มังกรดำไมเรลพุ่งทะยานเข้าปะทะเผ่าถ้ำหินด้วยความเกรี้ยวกราด ราวกับสุนัขไซบิเรียนฮัสกีที่วิ่งเข้ากลางฝูงไก่ ความโกลาหลและความตื่นตระหนกแพร่กระจายไปทั่วบริเวณในทันที
แม้จะถูกเลี้ยงดูอย่างดีจนผิดวิสัย แต่ไมเรลยังรักษาคุณลักษณะดั้งเดิมบางประการของมังกรดำไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะนิสัยที่มักเลือกโจมตีผู้ที่อ่อนแอกว่าเป็นเป้าหมาย และรู้สึกเพลิดเพลินกับการได้เห็นศัตรูหวาดกลัวจนหัวหด
นักรบออร์คที่เพิ่งถูกเรียกรวมตัวด้วยเสียงแตรเขาสัตว์ไม่ทันไร ก็ถูกลมหายใจมังกรของไมเรลถล่มจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ ทั่วร่างของพวกมันเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ลุกท่วม
กองกำลังออร์คแตกกระเจิงหนีตายไปคนละทิศละทาง
ในฐานะ มังกรดำ มังกรสีที่ขึ้นชื่อเรื่องการต่อสู้ระยะประชิดที่แข็งแกร่งที่สุด ไมเรลตัวน้อยมีผิวหนังที่หนาและเกล็ดที่แข็งราวกับเหล็กกล้า การโจมตีของออร์คจึงไม่ต่างอะไรจากการเอากิ่งไม้ไปทิ่มรถถัง
“แบบนี้ก็ได้เหรอ?”
ลูกเมี้ยวเค็มอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เธอยืนมองมังกรดำที่ก่อความวุ่นวายจนเผ่าถ้ำหินปั่นป่วน ภาพจำของไมเรลในใจเอลฟ์สาว ถูกยกระดับจากสุนัขไซบีเรียนฮัสกี เป็นสุนัขป่าตัวเท่ารถบรรทุก ที่กำลังบุกเข้ากลางฝูงแกะ
เผ่าถ้ำหินตกอยู่ในความโกลาหล ไม่มีออร์คคนใดสามารถต้านทานพลังอันแข็งแกร่งระดับเงินขั้นสูงของไมเรลได้
มหาคีรี หัวหน้านักบวชชรา มองเห็นมังกรดำที่กำลังอาละวาด และจำนวนออร์คที่ล้มตายลงเรื่อย ๆ
เขาตาแดงก่ำ พร้อมตะโกนออกมาด้วยความร้อนรน
“ท่านเคานต์! ท่านเคานต์! กรุณาหยุดมังกรดำตัวนี้เถิดขอรับ!”
ไนท์วอร์คเกอร์สีหน้าเคร่งเครียด เขาร่ายเวทยมนตร์อย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตา สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาพร้อมหัวสามหัวก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
มันคือปีศาจสุนัขสามหัวที่อยู่จุดสูงสุดของระดับเงินขั้นสูง เป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลังที่สุดในครอบครองของเขา
สุนัขปีศาจตัวนี้มีปีกคล้ายค้างคาวขนาดใหญ่ ขนทั่วร่างเป็นสีดำสนิท มีรูปลักษณ์อันน่าหวาดกลัว แม้ขนาดตัวของมันจะเพียงครึ่งหนึ่งของไมเรล แต่มันกลับดูน่าเกรงขามไม่แพ้กัน
เผ่าพันธุ์แวมไพร์นั้นมักมีจุดด้อยในเรื่องการต่อสู้ระยะประชิด พวกเขาจึงเลี้ยงดูสัตว์อสูรไว้เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และสัตว์อสูรตัวนี้มีสายเลือดของสุนัขนรกสามหัวจากขุมนรก สุนัขเพลิงแห่งทีบส์
“จัดการมังกรดำตัวนั้นซะ!”
