ตอนที่ 10 บลูสตาร์กับสาวสวย
หนึ่งสัปดาห์
นั่นคือช่วงเวลาที่ฉัน อาโอโฮชิ(บลูสตาร์) มิโรคุ อยู่กับเด็กชายที่ชื่อนาตากิ เคย์
ความประทับใจแรกของฉันคือ เขาเป็นคนจริงจังมาก
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการสอบสัมภาษณ์เทียบโอน ฉันพบว่าเขามีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง
『ผมมีภารกิจครับ』
ภารกิจ
ฉันเดาว่านั่นอาจเป็นทุกสิ่งสำหรับเขา
เขามีชีวิตอยู่เพื่อจุดประสงค์นั้น และพร้อมจะสละชีวิตเพียงเพื่อจุดประสงค์นั้น
เหมือนคุณครูที่ฉันเคยชื่นชมโหยหา
ดังนั้นครั้งต่อไปนี่แหละ
หากเขาสามารถหลีกเลี่ยงความตายได้ ฉันคิดว่าฉันจะสามารถให้อภัยตัวเองที่ยืนนิ่งนับตั้งแต่วันนั้นได้
นี่คือการชดใช้ การหลอกลวง และข้ออ้างของฉัน
ฉันพยายามกอบกู้อนาคตของวันนั้นที่ไม่มีวันหวนกลับคืนมาได้ ผ่านเด็กผู้ชายที่ชื่อ นาตากิ เคย์
และนั่นเป็นความผิดพลาด
■
「โทอาจัง、เล็งไปที่นั่นไหวไหม」
พวกเราไล่ตามเคย์คุง、จนมาถึงดันเจี้ยนสำหรับมือใหม่เพียงแห่งเดียวของโรงเรียนสหศึกษา เฟกตอม
ไม่สิ มายังสถานที่ทดลองในส่วนที่ลึกที่สุดจะถูกต้องกว่าหรือเปล่านะ
ทุกอย่างพังทลายลงมาหมดแล้ว ร่วมทั้งเพดานด้วย
แสงอามิตย์ส่องเข้าไปในห้องที่แต่เดิมมีเพียงแสงสลัวจนสว่างไสว
ภายในมีนักเรียนกำลังต่อสู้กันอยู่
คนหนึ่งคือ、นาตากิ เคย์
และส่วนอีกคน
「นั่นมัน、หรือว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารคนนั้นงั้นเหรอ!? น่ะ、นั่นเป็นไปไม่ได้ ถ้าแค่ตีกันโดยไม่คิดก็คงจะดี แต่ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้หรอก!」
โทอาจัง เธอละหน้าออกจากกล้องเล็งของอาวุธของเธอเอง ซึ่งเป็นปืนใหญ่หนักขนาดใหญ่ แล้วส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง
「ก็นั่นสิเน๊ะ……」
อันดับสูงสุดที่มีอยู่เมืองแห่งโรงเรียน
สัญลักษณ์แห่งชัยชนะอันสมบูรณ์แบบ
『Sแรงค์』
โรคุฮาระเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีตำแหน่งนั้น、โรคุฮาระ
ฉันรู้ว่าเขาต้องปรากฎตัวออกมา
ไม่สิด ถุงดำไม่ได้เป็นสิที่นักสำรวจสำรวจที่เขามีอีกต่อไป?
ไม่สิ ถ้าเป็น Sแรงค์แล้ว มันหายากกว่าไหมที่จะมีนักสำรวจที่ไม่รู้จักเขา?
