกเฉินที่ต้องดำเนินการทันที ฉันเพิ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าตอนนี้มีสื่อข่าวหลายสำนักกำลังถ่ายทำข่าวสำหรับเจ้าหน้าที่แนวหน้าของเราซึ่งจะสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของตำรวจยุคใหม่และก็มีคนมาแจ้งความมาว่าอาจจะมีอาวุธปืนซ่อนอยู่ในอาคารที่ซอยซิงฟู่ 3 เขตหลิวเจี่ยซีตะวันตก รีบนำตำรวจหน้าตาดีสักสองสามนายไปที่นั่นและจัดการเรื่องราวให้ดีอย่าให้มีปัญหา!” เนื่องจากบุหรี่ครึ่งมวนที่เพิ่งสูบไปทำให้เสียงของถานเสี่ยวเทียนจึงแหบแห้งและคล้ายกับโจวซินเฟยมากกว่าเดิม

เจียงไห่คือผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสากลเขตต้าตง เป็นคนตัวใหญ่ เอวกลมและมีความระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากโจวซินเฟยพูดเร็วเกินไปซึ่งต่างจากเมื่อก่อนและหมายเลขที่แสดงบนโทรศัพท์ไม่ใช่หมายเลขจากห้องทำงานของโจวซินเฟย เขาจึงถามพร้อมกับขมวดคิ้วว่า “โจวจู เต้าซีไม่ใช่เขตรับผิดชอบของผม ผู้ชายคนนั้นหลี่เต๋อหวู่จะไม่เข้ามาสร้างปัญหาให้ผมอย่างนั้นเหรอถ้าเขารู้เรื่องนี้?” (โจวจู = ท่านรองจู)

“นักข่าวถูกไปส่งแล้ว ฉันโทรจากตู้โทรศัพท์ริมถนนเพราะฉันเพิ่งออกมาจากกรมประชาสัมพันธ์ยังไม่ได้กลับไปที่สำนักงาน ตอนนี้ 08:15 น. นายต้องรีบไปที่ซิงฟู่ก่อน 08:15 น. เข้าใจไหม!”

ตึก! ถานเสี่ยวเทียนวางสายโดยไม่ลังเล

เขาทำหน้าที่เป็นสายลับมาหลายปีและคุ้นเคยกับระบบภายในของกระทรวงรักษาความปลอดภัยสาธารณะเป็นอย่างดี ผู้บังคับบัญชานั้นไม่ควรสุภาพกับลูกน้องมากเกินไป นอกจากนี้เหตุผลที่เขาต้องการให้ตำรวจจากเขตเต้าตงไปตรวจสอบเต้าซีเพราะเขากลัวว่าหลิวจุนที่อยู่ในเต้าซีมาหลายปีนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่คอยปกป้องเขา

เพราะเมื่อเป็นการทำคดีข้ามเขตแบบนี้ ตำรวจของจากเต้าตงจะไม่มีทางปกป้องเขาแน่นอน

เมื่ออีกฝั่งของตัดไปสายแบบนี้มันก็ทำให้ความลังเลของเจียงไห่หายไปทันทีและคิดว่าที่เสียงของโจวจูฟังดูแปลกๆ อาจเป็นเพราะเขากำลังรีบอยู่ ให้ตายสิ! ใครใช้ให้เขามียศต่ำกว่าอีกฝ่ายล่ะ? เขาทำได้เพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น

“เสี่ยวหวาง ต้าหลิว พวกนายไปหาคนหน้าตาดีๆ มาสักสองสามคนแล้วออกเดินทางทันที เราจะไปถ่ายหนังกัน”

วี้หว่อๆๆ…

ไม่กี่นาทีต่อมา รถตำรวจสองคันก็เสียงไซเรนไปทางเขตเต้าซี

เวลา 08:30 น. ที่ซอยซิงฟู่ 3 ก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ตอนนี้เจียงไห่และลูกน้องที่ทั้งสูงและดูแข็งแรงสองสามคนกำลังพูดคุยกับนักข่าวที่กำลังถือกล้องอยู่

“สหายนักข่าว ผมคือเจียงไห่ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสากลเขตเต้าตง พวกคุณได้รับข่าวนี้มาได้อย่างไร” เขาต้องการยืนยันอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มดำเนินการอะไรต่อ

นักข่าวตอบว่า “ไม่ใช่ว่ารองผู้อำนวยการโจวของคุณเป็นคนติดต่อเรามาไม่ใช่หรือ? เขาบอกให้พวกเรามาถ่ายทำข่าวการปฏิบัติงานของตำรวจ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เจียงไห่ก็โบกมือของเขา “ลงมือ!”