ไนท์วอร์คเกอร์ออกคำสั่งเสียงเรียบ
สุนัขปีศาจคำรามก้อง ก่อนจะพุ่งเข้าหาไมเรลในทันที
“หมาสามหัวอย่างนั้นเหรอ?”
ไมเรลร้องออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาของมันเป็นประกายราวกับเจอของเล่นใหม่ ก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกับสุนัขปีศาจทันที
การต่อสู้ระหว่างสองสัตว์อสูรเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด แต่เห็นได้ชัดว่าสุนัขปีศาจไม่อาจเทียบกับพลังของมังกรดำได้ ร่างของมันเต็มไปด้วยบาดแผลในเวลาอันรวดเร็ว
ไนท์วอร์คเกอร์มองภาพการต่อสู้โดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ก่อนจะหันไปจ้องมหาคีรีด้วยสายตาเย็นชา
“มังกรดำและพวกเอลฟ์บุกมาแล้ว ข้าคาดว่าเทพธิดาแห่งความตายและเทพองค์ใหม่ผู้ลึกลับต้องส่งกำลังเสริมมาอีกแน่”
“สุนัขปีศาจของข้าไม่อาจต้านมังกรดำได้นาน และข้าเองก็ไม่อาจลงมือเองได้ เพราะข้าต้องเร่งอัญเชิญโทเท็มการ์เดียนของพระบิดาให้สำเร็จ!”
“เจ้าเห็นพวกเอลฟ์บนยอดเขานั่นไหม? พวกมันต้องสร้างวงเวทเคลื่อนย้ายสำเร็จแล้ว หากเจ้าไม่อยากให้เผ่าถ้ำหินต้องล่มสลาย จงพาคนของเจ้าขึ้นไปทำลายมันเสีย!”
“ต่อให้ทำลายไม่ได้ เจ้าก็ต้องถ่วงเวลาไว้จนกว่าข้าจะอัญเชิญโทเท็มการ์เดียนสำเร็จ!”
“เอลฟ์พวกนี้ไม่ได้แข็งแกร่ง แม้พวกมันจะมีอะไรแปลก ๆ บ้าง แต่พวกมันไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเจ้า!”
เมื่อกล่าวจบ ไนท์วอร์คเกอร์ก็เดินจากไปทันที
มหาคีรีตื่นตัวอย่างมากเมื่อได้ยินคำว่า โทเท็มการ์เดียน
รูม่านตาของเขาหดเกร็งด้วยความตื่นตระหนก นักบวชชรากัดฟันแน่นด้วยความมุ่งมั่น ก่อนจะตะโกนรับคำของไนท์วอร์คเกอร์ที่เดินจากไป
“ได้ขอรับ! พวกเราจะดำเนินการทันที! แต่ท่าน… โปรดเร่งมือนะขอรับ!”
~~ ❀ ~~
ในช่วงเวลาเดียวกัน
กองกำลังของเหล่าผู้เล่นก็ค่อย ๆ เคลื่อนขบวนผ่านวงเวทเคลื่อนย้าย จนมารวมตัวกันบนยอดเขา
เดมาเซีย ผู้เล่นหนุ่มร่างใหญ่ยืนมองไปยังหมู่บ้านออร์คที่เบื้องล่าง ก่อนจะอุทานออกมาอย่างตะลึง
“โอ้มายก็อดเดส… ต้องบวกกับพวกออร์คเป็นพันตัวจริงดิ?!”
ทางด้านหลี่มู่ที่ยืนอยู่แถวหน้า กำลังมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
ความแปลกใจบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ ถูกความเคร่งเครียดเข้าแทนที่ เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น
“พวกเราไม่ควรจะถูกส่งมายังบริเวณนี้ไม่ใช่เหรอ? จุดหมายปลายทางน่าจะเป็นป่าใกล้ ๆ ไม่ใช่หรือไง?”
