“คุณย่าโฟลซิล… ขออภัยอย่างสูงครับ ให้พวกผมเข้าร่วมทัพไปกับผู้ถูกเลือกเถอะครับ!”
เอลฟ์หนุ่มคนหนึ่งจ้องมองไปที่หัวหน้าเผ่าเฟลมด้วยสายตาแน่วแน่ น้ำเสียงของเขายังคงแฝงความอ่อนเยาว์ แต่ก็เจือด้วยความกระตือรือร้นอันบริสุทธิ์ใจ
“ช่วงหลายวันที่ผ่านมา… ผมได้เห็นบางสิ่งในตัวพวกเขา”
“ผู้ถูกเลือกล้วนเปี่ยมไปความมีชีวิตชีวา พวกเขายินดีที่จะทำงานหนักโดยไม่ปริปากบ่น… พวกเขาไม่เคยหยุดต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่า! และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาช่วยเหลือพวกเราครับ ทำงานอย่างหนักกันโดยไม่เห็นแก่ตัวมาตลอด”
น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อยด้วยความตื้นตัน
“พี่น้องผู้ถูกเลือก… คือสหายของพวกเรา! ผมคิดว่าถ้าพวกเขาเลือกที่จะต่อสู้ เราไม่ควรยืนดูเฉย ๆ ครับ”
“เห็นด้วยครับ!”
เอลฟ์หนุ่มอีกตนกล่าวเสริมพร้อมกับพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น
“ผมเฝ้าถามตัวเอง… ผมสงสัยมาตลอด…! ว่าความเชื่อของพวกเรามันเหมาะสมจริงหรือ? ความเมตตา… มันถูกต้องเสมอหรือไม่?!”
“ก่อนหน้านี้ ผมเคยถกเถียงกับผู้ถูกเลือก พวกเราถึงขั้นทะเลาะกันด้วยซ้ำ แต่ในที่สุด คำพูดของพวกเขาก็ปลุกให้ผมลืมตามองโลกตามความจริง—”
“การต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์และศรัทธา มันต่างไปจากประเด็นอื่นในชีวิตพวกเรา มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อหาเลี้ยงปากท้อง ไม่ใช่วิถีชีวิตที่ต้องมีความเมตตา”
“และการอดทนต่อความอยุติธรรม มันยิ่งไม่ใช่! มันไม่ควรอ่อนโยนแบบนั้น… แต่มันคือสงคราม! มันคือการรุกรานที่โหดร้าย เป็นการกระทำที่รุนแรงของเผ่าพันธุ์หนึ่ง ที่ต้องการเอาชนะอีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง!”
“ความเมตตาต่อศัตรู ก็คือความโหดร้ายต่อตนเอง!”
ก็นะ.. พวกผู้เล่นจากรอบทดสอบหลาย ๆ คนน่ะ เป็นยอดอินฟลูฯตัวท็อปเลยนะคะ
กับแค่การกล่อมเอลฟ์ที่ไม่ต่างอะไรกับผ้าขาวน่ะ อีซี่ค่ะ…
ฝั่งโลกมนุษย์น่ะ เขาซัดกันนัวจะตาย ขอแค่หยิบมาเป็นตัวอย่างซักเคส แค่นี้เอลฟ์ก็ตาสว่างกันแล้วค่ะ
เมื่อเห็นเหล่าเอลฟ์หนุ่มสาวที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเพียงเพราะได้อยู่ร่วมกับผู้ถูกเลือกไม่กี่วัน โฟลซิลก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“พวกเจ้า… เจ้าหนูทั้งหลาย…”
เธอเข้าใจความฮึกเหิมในจิตใจของเหล่าเอลฟ์หนุ่มสาว แต่… ด้วยจำนวนของเอลฟ์เผ่าเฟลมที่เหลืออยู่ในตอนนี้ โฟลซิลไม่ต้องการให้พวกเขาไปเสี่ยงชีวิตอีกแล้ว
