ตอนที่ 5-2
“ใช่ครับ … ชุดนั่นมันตกยุคอย่างที่ บอกไว้จริงๆด้วยครับ”
“ชุดนั่นนอกจากตกยุคแล้วยังดูไม่เข้ากับ ของประดับที่ตกแต่งเพิ่มเติมเข้าไปนั่นอีก และนั้นมัน ร่มกันแดด ทำไมถึงเอาในงานเลี้ยงตอนค่ำนะย่ะ”
แมรี่กับอาดี้เลยเผลอแสดงอาการคอตก พร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
ถึงมันจะเป็นชุดตกยุค แต่มันก็มีวิธีใส่ให้สวยได้ดีนี้สิ… ฉันช็อคจนคิดอะไรไม่ออกได้แต่เดินกระสับกระส่าย
แถมท่าทางการเดินนั่นอีกมันช่างชวนกระตุ้นความไม่พอใจ และบุคคลที่เป็นต้นเหตุของปัญหา ไม่ได้สังเกตเลย แถมยัง มีท่าทาง ผ่อนคลายราวกับว่ากำลังโล่งใจ เมื่อมองเห็น แมรี่ กับ อาดี้
“สวัสดีตอนเย็นค่ะ ท่านแมรี่ ขอบคุณที่เชิญ ฉันมาในวันนี้นะคะ”
อลิเซียก้มศีรษะทักทาย พร้อมยกชายกระโปรงขึ้นเบา ๆ ด้วยท่าทางกระสับกระส่ายเล็กน้อย
ท่างทางที่มันควรจะสง่างาม แต่มันชวนให้หงุดหงิดใจมากกว่า แมรี่ถอนหายใจออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
อลิเซียที่ได้ยิน เลยเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ..ฉันทำอะไรผิดไปหรอคะ? ชุดเก่านี่เป็นชุดเดียวที่ฉันหามาได้น่ะค่ะ… “
“มันไม่ได้ เกี่ยวกับชุดเก่าหรอก!”
นั่น! แมรี่ชี้จี้ ไปที่อลิเซีย ไปตามเสียงที่ดังของเธอ
โชคดีที่ตรงนี้ มีอยู่กันแค่สามคน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่ วิจารย์แรงๆได้โดยไม่เป็นอะไร
เหนือสิ่งอื่นใด ฉันอยากที่จะพูดคำๆ หนึ่งเหลือเกินว่า ตอนนี้อลิเซียดูไม่ได้เลย ถ้ามีคนที่แนะนำอลิเซียแต่งตัวแบบนี้อยู่ที่นี่ ฉันคงจะตีรัวๆไปแล้วล่ะ
“นี่มันสุดแสนจะขัดตาฉันมากเลยนะ ร่มกันแดดเอามาทำไมกันย่ะ นี่มันกลางคืนแล้วนะ!?
“เอ่อคือ…นี่เป็นมันครั้งแรกของฉัน ฉันเลยไม่รู้ว่าควรต้องทำยังไงค่ะ…”
“ริบบิ้นใหญ่บนหัวนั่นมันอะไร มีมีของประดับที่หน้าอก แล้วยังริบบิ้นที่ท้องนั่นอีก! เธอประดับของแบบนี้ที่จุดสำคัญทุกจุดเนี่ยนะ!? อยากเป็นเป้าให้โดนยิงรึไงกัน!?”
“ก็…ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี!”
อลิเซียทำเสียงสั่นน่าสงสาร จากประเด็นที่แมรี่ได้กล่าวออกมาเป็นชุดๆ
เมื่อพิจารณาถึงบุคลิกพื้นฐานของเธอคนนี้แล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เธอจะแต่งตัวไม่เป็น แต่ในทางกลับกัน เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ แมรี่จะให้อภัยไม่ได้ในฐานะที่เธอเป็นขุนนางที่มีรสนิยมสูง
แมรี่จึงชูมือขึ้นฟ้าแล้วดีดนิ้วเบาๆ ให้อาดี้รับรู้ อาดี้ที่ได้ยิน จึงพยักหน้าราวกับว่าเขาเข้าใจโดยไม่ต้องมีใครบอก แล้วก้าวเข้าหาอลิเซีย
“อลิเซียจัง ขออภัยนะครับ อาจจะหยาบคายซักหน่อย”
“คะ?”
