263 เหล่าลูกศิษย์อวยพรปีใหม่
“นี่คือนั่นสินะ……”
“อืーม……ไม่มีอะไรผิดปกติเป็นพิเศษเลย……”
――ใช่แล้ว มันน่ารำคาญ
“นี่อย่ามาจับกันได้ไหม?”
ปีใหม่ผ่านไปด้วยดี และได้รับคำทักทายจากซิลเลนกับแคลนอลล์ที่รู้สึกว่าไม่ได้มาที่นี่กันนานแล้ว ซึ่งตอนนี้กำลังจับมือและมองมาที่ฉันอย่างตั้งใจ
ไม่ว่าจะมองนานแค่ไหน หรือเปลี่ยนมุมมากแค่ไหนก็เป็นแค่มือธรรมดาล่ะ
“ปล่อยไฟออกมาได้ยังไงน่ะ?”
อย่าถามเรื่องไร้สาระด้วยสีหน้าจริงจังสิ
“ฉันไม่ได้ปล่อยไฟ ไม่มีไฟตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ให้กับริโนกิสที่รู้เรื่องการล็อคผลการประลอง
ให้กับอาคาชิมาอวยพรปีใหม่
ให้กับอิลก์ที่มาอวยพรปีใหม่ด้วยเช่นกัน
ให้กับอีสที่กลับมาจากการกลับบ้านเกิด
ฉันอธิบายไปแล้วสี่ครั้งแล้ว และนี่คือครั้งที่ห้า
“นั่นก็แค่การเพิ่มสีสันให้กับ『คิภายนอก』เท่านั้นเอง ――โฮร่า ไม่ร้อนเลยใช่ไหมล่ะ”
มือของฉันถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีน้ำเงินอย่างเงียบ ๆ
ทั้งสองคนต่างประหลาดใจและถอยห่างออกไป……แต่หลังจากนั้นก็ลองสัมผัสมันอย่างระมัดระวังราวกับความรู้สึกเวลาเห็นเชือกที่มีลักษณะคล้ายงู หรืองูที่มีลักษณะคล้ายเชือก ยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าไม่ร้อนเลย
“นั่นทึ่งมาก ดูเหมือนไฟของจริงเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย”
“จริงด้วย……อาเร๊ะ? แต่มีรอยไหม้ที่เรดแลนด์”
ก็ต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว การล็อคผลการประลองต้องอาศัยความจริงด้วย
“ถึงจะไม่ได้ปล่อยไฟออกไป แต่ก็ปล่อยความร้อนออกไปได้น่ะ”
ฉันไม่คิดที่จะสอนวิธีใช้「คิ」แบบนี้ให้ เพราะว่าในการต่อสู้จริง มันเทียบไม่ได้เลยกับการโจมตีโดยตรงด้วย หรือเทคนิคที่ค่อนข้างสูงกว่า
แม้จะปล่อยไฟไม่ได้ แต่ก็ทำให้เกิดความร้อนได้
และนั่นคือวิธีที่ฉันได้รับรอยไหม้ จากการเผาโดยตรง
แต่โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีการปล่อยไฟ
“ท่านพี่ได้ขอร้องให้เรามากล่าวคำทักทาย อันที่จริงเห็นว่าอยากจะมากล่าวคำทักทายปีใหม่ด้วยตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้มีงานที่ต้องทำอีกมากมายจนดูเหมือนน่าจะไม่สามารถหลีกหนีจากมันได้ไปอีกนาน”
หลังจากที่ซิลเลนกับแคลนอลล์สงบลงได้กันแล้ว พวกเธอก็บอกฉันเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ปราสาทก่อนที่จะเริ่มการฝึก
“ม๊า ตอนนี้เขาคงจะยุ่งมากเป็นพิเศษเน๊ะ”
ยังมีบุคคลสำคัญที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และน่าจะต้องเตรียมพิธีราชาภิเษกอีกด้วย
ฉันแน่ใจว่าลิวิเซลกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการความสัมพันธ์ทางการฑูตที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น การประชุม การให้คำปรึกษา การทำธุรกรรม และมิตรภาพที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกวัน
“แล้วพวกเธอไม่เป็นไรเหรอ?”
