คิดถูกแล้วล่ะที่กังวล
อย่างที่เราเดาเอาจากการดูจากข้างนอกเลย ตึกนี้ถูกสร้างขึ้นมาคล้ายกับอาคารเรียน มีห้องเรียงรายไปตามทางเดินหลายห้อง ทุกห้องถูกตกแต่งภายในไว้แปลกมาก แถมเกินครึ่งก็ยังเชื่อมต่ออยู่กับพื้นที่คั่นกลางซะด้วย
ที่ห้องนึง มีชุดนักเรียนโชกเลือดถูกตะปูตอกติดไว้กับกำแพง หน้าสมุดที่วางกระจายอยู่บนพื้นเปิดเอาไว้ หน้าของสมุดพลิกไปพลิกมา ทั้งๆ ที่ไม่มีลมเลยซักนิด
มีห้องนึงที่ตั้งหุ่นลองเสื้อเอาไว้ หันหลังให้พวกเรา ถึงฉันจมั่นใจเลยว่าได้ยินเสียงมาจากในห้องนี้ก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา แต่พอเราเปิด ทุกอย่างก็เงียบสนิท
อีกห้องนึงก็มีสายไฟหุ้มไวนิลห้อยลงมาจากเพดานเยอะแยะจนนับไม่ไหว กระดาษที่ผูกไว้ตรงปลายสายดูเหมือนโอมิคุจิที่ผูกไว้ขับไล่สิ่งชั่วร้ายเลย
TN: おみくじ (Omikuji) หรือใบเซียมซี เป็นกระดาษทำนายโชคชะตา ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าซึ่งดวงชะตาจะมีคำทำนายถึงโชคลาภที่แตกต่างกัน ส่วนมากใบเซียมซีจะมาในรูปกระดาษแบบพับเเผ่นเล็ก หรือในบางครั้งก็มัดมาพร้อมกับริบบิ้น พร้อมคำทำนายของคุณในนั้น
แล้วอีกห้องนึงก็มีตู้เย็นอยู่ตู้นึง ส่งเสียงหึ่งๆ เบาๆ ออกมา ตอนที่พวกเราเปิดมันออกดูอย่างอึดอัด ในนั้นก็มีลูกวอลเลย์ลูกนึงที่เหมือนจะมีเด็กวาดเป็นรูปหน้าคนอยู่แช่เอาไว้ข้างใน แล้วก็ใส่วิกให้ลูกบอลลูกนี้ด้วย
ห้องที่ดูบ้าบอจริงๆ ก็คือห้องที่มีหินนี่แหละ ไม่รู้เลยว่าขนกันเข้ามาอิท่าไหน แต่หินก้อนมหึมาตรงหน้าประตูนี่มันใหญ่จนพวกเราเข้าไปในห้องไม่ได้เลย แล้วมันก็ให้ความรู้สึกไม่สบายใจออกมาจนฉันไม่คิดแม้แต่จะลองขยับมันเลยด้วยซ้ำ
อีกห้องนึงก็เป็นห้องที่มีหินอยู่เต็มไปหมด: พอมองดูดีๆ ก็เห็นว่าพวกมันคือหินป้ายหน้าหลุมศพเลยล่ะ
ห้องที่มีกรวดสีขาววางไว้เกลื่อนพื้น ส่งเสียงกระทบกันกรุบกรับเหมือนมีใครไปเดินย่ำอยู่ก่อนที่เราจะเปิดประตูเข้าไป ในห้องมันมีหมอกลงจัดอยู่ด้วย จนมองออกไปไม่ได้ถึงไหนเลย
การเดินไปทั่วตามห้องที่ตกแต่งได้ดูหลอนสุดๆ พวกนี้มันทำให้เหนื่อยหน่ายมากเลย ฉันกับโทริโกะก็ปิดเกทที่เชื่อมกับพื้นที่คั่นกลางไปทีละอันๆ
