รุ่นพี่โทวโกะถามเด็กหนุ่ม
“เธอ ชื่ออะไรหรอ?”
“โชตะ”
“ทำไมถึงอยู่ที่แบบนั้นได้ล่ะ?”
“มีปูอยู่ฮะ”
“ปู?”
“แต่ว่าจับไม่ได้อะ”
สรุปว่ายังไงนะ?
ถึงจะไม่เข้าใจว่าเด็กชายคนนี้ไปมายังไง แต่ก็มาอยู่ตรงทางเดินเล่นตรงนั้นอยู่ตัวคนเดียว
คงจะไปเห็นปูเข้าตรงนั้น ก็เลยพยายามวิ่งไล่จับ จนไปถึงลานหินใกล้ชายฝั่งทะเล แล้วก็ล้มร้องไห้ที่นั่น
เด็กชายจากบนหลังพลันเอ่ยปากอย่างไม่ทันคาดคิด
“คุณพี่สาวกับพี่ชาย ‘เดท’ กันอยู่หรอฮะ?”
ผมกันรุ่นพี่โทวโกะมองหน้าหากันอยู่พักหนึ่ง
“‘เดท’ กันอยู่หรอฮะ?”
เด็กชายถามย้ำอีกรอบ
“อืม~ม เอ่อ คงงั้นล่ะมั้งคะ?”
พอรุ่นพี่โทวโกะตอบไปอย่างนั้น เด็กชายก็ซักต่อไปอีก
“ถ้างั้น คุณพี่สาวกับพี่ชาย เป็นแฟนกันหรอฮะ?”
“”เอ๊ะ?””
ผมกับรุ่นพี่โทวโกะต่างกันขึ้นเสียงพร้อมกัน
จนถึงเมื่อครู่ยังทำเสียงเจ็บปวดอยู่เลยนี่ ทำไมทีประโยคพวกนี้ถึงได้ฉะฉานจริงเชียว?
ผมที่กำลังสับสนอยู่นั้น รุ่นพี่โทวโกะก็ตอบกลับไป
“งั้น คิดว่ายังไงล่ะ?”
“ไม่รู้อะ แต่คนที่ ‘เดท’ กันก็ต้องเป็น ‘แฟน’ สิฮะ”
“ใครบอกมาอย่างงั้นหรอ?”
“มี่จัง”
ต่อให้ใช้คำนามชี้เฉพาะตรงนี้ พวกเราก็ไม่เข้าใจหรอกน่ะ
ทว่ารุ่นพี่โทวโกะตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“นั่นสินะ ถ้า ‘มี่จัง’ บอกมาแบบนั้น ก็คงเป็นแฟนกันล่ะนะ”
ตามด้วยหัวเราะคิกคักนิด ๆ
หลังจากนั้นรุ่นพี่โทวโกะก็ลูบ ๆ เด็กชาย
ผมที่ได้แต่เงียบสนิท
ทำเอาผมประหลาดใจ
รุ่นพี่โทวโกะที่ปกติดูเท่และหลักแหลม รักเด็กถึงเพียงนี้
ผมกดมือถือด้วยมือเดียวอย่างลับ ๆ แอบถ่ายภาพรุ่นพี่โทวโกะในตอนนั้น
เธอจะรู้ตัวหรือเปล่าไม่ทราบได้
“อ้ะ หม่าม้าล่ะ”
จากทิศทางที่เด็กชายชี้มาจากข้างหลัง คุณแม่ที่กำลังโอบกอดเด็กน้อยพร้อมกับจับมือของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กำลังยืนอยู่
เราเดินไปข้างหน้าคุณแม่อย่างนั้น แล้ววางเด็กชายลง
พอรุ่นพี่โทวโกะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น คุณแม่ก็โค้งให้พวกเราหลายต่อหลายรอบ
ดูเหมือนว่าคุณแม่เพิ่งพาลูกคนเล็กไปเข้าห้องน้ำมา
ในตอนท้ายรุ่นพี่โทวโกะก็นั่งยอง ๆ ตรงหน้าเด็กชาย
“พี่ไปก่อนนะ โชตะคุง อย่าหนีจากคุณแม่ไปไหนคนเดียวอีกนะ”
ว่าแล้วเธอก็เอามือวางไว้บนหัวเด็กชายอย่างอ่อนโยน
ผมรีบถ่ายรูปรุ่นพี่โทวโกะในตอนนั้นไว้
พอห่างมาจากผู้ปกครอง ผมก็เอ่ยถาม
“รุ่นพี่โทวโกะเนี่ย ดูรักเด็กนะครับ”
“อะไรกัน? น้ำเสียงดูแปลกใจแบบนั้นน่ะ?”