นายตำรวจชั้นยอดที่ดูแข็งแกร่งภายใต้เขาเดินเข้าไปพร้อมๆ กัน พวกเขาใช้เครื่องมือระดับมืออาชีพพังประตูอาคารเข้าไปของในอาคารอย่างรวดเร็ว

นายตำรวจชั้นยอดของเจียงไห่ล้วนแต่เป็นนักสืบเก่า หลังจากเข้าไปในอาคารพวกเขาก็แยกกันค้นหาโดยไม่ต้องรอคำสั่ง

ผู้สื่อข่าวถือกล้องในมือและติดตามเข้าไป

ในอาคาร หม่าไจ๋ลูกน้องของหลิวจุนที่กำลังหลับสบายภายใต้ผ้าห่มถูกจับใส่กุญแจมือโดยไม่ทันตั้งตัว หลังจากกะพริบตาแรงๆ หลายครั้งเขาก็เริ่มเห็นทุกอย่างชัดขึ้น

คนหลายคนเข้ามาถามอย่างเคร่งขรึมว่า “พูดมาว่าปืนซ่อนอยู่ที่ไหน”

หม่าไจ๋มึนงงอย่างสมบูรณ์ “ปืนอะไร แล้วคุณเป็นใคร?”

“ยังไม่ยอมสารภาพอีก!” ตำรวจคนหนึ่งยกมือขึ้นมา แต่ก็ถูกคนรอบข้างห้ามไว้ทันทีและกระซิบว่า “อย่า! มีนักข่าวอยู่ที่นี่ด้วย!”

ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงที่ตื่นเต้นดังก้องผ่านวิทยุสื่อสาร “ปืน! ฉันเจอปืนแล้ว!”

เหอะ! ฉันว่างปืนไว้เด่นขนาดนั้นยังใช้เวลานานขนาดนี้ เฮ้อ…!

เมื่อถานเสี่ยวเทียนเห็นเจียงไห่และคนอื่นๆ พาตัวหม่าไจ๋ไปที่รถตำรวจพร้อมกับสิ่งของต่างๆ เขาก็เก็บกล้องส่องทางไกลและค่อยๆ ปีนลงมาจากต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากอาคาร

เนื่องจากเขาไม่ได้วางแผนที่จะฆ่าคน การใช้ตำรวจจึงเป็นทางเลือกแรก ถานเสี่ยวเทียนได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการทำให้คดีของหลิวจุนกลายเป็นที่สนใจของสื่อ

ตั้งแต่เริ่มวางแผนเมื่อวานนี้ ถานเสี่ยวเทียนได้ตัดสินใจจะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังเพราะเขาไม่แน่ใจว่าภูมิหลังของหลิวจุนนั้นลึกซึ้งเพียงใด มีเพียงการให้นักข่าวเข้ามามีส่วนร่วมเท่านั้นที่จะสามารถปิดทางหนีของหลิวจุนลงได้อย่างสมบูรณ์

สำหรับการครอบครองปืนนั้นมีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 3 ปีแต่ไม่เกิน 7 ปีและเมื่อรวมกับสมุดบัญชีแล้ว หลิวจุนจะต้องถูกตัดสินจำคุกอย่างน้อย 5 ปีแน่นอน

ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวคือเจียงไห่และโจวซินเฟยจะต้องสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติของเรื่องนี้ได้ในภายหลังแน่นอน แต่แล้วไงล่ะ?

ใครจะไปเชื่อล่ะว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบนี้จะเป็นผลงานของเด็กนักเรียนม.ปลาย?

ถานเสี่ยวเทียนควักบุหรี่หงเหอออกมาอีกครั้ง คราวนี้เขาค่อยๆ สูบช้าๆ ไม่ได้เร่งรีบอะไร

วิธีการเหล่านี้เขาได้มาจากมู่หยูสาวสวยที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาชญากรอัจฉริยะ การเรียนจบ MBA จาก Harvard ทำให้เธอมีความรู้ด้านการจัดการอย่างมืออาชีพ ในเวลาเพียงห้าปีเธอทำให้ธุรกิจค้ายาของครอบครัวเติบโตขึ้นมากกว่าเท่าตัว ถานเสี่ยวเทียนติดตามเธอไปทั่วโลก เขาได้เห็นความคิดและกลยุทธ์ทั้งหมดของเธอและได้เรียนรู้พวกมันด้วยหูและตาของเขาเอง

ในสายตาของถานเสี่ยวเทียน ศัตรูที่อ่อนแอเช่นลำไส้หมูและหลิวจุนนั้นเป็นเพียงแค่ขยะ

ฝีเท้าของถานเสี่ยวเทียนเบาลงเรื่อยๆ ตอนนี้ปัญหาต่อหน้าเขาหายไปแล้ว

ตอนนี้เป็นคาบเรียนสุดท้ายของช่วงเช้า ถานเสี่ยวเทียนกระโดดเข้าไปในโรงเรียนจากกำแพงทางตะวันออกเฉียงใต้และแอบเข้าไปในอาคารสอนโดยไม่มีใครรู้ตัว… เฉินหยูครูสอนภาษาอังกฤษสาวกำลังเขียนบนกระดานดำที่หน้าห้องเรียน