“ก็ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ ยังไงพวกเราก็เป็นเชื้อพระวงศ์ ดังนั้นจึงมีธุระบางอย่างที่จำเป็นต้องทำอยู่เหมือนกัน”
“แต่ ครั้งนี้เป็นโอนี่ซามะที่ขอให้พวกเรามาทักทายเนียจังล่ะนะ แล้วก็ยังฝากมาบอกด้วยว่า เขารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับการประลองในเทศกาลฤดูหนาว”
งั้นเหรอ
ดูท่าน่าจะพอใจในการล็อคผลการประลองครั้งนี้สินะ ถ้าอย่างงั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดเช่นกัน
“เนียเหมือนทำทุกอย่างได้ง่าย ๆ เลยน๊า?”
“ขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นเช่นกันเน๊ะ”
สมกับเป็นพวกลูกศิษย์ของฉัน
ดูเหมือนว่าจะเข้าใจสินะว่านั้นคือ การล็อคผลการประลอง
“แม้ว่าจะพ่ายแพ้ให้กับชาวต่างชาติ แต่ก็สามารถปกป้องความภาคภูมิใจของทหารจักรกลไว้ได้ หน้าตาเป็นเรื่องสำคัญเน๊”
ทั้งสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่ามีคนที่แข็งแกร่งกว่าทหารจักรกลอยู่
ยังไงก็ตาม ก็ยังสามารถพิสูจน์ได้ว่าทหารจักรกลยังคงแข็งแกร่งอยู่เช่นกัน
ยุคของการบูชาทหารจักรกลของมาเวเลียกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทหารจักรกลจะร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง และทหารจักรกลเองก็จะไม่หายไปเช่นกัน
ประเด็นคือนั่นแหละ คุณค่าของทหารจักรกลที่มีสูงเกินไปจะลดลง และคุณค่าของชาวต่างชาติที่มีต่ำเกินไปก็จะเพิ่มขึ้น ความสมดุลน่าจะดีขึ้นบ้างแล้ว
คิดว่านั่นน่าจะเป็นข้อสรุปได้แล้ว
“ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่าคะ ท่านพี่หญิง”
“หืー? ……นอกจากส่งข้อความของโอนี่ซามะ……”
ถ้าอย่างงั้นก็เป็นตาของฉันแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับดาบศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?”
“――อะ เรื่องนั้นแหละ”
อย่าลืมกันสิ เป็นสมบัติประจำชาติของมาเวเลียไม่ใช่รึไง
“ดาบศักดิ์สิทธิ์ รูจ ออเดอร์ว่ากันว่ายิ่งใช้พลังมากเท่าไหร่ ใบดาบก็จะยิ่งเล็กลเท่านั้น ตามตำนานเล่าขาน เริ่มแรกมันมีขนาดเล็กมาก มีรูปร่างผอมเพรียวมากจนอาจจะเล็กเกินกว่าที่ทหารจักรกลจะถือได้”
ฟุーง ผอมเพรียวสิเน๊
“ประมาณดาบใหญ่เหรอ?”