“ป- เปล่านะ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ”
ผมรีบแก้ต่าง แต่รุ่นพี่โทวโกะก็เหลือบมองพลางยิ้มให้
“ฉันน่ะ รักเด็กนะ แล้วก็อยากได้น้องชายด้วยน่ะ”
“รุ่นพี่โทวโกะมีพี่น้องหรือเปล่าครับ”
“มีน้องสาวอยู่คนนึงไม่ถึงสามขวบน่ะ”
ถ้าเป็นน้องสาวของรุ่นพี่โทวโกะ คงจะเป็นคนสวยแน่เลย?
“ที่อยากได้ที่สุดจริง ๆ ก็คือพี่ชายน่ะ”
ขณะที่คุยกันอยู่ ก็มาถึงข้างรถ
“เลยเวลามื้อเที่ยงมานานแล้วนะ ไปหาอะไรกินสักหน่อยมั้ย?”
เรามุ่งหน้าทางเหนือบนทางหลวงหมายเลข 410
รอบนี้เป็นถนนซึ่งผ่านฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรโบโซะ
ในที่สุดก็มาถึง ‘สถานีริมทาง WA-O’
ใกล้ ๆ กับสถานีวาดาอุระ มีโมเดลโครงกระดูกทั้งร่างของวาฬสีน้ำเงินขนาดยักษ์จัดแสดงไว้อยู่
เราเข้าไปในร้านอาหารตรงนั้น
ผมเอ่ยพลางดูเมนู
“วาดาอุระเนี่ย ในยุคนี้นี่เป็นสถานที่ล่าวาฬที่หาได้ยากแล้วนะครับ ถ้าพูดถึงล่าวาฬเนี่ยที่ขึ้นชื่อก็จะเป็นไทจิที่จังหวัดวากายามะสินะครับ”
นี่ก็เอามาจากเน็ตเหมือนกัน
“อา~ จะว่าไป เคยได้ยินมาว่า ‘ทางมินามิโบโซะเองก็มีสถานที่ล่าวาฬกันอยู่ด้วย’ เห็นว่ามีเบคอนเนื้อวาฬขายด้วยนะ”
“เนื้อวาฬมันจะเป็นยังไงนะ อยากลองทานดูสักครั้งเลยครับ”
ขณะที่เอ่ยอย่างนั้น ผมก็ตัดสินใจสั่งอาหารได้
“ข้าวหน้าเนื้อวาฬพิเศษ”
เป็นถ้วยข้าวหน้าประกอบด้วยซาชิมิเนื้อวาฬ ทัตสึตะอาเกะเนื้อวาฬ กับคัตสึเนื้อวาฬ
“ฉันเอาเป็น ‘ชุดอาหารชาชิมิเนื้อปลาตามฤดูกาล’ ตามปกติก็ได้ค่ะ เนื้อวาฬออกจะแปลกไปหน่อยทานไม่ลงหรอกนะ”
“แต่ว่าไหน ๆ ก็มาถึงที่นี่ทั้งที ไม่ลองทานดูสักหน่อยหรอครับ? เนื้อวาฬเนี่ย ถ้าหลังจากนี้เกิดมีรณรงค์ต่อต้านการล่าวาฬขึ้นมาจะไม่ได้ทานเอาแล้วนะครับ”
ถึงอย่างนั้นรุ่นพี่โทวโกะก็เหมือนจะหลุดไปพักหนึ่ง
“ถ้างั้นสั่ง ‘ซาชิมิเนื้อวาฬ’ มาจานนึงแล้วกันค่ะ ไว้แชร์กันสองคนก็ได้เนอะ?”