มีอะไรผิดปกติหรอ? อาดี้สัมผัสผมของเธอเบา ๆ อลิเซียจึงหันไปมองด้านข้างของ อาดี้ และหันไปมอง แมรี่อย่างฉงนใจ
จากนั้นเขาค่อยๆ ดึงริบบิ้นออก อย่างระมัดระวังไม่ให้เส้นผมที่คล้ายด้ายสีทองเกิดความเสียหาย จากนั้นก็ก้มลงไปคลายริบบิ้นที่หน้าท้องออกอย่างรวดเร็ว
“คุณจะต้องผูกมันหลวมๆถึงจะดีครับ มันจะขยับลำบากถ้าคุณผูกมันให้แน่นเกินไป”
“อย่างนั้นหรอคะ”
“ไม่ควรผูกมันตรงกลางครับ แต่ผูกเป็นแนวทแยงนิดหน่อยมันจะดีกว่าครับ”
อาดี้ พยักหน้าอย่างพอใจขณะที่เขาผูกริบบิ้นที่เอวอย่างชำนาญ
อย่างไรก็ตาม คำสุดท้ายที่พูดว่า “ได้โปรดถอดของประดับที่หน้าอกออกด้วย” เป็นเพราะเขาไม่เต็มใจที่จะสัมผัสหน้าอกของเธอ อลิเซียที่มองเห็นก็หันหน้าหนี แก้มของเธอแดง ก่อนจะรีบถอดของประดับที่หน้าอกออก
“คุณหนูครับแล้วทรงผมนี่เอาไงดีครับ”
“ก็ถักเปียไปสิ”
“เข้าใจแล้วครับ”
อาดี้ทำตามคำแนะนำขแงแมรี่อย่างไม่ลังเล
ความร่วมมือที่ไร้ที่ติ เป็นเหมือนเจ้านาย – ทาส แต่อลิเซียไม่ได้เข้าใจสถานการณ์นี้เลย
นิ้วของ อาดี้ ที่สางผมเบาๆ และเริ่มถักเปีย มันสบายจนน่าอาย และแมรี่ที่จ้องมาทำให้เธอทั้งมีความสุขและรู้สึกอายๆ…
เมื่อถึงเวลาที่เขาทำทุกอย่างเสร็จ มันเหมือนเรื่องโกหกที่อลิเซีย ที่เหมือนสาวชนบทเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ได้เปลี่ยนเป็นชุดที่คลาสสิคและดูดีอย่างมาก
ตั้งแต่แรกแล้ว อลิเซียนั้นเป็นคนที่ดูดีอย่างมาก
เส้นผมสีทองที่ปลิวไสวตามสายลม มันดูอ่อนละมุนและเป็นประกาย หลักฐานของสายเลือดราชวงศ์ที่ไม่มีใครสังเกตเห็นอย่างน่าแปลก คือดวงตาสีม่วงเข้มดุจดั่งอัญมณี
แขนขาที่แข็งแรง แถมเรียวยาว และดูอวบอิ่ม มันดึงดูดสายตาอย่างมาก เสน่ห์อันเย้ายวนอันเป็นเอกลักษณ์เส้นแบ่งระหว่างเด็กสาวและหญิงสาว ไม่ว่าจะเป็น รอยยิ้มดีใจแบบเด็กๆ มันก็ดูน่ารัก หรือจะ รอยยิ้มแบบหญิงสาวในท่าทางสบายๆ ก็ทำให้สัมผัสได้ถึงความเย้ายวนชวนหลงใหล
เหนือสิ่งอื่นใด อลิเซียตอนนี้นั้นยังอยู่ในช่วงวัยเยาว์
ราชินีคนนั้นนั้นเธอ สวยงาม ฉลาด สูงส่งและสง่างาม ให้ความรู้สึกถึงอบอุ่น อ่อนโยน เหมือนกับนักบุญ ฉันยังจำภาพที่โค้งคำนับต่อหน้าเธอด้วยความเคารพอย่างจริงใจต่อเสน่ห์นั้นได้ ราวกับว่าเธอคนนั้นเป็นดั่งตัวตนในอุดมคติของผู้หญิงทั้งโลก
อลิเซียดูเหมือนกับตอนที่ราชินีในวัยเยาว์ แต่เมื่อพิจารณาว่ามันคือเรื่องของกรรมพันธุ์มันก็เลยเป็นเรื่องปกติ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม หากอลิเซียแต่งตัวอย่างเหมาะสมแล้ว แม้ว่าจะเป็นชุดที่เก่าเก็บ เสื้อผ้าชั้นหนึ่งไม่ว่าแบรนด์ไหนหรือดีไซน์เนอร์คนใด การแต่งแล้วให้มันดูดีไหมก็ขึ้นอยู่กับผู้สวมใส่ …… และวิธีการส่วมใส่ก็สำคัญ
