มันใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเพื่อที่จะเดินกลับบ้านจากโรงเรียน
หลังจากที่เดินไปสักพัก ผมก็ได้ข้ามแยก แล้วก็เลี้ยวขวาในทันที
ผมไม่เคยเห็นใครจากโรงเรียนผมกลับบ้านด้วยถนนเส้นนี้เลย
ไม่ค่อยมีคนใช้เส้นทางนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมจึงถึงบ้านได้โดยไม่ต้องเจอใคร
และในระหว่างที่ผมกำลังเดินอยู่บนถนนที่เงียบและสงบอยู่นั้นเอง…
“ยูคุง!”
นี่มันอาจจะเป็นครั้งแรกเลยที่มีคนเรียกผมบนถนนเส้นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มันก็เป็นโทนเสียงที่เป็นมิตรและดูสนิทสนมสุดๆ
ผมหันกลับไปด้วยความตกใจแล้วก็เห็นยูกะจังกำลังโบกมือให้ผม ซึ่งดูเหมือนกับว่ากำลังหายใจไม่ทันอยู่
“เฮ้ย เฮ้ย! พวกเรายังอยู่ระหว่างทางกลับบ้านนะ! อย่าเรียกชั้นว่ายูคุงดังนักสิ!”
“โอ๊ะ ขอโทษ! ซาคาตะคุง ชั้นแค่พยายามจะตามนายให้ทันน่ะรู้มั้ย?”
ไม่ คือแค่เปลี่ยนวิธีเรียกชื่อชั้นมันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรสักหน่อย…
“…เธอยังอยากจะเก็บการหมั้นของเราเป็นความลับอยู่ใช่มั้ย?”
“แหงอยู่แล้วสิ! นายบอกว่านายไม่อยากจะโดนล้อหรือต้องเจอปัญหาอะไรอื่นๆไง!”
“ใช่มั้ยล่ะ?”
“…แต่การวิ่งตามคู่หมั้นกลับบ้านมันก็เป็นอะไรที่…น่าตื่นเต้นอยู่นะ”
“…เธอบอกว่าจะพยายามเก็บความสัมพันธ์นี้เป็นความลับไว้ไม่ใช่รึไง?”
“ก็ใช่น่ะสิ!”
ผมได้แต่ถอนหายใจกับคำตอบของเธอ
ยูกะจังก็ได้หัวเราะอย่างซื่อๆอยู่ข้างผม… เธอต่างจากวาตานาเอะ ยูกะที่โรงเรียนอย่างมาก
ผมมั่นใจดีว่าเธอกำลังพยายามที่จะระวังอยู่ แต่การกระทำของเธอมันดูไม่ค่อยจะตรงกับความตั้งใจของเธอสักเท่าไหร่
สมแล้วที่เป็นนักพากย์ของยูนะจัง… เป็นพวกซื่อบื้อแท้ๆกันทั้งคู่เลย
***
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านสักพัก คนขนย้ายก็ได้มากดกริ่งประตูบ้าน
ของใช้ของยูกะจังก็ได้ถูกขนย้ายไปในห้องที่นายุได้เคยใช้อยู่จนถึงเมื่อปีที่แล้ว
ทีละน้อยทีละน้อย ห้องก็เริ่มที่จะถูกประดับไปด้วยสีสันของยูกะจัง
“อืมมม… ชิ้นนี้ไว้ตรงนี้ ชิ้นนั้นวางตรงโน้น”
ถึงแม้ว่าคนขนย้ายจะกลับไปแล้ว ยูกะจังก็ยังคงมุ่นอยู่กับการจัดเรียงของๆ เธอ
ผมรู้สึกอึดอัดที่จะต้องมองห้องของเด็กสาว ผมก็เลยกลับไปที่ห้องรับแขกคนเดียว
มันยังมีลังกระดาษที่ถูกวางไว้อยู่อย่างไม่ระวัง ซึ่งยังไม่ได้ถูกเปิด
หลังจากที่ลังใบสุดท้ายได้ถูกขนไปในห้องของยูกะจัง มันก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้อีกครั้งนึงว่าต่อจากนี้ไป ผมจะต้องอยู่ร่วมกับเธอแล้ว