“ก็เพราะเจ้ามังกรดำนั่นแหละ มันดันทุรังกลับมาที่ปราสาทตัวเองก่อน คงหวงสมบัติน่ะแหละ”
ลูกเมี้ยวเค็มยักไหล่ พร้อมพูดจาติดตลก
หลี่มู่: “…”
เดมาเซียเบิกตากว้าง เขาพึมพำขณะมองมังกรดำไมเรลที่กำลังไล่ฟัดปีศาจสุนัขสามหัว
“โถ่เว้ย… สมบัติมังกรคงไม่เหลืออะไรให้ลูทแล้วจริง ๆ ไม่งั้นเจ้าบ้านั่นคงไม่เดือดขนาดนี้! เอาเถอะ รีบลงไปกันเถอะ! ไมเรลทำให้พวกออร์คแตกกระเจิงไปแล้ว!”
“เฮ้ย! บอสตัวนั้นจะตายแล้ว! ไอ้มังกรบ้าอย่าแย่งแต้มพี่ชาย! รองเท้าขอบทองในร้านของพี่–!”
ท่ามกลางความปั่นป่วน เดมาเซียคร่ำครวญอย่างเสียดายขณะมองสามหัวที่ถูกมังกรดำขย้ำ เขากำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ
“รอคำสั่งดี ๆ อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามเข้าไป!” นกกาเหว่า หนึ่งในผู้เล่นที่มีท่าทีสุขุมกล่าวเตือนเสียงเย็น
“จัดไปอย่าให้เสีย ขอ- หนัก- หนัก–! งานนี้อีซี่เหมือนเดิม!”
เดมาเซียตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดตลก ก่อนจะเริ่มถอดชุดเกราะออกจนเหลือเพียงกางเกงขาสั้นที่ชาวเอลฟ์ให้เขาสวมใส่
ในฐานะผู้เล่นที่ทนมือทนเท้าที่สุดในรุ่น เดมาเซียรับบทบาทตัวแท็งค์อีกครั้ง และหน้าที่ในครั้งนี้ก็ยังเหมือนเดิม… เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ผู้พร้อมเปิดทางด้วยชีวิตของตน
อย่างไรก็ตาม หลี่มู่กลับยกมือขึ้นหยุดผู้เล่นที่กำลังจะวิ่งลงไป
“ช้าก่อนครับ พวกออร์คมีจำนวนมากเกินไป ต่างกับพวกเราหลายเท่าเกิน ถ้าเราบุกเข้าไปตอนนี้ จะไม่มีทางได้เปรียบเลย ต่อให้มีน้องอัลคอยสนับสนุน เราก็อาจจะต้านไม่ได้นานพอ แถมวงเวทเคลื่อนย้ายด้านหลังก็อาจถูกทำลายได้ง่าย ๆ”
“ต้องเปลี่ยนแผนครับ ให้พวกมันบุกขึ้นมาหาเราที่นี่แทน!”
“บริเวณนี้มีที่สูง ซึ่งเหมาะสมกับการป้องกัน อีกทั้งเรายังมีวงเวทเคลื่อนย้ายอยู่ด้วย ถ้าพวกมันบุกขึ้นมาก็เข้าทางเราครับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อัล บุตรแห่งเทพที่เกือบจะวิ่งตามเดมาเซียลงไป รีบหยุดฝีเท้าของตนทันที เขาหันไปมองหลี่มู่ด้วยความทึ่ง
“แต่…. จะทำยังไงให้พวกออร์คบุกขึ้นมาเหรอครับ?”
หลี่มู่หรี่ตามองไปยังเบื้องล่างที่เต็มไปด้วยกองทัพออร์ค แววตาของเค้าปราศจากความลังเล
“ไม่ต้องกังวล มันมาแน่!”
หลังจากพูดจบ เขาหันกลับมาสั่งการด้วยเสียงดังฟังชัด
“ทีมนักเวทย์… เตรียมเวทมนตร์ให้พร้อม!”