“ได้ครับ เอาอย่างนั้นแล้วกัน”
อาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ
สีของเนื้อดูแดงเข้มกว่าเนื้อวัว
เหมือนเนื้อม้าเลย
พอลองทานดู รู้สึกเหมือนเนื้อธรรมดากว่าที่คิด
ให้ความรู้สึกเหมือนเนื้อนำเข้าไม่ติดมันล่ะมั้ง?
รุ่นพี่โทวโกะก็ดูจะรู้สึกเหมือนกัน
“ถึงจะมีกลิ่นเฉพาะตัวนิดหน่อยก็เถอะ แต่ก็เป็นเนื้อธรรมดาเนอะ”
“ใช่ครับ สีเหมือนเนื้อม้า รสชาติให้ความรู้สึกเหมือนเนื้อสะโพกนำเข้าเลยครับ”
“แต่ว่าวาฬเองแต่เดิมก็แตกมาจากตระกูลสัตว์กีบคู่เหมือนกันกับวัวกับหมูใช่ไหมล่ะ รสชาติจะคล้ายกันก็คงไม่แปลกสินะคะ ทุกวันนี้วาฬกับวัว หมู กวาง อะไรพวกนี้ก็จัดอยู่ใน ‘ตระกูลสัตว์เท้ากีบคู่’ ด้วยกันด้วยแหละ”
“เอ๋~”
“แล้วอีกอย่าง สัตว์บกที่ใกล้เคียงกับวาฬที่สุดเหมือนจะเป็นฮิปโปด้วยค่ะ”
“สมกับเป็น ‘นางฟ้าแห่งหอสมุด’ รอบรู้มากเลยครับ”
ทันใดนั้นรุ่นพี่โทวโกะก็จิกตามองบนใส่ผม
“ฉายานั่นน่ะ ฉันไม่ชอบเลย”
“ทำไมล่ะครับ? ผมว่าทุกคนก็ใช้กันในความหมายที่ดีนะครับนั่น”
“ฉันไม่ใช่ของประดับ แล้วก็ไม่ใช่นางฟ้าด้วยค่ะ ฉันเป็นแค่นักเรียนหญิงมัธยมปลายธรรมดา แล้วตอนนี้ก็เป็นนักศึกษาหญิงธรรมดาด้วย”
“เรื่องนั้นก็จริงนะครับ”
“อย่างน้อย ฉันไม่อยากให้คนที่น่าจะรู้จักฉันระดับนึงอย่างอิชชิกิคุงเรียกอย่างนั้นเลยค่ะ”
รุ่นพี่โทวโกะพูดด้วยอารมณ์เปล่าเปลี่ยวเล็กน้อย
“เข้าใจแล้วครับ ขอโทษด้วยครับ”
พอผมเอ่ยปากขอโทษ รุ่นพี่โทวโกะก็ยิ้มแบบมีเลศนัยอีกครั้ง
“งั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษ หลังจากนี้เลี้ยงซอฟต์ครีมด้วยนะ ตะกี้ข้างนอกเห็นมีขายอยู่ด้วย”
อยากกินซอฟต์ครีมซะด้วยสิ มีความน่ารักจริง ๆ
“ได้เลยครับ ซื้อสองโคนสามโคนเลยก็ได้!”
“โห พูดแล้วนะ? งั้นจัดซอฟต์ครีมนมน้ำผิ้งกับซอฟต์ครีมถั่วสองอันเลย!”
หลังเสร็จมื้ออาหาร ก็ประมาณบ่ายสามโมงเข้าไปแล้ว
สุดท้ายเราสองคนก็ซื้อซอฟต์ครีมต่างรสกันคนละโคน แล้วก็แลกกันระหว่างทาง
นับว่าเป็น ‘จูบทางอ้อมครั้งแรก’ กับรุ่นพี่โทวโกะ
ผมเก็บภาพรุ่นพี่โทวโกะที่กำลังกินซอฟต์ครีมอย่างนั้นมาอีกหนึ่งใบ
“กินอยู่แบบนี้ก็ยังถ่ายอีกหรอ~?”
ถึงจะดูขัดใจนิดหน่อย แต่คิดว่าท่าทางการกินเหมือนเด็กอย่างที่ไม่เคยเห็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน