ผมใช้เวลาวันหยุดเสาร์อาทิตย์นั้น ครุ่นคิดเรื่อง ‘เด็กสาวน่ารัก’ ที่รุ่นพี่โทวโกะถาม
วันนี้เองก็ยังนอนคิด ๆ เรื่องนั้นอยู่บนเตียง
—— [เด็กสาวน่ารัก] หรอ ก็คงต้องเป็นสาวสวย อ่อนโยน ปกติแน่วแน่แต่ก็หลุด ๆ บ้างเป็นบางครั้ง ——
ตอนที่นึกถึงเรื่องพวกนั้น ทำไมในหัวถึงชอบนึกถึงรุ่นพี่โทวโกะขึ้นมาได้นะ
ทั้งสวย เรียบร้อย กุลสตรี แต่ก็มีความอ่อนโยนปลอบประโลมผมเวลาเจ็บปวด แถมเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ยังเป็นเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ตอนที่เห็นแฟนหนุ่มนอกใจ…
ไม่ ๆๆ ไม่ได้
รุ่นพี่โทวโกะคนนั้นเองไม่ใช่หรอที่ถามว่า ‘เด็กผู้หญิงน่ารักนี่มันเป็นยังไงหรอ?’
จะให้ตอบไปว่า ‘เธอไงครับ’ แบบนั้นได้หรอ?
—— เอ~ นอกจากนี้ก็… เป็นแม่ศรีเรือนทำอาหารเก่ง หวานใส่เราเป็นครั้งคราว บางทีก็ให้เราหวานใส่ ถึงจะเย็นชากับผู้ชายคนอื่น แต่ก็เป็นเด็กสาวที่แอบหื่นแต่กับเรา ——
แต่ก็ยังหาจินตนาการภาพรุ่นพี่โทวโกะขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
รุ่นพี่โทวโกะที่สวมผ้ากันเปื้อนทำอาการให้ผม
ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มนั้น ‘วันนี้เป็นสตูว์เนื้อล่ะ ทำด้วยใจให้เลยน้า’ เธอพูดหยอกเย้าผม
หลังมื้ออาหาร ผมก็ดูทีวีด้วยกัน บนหน้าตักของรุ่นพี่โทวโกะ
หลังจากนั้นเวลานอน รุ่นพี่โทวโกะก็มานอนขดเป็นแมวแนบชิดกับหน้าอกของผม…
ในท่ามกลางความมืดมิด รุ่นพี่โทวโกะที่ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้า ปลดบราเซียร์ออก
“มีแค่เธอคนเดียวเลยนะ ที่ได้เห็นฉันแบบนี้น่ะ…”
พูดอะไรประมาณนี้ล่ะ——
เนี่ย คิดอะไรอยู่วะเนี่ยเรา!
เรื่องพรรค์นั้น บอกรุ่นพี่โทวโกะไม่ได้หรอก!
อะไรทั้งหมดนี้เนี่ย มันเป็นความต้องการของเราไม่ใช่รึไง!
—— สงสัยที่แย่ คงเพราะนอนคิดบนเตียงหรือเปล่านะ ——
พอนึกอย่างนั้น ผมก็ลุกตื่นขึ้นมา เปิดเครื่องโน๊ตบุ๊คที่อยู่บนโต๊ะ
—— อิชชิกิ ยูว จงสรุปความหมายของ ‘เด็กผู้หญิงน่ารัก’ ภายใน 50 ตัวอักษรซะ ——
ผมสั่งตัวเองในหัว
ผมเปิดเอดิเตอร์ ร่ายเรียงเงื่อนไขพวกนั้น
“เด็กน่ารัก ก็ต้องเป็นคนสวย จิตใจอ่อนโยน ปกติดูเท่แต่ที่จริงก็มีด้านอ่อนแอบ้าง ด้านอ่อนแอนั้นเผยให้เราเห็นได้แค่คนเดียว……”
เอะ ว่าแล้วเชียวนี่เรา ยึดติดแต่กับรุ่นพี่โทวโกะซะแล้วนี่หว่าเนี้ย~ย!
ไม่ได้การละ ผู้หญิงในหัวเราตอนนี้ มีแต่รุ่นพี่โทวโกะไปหมดแล้วรึไงกัน!
เมื่อนั้น มือถือก็สั่นขึ้นมา
ดูก็พบว่าเป็นข้อความจากอิชิดะ
(อิชิดะ) ยูว ว่างมั้ยตอนนี้?
(ยูว) มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก
(อิชิดะ) ถ้างั้นออกมาเจอกันตอนนี้เลย เราก็ว่างเหมือนกัน
(ยูว) เข้าใจละ อยู่ไหนตอนนี้?
(อิชิดะ) ร้านข้างทางหลวงหมายเลข 14 ที่เดิม มาตอนนี้เลยนะ?
(ยูว) โอเค เดี๋ยวจะออกไปละ
ผมปิดมือถือแล้ว ก็ขี่จักรยานทันที มุ่งหน้าไปทางร้านอาหารครอบครัวบนทางหลวงที่อิชิดะคอยอยู่
บ้านของผมเป็นบ้านเดี่ยวอยู่ฝั่งชายทะเลจากทางหลวง
บ้านของอิชิดะเป็นแมนชั่นใกล้ ๆ ทางหลวง
ร้านอาหารที่นัดพบนั้น สามารถขี่จักรยานมาได้ไม่ว่าจะมาจากบ้านไหน
ผมเข้าไปในตัวร้าน ชำเลืองมองไปรอบ ๆ
ทันใดนั้นอิชิดะที่เห็นตัวผมก่อนแล้ว ก็ยกมือขวาขึ้นมาให้สัญญาณ
เป็นโต๊ะที่นั่งริมหน้าต่าง
พอผมนั่งลงที่เก้าอี้ อิชิดะก็ทำหน้าเป็นสงสัย
“เป็นอะไรไป ยูว? ดูทำหน้ายุ่งยากจัง มีอะไรรึเปล่า?”
“หืม? ไม่อะ ก็นิด ๆ หน่อย ๆ”
“อะไรกัน อย่าคิดมากเลย บอกมาเถอะ หรือว่าจะเป็นเรื่องคาเรนจัง?”
“เปล่า ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก อันที่จริงไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไรขนาดนั้น”
“งั้นก็บอกมาสิ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่นะ? เดี๋ยวเราช่วยคิดด้วยกันก็ได้น่า”
จริงด้วยนะ ตัวเราคนเดียวคงจะคิดไม่ตกแน่
ฟังความเห็นของอิชิดะด้วยน่าจะดีกว่าก็ได้
“อิชิดะว่า คุณสมบัติของ ‘เด็กผู้หญิงน่ารัก’ เนี่ย คิดว่ามีอะไรบ้าง?”
“คุณสมบัติของเด็กผู้หญิงน่ารัก?”
อิชิดะที่ทำสีหน้าสงสัย ถามย้อนกลับมา
“ใช่ นึกเรื่องนั้นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วอะ”
“อืม~ม”
อิชิดะกอดอกแล้วเริ่มคิด
“เอ ก็ต้องเป็นผู้หญิงสวยแหละนะ แล้วก็ต้องบรรยายว่า [ที่สุดในโรงเรียน] หรือแบบ [น่าหลงใหล] ได้ถึงจะที่สุดละมั้งนะ”
—— สาวสวยแบบน่าหลงใหล รุ่นพี่โทวโกะหนิ ——
“แล้วก็ นมใหญ่ก็คงดีแหละนะ ร่างบางนมส้มโอเนี่ย แค่นั้นก็กระชากใจสุด ๆ แล้ว”
—— ร่างบางนมส้มโอ รุ่นพี่โทวโกะล่ะนะ ——
“แล้วก็ที่ว่าซึนเดเระ-คูเดเระเองก็เร้าใจอยู่นะ”
—— รุ่นพี่โทวโกะนี่ก็ถือว่าซึนเดเระ-คูเดเระได้อยู่นะ ถึงจะไม่ค่อยมีความเดเระก็เถอะ ——
“ผมสีทอง ทรงทวินเทลก็โมเอะดีนะ”
—— ถึงรุ่นพี่โทวโกะจะผมยาวดำก็เถอะ แต่ทำผมสีทองก็ดูดี ทวินเทลก็เด็ดอยู่ ——
“เด็กสาวเล่นดนตรีก็ดีงามอยู่น้า”
—— รุ่นพี่โทวโกะเนี่ยรู้สึกภาพลักษณ์ต้องไวโอลิน แซกโซโฟนแหละ เอะ วงดนตรีนี่มีแซกมั้ยนะ ——
“เพื่อนสมัยเด็กเอย น้องสาวต่างสายเลือดกันเอย สถานการณ์แบบนั้นคงจะน่าตื่นเต้นอยู่นะ”
—— ? แบบนั้นคงจะดีก็จริง… ถ้าจู่ ๆ รุ่นพี่โทวโกะ ‘กลายเป็นพี่สะใภ้’ ขึ้นมาก็คงน่าดีใจอยู่หรอก! ——
“หูสัตว์นี่ดีจังเลยน้า โดยเฉพาะหูแมวกับหูจิ้งจอกน่ะ”
—— ?? หูแมวก็ดีหรอ? เอ้ะ แต่ก็จริง รุ่นพี่โทวโกะหูแมวเนี่ย ต้องน่ารักแน่ ๆ เชียว ——
“สาวน้อยเวทมนตร์เนี่ยขาดไม่ได้เลย ยิ่งเสื้อผ้าเปิดเยอะ ๆ เนี่ยน้า”
—— ??? สาวน้อยเวทมนตร์? นี่มันมาโลกคอสเพลย์แล้วไม่ใช่เรอะ ——
“นี่ อิชิดะ แกพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย?”