「สงสัยจังว่าเขามาที่นี่ทำไม ในเมื่อก็มีดีมอนเกียร์อยู่แล้วเน๊ะ」
ตอนนี้พวกฉันกำลังมองผ่านจากรูบนเพดาน
ห้องที่พวกเขากำลังต่อสู้อยู่ดูเหมือนจะเป็นห้องเดียวกันกับที่มีคนออกไลฟ์สดเมื่อคืนนี้กำลังนอนหลับใหลอยู่
หากจะมีความแตกต่างจากในวิดีโอนั้น ก็คือแท็งค์ที่เด็กผู้หญิงนอนอยู่นั้นพังแ、ละไม่มีใครอยู่ข้างใน
「มิโรคุจัง、ทำยังไงดี ดูเหมือนมิซุฮิจังเองก็ยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้เลย ถะ、ถ้าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเคย์คุงจะแย่แล้ว!」
แล้วพวกเคย์คุงลงเอยด้วยการไปต่อสู้กันในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไงกัน
เรื่องนั้นไม่เข้าใจเลย
เกี่ยวข้องกับดีมอนเกียร์ไหมนะ
หรือเพื่อปกป้องมิซุฮิ
เคย์คุงทุ่มเทให้กับการหลบหลีกและป้องกันตัว
คงไม่อยาดกระตุ้นโรคุฮาระไปมากกว่านี้ และเพื่อให้ออกห่างจากมิซุฮิฮิให้มากที่สุด
แม้ว่าเขาจะเอาแต่หลบหลีกและไม่โต้กลับ แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ซับซ้อนมากจนฉันต้องประหลาดใจ
「สุดยอด……เป็นการโจมตีที่แม้แต่ฉันยังแทบจะมองไม่ทันด้วยซ้ำ、แต่เขาก็ยังสามารถหลบหลีกได้ทั้งหมดโดยไม่พลาดเลย」
นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
เคย์คุงเหมือนกำลังคุยเรื่องอะไรสักอย่างกับโรคุฮาระอยู่
จากที่นี่ฉันไม่สามารถรู้ได้
อย่างไรก็ตาม ฉันสามารถบอกได้จากสีหน้าของพวกเขาว่ากำลังคุยเรื่องจริงจังกันอยู่
「ช่วยมิซุฮิจังถอยออกมาดีไหม?」
โทอาจังกระซิบ
นั่นเองก็เป็นวิธีหนึ่ง
สถานการณ์ปัจจุบัน、มิซุฮิไม่ถูกนับว่าเป็นกำลังรบอีกแล้ว
เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์จากวิธีต่อสู้ของเคย์คุง
สำหรับตอนนี้ ควรถอยอย่างที่โทอาจังบอกดีไหม
ในตอนที่ฉันเริ่มคิดถึงเรื่องนี้
โรคุฮาระหยุดการโจมตีแล้ว
ดูเหมือนเขาจะคุยอะไรบางอย่างกับเคย์คุง พอไม่พอใจนิดหน่อยก็โยนอาวุธทิ้ง
ทันใดนั้นอาวุธที่ถูกขว้างก็เปลี่ยนเป็นเด็กผู้หญิง
「「เอ๊!?」」
ฉันกับโทอาจังตะโกนด้วยความประหลาดใจพร้อมกัน
จากนั้นพวกเราสองคนก็มองหน้ากัน
「โทอาจัง、เห็นเมื่อกี้ใช่ไหม?」
「อืม มะ、ไม่มีทาง ข่าวลือเรื่องดีมอนเกียร์บางส่วนเป็นเรื่องจริง……」
มีข่าวลือมากมายเริ่มแพร่กระจายในช่วงเวลาเดียวกับที่การมีอยู่ของดีมอนเกียร์กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
หนึ่งในนั้นคือดีมอนเกียร์ที่แปลงร่างเป็นเด็กผู้หญิงได้
ฉันก็เคยคิดว่าเด็กผู้หญิงในห้องทดลองนี้มีความสำคัญบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับดีมอนเกียร์ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะตัวเธอคือ、ดีมอนเกียร์
「นี่คือ、บางทีพวกเราอาจถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องมากกว่าที่จะจินตนาการได้เน๊ะ ……」
「อู้ぅ」
โรคุฮาระสั่งให้เด็กสาวทำอะไรสักอย่างที่อยู่นอกแนวสายตาของพวกฉัน
ดูเหมือนเด็กสาวจะแตะพื้นและทำอะไรบางอย่างที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