บอกได้เลยว่าทีมโอเปอร์เรเตอร์ที่อยู่กับพวกเราเองก็อาการไม่ดีเหมือนกัน บางคนจู่ๆ ก็มีเลือดกำเดาไหล ร้องไห้ไม่หยุด ดึงหูฟังออกมาเพราะอยู่ดีๆ ลำโพงมันก็แหลมแสบหูขึ้นมา… ไม่มีใครบ่นอะไรกับเรื่องนั้นเลยซักคน แต่ตอนที่ฉันยืนอยู่ข้างๆ พวกเขา ฉันก็รู้สึกได้ง่ายๆ เลยว่าความเครียดของพวกเขาพุ่งสูงกันเลย
พวกเราเริ่มตรวจสอบกันจากชั้นล่างๆ แล้วห้องสุดท้ายที่พวกเรามาก็คือสุดปลายทางของชั้น 3 พอพวกเราปิดเกทที่อยู่ในห้องอาบน้ำที่มีอ่างอาบน้ำถูกเผาจนไหม้ดำ มีเสียงน้ำเดือดและเสียงไอน้ำดังก้องอยู่ในห้อง แต่เสียงมันดังออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เพราะในห้องมันไม่มีน้ำเลยซักหยด เสียงมันเสียดหูจนทนไม่ไหวเลย
พอห้องอาบน้ำตอนนี้จู่ๆ ก็เงียบกริบ เสียงที่เข้ามาเติมเต็มห้องแทนก็เป็นเสียงของโอเปอร์เรเตอร์คนนึงกำลังอ้วกอยู่ เป็นชายผิวดำตัวใหญ่ที่เอามือขึ้นมาปิดปากแล้วรีบวิ่งลงไปในโถงทางเดิน
“ที่นี่มันทำเอาสะเทือนเลยนะครับ”
คุณมิงิวะพึมพำขึ้นมา ในขณะที่เหลือบมองลงไปในอ่างอาบน้ำ
รอยไหม้ที่ติดอยู่ที่ก้นอ่างมันเป็นรูปร่างเหมือนกับร่างคน พอลองมองดูดีๆ ก็ยังเห็นเศษผมเศษชิ้นเนื้อติดอยู่ในนั้นด้วย ยังกับว่าผ่านการต้มร่างของใครซักคนอยู่ในอ่างนี่ไปเรื่อยๆ จนน้ำเดือดหายไปหมดยังงั้นแหละ ก็เป็นไปได้นะว่าพวกนั้นจะเอาอ่างอาบน้ำนี้มาจากตึกที่เกิดเหตุแบบนั้นจริงๆ บางที อาจจะมีเรื่องน่ากลัวซ่อนอยู่หลังของในห้องอื่นๆ ด้วยก็ได้—
ชายคนนั้นที่ออกไปที่โถงทางเดินต้องทนต่ออาการคลื่นไส้นี่ไม่ไหวแน่ เพราะฉันได้ยินเสียงเขาพยายามเค้นอาเจียนดังลอยมาถึงนี่เลย
“เขาจะยังไหวมั้ยคะ?”
ฉันพูดไปแบบไม่ได้มีนัยยะอะไรแอบแฝง แต่คุณซาซาสึกะกลับถามฉันกลับมา
“แล้วพวกเธอ 2 สาวล่ะ โอเคมั้ย?”
ฉันกับโทริโกะก็หันมามองหน้ากัน
“ก็… ใช้ได้อยู่ มั้งคะ?”
“ดูเหมือนฉันก็ยังดีอยู่เหมือนกัน”
พอพวกเราตอบไป ความกลัวมันก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาฉันเลย ตอนที่ฉันได้เห็นปฏิกิริยาของคนทั่วไปที่มีต่อโลกเบื้องหล้ง มันชวนให้ฉันคิดว่าพวกเราเองก็ควรจะเป็นแบบนั้นด้วยหรือเปล่า พวกเราอดทนได้ดีงั้นเหรอ? หรือว่าแค่ชินไปแล้วกันแน่?
ไม่อยากจะชินกันเรื่องพวกนี้เลยแฮะ
พวกเราออกไปที่โถงทางเดินกัน โอเปอร์เรเตอร์ที่พุ่งออกไปก่อนพวกเราคนนั้นก็กำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดอยู่เลย
“ดีขึ้นมั้ย?”