แต่ทันทีที่สายตาของผู้นำเผ่าวัยชรา ประสานเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเอลฟ์หนุ่มสาว เธอก็ได้แต่ยอมรับ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เฮ้อ… ถ้าพวกเจ้าอยากไปนัก ก็ไปเถอะ… แต่จงดูแลตัวเองให้ดีล่ะ”
มีบางสิ่งกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในหมู่เอลฟ์
แม้ว่าเอลฟ์วัยกลางคนจำนวนมากจะไม่เห็นด้วย แต่ก็มีเอลฟ์หนุ่มสาวนับสิบต้นที่ลักลอบเข้าร่วมกองทัพของเหล่าผู้ถูกเลือก
อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมทัพของเหล่าเอลฟ์กลับสร้างปัญหาให้ทางผู้เล่นไม่น้อย
สำหรับผู้เล่นแล้ว NPC เหล่านี้ไม่ต่างจากห่านทองคำที่มอบทรัพยากรให้อย่างต่อเนื่อง และยังนับว่าเป็น ‘คุณลุงคุณป้า’ ระดับวีไอพีอีกด้วย
เหตุผลเพราะภารกิจหลักมีเงื่อนไขระบุไว้ชัดเจนอย่างชัดเจน
[ห้ามให้ NPC ตาย]
ถ้าหากมี NPC ตายระหว่างภารกิจ รางวัลที่ผู้เล่นควรจะได้รับก็จะถูกหักออกเป็นจำนวนมหาศาล!
ดังนั้น สิ่งที่ผู้เล่นหวังที่สุดก็คือให้เหล่าเอลฟ์อยู่เฉย ๆ ในเมืองฟลอเรนซ์ ไม่ต้องออกมาร่วมรบให้เกิดความเสี่ยง
แต่ปัญหาก็คือ… เงื่อนไขของภารกิจหลักอีกข้อ กลับระบุว่า…
[หาก NPC ตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้ ผู้เล่นไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง]
ผู้เล่น: “…”
“เฮ้อ ก็ได้…”
ในสายตาผู้เล่น… NPC คือญาติผู้ใหญ่ที่สุดแสนจะดื้อรั้น และเทพธิดาก็คือเกิร์ลบอสที่พวกตนต้องเชื่อฟังทุกอย่าง
การนำพวกเอลฟ์กลุ่มนี้ไปด้วยในการต่อสู้ครั้งนี้ เปรียบเสมือนการพาคุณลุงคุณป้าไปลุยศึก ซึ่งทำให้ความยากของภารกิจพุ่งทะยานขึ้นเป็นเท่าตัว
แน่นอนว่าผู้เล่นที่หนักใจที่สุด ต้องไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่มู่ ในฐานะผู้บัญชาการทัพ
แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็ได้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับทุกฝ่าย
“เอาแบบนี้ละกัน… ทุกคนครับ ให้เอลฟ์เผ่าเฟลมทำหน้าที่แนวหลังดีกว่า”
กล่าวโดยทั่วไป ความสามารถในการยิงธนูของเอลฟ์นั้น ไม่ต่างอะไรกับทักษะประจำเผ่า
การให้พวกเขาอยู่แนวหลังในฐานะพลธนูไม่เพียงแต่จะปลอดภัย แต่ยังช่วยสนับสนุนการต่อสู้ได้อย่างดีเยี่ยม
พูดกันตรง ๆ คือความแม่นยำของเหล่าเอลฟ์ อยู่เหนือกว่าผู้เล่นสายพลธนูหลายเท่าตัว
แม้ว่าผู้เล่นเหล่านั้นจะมีสกิลเสริม แต่การยิงธนูของผู้เล่นที่เลือกสายอาชีพพลธนู… เอาเข้าจริงแล้ว ความแม่นยำก็ยังเป็นที่น่ากังขา
โดยเฉพาะกลุ่มผู้เล่นที่อัพเกรดเพียงสกิลเสริมพลังโจมตี แต่ไม่เคยคิดจะอัพเกรดสกิลเสริมการเล็งทั้งหลายนั้น…
วันช็อต– วันคิล– แต่เค้าขอไม่ระบุฝ่ายค่ะ..!