ในตอนนั้นเองที่ฉันคิดว่าการต่อสู้จบลงแล้ว และกำลังจะไปเข้าร่วมกับพวกเขา
โรคุฮาระก็ชักอาวุธชิ้นใหม่ออกมา
「โทอาจัง」
「อืม」
ฉันกับโทอาจังเข้าใจพร้อมกัน
ความรู้สึกกดดันแปลก ๆ ที่รายล้อมโรคุฮาระหายไป
หากว่านั่นเป็นเพราะปล่อยดีมอนเกียร์ไปชั่วคราว
อาวุธที่โรคุฮาระถืออยู่ตอนนี้เป็นเพียงของที่มาจากไดฟ์เกียร์
ดังนั้นโอกาสแห่งชัยชนะเล็กน้อยจึงเกิดขึ้นในขณะนี้
มิซุฮิเองก็ดูจะเข้าใจเหมือนกันสินะ เมื่อเธอหันปากกระบอกปืนทั้งสองกระบอกไปที่โรคุฮาระへと向けている。
「กรุณายิงตามสัญญาณของฉันนะ」
โรคุฮาระกระโดดออกมาพร้อมดาบของเขา
ระยะห่างระหว่างพวกเขาคือสิบเมตร
5、4、3、2――。
「ตอนนี้แหละ」
ซู่ม เสียงลมดังก้องในหูของฉัน
ในเวลาเดียวกัน ฉันเห็นกระสุนเวทมนตร์ความหนาแน่นสูงถูงยิงจากขอบการมองเห็นของฉันไปยังระหว่างกลางพวกเขา
จากนั้นก็ตกลงระหว่างโรคุฮาระกับเคย์คุงพอดี
ขณะนั้นเองที่ความว่างเปล่าเกิดขึ้นในความคิดของทั้งสอง ฉันก็คว้าโทอาจังและลงจอดภายในศูนย์ทดลอง
「……เข้าใจล่ะ」
โรคุฮาระยืนยันการปรากฏตัวของพวกฉันและพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
「แยกเอย์น่าไปจากข้า、จำนวนกองทหารยังเพิ่มขึ้นเป็นโบนัส ฮ่าๆๆๆๆ、มีคนบอกไหมว่าแกนี่นิสัยไม่ดีเอาซะเลย」
「ที่โรงเรียนเก่าของผม ผมได้ยินเรื่องนี้มากจนเบื่อที่จะได้ยินเลยล่ะ」
เคย์คุงพูดด้วยท่าทีเยาะเย้ยตัวเอง
เขาดูค่อนข้างเศร้า
「โดยปกติฝ่ายตรงข้ามก็คงจะถอยกันจริงไหม、แต่ข้า Sแรงค์? แกรู้ดีใช่ไหมว่าหมายถึงอะไร ถึงมันจะไม่สมเหตุสมผลที่จะฆ่าพวกแกก็ตาม」
จิตสังหารอบอวลไปทั่วพื้นที่
เจตนาฆ่าอันเฉียบคมที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความรู้สึกที่จะบดขยี้ทุกสิ่งเหมือนก่อนหน้านี่
ฉันถืออาวุธของตัวเองที่เป็นดาบเล่มบาง และเหลือบตาส่งสัญญาณให้โทอาจัง
โทอาจังพยักหน้าและชี้ปืนใหญ่ไปที่เด็กสาวที่อยู่ห่างจากโรคุฮาระทันที
ยังไงก็ตาม โรคุฮาระยังคงไม่สะทกสะท้าน และในทางกลับกัน เขามองมาที่พวกฉันแล้วพูดอย่างยาะเย้ย
「ข้าล้อเล่นหรอก โอ้ย、แกชื่ออะไร」
「……นาตากิ เคย์」
「งั้นเรอะ เคย์、มันไม่ยุติธรรมเลยจริงไหมถ้ามีแค่แกที่ต้องเปิดจุดอ่อนมากมาย มันไม่น่าสนุกเลยสักนิด……แกยังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ใช่ไหม」
เคย์คุงไม่ตอบ
จุดอ่อน……มั่นใจว่าต้องเป็นพวกฉันแน่นอน
ถ้าต้องสู้ไปพร้อมกับพวกเราด้วย เคย์คุงก็จะไม่สามารถเอาจริงได้
ความจริงที่สิ้นหวังเช่นนี้ทำให้ฉันโกรธมาก
「เคย์、แกได้เปิดไพ่ทั้งหมดที่ข้ามีตอนนี้แล้ว เป็นผลให้โอกาสในการชนะเพิ่มขึ้นจาก 0% เป็นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์」
โรคุฮาระพูดอย่างนั้นและปรบมืออย่างเย่อหยิ่ง
ยังไงก็ตาม ต่อให้เป็นแค่การเคลื่อนไหวแบบนั้นก็ยังต้องระวังตัวไว้
ตอนนี้แม้ว่าจะร่วมมือกันที่นี่ แต่ฉันเข้าใจดีว่าจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงกระนั้นฉันก็ไม่อยากวิ่งหนี ดังนั้นฉันจึงเตรียมอาวุธให้พร้อม