คุณซาซาสึกะถามเขา แต่กลับไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย
กลับกัน ชายคนนั้นยกมือขึ้นมาข้างนึง แล้วเริ่มโบกไปมา เหมือนกับกำลังส่งสัญญาณบอกใครซักคนที่อยู่ข้างนอก
แต่ที่นี่มันชั้น 3 แถมในทางที่เขาหันไปนั่นก็มีแต่ต้นไม้ที่ล้อมอยู่รอบฟาร์มนี่เท่านั้นเอง
“มาร์คัส? นี่นายทำอะ—”
ตอนนั้นแหละ ที่คุณซาซาสึกะเรียกเขาอย่างสงสัย
ที่นอกหน้าต่าง มีบางคนร่วงลงมา
“กรี๊ดดด!?”
ฉันกรี๊ดออกมา เผลอถอยหลังไปชนกำแพง ถึงทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ภาพมันกลับฝั่งแน่นติดตาไปจนถึงเรตินาเลย ชายในเสื้อเชิ้ตสีชมพูและกางเกงสแล็ค ในตอนที่ตกลงมา ตาของเขาจับจ้องมาที่ฉันด้วย แต่ฉันมองหน้าของเขาไม่ออกเลย เพราะมันบุบบี้ไปเหมือนดินน้ำมันที่ถูกปาอัดกับพื้นยังไงยังงั้นแหละ
ฉันเคยเห็นเขามาก่อนนี่นา เขาคือผู้ติดต่อประเภท 4 ที่ถูกขังอยู่ในชั้นใต้ดินของ [ฟาร์ม] ไง
ฉันคุดคู้อยู่ตรงนั้น จนมีเสียงดังเหมือนเสียงตบ เพียงแค่ว่ามันดังกว่านั้นอีกเป็น 10 เท่า นี่คือเสียงของคนเวลาตกจากที่สูงขนาดนี้งั้นเหรอ…?
“นี่! มาร์คัส!? จะทำอะไรของนาย!? หยุดนะ!”
โอเปอร์เรเตอร์คนที่โบกมือคนนั้นปีนขึ้นไปที่กรอบหน้าต่าง ยื่นตัวออกไปข้าวนอก คุณซาซาสึกะเห็นแบบนั้นก็รีบก้าวออกไปข้างหน้า พยายามคว้าตัวชายคนนั้นเอาไว้ แต่ด้วยความต่างของร่างกาย เธอก็เลยหยุดเขาเอาไว้ไม่ได้
“ปล่อย… ต้องไป…”
ระหว่างที่มาร์คัสยังดิ้นไปดิ้นมา พยายามจะโดดออกไปให้ได้ โอเปอร์เรเตอร์คนอื่นๆ รอบๆ ก็เข้ามาจับตัวเขาจากทางด้านหลังทีละคนๆ ต้องใช้คนตั้ง 4 คนแน่เกว่าจะดึงชายร่างใหญ่คนนี้ลงมาจากขอบตึกได้
ตอนที่มาร์คัสล้มลงกับพื้น บางอย่างในตาของเขาก็ไม่เหลือสติอยู่เลย ม่านตาเขาขยายจนสุด น้ำตาก็ยังไหลออกมาเป็นสาย
มาร์คัสพยายามจะลุกกลับขึ้นมายืนอีกรอบ แต่คุณมิงิวะก็เข้าล็อกคอเขาจากด้านหลัง ถึงเขาจะยังดิ้นอยู่ แต่แล้วจู่ๆ หัวของมาร์คัสก็เอนไปด้านข้าง ตัวก็หยุดกึกไปเลย ฉันตกใจไปแป๊บนึง นึกว่าคุณมิงิวะฆ่าเขาไปแล้ว แต่เขาคงแค่ทำให้สลบไปนะ
คุณมิงิวะจ้องตรงออกไปนอกหน้าต่าง
“เมื่อกี้ มันมี—”
“ประเภท 4 ค่ะ! คนที่ฉันเจอเมื่อตอนที่โดนลักพาตัว!”
“เขาร่วงลงมาใช่มั้ย? คือเขาโดด-…!?”
พอโทริโกะพูด มันก็เกิดขึ้นเลย
ชายคนเดิมโผล่ออกมาที่นอกหน้าต่าง ร่วงตกลงมา แล้วเสียงของเขาก็ตกกระแทกกับพื้น
“อะไรน่ะ!?”