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ตื่นเต้นที่สุดในปฏิบัติการครั้งนี้กลับไม่ใช่ผู้เล่น ไม่ใช่เอลฟ์พื้นเมือง และไม่ใช่อลิซ…
แต่กลับเป็น มังกรดำไมเรล
ในมุมมองของเอลฟ์และผู้เล่น ไม่มีใครรู้ว่าเทพธิดาลงมือกับเจ้ามังกรดำตัวน้อยอย่างไร แต่มังกรดำที่ครั้งหนึ่งเคยดื้อรั้นจนยอมตายดีกว่ายอมร่วมมือ ยามนี้กลับดูเชื่อฟังจนผิดวิสัย
ทั้งผู้เล่นและเอลฟ์ต่างตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงนี้ อีกทั้งยังรู้สึกทึ่งกับอำนาจในการโน้มน้าวของเทพธิดา
ที่จริงแล้ว แม้แต่อีฟเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าไมเรลจะเปลี่ยนท่าทีโดยสมบูรณ์ เมื่อทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ
แต่ถึงกระนั้น ชื่อที่ไมเรลเอ่ยถึง… อีฟกลับรู้จักดี
นีดฮอกก์
มังกรดำโบราณอันทรงพลัง หนึ่งในผู้เข้าร่วมสงครามแห่งเทพหลายพันปีก่อน พลังของมันยิ่งใหญ่จนแม้แต่เหล่าเทพยังต้องเกรงกลัว!
มังกรดำตัวนี้ คือตัวตนที่กัดกินรากของต้นไม้โลกในอดีต ส่งผลให้มหาพฤกษารุ่นก่อนอ่อนแอลงอย่างมหาศาล
“เจ้ามังกรไซฯตัวนี้เกลียดชังนีดฮอกก์นักหนา มันยึดมั่นในความยุติธรรม แถมยังเรียกตัวเองว่ามังกรเงิน… เอ.. หรือมันจะโดนมังกรเงินชุบเลี้ยงมานะ?”
อีฟครุ่นคิดเกี่ยวกับผู้ที่อาจเป็นพ่อเลี้ยงของไมเรล
นีดฮอกก์ มังกรดำที่ชั่วร้ายที่สุด ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่ามังกรเงิน!
และมังกรเงิน… ในข้อมูลที่อีฟได้รับมาจากต้นไม้โลก ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับ อิกดราซิล รุ่นที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไมเรลจะนอนอยู่ใต้ต้นไม้โลกมานานขนาดนั้น แต่มันกลับไม่เคยตระหนักถึงตัวตนของต้นไม้โลกเลย นอกจากกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นว่า ‘ต้นไม้ใหญ่มาก!’ ตั้งแต่ตอนที่ได้พบหน้ากันครั้งแรก
…ดูไปแล้ว ไมเรลก็มีความเอ๋ออยู่ค่ะ
เหมือนไซบีเรียสฮัสกีที่มีปีกนั่นแหละ
~~ ❀ ~~
บริเวณป่าเอลฟ์
เหล่าผู้เล่นได้รวมตัวกันบริเวณจัตุรัสเมืองเริ่มต้น และเคลื่อนย้ายกระบวนทัพผ่านวงเวท มายังเมืองฟลอเรนซ์ด้วยความพร้อมเพรียง
ในบรรดาผู้เล่นจากรอบทดสอบจำนวน 1,200 คน มีถึงกว่า 900 คนที่เลื่อนขั้นสู่ระดับเหล็กแล้ว
และผู้เล่นที่เข้มร่วมภารกิจหลักครั้งนี้ มีมากกว่า 800 ราย