“ยูคง ขอโทษที่ให้รอนะ~”
และในระหว่างที่ผมกำลังคิดถึงสิ่งต่างๆอยู่ ยูกะจังที่ดูเหมือนจะเพิ่งทำความสะอาดเสร็จ ก็ได้โผล่เข้ามาในห้องรับแขก
เธอมีผมสีดำยาวประไหล่ ที่ณ ตอนนี้มันไม่ได้ถูกรวบอยู่ ซึ่งต่างกับที่โรงเรียน
พอเธอถอดแว่นแล้ว ตาของเธอก็ดูหยดย้อยและน่ารัก
เธอได้อวดชุดเดรสสีฟ้าของเธอ แล้วก็ยิ้มออกมาเหมือนกับลูกหมา
“รู้มั้ย ตอนที่ชั้นกำลังย้ายของเข้าไปในห้อง มันก็ทำให้ชั้นนึกขึ้นได้อีกแล้วว่าชั้นกำลังจะต้องอยู่ร่วมกับยูคุงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปน่ะ…”
หลังจากที่พูดแบบนั้นแล้ว ยูกะก็ก้มหัวลงไปอย่างดูเขินๆ
พอเห็นยูกะจังเป็นแบบนั้น มันก็ทำให้ผมรู้สึกอาย ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองไปทางอื่นเหมือนกัน
มีแก้ว 2 ใบตั้งอยู่บนโต๊ะ
หนึ่งในนั้นเป็นแก้วสีดำที่ผมมักจะใช้อยู่ตลอด
อีกใบนึงเป็นแก้วของยูกะจังที่มีตัวละครกระต่ายเด่นๆอยู่
“ยูคุง”
อยู่ดีๆยูกะจังก็เรียกผม
“มีอะไรเหรอยูกะจัง?”
“ยู~คุง~”
“ทำไมเมื่อกี้เสียงเหมือนสัตว์ซะงั้นล่ะ…”
“ฮืมมมมม”
ยูกะจังกอดอกแล้วก็เอียงหัวของเธอไปด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง
ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันดูเหมือนจะสำคัญแฮะ
“พวกเราเรียกอีกฝ่ายกันว่ายูคุงกับยูกะจัง แต่จริงๆแล้วมันโอเคสำหรับคู่หมั้นมั้ยนะ?”
“เอ๋ ไม่ใช่ว่ามันก็ปกติเหรอ?”
“ไม่สิ ในอนิเมะมันมีวิธีเรียกหลายอย่างเลย… ชั้นคิดว่ามันน่าจะดีนะถ้าเราใช้แบบที่เหมาะสุด”
ก่อนที่ผมกำลังจะคิดตามทัน ยูกะจังก็ได้เอานิ้วชี้ของเธอมาชนกันแล้วก็พูดอย่างเขินๆ:
“เอ่อ… ค-คุณคะ….” [TLN: anataเอาไว้ใช้เรียกผัว lmaooo]
ห้องรับแขกเงียบสงัด
หน้าของยูกะจังแดงไปทั้งหน้า
ผมรู้สึกราวกับว่ากำลังมองอะไรบางอย่างที่ไม่ควรมองอยู่ ผมจึงรีบหันสายตาหนีไป
“…ช ใช่สิ นั่นมันคงน่าอายไปสินะ…”
“ง งั้น ถ้าเป็น ‘คุณพี่’ล่ะ?” [TLN: Danna sama เอาไว้เรียกพวกเจ้าของบ้านหรือหัวหน้าครอบครัวสำหรับเมียได้]
ผมถึงกับเกือบจะพ่นชาที่อยู่ในปากของผมออก
“เธอพูดอะไรพวกนั้นออกมาด้วยหน้าตาจริงจังได้ไงเนี่ย?! แล้วไม่ใช่ว่านั่นมันน่าอายกว่าเดิมอีกรึไง?”
“งั้น ดาร์ลิ้งก์?”
“พวกเราเป็นคู่รักปานจะกลืนกินกันเลยเรอะ?”
“เย็นชาจังเลย… นายท่านคะ…” [TLN: Gouchuujin sama ที่พวกเมดใช้กันอะ]
“อันนั้นมันคนละความหมายแล้ว!”
ยูกะจังดูอายมากในตอนแรก….