ตอนที่โทริโกะร้องตกใจ ก็มีโอเปอร์เรเตอร์อีกคนเริ่มเดินโซเซไปที่หน้าต่าง ครั้งนี้เป็นผู้หญิงชาวฮิสแปนิก ดวงตาของเธอว่างเปล่าเหมือนมาร์คัสก่อนหน้านี้เลย
“มิเชล!”
ก่อนที่เธอจะทันไปถึงหน้าต่าง คุณซาซาสึกะก็โอบเธอไว้จากข้างหลังได้ทัน
ท่ามกลางความโกลาหลนี่ ฉันก็เข้าใจได้ซักที
นั่นเป็นหนึ่งในพวกของที่ห้ามมองสินะ!
เมื่อตอนที่ฉันเจอชายบินได้ที่ [คอกวัว] เขาก็ทำเรื่องคล้ายๆ กันนี่เลย ในห้องเล็กๆ ที่เขาถูกคุมขัง เขาร่วงลงมาจากเพดาน กลับไปที่เดิม แลวก็ตกลงมาอีกรอบ—ซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น ตกลงมาจากที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็พยายามให้คนอื่นร่วงลงไปเหมือนกับเขา
คนที่มองเห็นผีตกตึก จะถูกดึงดูดไปสู่ความตายแบบเดียวกัน… เป็นเรื่องที่เจอได้บ่อยๆ ในเรื่องผีเลย ‘ผีที่พยายามพาคนไปอยู่ด้วย’ น่ะเข้าใจง่ายจะตาย มันก็เลยเป็นเรื่องผีที่ไม่ได้จุดความสนใจให้ฉันเลยซักนิด แต่นี่ก็คงเป็นเรื่องแบบนั้นนั่นแหละ
แล้วฉันก็เห็นเงาแวบๆ ที่หน้าต่าง ก่อนจะรีบตะโกนบอกทุกคน
“อย่ามองที่หน้าต่าง! หลบสายตาออกมา!”
หลังจากที่ตะโกนไปแบบนั้น ฉันก็ละสายตาออกมาเหมือนกัน พร้อมกับก้มหมอบตัวลงตรงจุดที่ฉันยืนอยู่ แล้วจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงของตกดังลอยมาอีกรอบนึง โทริโกะกับโอเปอร์เรเตอร์คนอื่นๆ ทำตามฉัน ก่อนจะก้มลงไปมองข้างล่าง
“นั่นมันอะไรน่ะ โซราโอะ?”
“ถ้ามองเห็นเขาร่วงลงมา เขาจะเอาเธอไปอยู่ด้วย คิดว่านะ—”
คุณซาซาสึกะที่ยังจับตัวเพื่อนร่วมทีมเอาไว้อยู่ พยายามเข้าไปใกล้หน้าต่างมากขึ้น แล้วก็ตะโกนเข้าไปในอินเตอร์คอมของเธอ
“เรียกฐาน! นี่ทีมจู่โจม A! เราถูกประเภท 4 โจมตี ยิงชายที่โดดลงมาจากตึกที่อยู่อาศัย”
‘ชายที่โดดลงมา—’
เสียงงงๆ ของอีกฝ่ายตัดขาดไปครู่นึง
‘เห็นเป้าหมายแล้ว ให้ยิงชายโดดตึก ตามนี้ใช่มั้ยครับ?’
“ใช่ ยิงได้”
‘รับทราบ’
คุณซาซาสึกะหันมาทางพวกเรา ก่อนจะบอก
“ก้มตัวลง! เอามือบังหัวไว้!”
หลังจากนั้น เสียงปืนดังต่อเนื่องก็ดังจากข้างนอกตึกตามมาแทบจะทันที เศษกระจกร่วงกราวลงมาพร้อมกับหน้าต่างที่แตกกระจาย
*ตุบ!* เสียงตกกระแทกพื้นที่ดังยิ่งกว่าครั้งก่อนดังขึ้นมา แล้วจากนั้น… ก็มีแต่ความเงียบ
เสียงตกที่ต่อเนื่องหยุดลง เหมือนกับตัดขาดไปซะดื้อๆ
เสียงอินเตอร์คอมซ่าดังมา
‘ได้ตัวแล้วครับ ไม่มีการเคลื่อนไหวจากเป้าหมายแล้ว’
“บ้าเอ๊ย! โดนมันเล่นจนได้!”