อิชิดะทำหน้าเหมือนถูกดึงจากความฝันกลับมาสู่ความเป็นจริง
“เอะ? ก็เรื่อง ‘คุณสมบัติของเด็กผู้หญิงน่ารัก’ ไงล่ะ? ในอนิเมะกับมังงะน่ะ”
—— เรานี่มันบ้าเหลือเกิน มาฟังแกเนี่ย ——
ผมเขกหน้าผากเบา ๆ
นอกจากฝันเฟื่องของอิชิดะ เราเองก็ดันนึกภาพรุ่นพี่โทวโกะตามจินตนาการบ้า ๆ นั่นไปซะได้
“แกเนี่ยนะ ถ้ามีสาวน้อยเวทมนตร์กับสาวหูสัตว์ขึ้นมาจริง ๆ จะไปคบกับพวกนั้นรึเปล่า?”
“คบได้เซ่ ความรักของเราน่ะไม่มีแบ่งแยกหรอก! ต่อให้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ หรือเป็นสาวกึ่งสัตว์ ก็ออลโอเคล่ะ!”
อิชิดะพูดด้วยความมั่นใจเต็มอก
เลิกหาทำเถอะ
ควรแก้ปัญหาด้วยกำลังของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งคนอื่นเลยเถอะ
สุดท้ายผมก็ว่าไป
“ไม่ได้จะเหยียดความชอบของแกหรอกนะ แต่ ‘ไทป์น้องสาว’ เนี่ยเลิกเถอะ ถ้าเมย์กะจังน้องสาวของจริงรู้เข้าล่ะก็คงจะรู้สึกแหยงแน่เชียว”
ภาพฝันอะไรพวกนั้น รับได้แค่เฉพาะลูกคนเดียวแบบผม กับพวกที่มีแต่พี่ชายน้องชายเท่านั้นแหละ
“โอ้~ จะว่าไปแล้วเมย์กะน่ะ เป็นห่วงเรื่องยูวด้วยนะ”
หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปทันใด
จะว่าไปหมอนี่ ให้เมย์กะจังรู้เรื่อง ‘คาเรนกับคาโมกุระนอกใจ’ ด้วยสินะ
“งั้นหรอ ฝากบอกเมย์กะจังด้วยนะว่า ‘เราไม่เป็นไร ขอบใจมากนะ'”
“เข้าใจละ แต่ว่าเมย์กะเนี่ยอยากรู้เรื่องของแกโน่นนี่นั่นจังเลย น่ารำคาญจะแย่”
“เรื่องนั้นมันก็วัยอยากรู้อยากเห็นรึเปล่า?”
ทว่าอิชิดะส่ายหน้า
“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เมย์กะน่ะสนใจตัวยูวนะ ฟังที่คุยกันแล้วก็รู้สึกได้เลย”
ผมเงยหน้าขึ้นด้วยตกใจกับประโยคนั้น
ก็คิดว่าอิิชิดะล้อเล่นอีกแล้วรึเปล่า แต่สีหน้าเขาจริงจัง
อิชิดะพูดต่อไป
“บรรยากาศแบบนั้นมีมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เจ้านั่นน่ะเวลายูวมา ดูจะระมัดระวังเรื่องหน้าตาอะไรพวกนี้ขึ้นมาเลย ปกติก็ไม่ค่อยจะทำความสะอาดห้องเท่าไร แต่ว่าครั้งนั้นกลับทำให้เรียบร้อย เจ้านั่นน่ะชอบแกนะ”
จู่ ๆ เพื่อนสนิทก็เล่าเรื่องอย่างนั้นให้ฟังกระทันหัน ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดีเลย
ผมที่กำลังสับสนอยู่นั้น ทางอิชิดะก็ชิงตอบขึ้นมา
“แต่ว่ายูวตอนนี้น่ะ ยังไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องเมย์กะหรอกนะ จัดการเอาคืนคาโมกุระกับคาเรนจังก่อน จากนั้น ‘ในท้ายที่สุด’ ก็จะต้องนอนกับรุ่นพี่โทวโกะด้วยใช่นี่? แค่นั้นก็พอแล้ว”
ผมพยักหน้าเงียบ ๆ
แต่ว่าผมน่ะ เดินหน้าเรื่องแผนการนั้นไปได้ถึงกี่เปอร์เซ็นต์แล้วน่ะ?
ตัวเรายังไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าจะเดินไปถึงจุดนั้นได้ไหมเลย