「……ข้าจะยอมรับความกล้าหาญนั่น แล้วตอนนี้จะยอมปล่อยแกไปก่อน」
อันที่จริง โรคุฮาระก็เหลือบมองมาที่พวกฉันแล้วพูดแบบนั้น
「งั้นเหรอ」
เคย์คุงตอบเพียงเท่านั้น
น้ำเสียงของเขาเย็นชาจนทำให้ฉันเย็นไปถึงแก่น เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดจากคนที่มักจะพูดจาสุภาพและใจดี
หรือไม่บางที、ถ้าพวกฉันไม่ได้อยู่ที่นี่เคย์คุงกับโรคุฮาระก็จะ――。
เสียงเขาน่ากลัวมากจนทำให้ฉันคิดอย่างนั้น
「ถ้างั้น、เดาว่าคุณน่าจะมีสถานที่ที่ต้องไปแล้วสินะ」
เคย์คุงพูดออกมาราวกับแค่พ่นออกมา
โรคุฮาระแค่ยักไหล่และตะโกนเรียกชื่อของเด็กสาว
จากนั้นเขาก็พูดว่า「จ๊า、งั้นรีบไปกันได้แล้ว」และจากไป
ข้าง ๆ ฉัน、โทอาจังหายใจเข้าลึก ๆ แล้วลดปืนใหญ่ลง
เวลาที่ตึงเครียดสิ้นสุดลงในที่สุด
「ฟู๊วぅ」
เคย์คุงถอนหายใจ
ในเวลาต่อมา เขาก็กลับมาเป็นเหมือนคนเดิม
เด็กผู้ชายธรรมดา ๆ ที่จริงจัง
แต่ว่า、สำหรับพวกฉัน เขาดูแตกต่างไปจากเดิมแล้ว
「เคย์、นาย……」
มิซุฮิเป็นคนแรกที่พูดขึ้น
เธอเป็นคนที่พยายามเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงตรงหน้าอยู่เสมอ
ในฐานะเพื่อนสมัยเด็กของฉัน นี่เป็นคุณธรรมที่ฉันภูมิใจ และเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันเคารพเสมอ
แต่ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สิ่งที่น่ายกย่องในตอนนี้
「อะ」
เสียงเล็ก ๆ
ทั้งมิซุฮิทั้งโทอาจังต่างก็ถูกครอบงำโดยความผิดปกติของเขา และไม่ได้สังเกตเห็น
ฉันเป็นคนเดียวที่ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของเขา
ราวกับเด็กน้อยที่ถูกเปิดเผยความลับ
หรือเหมือนช่วงเวลาที่คุณเข้าใจการสูญเสีย
นั่นเป็นภาพที่น่าสงสารที่ฉันคุ้นเคยจนทำให้อยากจะร้องไห้
「เอ๊ะโตะ、คือ……」
เคย์คุงกำลังมองหาคำพูดอย่างสิ้นหวัง
ไม่มีเจตนาฆ่าหรือข่มขู่เหมือนก่อนหน้า
ฟังแล้วใครล่ะจะเชื่อว่าเด็กชายคนนี้ เขาเพิ่งต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่เป็นSแรงค์และรอดชีวิตมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
ดังนั้นก่อนที่ฉันจะรู้ตัวก็พูดแบบนี้ไปแล้ว
「กลับกันเลยไหมจ๊ะ」
「เอ๊ะ?」
เคย์คุงทำเสียงงุนงง
ฉันบอกมิซุฮิด้วยสายตาว่าอย่าพูดอะไรอีก แล้วเริ่มเดิน
ฉันแน่ใจว่าพวกเธอจะตามมา
「อ้า、กลับกันเลยเถอะ」
「มิโรคุจัง!?มิซุฮิจัง!?」
ตึกๆๆๆ เสียงฝีเท้าดังก้อง และบรรยากาศที่มีเสียงดังก็แพร่กระจายรอบตัวฉัน
มิซุฮิเข้าใจความรู้สึกของฉัน、โทอาจังตอบสนองและประสานการกระทำให้ฉัน
「อาโน๊!」
ได้ยินเสียงจากข้างหลัง
พวกฉันหยุดและรอให้เขาพูดต่อ
「……ตอนนี้ไม่สงสัยผมเลยงั้นเหรอครับ?」
เป็นคำพูดที่ไร้เดียงสา
「นั่นสิเน๊ แต่ว่า……เธอมาที่นี่ก็เพื่อปกป้องพวกฉันจริงไหมจ๊ะ?」
「เรื่องนั้น、ก็ใช่ครับ」
「ถ้างั้น、ตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะจ๊ะ」
ใช่ นั่นคือทั้งหมดก็เพียงพอแล้ว
ช่วยเหลือเพื่อนในโรงเรียนเดียวกัน
นั่นควรจะเป็นจุดสิ้นสุดของเรื่องราว
ฉันหันกลับไปมองเคย์คุง
ดวงตาสีฟ้า