~~ ❀ ~~
ฝั่งเผ่าถ้ำหิน
เสียงคำสั่งของมหาคีรีสะท้อนก้องไปทั่วฐานที่มั่นของเผ่าออร์ค ราวกับฟ้าผ่าที่ปลุกจิตวิญญาณแห่งสงครามให้ลุกโชนอีกครั้ง
“จงทำลายจุดตั้งมั่นของเหล่าเอลฟ์บนยอดเขานั่นเสีย!”
แม้ในตอนแรกเผ่าออร์คจะตกอยู่ในความโกลาหลเพราะการโจมตีของมังกรดำไมเรล แต่เมื่อปีศาจสุนัขสามหัวเข้าขัดขวางไมเรล ความวุ่นวายก็เริ่มสงบลง
เสียงแตรเขาสัตว์ที่ดังขึ้นช่วยเรียกขวัญกำลังใจของพวกออร์คกลับคืนมา เหล่านักรบกลับมารวมตัวอีกครั้ง
ขบวนทัพออร์คที่ถูกจัดตั้งขึ้นใหม่พุ่งทะยานไปยังเนินเขา เสียงคำรามของเหล่าออร์คกึกก้องประหนึ่งพายุแห่งความโกรธที่พร้อมถล่มทลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ด้านหลังขบวน นักบวชแห่งเผ่าออร์คเริ่มร่ายเวทมนตร์แห่งสงคราม แสงเรืองรองจากมนตราสงครามลอยขึ้นเหนือศีรษะของเหล่านักรบ เสริมพลังการต่อสู้ให้เหล่าทหารกล้า
บนเนินเขา
ในเวลาเดียวกัน ทัพของผู้เล่นที่ตั้งมั่นอยู่ด้านบนเร่งจัดรูปขบวนอย่างรวดเร็ว แถวหน้าสุดถูกยึดครองโดยเหล่านักรบในชุดเกราะ พวกเขายืนมั่นคงประหนึ่งกำแพงเหล็กที่ไม่อาจถูกทำลาย
ถัดมาคือแนวของ หน่วยกล้าตาย ผู้ไร้ซึ่งเกราะป้องกันใด ๆ มีเพียงอาวุธในมือและความกล้าหาญในหัวใจ บางคนในกลุ่มนั้นคืออาชีพนักล่าที่พร้อมแลกชีวิตเพื่อช่วยเสริมกลยุทธ์ของกองทัพ
แนวที่สามคือกลุ่มนักธนู นักเวท และดรูอิด พวกเขายืนพร้อมในตำแหน่งของตน เวทมนตร์ที่เรืองรองในมือและคันธนูที่ถูกง้างจนสุด รอคอยคำสั่งปลดปล่อยการโจมตีอย่างไร้ปรานี
ท้ายสุดคือแนวของเหล่าเอลฟ์แห่งดินแดนซากัส ผู้ถือธนูในมืออย่างมั่นคง แม้จะไร้พรแห่งการคืนชีพ แต่ดวงตาแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า พวกเขาคือแนวหลังที่ได้รับการปกป้องอย่างหนาแน่น
หลี่มู่ยืนอยู่แถวหน้า จ้องมองฝูงออร์คที่กำลังกรูเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แววตาของเขาเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่น มือที่ถือคทาสั่นเทิ้มเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะเลือดในกายกำลังสูบฉีดด้วยความตื่นเต้น
ผู้เล่นทุกชีวิตต่างหายใจแรงด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายราวกับเปลวไฟ
นี่แหละคือสงคราม!
“นักเวทย์! เตรียมยิง!”