โอเปอร์เรเตอร์ผู้หญิงคนนั้นที่ได้สติแล้วร้องออกมา
“มิเชล!”
“ขอโทษด้วยค่ะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
คุณซาซาสึกะมองมาอย่างโล่งอก ก่อนจะพูดกลับไปในอินเตอร์คอม
“เรียกฐาน มองเห็นชายที่เพิ่งตกลงมามั้ย?”
‘เห็นครับ ไม่ขยับตัวเลย’
“เข้าไปตรวจดู แล้วยืนยันด้วยว่าเป็นหรือตาย ใช้ระบบสาม-สาม อีกฝ่ายมีความสามารถส่งผลกับความคิดของมนุษย์ได้ ถ้าใครในทีมเริ่มมีอาการแปลกๆ ให้หยุดการเดินหน้าทันที ถ้าเป้าหมายยังขยับตัว ให้ยิงจนกว่าหยุดนิ่ง”
TN: 三三制 (จีน : Sānsān zhì) แปลตามตัวอักษรคือ “ระบบสาม-สาม” ซึ่งเป็นชื่ออย่างไม่เป็นทางการ โดยกองทัพปลดปล่อยประชาชน เป็นหน่วยรบที่เล็กที่สุด ถูกใช้อย่างแพร่หลายในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 (ส่วนหนึ่งของสงครามมหาเอเชียบูรพา), สงครามกลางเมืองจีน (ระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน), สงครามเกาหลี (ระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือ ในช่วงสงครามเย็น), สงครามจีน-อินเดีย และสงครามอินโดจีนครั้งที่ 3 (ระหว่างจีนกับเวียดนาม ในช่วงสงครามเย็น)
ใช้ทหาร 3 นายเป็นทีมยิง 1 ทีม และทีมยิง 3 ทีมรวมเป็นหน่วยรบ 1 หน่วย ทำการโจมตีจุดๆ หนึ่ง จากการขนาบเข้า 2 ข้าง แต่ละทีมยิงจะมีอาวุธปืนอัตโนมัติอย่างน้อย 1 กระบอก ที่เหลือถือไรเฟิลระบบลูกเลื่อน (Bolt-action rifle) หรือไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ
‘รับทรา—’
แล้วจู่ๆ เสียงของเขาก็เครียดขึ้นมาเลย
‘มีอีกคนอยู่บนหลังคา!’
“ตรงไหน?”
‘ข้างบนจากที่หัวหน้าอยู่เลยครับ!’
แล้วทันทีหลังจากนั้น ก็มีเสียงดังสนั่นอยู่เหนือหัวพวกเรา พวกเราทุกคนหันขึ้นไปมองบนเพดานกันหมด
เสียงดังลั่นเหมือนฟ้าผ่าข้างบนนั่นคือเสียงกระทืบเท้า มีบางคนวิ่งอยู่บนหลังคา เป็นการก้าวเท้าที่รุนแรงเหมือนพวกเด็กๆ ที่พยายามย้ำเท้าวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทั้งความเร็วทั้งความแรง มันเพียงพอจะกะเทาะฝุ่นให้ร่วงกราวลงมาจากเพดานได้เลย
คุณมิงิวะชี้ปากกระบอกปืนไปที่หลังคา ก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่คิดว่าจะมีทางไหนที่จะขึ้นไปบนเพดานได้นะครับ แต่ว่า—”
ฉันเองก็ไม่เห็นบันไดไหนในห้องที่พวกเราเดินผ่านมาเลยเหมือนกัน ไม่ว่าจะบันไดปีนหรือขั้นบันได พวกเราหันไปมา มองตามเสียงฝีเท้าที่เหมือนจะวิ่งพล่านไปทั่ว จนกระทั่งจู่ๆ เสียงมันก็หยุดไป
‘เรามีศัตรู!’