ดวงตาคู่นั้นที่ดูราวกับก้นมหาสมุทรที่ไร้ที่สิ้นสุด ที่เป็นราวกับตัวแทนแสดงความในใจของเขา
หากฉันไม่เอื้อมมือไปหาเขา เขาจะจมลงสู่ก้นทะเลอย่างแน่นอน
น่าแปลกที่ฉันก็มั่นใจแบบนั้น
เพราะแบบนั้นแล้ว
「แต่ว่าน่ะ、หากว่าเธอต้องการความช่วยเหลือก็ขอให้รีบบอกน่ะจ๊ะ พวกฉันจะช่วยเป็นกำลังให้เธออย่างแน่นอน」
「……ครับ」
ฉันสงสัยจังว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในตอนที่เขาตอบ
ทว่าฉันไม่มีทางรู้ได้ เพราะฉันรู้จักเขามาประมาณหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
แต่ว่านะ ถึงกระนั้นก็มีอยู่สิ่งหนึ่ง
มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันเข้าใจ
ฉันทำผิดพลาดครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง
การแสดงออกที่เหมือนกับเด็กที่ถูกทิ้งและกำลังจะร้องไห้ที่เขาแสดงให้เห็นแวบหนึ่งนั้น
นั่นคือฉันเอง
วันนั้น ที่ฉันหมดหนทางและถูกคุณครูทิ้งไว้ข้างหลัง
ฉันรู้สึกราวกับล้มเหลวมากจนแค่จะร้องไห้ยังร้องไม่ออก
ดังนั้นฉันจึงเข้าใจ
สิ่งที่ฉันเห็นผ่านเขาแท้จริงแล้วคือ
สิ่งที่ฉันเห็นไม่ใช่เงาของคุณครู
แต่เป็นฉันเองที่พยายามจะเป็นแบบเธอ พยายามไล่ตามเธอให้ทัน
「ฟุๆๆๆ」
「……มิโรคุจัง?」
「ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ」
ฉันอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มสมเพชตัวเองออกมา
ฉันเข้าใจดี
เขาเองก็ไม่สามารถช่วยคน ๆ นั้นไว้ได้
ความเข้มแข็งนั้นเป็นผลมาจากความเสียใจที่เกิดจากโศกนาฏกรรมครั้งนั้นอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับฉัน
เขาและฉันเป็นดั่งกระจกเงา
หากเป็นเช่นนั้น ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ
ฉันพยายามกอบกู้วันนั้นที่ไม่มีวันห้วนกลับคืนมา ผ่านเด็กผู้ชายที่ชื่อนาตากิ เคย์
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป
ตัวเขาเองก็ด้วย คนที่ควรได้รับการช่วยเหลือพร้อมกับฉัน
ในตอนนี้ ฉันรับรู้ได้ว่าเขากลายเป็นเพื่อนในความหมายที่แท้จริงของคำนี้
พวกฉันเป็นคนขี้ขลาดที่สิ้นหวัง
พวกฉันเป็นซากทัพของทหารที่พ่ายแพ้อย่างสิ้นหวัง
พวกฉันถึงอย่างงั้นแล้ว
ก็ยังต่อสู้ต่อไปโดยเชื่อว่าสักวันหนึ่งเราจะสามารถช่วยตัวเองเอาไว้ได้
จู่ ๆ ฉันก็มองไปที่เคย์คุง
มีความรู้สึกอบอุ่นอยู่ในอกของฉันอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
「ซ้า、ไปกันเถอะจ๊ะ เคย์คุง」
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เหมือนกับความรัก
นี่เป็นสิ่งที่เป็นพื้นฐานและน่าเศร้ายิ่งกว่า――นั่นคือความผูกพันที่บิดเบี้ยวระหว่างผู้แพ้
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ
{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}
ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ
ขอบคุณงับ
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
โดนฝนมาตลอดสัปดาห์แล้วรู้สึกปวดเมื่อยเจ็บไปทั้งตัวจริงน้อ กินพาราสามเวลาหลังอาหารจนแทบจะกลายเป็นขนมหวนหลังอาหารแล้ว ฮา