ภายใต้การสั่งการอย่างเป็นระบบของลี่มู่ เหล่าผู้เล่นได้จัดแถวกันเป็นรูปขบวนที่เรียบง่าย ทว่าดูเผิน ๆ กลับให้ความรู้สึกคล้ายกองทหารมืออาชีพ
นอกจากผู้เล่นแล้ว ยังมีเอลฟ์หนุ่มสาวจากเผ่าเฟลมอีกสิบกว่าตนที่เข้าร่วมการเดินทัพครั้งนี้
ในขณะเดียวกัน เอลฟ์อีกกว่า 100 ตนจากเผ่าเฟลมก็มารวมตัวกัน ณ เมืองฟลอเรนซ์ ภายใต้การนำของโฟลซิล เพื่อส่งเหล่าผู้กล้า กรีฑาทัพสู่สนามรบ
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ด้วยความช่วยเหลือของผู้เล่น เหล่าเอลฟ์เผ่าเฟลมสามารถตั้งถิ่นฐานในนครฟลอเรนซ์ได้โดยไร้อุปสรรค ทำให้พวกเขารู้สึกขอบคุณเหล่าผู้เล่นจากหัวใจ
แม้ว่าจะมีบางสิ่งที่น่ารำคาญเล็กน้อยตามที่อลิซเคยกล่าวถึง เช่น ผู้ถูกเลือกบ้างก็จับสัตว์มากิน บ้างก็เอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างก็มีตรรกะที่เข้าใจยาก หรือบ้างก็ชอบส่งเสียงดังในยามวิกาล จนทำให้เอลฟ์ไม่ได้พักผ่อนก็ตาม…
แต่โดยรวมแล้ว ผู้ถูกเลือกเหล่านี้กลับแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นและความขยันขันแข็งที่แท้จริง พวกเขาทำงานหนักเพื่ออนาคตของเผ่าเอลฟ์อย่างเต็มที่
แม้แต่เอลฟ์ผู้เคร่งครัดและดื้อรั้นที่สุด ก็ไม่สามารถปฏิเสธถึงความช่วยเหลือ และผลงานอันเป็นประจักษ์ของเหล่าผู้ถูกเลือกได้
เมื่อเห็นนักรบของเทพธิดาที่ดูเหมือนกระจัดกระจายและไม่เป็นระเบียบ แต่กลับแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นและปราศจากความกลัว โฟลซิลก็พยักหน้ากับตัวเองเบา ๆ
ไอ้หนูพวกนี้ ถึงจะดูเงอะงะไปบ้าง แต่พวกเขาคือนักรบของจริง
ความไม่กลัวตาย คือพลังที่น่ากลัวที่สุด…
เมื่อรวมกับพลังในการคืนชีพอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของผู้ถูกเลือก อีกทั้งยังมีมังกรดำ อลิซ และอัลเป็นกำลังสนับสนุน โฟลซิลเริ่มเกิดความรู้สึกว่าพวกเขาอาจเอาชนะเผ่าออร์คที่ปักหลักอยู่ใกล้ป่าเอลฟ์มาหลายปีได้จริง
ผู้นำเผ่าเฟลมหันกลับไปเรียกเอลฟ์ในเผ่ามาตนหนึ่ง เธอรับห่อของบางอย่างมา และส่งต่อให้กับหลี่มู่
“นี่คือวัสดุที่จำเป็นในการสร้างวงเวทเคลื่อนย้าย ข้าได้ยินมาจากท่านอลิซว่าพวกเจ้ากำลังขาดแคลนมันอยู่… เมื่อคืนนี้ พวกเราเลยช่วยกันจัดเตรียมขึ้นมา”
วงเวทเคลื่อนย้าย!
สุดยอดเครื่องมือสำหรับสงคราม!