“นั่นสิน๊า คิดว่าท่านพี่ชายน่าจะสามารถใช้ได้ด้วยตัวเองได้ก็ได้ล่ะ”
……หืーม
ว่ากันว่าแต่เดิมเป็นเพียงดาบมือเดียวใช่ไหมนา? ถ้างั้นไปทำให้ลดลงอีกสักหน่อยคงจะดี ขนาดที่แตกต่างกันระหว่างดาบใหญ่และดาบมือเดียวนั้นใหญ่เกินไป
แต่เขาก็ร้องไห้และร้องขอชีวิตเอาไว้ ก็ตามที่คาดไว้ล่ะนะ อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกว่าน่าสงสารอยู่เหมือนกัน
“ถึงอย่างงั้นก็ทำให้ได้รู้เหมือนกันว่าดาบศักดิ์สิทธิ์เองก็หักได้เหมือนกัน พวกเราได้เก็บเศษซากทั้งหมดได้แล้ว แต่……นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นอะไรแบบนั้นเลย”
“มันหักตรงจุดที่ควรจะหักล่ะนะ เดิมทีก็หนาเกินกว่าจะเรียกว่าดาบได้แล้วใช่ไหมล่ะ? ใบดาบส่วนเกินที่ทำให้สมดุลไม่ดียังไงก็ต้องหัก ไม่สิ พูดให้ถูกน่าจะบอกว่ามันจะหักอยู่แล้วมากกว่า”
“แต่ยังไงคิดก็ไม่ง่ายอยู่ดี……”
ฮะๆๆๆ
ก็ถือว่ามีกระดูกอยู่บ้างล่ะนะ เรื่องนี้ถ้ารู้ก็หักได้ง่าย ๆ เลยล่ะ แต่ฉันคิดว่าจะดีกว่าที่ถ้าไม่บอกออกไป
เมื่อนานแสนนานฉันจะพับจากปลายด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งเพียงเพื่อความสนุก แต่เมื่อมีคนบอกว่ามีเหลือพวกเขารอดชีวิตอยู่น้อยมาก ฉันก็ลังเล
มันง่ายที่จะทำให้พวกเขาสูญพันธุ์ แต่เมื่อพวกเขาถูกทำลายจนสิ้นแล้ว คุณก็ไม่สามารถนำพวกเขากลับมาได้อีก
แถมยังมีโอกาสที่ฉันจะได้สัมผัสกับความโกรธเกรี้ยวของเทพช่างตีเหล็กสตีรามีรา อีกครั้ง
ครั้งนั้นฉันรู้สึกว่าฉันเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยการโยนอะไรสักอย่างเข้าตาเพื่อทำให้ตาบอดชั่วขณะ แต่มันคงจะเป็นเช่นนั้นเสมอไปไม่ได้
นอกจากนี้ ตอนนี้ถึงจะอยากต่อสู้กับทวยเทพก็น๊า……
ย้อนกลับไปตอนนั้น ที่ยังมีการแทรกแซงจากทวยเทพมากมายในชีวิตของบางคน แต่ในโลกนี้ไม่มีเลย
ถ้าไม่ได้ถูกบังคับ หรือต้องบูชากันโดยไม่มีเหตุผล ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องต่อสู้กันล่ะน๊า หากเลือกการต่อสู้จากทางนี้ ก็จะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนทรยศ
“หน่า เนีย”
ซิลเลนพูดขึ้นมาในระหว่างที่ฉันกำลังคิดถึงการต่อสู้กับทวยเทพ
“ช่วยแสดงคลื่นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีน้ำเงินราชามังกรแห่งการทำลายล้างราชาแห่งความตายให้ดูอีกครั้งได้ไหม?”
อืーม…………อืม?
“เอ๊ะ? อะไร?”
ยังไงดีเมื่อกี้ฉันรู้สึกเหมือนเพิ่งได้ยินอะไรยาว ๆ ที่ไม่คุ้นเคย แต่อาจเป็นเพียงจินตนาการของฉันหรือเปล่า?
“ช่วยแสดงคลื่นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีน้ำเงินราชามังกรแห่งการทำลายล้างราชาแห่งความตายหน่อยได้ไหม?”
…………
“เอ๊ะ? อะไร?”
เธอกำลังพูดอะไรด้วยสีหน้าจริงจังกัน ภาษาอะไรกันนะ? ภาษาเอลฟ์โบราณเหรอ?
“ก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง”
“ไม่สิ ฉันได้ยินไง เพราะได้ยินนี่แหละถึงได้ถามกลับ”
นั่น คืออะไรน่ะ? เปลวไฟสีน้ำเงิน…………คลื่นอะไรสักอย่าง? มันอะไรกันน่ะ?