เสียงคำสั่งอันหนักแน่นของหลี่มู่ก้องกังวานไปทั่วแนวรบ สะกดทุกชีวิตและเร่งเร้าจิตใจของผู้เล่นให้เตรียมพร้อมเข้าสู่สงครามอันดุเดือด
เหล่านักเวทผู้เชี่ยวชาญต่างเริ่มร่ายเวทมนตร์ ธาตุแห่งธรรมชาติเหนือจินตนาการเริ่มปรากฏ เปลวเพลิงที่ลุกโชน ประกายแสงเยือกเย็นของพลังน้ำแข็ง และใบมีดสายลมหมุนวนอยู่รอบตัวของพวกเขา ทุกเวทมนตร์พร้อมที่จะพุ่งออกไปทำลายล้าง แต่กลับยังถูกตรึงไว้เพื่อรอคำสั่งอันเฉียบขาดของผู้บัญชาการ
ในขณะที่พลังเวทเตรียมระเบิดออก ฝูงออร์คที่พุ่งเข้ามาใกล้กลับดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น ร่างกายกำยำ กลิ่นอายแห่งสงคราม และเสียงคำรามที่ก้องกังวานข่มขวัญ กรงเล็บอันแหลมคม และฟันที่พร้อมกัดกระชากล้วนบอกเป็นนัยถึงความบ้าคลั่งของพวกมัน
เมื่อพวกมันเข้าสู่ระยะการโจมตี หลี่มู่ก็สะบัดคทาในมือพร้อมตะโกนก้อง
“ยิง!”
ในทันใดนั้นเอง เวทมนตร์ที่ถูกสะสมไว้ระเบิดออก เปลวเพลิงพุ่งทะยานราวกับอสนีบาต ประกายแสงแห่งพลังธาตุโจมตีใส่ฝูงออร์คอย่างไม่ปรานี ความงามของแสงสีอันแสนอันตรายกลายเป็นคลื่นแห่งการทำลายล้าง
ในวินาทีเดียวกัน เสียงเพลงประกอบสงครามอันทรงพลังก็ดังขึ้นในดวงจิตของผู้เล่นทุกคน เป็นบทเพลงแห่งสงครามที่อีฟเลือกสรรมาเพื่อกระตุ้นจิตใจของเหล่าผู้เล่น
ดนตรีที่หนักแน่นและทรงพลังช่วยปลุกเร้าขวัญกำลังใจ เหล่าผู้เล่นรู้สึกเหมือนพลังอันเอ่อล้นได้หลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณของพวกเขา ความฮึกเหิมแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ความลังเลใด ๆ ล้วนมลายหายไปสิ้น
แม้ฝูงออร์คจะได้รับพรเสริมกำลังจากเหล่านักบวช แต่พวกมันก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีอันรุนแรงของเหล่านักเวทได้ทั้งหมด เสียงระเบิดดังก้อง พื้นดินสั่นสะเทือน ฝูงออร์คบางส่วนล้มลงบาดเจ็บสาหัส แต่ส่วนที่เหลือกลับรีบปรับขบวน และพุ่งเข้าหาผู้เล่นอีกครั้งอย่างบ้าเลือด
เมื่อเสียงดนตรีประกอบมาถึงจุดไคลแม็กซ์ หลี่มู่ยืนหยัดอย่างองอาจ คทาดรูอิดในมือเปล่งแสงสว่างแห่งความมุ่งมั่น เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงที่หนักแน่น นำพาทัพผู้เล่นเข้าสู่สมรภูมิหลัก
“เพื่อปวงเอลฟ์! บุก—!”
“อูลาาาา—–!”
เสียงคำรามประสานจากผู้เล่นทุกคนดังสนั่น อาวุธในมือถูกชูขึ้นเหนือศีรษะ ร่างของพวกเขาพุ่งทะยานลงสู่สมรภูมิอย่างดุเดือด
การปะทะที่รุนแรงระหว่างสองกองทัพได้เริ่มต้นขึ้น!
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
T/N: ไม่มีอะไรจะเปิดฉากสงครามได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าดนตรีประกอบตู้ม ๆ และเสียงคำรามของเหล่านักรบ! ??
ส่วนงานแปลแบบนี้… ถ้าโนเอลคนเดียวไม่พอ เราก็ใช้โนเอลหลาย ๆ คนค่ะ! ?
…
อ่านแปลไทยได้ที่ https://www.nekopost.net/novel/12413
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~