โอเปอร์เรเตอร์คนนึงตะโกนขึ้นมาพร้อมกับยกปืนขึ้นเล็ง
ฉันไม่รู้เลยว่าเขาไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ มีใครบางคนยืนอยู่อีกฟากนึงของโถงทางเดิน ตรงข้ามกับพวกเราแล้ว
เขาเป็นร่างเงาดำสนิท เค้าโครงเป็นมนุษย์ แต่ดวงตามันเฉียงจนแทบจะเป็นแนวตั้ง คล้ายๆ กับพวกจิ้งจอกแปลงร่าง ปากของร่างเงานั่นเปิดออกเหมือนกับกำลังหัวเราะดังลั่น ฟันสีขาวและสีแดงในปากของเขาก็ฝังเขามาในตาฉันเลย
เขามองมาที่พวกเรา ก่อนจะตะโกนด้วยเสียงที่เหมือนคอจะแยกเป็นชิ้นๆ
“โอกกก! นาาา!”
คนๆ นั้น… ฉันจำเสียงนั่นได้!
คนที่ถูกขังอยู่ใต้ [คอกวัว] เหมือนกับชายโดดตึก!
คนที่มีเลข #5 เขียนอยู่หน้าประตูน่ะ!
‘หมายเลข #5 มันฆ่าบ่อยเกินไป’ นั่นสินะที่พวกลัทธิพูดถึงกันน่ะ
ดวงตาแนวตั้งของเขาแดงก่ำจนเห็นเส้นเลือด ตาพวกเราสบกัน คนคนนั้นกำลังมองตรงมาที่ฉันอยู่
ก่อนที่หมายเลข #5 จะพูดอะไรซักอย่างด้วยเสียงเหมือนสัตว์ร้ายโหยหวน
“โฮกกก! โหว…! ม่าาา!”
ในตาของเขาบอกถึงความไม่เป็นมิตรได้ชัดยิ่งกว่าอะไรเลย แถมยังมุ่งร้ายด้วยอีกต่างหาก
สายตาของหมายเลข #5 ล็อกอยู่ที่ฉัน ก่อนจะเริ่มออกวิ่งในตอนที่ฉันยังนั่งหมอบอยู่กับพื้นอยู่เลย เขาเหวี่ยงแขนขึ้นลงไปมาอย่างบ้าคลั่ง และจ้ำอ้าวเข้ามาอย่างเต็มแรง แค่มองดูอยู่แบบนี้ เขาก็เข้ากระชับระยะเข้ามาแล้ว
“อะ…”
เขาจะฆ่าฉันแน่
ด้วยความกลัวที่ออกมาจากสัญชาตญาณ ตัวฉันมันก็หมอบลงไปกับพื้นเลย
“โซราโอะ!”
โทริโกะคว้ามือฉัน ทำให้ฉันโซเซยืนขึ้นมา แต่ที่นี่มันสุดปลายโถงทางเดินของชั้น 3 มันไม่มีที่ให้หนีไปไหนเลย ถ้าจะหนีเข้าไปที่ห้องไหนซักห้อง เราก็จะโดนต้อนเข้าไปเหมือนหนูติดกับอยู่ดี
ตอนที่ฉันตระหนกไปหมด โทริโกะก็กอดฉันไว้แน่น
ส่วนคุณมิงิวะที่อยู่ข้างๆ ก็ลั่นไกออกไป
ฉันเห็นเลือดสาดกระเซ็นออกมารอบๆ หมายเลข #5 พร้อมๆ กับที่เขาพุ่งเข้ามา คุณมิงิวะยิงปืนออกไป ดึงลูกเลื่อน แล้วก็ยิงออกไปอีกนัด เร็วมากจนแทบไม่มีช่วงพักระหว่างแต่ละนัดที่ยิงเลย
คุณซาซาสึกะกับโอเปอร์เรเตอร์คนอื่นๆ เองก็เริ่มเปิดฉากยิงด้วยเหมือนกัน
เสียงยิงปืนดังก้องไปทั่วทั้งโถงทางเดินจนหูแทบหนวก แต่หมายเลข #5 ก็ยังพุ่งตรงฝ่าห่ากระสุนเข้ามาอยู่ดี ด้วยช่วงก้าวที่กว้าง และความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
และแล้ว เข่าของเขาก็ทรุดลงในระยะห่างอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะมาถึงพวกเราอยู่แล้ว เขาล้มหน้าคะมำมาข้างหน้า ร่างทะมึนของเขาหยุดนิ่งสนิทห่างจากพวกเราไม่ถึง 1 เมตร
“โหว… ม่า…”
ทุกคนยังคงชี้ปากกระบอกปืนตรงไปที่หมายเลข #5 ในขณะที่เขายังคงร้องโอดครวญอย่างน่าสังเวช เสียงครวญครางนั้นอ่อนลง และฉันคิดว่า มันอาจจะหยุดในอีกไม่ช้า
แต่ว่า อยู่ดีๆ หมายเลข #5 ก็เริ่มพูด
“บนนั้น… ในภูเขา… นั่นอะไร…?”