บางทีเธออาจจะตื่นเต้นจากการที่พวกเราได้คุยกัน
หรือบางที สัญชาตญาณนักพากย์เสียงของเธออาจจะเข้าครอบงำไปแล้ว
เธอเริ่มที่จะอินไปกับการโรลเพลย์อะไรสักอย่างไปซะแล้วสิ…
“ชั้น ยูกะ… จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับใช้นายท่านในวันนี้นะคะ เมี้ยว~ ☆”
**
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น
มีเด็กสาวเศร้าสร้อยคนนึงที่กำลังคว่ำหน้าลงอยู่บนโต๊ะพูดออกมาว่า “ชั้นเล่นเกินสินะ…”
“ให้ตายสิ… เธอเบียวไปไกลเลย…”
“…น่าอายจัง…”
มันมีความแตกต่างมากระหว่างยูกะจังที่โรงเรียนกับยูกะจังที่บ้าน ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งคู่จะเป็นคนคนเดียวกัน
“นี่เธอก็ลองมาเกือบทุกอย่างแล้ว พอใจยังเนี่ย?”
“ฮืมม… แต่…”
เธอลองใช้ชื่อดูตั้งเยอะแยะ แล้วเธอยังไม่พอใจอีกเหรอเนี่ย?
“ชั้นโอเคกับยูคุงเพราะมันทำให้ชั้นรู้สึกพิเศษนะ”
“แต่ยูกะจังมัน…”
“หืม?”
“ยูกะจังมันไม่ได้ทำให้ชั้นรู้สึกพิเศษเลยน่ะ…”
ยูกะจังดูเศร้า แต่อยู่ดีๆเธอก็ยืนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับชี้มาที่ผม
“ผู้หญิงบางคนก็เรียกชั้นว่ายูกะจังเหมือนกัน มันรู้สึกธรรมดาไปหน่อยน่ะ”
“ไม่ใช่ว่าธรรมดามันก็ดีพอแล้วเหรอ?”
“ไม่! คือพวกเรากำลังจะต้องแต่งงานกันในสักวันนะ เพราะงั้น….”
ก่อนหน้านี้เธอตื่นเต้นมาก แต่ตอนนี้เสียงของเธอมันเบาลง แล้วเธอก็มีหน้าที่บูดบึ้ง
มันทำให้ผมนึกถึงโรลเลอร์โคสเตอร์เพราะอารมณ์เธอนั้นเปลี่ยนไปบ่อยมาก
มันยากที่จะเชื่อเลยว่าเธอเป็นนักพากย์ของยูนะจัง
เธอเป็นเด็กสาวที่สดใสและซุ่มซ่าม ที่จะเศร้าเพียงแค่เพราะว่าเผลอทำอะไรมากเกินไป
พอเห็นยูกะจังเศร้า มันก็รู้สึกเหมือนว่าผมกำลังมองสัตว์ตัวน้อยที่ไม่สามารถโดนทอดทิ้งไว้อย่างเดียวดายได้ ผมจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว…
“…ยูกะ”
“เอ๋?!”
ยูกะดูตกใจมากตอนที่ผมเรียกเธอแบบนั้น จากนั้นผมก็ได้บอกเธออย่างใจเย็นไปว่า:
“งั้นถ้าชั้นเรียกเธอว่ายูกะล่ะ? มันน่าจะให้ความรู้สึกพิเศษได้นะ แค่ซักนิดก็ยังดี….”
“ห-อะอะอะอะ…”
ยูกะที่พูดอะไรไม่ออก ก็ส่ายหัวของเธอไปมาอย่างเร็ว
ผมหัวเราะออกมาอย่างดังให้กับยูกะที่เป็นคนซื่อตรงและจริงใจเอาซะจริงๆ
“งั้น ชั้นจะพูดอีกรอบละกัน ฝากตัวด้วยนะยูกะ”
“ยูคุง”
“ครับ?”
“ยูคุง ยูคุง”
“อะไร ยูกะ?”
“แค่เรียกชื่อน่ะ~ ยูคุง ยูคุง ยูคุง เอเฮะๆ~”
เธอเรียกชื่อของผมซ้ำไปซ้ำมา โดยก็แค่เพื่อเรียกมัน
ดูเหมือนว่าเธอจะชอบมันนะ เพราะตอนนี้เธอกำลังยิ้มอย่างมีความสุขเลยละ
ถึงแม้ว่าการสนทนาของพวกเรามันจะธรรมดาและไม่มีสาระ…
แต่ก็ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วผมจะมองว่าอะไรแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่นัก…
“ยูคุง ยูคุง! ยูคุง ยูคุง! ยูคุง? ยูคุง!!! ย-ยูคุง?!”
“ทำไมอันสุดท้ายมันเหมือนชั้นกำลังจะตายเล่า?!”
เธอชอบที่จะเล่นอะไรเกินจริงๆ เด็กคนนี้นี่…
ถ้าชอบกดไลก์กดแชร์เพจด้วยยยยย
facebook.com/OnlyhiraR