“เอ่อ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคะ”
อลิเซียซึ่งได้รับแก้ไขการแต่งกายใหม่โดยแมรี่และอาดี้ มองลงมาที่แมรี่อย่างกังวลใจ
แมรี่และอาดี้จึง พยักหน้าอย่างพอใจเมื่อพวกเขาเห็นสายตานั้น แน่นอนว่าเพราะในตอนนี้อลิเซีย ดูสวยสมบูรณ์แบบมาก อาดี้ก็รู้สึกโล่งใจหลังทำหน้าที่เสร็จ
“ครับมันไม่เป็นอะไรแล้ว ตอนนี้ดูสมบูรณ์แบบแล้วครับ”
อลิเซียหันหนี โดยแก้มของเธอแดงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มและกล่าว “ขอบคุณ” เพื่อตอบรับคำชมของอาดี้ ราวกับเด็กๆที่ได้รับคำชมเรื่องชุด
“แถมได้คุณอาดี้ช่วยทำผมให้อีก คุณดูคล่องแคล่วมากเลยนะคะ”
“ผมเป็นพ่อบ้านของคุณหนูนี่ครับ ก็เลยต้องปรับตัวให้ดูแลคุณหนูได้ในทุกสถานการณ์น่ะครับ…..”
อาดี้พูได้พูดบางอย่างที่ดูปลงๆ แล้วหันหน้าไปมองทางอื่น
ถ้าอลิเซียมองไปตามสายตาของเขา แน่นอนว่าเขากำลังมองแมรี่อยู่
เธอพิงราวจับและมองดูปฏิสัมพันธ์แปลกระหว่างทั้งสองคน และเธอก็เขย่า ผมสีเงินของเธอท่ามกลางสายลมยามค่ำคืน แมรี่หมุนตัวมามองหน้าของทั้งสองคน
“ใช่แล้วครับ เพราะเป็นผมสว่านแบบนั้นตลอด ผมของของคุณหนูผมเลยไม่เคยทำให้เลย… “
“ฉันไม่ได้ชอบมันนะยะ ไอ้ผมสว่านบนหัวฉันนี่ย”
“ไม่ใช่ว่าไปดัด เพราะชอบผมทรงนี้หรอคะ!?”
“… หยุดพูดเรื่องนี้กันเถอะ น้ำตาฉันจะไหลแล้ว”
อลิเซียยิ้มอย่างขมขื่นให้แมรี่ที่กำลังถอนหายใจ
เมื่อเธอนึกบางอย่างออก เธอจึงค้นถุงกระดาษในมือและหยิบช่อดอกไม้เล็กๆ ออกมาจากข้างในถุง
“นี่…คือของที่จะมอบให้พ่อของท่าแมรี่ค่ะ”
“หืม นี่ไปซื้อมาระหว่างมาที่นี่หรอ”
“ค่ะ แต่ฉันมีเงินไม่มาก และไม่ทราบว่าจะให้อะไรแก่หัวหน้าตระกูลอัลเบิร์ตดี…”
อลิเซียกัดริมฝีปากของเธอและก้มมองลงพื้นอย่างอายๆ
หากมองไปรอบๆ จะพบกับการตกแต่งที่สวยงาม ตามปกติแล้ว ดอกไม้สดจะถูกจัดแสดงที่นี่และที่นั่นด้วย และไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบความงามกับช่อดอกไม้ในมือของอลิเซีย
ประการแรกเลย ตระกูลอัลเบิร์ตมีสวนอญุ่แล้ว และคนสวนที่อุทิศตนอย่างหนักให้ ดอกไม้ผลิบานอย่างสวยงามในแต่ละฤดูกาล ตอนนี้ได้รับช่อดอกไม้เล็กๆนี่ มันไม่มีที่สำหรับให้ตกแต่งในคฤหาสน์หลังนี้อีกแล้ว
แมรี่หัวเราะเยาะอลิเซียด้วยท่าทางข่มล็กน้อย
“แน่นอนว่า เธอไม่สามารถซื้อของที่จะทำให้พ่อของฉันพอใจได้”
ฉันภูมิใจมากกับการแสดงนี้ แถมยังดูเป็นตัวร้ายมากๆ และยัง มีเรื่องการประชดประชันอีก
“แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทำไมไม่ลองเอาให้ดูล่ะคะ”
และเธอก็ยังคิดต่ออีกว่า
รอยยิ้มที่สูงส่งเหมาะกับนางร้ายมากๆ และไม่มีร่องรอยของที่ปรึกษาด้านแฟชั่นที่เธอแสดงให้เห็นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเหลือไว้ เป็นการเปลี่ยนขั้วที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
ในทางกลับกัน อลิเซียนั้นส่ายหัวไปมา โดยไม่ได้รับรู้ถึงการเสียดสีของแมรี่เลย
“ใช่ค่ะ! ฉันไม่กล้ามอบมันให้หัวหน้าตระกูลอัลเบิร์ตหรอกค่ะ! และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรด้วย…”
“ท่านพ่อเป็นคนใจกว้างน่ะ ถึงแม้จะเผลอหยาบคายเล็กน้อยๆใส่ เขาก็แค่หัวเราะเฉยๆ”
“แต่ของขวัญนี่เป็นแค่ช่อดอกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆเองนะคะ … “
อลิเซียบ่นพึมพำออกมา และมองลงไปที่ช่อดอกไม้ในมือของเธอ
แมรี่เหลือบมองไปที่ช่อดอกไม้ของในมือหญิงสาว
มันเป็นช่อดอกไม้ที่สวยงาม
ดอกไม้ดอกเล็กๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีชมพูและสีขาว ทำให้คุณรู้สึกสวยงาม ที่เข้ากันได้ดี และมีการ์ดข้อความฉลองวันเกิดที่คั่นอยู่ระหว่างริบบิ้นสีแดงที่ด้ามจับ?
ช่อดอกไม้ของอลิเซียก็ค่อนข้างชวนให้นึกถึงตัวอลิเซีย
ฉันแน่ใจว่าอลิเซียเลือกด้วยตัวเอง ที่หน้าร้านร้านดอกไม้ แมรี่นึกภาพหญิงสาวที่กำลังเลือกดอกไม้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม แม้แต่ช่อดอกไม้ที่สวยงามเช่นนี้ก็ยังดูด้อยกว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าความงามของสถานที่แห่งนี้
อลิเซียที่ตระหนักในเรื่องนี้มากกว่าใครๆ ก็รู้สึกหดหู่ใจมากๆ จนสามารถที่จะทิ้งช่อดอกไม้และวิ่งหนีไปได้
อาดี้ที่เห็นแบบนั้นจึงสะกิดไหล่อลิเซียเบาๆ
“นายท่านของผมท่านใจดี ดังนั้นผมแน่ใจว่าเขาจะมีความสุขแน่นอนครับ”
“คุณอาดี้ แต่มัน…”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกอย่างนายท่านผมเคยพูดว่า…”
“พูดอะไรหรอคะ? ”
“ผมได้ยินนายท่านพูว่า การมีอยู่ของหญิงสาวเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดครับ”
…….
เมื่อไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปดี จึงเกิดความเงียบขึ้นมา
เสียงฝีเท้าของอลิเซียจึงทำลายความเงียบ เมื่อเธอคำนับเบาๆ และเดินเข้าไปในคฤหาสน์ แมรี่ก็ถอนหายใจพร้อมกับจับหน้าผากของเธอไว้
“ฉันไม่อยากได้ยินอะไรแบบนี้จากตระกูลของฉันเลย … “
มันเป็นคำพูดที่ช่างชวนให้เจ็บปวดใจเกินไป