การที่จู่ๆ เขาก็ใช้คำพูดที่มีความหมายที่พวกเราเข้าใจได้ขึ้นมา มันทำให้พวกเราทุกคนตัวแข็งอึ้งไปหมด
“ที่นั่น… อะไร…?”
เสียงครวญครางของหมายเลข #5 ยังคงดังก้องไปทั่วโถงทางเดินที่เงียบสนิทนี้
“บางอย่าง แปลกๆ… นี่ มันเกิด อะไรขึ้น…”
หมายเลข #5 ยังคงพึมพำอยู่แบบนั้น
“บอกแล้วไง ภูเขานั่น… มันว่างเปล่า”
แล้วมันก็จบแล้วตรงนั้น
หมายเลข #5 หยุดการเคลื่อนไหว หยุดคำพูด ซักพัก ทุกคนก็เชื่อว่าเขาจะไม่ลุกกลับขึ้นมาพยายามจะทำร้ายพวกเราอีกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว แต่ใช้เวลาอีกครู่ใหญ่ พวกเขาทุกคนถึงได้ลดปืนลง
“นั่น… มันอะไรน่ะ?”
โทริโกะถาม แต่ฉันก็ส่ายหน้า
แล้วตอนนั้นแหละ ที่ฉันเพิ่งจะรู้ตัวว่าหน้าของเธออยู่ใกล้กับฉันแบบสุดๆ ฉันเลยเผลอผงะ ถอยกรูดมาเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหงื่อ หรือเพราะสบู่ที่เธอใช้นะ แต่พอเราอยู่ใกล้กันขนาดนั้น กลิ่นหอมจากตัวเธอก็มาถึงฉันได้เลย
พอฉันก้มลงไปมองที่ร่างผู้ติดต่อประเภท 4 ฉันก็คิดขึ้นมา
ร่างของคนๆ นี้เองก็มาจากเรื่องผีซักเรื่องนึงงั้นเหรอ? ไม่มีเรื่องไหนเข้ามาในหัวเป็นพิเศษเลยแฮะ ฉันเคยอ่านเรื่องผีที่เกี่ยวกับคนถูกวิญญาณจิ้งจอกเข้าสิงสู่นะ แล้วดวงตาของพวกเขาจะเฉียงขึ้นจนเป็นแนวตั้งเลย แต่มันอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลยก็ได้ ถึงยังไง พวกประเภท 4 ที่ฉันเจอมาตลอดก็ไม่ได้จำเป็นต้องเกี่ยวอะไรกับเรื่องผีที่ฉันรู้จักนี่นา
ถ้าพวกเราก้าวพลาดไปตรงไหนแม้แต่ก้าวเดียวล่ะก็ ฉันหรือโทริโกะก็กลายเป็นเหมือนสัตว์ร้ายแบบนี้ได้เหมือนกันสินะ? เป็นสัตว์ประหลาดที่อธิบายไม่ได้ ออกทำร้ายผู้คน…?
ฉันฟังคุณซาซาสึกะออกคำสั่งให้ ‘เอาถุงเก็บศพมา’ โดยที่ละสายตาออกมาจากร่างของหมายเลข #5 ไม่ได้เลย
TN: โห… น่ากลัวจัง
แต่มีใครแอบเห็นอะไรหรือเปล่า ( > /// < )
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r