“คลื่นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีน้ำเงินราชามังกรแห่งการทำลายล้างราชาแห่งความตายไง โฮร่า ไอ้นั่นที่เธอทำในการประลองนั่นไง!”
อ้า ไอ้นั่น อืม ไอ้นั่นสินะ
…………
แล้วอันไหนกันล่ะ
“เอ๊ะ、อะไรล่ะ? ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหม?”
“คลื่นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีน้ำเงินราชามังกรแห่งการทำลายล้างราชาแห่งความตาย ท่าพิเศษของเนียไม่ใช่เหรอ”
เอ๊ะ อะไร? กำลังพูดถึงอะไรกัน? ฉันไม่รู้จัก ไม่รู้จัก น่ากลัวเพราะฉันไม่สามารถเข้าใจว่าทั้งสองคนกำลังพูดถึงอะไรด้วยสีหน้าจริงจังของพวกเธอได้ ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรจริง ๆ?
“เอ๊ะโตะ……คลื่นบลา ๆ นั่นมันอะไรน่ะ?”
“คลื่นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีน้ำเงินราชามังกรแห่งการทำลายล้างราชาแห่งความตาย”
“อืม นั่น……คลื่น、สีน้ำเงิน、สักอย่าง?”
“คลื่นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีน้ำเงินราชามังกรแห่งการทำลายล้างราชาแห่งความตายเน๊ะ”
…………
……อืม
“พวกเราคุยกันยาวค่อนข้างนานแล้วเน๊ ซ้า มาเริ่มฝึกกันเถอะ”
ฉันไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด ดังนั้นฉันจะเพิกเฉยต่อมันในตอนนี้
“――กะแล้วต้องเป็นท่าลับ ดูเหมือนจะไม่อยากแสดงออกมาให้เห็นง่าย ๆ”
“――น่าเสียดาย เราอยากเห็นมันใกล้ ๆ อีกสักหน่อย”
ท่าลับอะไรกัน น่ากลัว……เกิดอะไรขึ้นกับพวกลูกศิษย์ของฉันกัน ฉันทำอะไรบางอย่างลงไปงั้นเหรอ?
――เรื่องนี้เกิดขึ้นในภายหลังเล็กน้อย ฉันได้ตระหนักว่ามันเป็น「แค่การเล่นใหญ่」โดยเจ้าชายลำดับที่สอง ฮิเอโร่ที่ต้องการชื่อแบบยิ่งใหญ่ที่สามารถประกาศได้อย่างเหมาะสมสำหรับท่าที่ฉันปล่อยออกมาในนาทีสุดท้ายของงานประลอง
จากนั้น แม้ว่าฉันจะได้ยินชื่อสำหรับเทคนิคนี้อีกหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ฉันก็จำชื่อไม่ได้จริง ๆ
อันที่จริงฉันไม่ต้องการที่จะจำมันด้วยซ้ำ
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ
{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}
ขอบคุณ คุณCHA***AI KIMN SCB X-2478 มาก ๆ ครับ
ขอบคุณ คุณพันธวงษ์ กสิกรไทย X-2186 มาก ๆ ครับ
ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ
ขอบคุณงับ
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
บ่นๆ?
ตอนนี้โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว แล้วได้กลับมาขายของหน้าโรงเรียนต่อ แต่เพิ่มเติมคือทำคนเดียวขายคนเดียว
แล้วพอไม่ได้ได้ทำมานาน แล้วมาหนักคนเดียว ตรงที่ขายทั้งที่เป็นที่โล่งแต่อากาศโคตรอบ
พอกลับบ้านมาแล้วโดนกระตุ้นนิดหลังกินข้าวคืออ้วกไปสามรอบรวด ยังดีอ้วกในห้องน้ำล่ะนะ
หลังจากนี้นิยายน่าจะแปลช้าลง หรือขาดช่วงไปบ้างไม่มากก็น้อย ถ้าหายไปนานๆคือ ไม่เหนื่อยจากขายของ ก็ไปนอนหยอดน้ำเกลืออยู่โรงบาลล่ะนะ ฮา