ดวงตาของลี่มู่เปล่งประกาย
ตามคำบอกเล่าของมังกรดำไมเรลบ ฐานที่มั่นของเผ่าออร์คนั้นอยู่ไกลจากที่นี่มาก หากเหล่าเอลฟ์ต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง แม้จะมีทักษะประจำเผ่าที่ทำให้เดินทางในป่าได้ง่ายขึ้น ก็ยังต้องใช้เวลาถึงยี่สิบวัน
และนั่นยังไม่รวมถึงจำนวนของออร์คที่มีอยู่เป็นพัน ๆ อีกด้วย
กล่าวตามตรง หากไม่มีมังกรดำไมเรลและอลิซร่วมทัพไปด้วย การออกศึกครั้งนี้ของเหล่าผู้เล่นก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย
เลเวลโดยรวมของผู้เล่นยังต่ำเกินไป สิ่งเดียวที่พอจะนำไปสู้กับกองทัพออร์คได้ก็คือความสามารถในการฟื้นคืนชีพ และกลยุทธ์กองทัพมด ที่อาศัยทีมเวิร์กในการหยุดยั้งศัตรู
แต่หากต้องสละชีพกลางฐานของเผ่าออร์คแล้วไปฟื้นคืนชีพที่จุดเกิดใหม่ แน่นอนว่าผู้เล่นจะกลับไปเสริมทัพได้ไม่ทันการณ์
อย่างไรก็ตาม การมีวงเวทเคลื่อนย้ายทำให้สถานการณ์ดังกล่าวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง…
ลี่มู่พยักหน้าให้ลูกเมี้ยวเค็มและนกกาเหว่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
เอลฟ์สาวทั้งสองก้าวเข้าไปหาโฟลซิล และรับวัตถุเวทมนต์เหล่านั้นด้วยความกระตือรือร้น พร้อมกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โฟลซิลโบกมือรับคำขอบคุณอย่างอ่อนล้า พร้อมถอนหายใจเบา ๆ
“ที่พวกข้าทำได้… ก็มีเพียงเท่านี้แหละเจ้าหนู”
แม้เอลฟ์หนุ่มสาวจะมีความกระตือรือร้นอย่างมากต่อศึกครั้งนี้ แต่สำหรับเอลฟ์พื้นเมืองส่วนใหญ่แล้ว พวกเขายังคงรู้สึกไม่ค่อยยินดีนัก การใช้ความรุนแรงยังคงเป็นเหมือนบาปมหันต์ ที่เหล่าเอลฟ์ส่วนใหญ่ต้องการหลีกเลี่ยง
หลังจากได้รับวัสดุสำหรับสร้างวงเวทเคลื่อนย้ายแล้ว ลูกเมี้ยวเค็มก็หันไปเรียกมังกรดำไมเรล
“ท่านไมเรล พวกเราพร้อมแล้วนะ! จะออกเดินทางกันแล้ว!”
ไมเรลจ้องมองผู้ถูกเลือกทั้งสองด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนจะยอมทิ้งตัวลงกับพื้นพลางพึมพำ
“ครั้งนี้จะยอมให้พวกเจ้าขี่ก็ได้ แต่กลับมาต้องย่างเนื้อให้ข้ากินวันนึงนะ… ฮึ สามวันต่างหาก!”
คำพูดของไมเรลทำให้ลูกเมี้ยวเค็มยิ้มกว้าง จนตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
“แค่สามวันเองเหรอ? สัปดาห์นึงยังได้เลย!”
หลังจากพูดจบ ทั้งเธอและนกกาเหว่าก็ช่วยกันขนวัสดุสร้างวงเวทขึ้นหลังมังกรดำไป ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้เล่นคนอื่น ๆ
ไมเรลเปล่งเสียงคำรามเป็นสัญญาณออกตัวดังลั่น พร้อมสยายปีกกว้าง ก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยท่าทางองอาจ…
ทางฝั่งเดมาเซีย เมื่อมองเห็นร่างของมังกรดำค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ จนกลืนหายไปในสายตา เขาก็ได้แต่ถอนหายใจพลางรำพึงกับตัวเอง
“การจะเป็นนักรบมังกรเนี่ย… คงต้องรวยสินะ”
หลี่มู่พลันเหลือบตามองสหายรบ พลางกล่าวประโยคแทงใจ
“เราว่า ถึงนายจะรวยแค่ไหน ก็คงไม่มีวันได้เป็นหรอกครับ”
เดมาเซีย: “…”
“พี่มู่… ช่วยเลิกตอกย้ำตูซักทีได้มั้ย?”
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
T/N: เดมาเซีย… ความฝันการเป็นนักรบมังกรของนาย ดูเหมือนจะยังต้องไปอีกไกลนะคะ ?
…
อ่านแปลไทยได้ที่ https://www.nekopost.net/novel/12413
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~