ถานเสี่ยวเทียนเปิดประตูหลังห้องและหมอบลงพร้อมกับกระเป๋านักเรียน จากนั้นก็คลานไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของเขาดึงดูดความสนใจของนักเรียนแถวหลังและจู่ๆ ทั้งหม่าเหว่ยและจางต้าเผิงก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้กับเขา

“เกิดอะไรขึ้น?” ถานเสี่ยวเทียนที่กำลังหมอบอยู่ที่พื้นถามออกมาด้วยเสียงเบา

หม่าเหว่ยตอบเขา “ลุกขึ้น! คุณครูเห็นนายแล้ว”

ทันทีที่ถานเสี่ยวเทียนเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นเฉินหยูกำลังจ้องมองเขาด้วยใบหน้าเย็นชา

ฮ่าๆๆๆ……

ทั้งชั้นเรียนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ มีเพียงฉู่ถิงเท่านั้นที่มีร่องรอยของความผิดหวังปรากฏบนใบหน้าของเธอ

“ถานเสี่ยวเทียน เธอช่วยอธิบายให้ครูฟังหน่อยได้ไหมว่าทำไมเธอถึงมาสาย?”

ถานเสี่ยวเทียนยืนขึ้น

เฉินหยูคุณครูผู้ตัวเล็กและน่ารักรีบวิ่งมาทางเขาด้วยรองเท้าส้นสูงสามนิ้วของเธอ เมื่อมาถึงถานเสี่ยวเทียนเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขาและถามว่า “ถานเสี่ยวเทียนการสอบเข้าวิทยาลัยกำลังจะมาถึงแล้ว ทำไมเธอถึงไม่ตั้งใจเรียน? เธอคิดว่าการเข้าแค่มหาวิทยาลัยกีฬาอันดับ 3 นั้นเพียงพอแล้วเหรอ? ด้วยความสามารถของเธอ เธอควรจะทำได้มากกว่านั้นนะรู้ไหม?”

เฉินหยูเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปิ่นเฉิงและเธอก็ยังเป็นครูที่มีความรับผิดชอบมากๆ อีกด้วย เมื่อเธอเห็นว่าถานเสี่ยวเทียนทำเพียงแค่ก้มหน้าไม่พูดอะไร เธอก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ เธอเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋านักเรียนที่หลังของถานเสี่ยวเทียน “เธอทั้งโดดเรียนและมาสาย แล้วเธอจะเอากระเป๋าใบใหญ่ๆ แบบนี้มาทำไม.. อ๊ะ ข้างในกระเป๋ามีอะไร ทำไมถึงหนักขนาดนี้”

ถานเสี่ยวเทียนตกใจมาก ในกระเป๋าของเขามีเงิน 70,000 หยวนปืนพกและกระสุนอยู่ เขาต้องไม่ปล่อยให้คนอื่นเห็นมันเด็ดขาด เขารีบดึงกระเป๋านักเรียนมาไว้กับตัวและประโยคภาษาอังกฤษก็โผล่ออกมาจากปากของเขาอย่างรวดเร็ว “Miss Chen,please respect personal privacy.” คำที่ออกมานี้เป็นภาษาอังกฤษแบบสำเนียงอเมริกันแท้ๆ

(อาจารย์เฉิน โปรดเคารพความเป็นส่วนตัวด้วย)

เฉินหยูมึนงงและตอบสนองช้าลงไปเล็กน้อย หลังจากได้สติเธอก็ตอบกลับไปว่า “Do poor students deserve privacy?In high school,good students deserve rights.”

(นักเรียนที่ไม่ดีสมควรได้รับความเป็นส่วนตัวงั้นเหรอ? ในโรงเรียนมัธยมปลายนี้มีเพียงนักเรียนที่ดีเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับมัน)

ถานเสี่ยวเทียนตอบกลับด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย “If you don’t,it will be amazing. Please wait and see. I will create a miracle for you.”

(ผมว่าคุณอย่าทำแบบนี้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นผมจะสร้างปาฏิหาริย์ให้คุณได้เห็น)

มีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินหยู “Okay,you go back and sit down!”

(โอเค คุณกลับไปนั่งเถอะ!)

บทชีวิตใหม่

บทชีวิตใหม่

Score 10
Status: Completed

เกิดใหม่ปี 1998

เต้นรำภายใต้สายลมแห่งการเงิน

แหวกว่ายทามกลางกระแสน้ำแห่งไอที

ความมั่งคั่งถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์

ด้วยฝ่ามือที่เรียกลมเรียกฝนนี้

ฉันจะตบโลกทั้งใบให้สั่นสะเทือน

Options

not work with dark mode
Reset