บทที่ 8 ตอนที่ 27
ณ ช่วงเช้าตรู่ สองวันหลังจากที่ไอริสถูกพ่อบอกเรื่องข้อตกลงระหว่างตระกูล เธอเดินทางไปสถาบันตัวคนเดียว
เมื่อรวมกับท่าทางอันสง่างามอันเป็นทุนเดิมของเธอก็มักจะสดใส แต่ ณ ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวเธอมีบรรยากาศที่หนาวเย็นเหมือนทุ่งน้ำแข็ง
คนที่สัญจรไปมาระหว่างไอริสก็รีบเดินห่างจากเธออย่างรวดเร็วเพราะว่าน่ากลัว
เมื่อเห็นปฏิกิริยาหวาดกลัวของคนรอบข้างไอริสถอนหายใจ
“แบบนี้ไม่ดีเลย สีหน้าของฉันนี่มันดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ……”
เมื่อตระหนักได้ว่าอารมณ์ของเธอแสดงออกมาทางสีหน้าเธอหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้งเพื่อสงบความโกรธ
ทีละเล็กทีละน้อยค่อยๆระงับความโกรธที่มีอยู่ในใจให้ดับลง
ในขณะเดียวกันไอริสก็ปิดกั้นหัวใจเพื่อไม่ให้อารมณ์ครอบงำตัวเธอ
เธอเองก็คุ้นเคยกับการควบคุมอารมณ์ หากอาศัยอยู่ในสังคมขุนนาง ก็มักจะต้องสวมหน้ากากไม่เผยใจจริงออกมา
เมื่อตระหนักถึงจิตใจที่เย็นชาของตัวเองไอริสจึงคิดสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า
“เหตุผลที่พ่อให้ฉันพยายามมาที่สถาบันก็เพราะจะให้โนโซมุมาอยู่ในกำมือของฉันในกรณีฉุกเฉิน จะให้ถูกผู้หญิงคนนั้นชิงตัวไปก่อนไม่ได้……”
เมื่อได้เห็นสภาพของโนโซมุที่โกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้าเผลอปล่อยจิตสังหารใส่ทุกคนก็ทำให้ไอริสเข้าใจได้ว่า สถานการณ์ปัจจุบันอันตรายพอๆกัน
เหนือสิ่งอื่นใด ไอริสเป็นหนี้บุญคุณโนโซมุที่ไม่มีวันชำระได้
ไอริสยังไม่สามารถตอบแทนเขาได้มากพอกับการที่เขาช่วยเหลือน้องสาวของเธอ
การใช้เขาเป็นเหยื่อล่อในสถานการณ์แบบนี้ไอริสไม่อยากจะยอมรับ
เหนือสิ่งอื่นใดความรู้สึกของเธอเองทำให้เธอปฏิเสธที่จะส่งตัวโนโซมุให้เจ้าหญิงแวมไพร์
อย่างไรก็ตามความรู้สึกส่วนตัวไม่สามารถมาปนกับเรื่องภาระของตระกูลที่ต้องแบกรับเอาไว้ได้ เธอต้องทำเช่นนั้นเพื่อปกป้องโซเมีย
ความรู้สึกและความคิดที่สวนทางกันขณะที่เธอยังคงตั้งคำถามไม่รู้จบ ไอริสพยายามส่ายหัวเพื่อเลิกคิด
การเจรจาขั้นตอนสุดท้ายยังไม่เริ่ม
แน่นอนว่าหากการเจรจาประสบความสำเร็จความกลัวของไอริสจะหายไป แต่เธอไม่อยากจะเชื่อว่าหัวหน้าตระกูลวาจาร์ตจะโผล่มาในวินาทีสุดท้าย
วิคเตอร์คิดแบบเดียวกับไอริสและนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าจึงให้ไอริสมาที่สถาบัน
“แต่ฉันควรจะทำยังไงดี จักรวรรดิดิซาร์ตเองก็ไม่มีความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ความสัมพันธ์ของฉันกับตระกูลฟรานซิสยังถูกมองว่าเป็นสิ่งไร้ค่าเลย”
ไม่ว่าจะเจรจากับใครหากไม่ได้มีความสัมพันธ์กันในระดับหนึ่งก็ไม่สามารถใช้ความสัมพันธ์หรือความเกี่ยวข้องโน้มน้าวหรือบังคับอีกฝ่ายได้ ในกรณีของการสร้างพันธมิตรในครั้งนี้ไม่มีอะไรที่มาใช้ต่อรองเพื่อเพิ่มความได้เปรียบได้เลย
“ในตอนแรกเหตุผลที่พ่อส่งเสริมก็เพื่อการค้ากับตระกูลวาจาร์ต……”
วิคเตอร์กล่าวไว้ว่าไม่อยากจะทิ้งความอัปยศที่ถูกสร้างขึ้นเอาไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไอริสก็ได้ทราบจากคนรู้จักของเธอว่าการดำเนินไปตามแผนการนั้นไม่ค่อยราบรื่น
“ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายในจักรวรรดิเคร์มาโซน และความกลัวกับอำนาจการขยายตัวทางทหาร……”
จักรวรรดิเคร์มาโซนตกอยู่ในความวุ่นวายเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายวิทุน ได้กวาดล้างสมาชิกคนสำคัญของฝ่ายคู่แข่ง และดูเหมือนว่าความวุ่นวายภายในจะยุติลงแล้วในขณะนี้
ด้วยเหตุนี้ ประเทศที่มีพรมแดนติดกับจักรวรรดิจึงกังวลว่าสายตาของจักรวรรดิจะหันเข้าสู่โลกภายนอก
ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนจะมีความไม่พอใจจากฝ่ายวิทุนที่เป็นฝ่ายชนะในจักรวรรดิและกระตุ้นความตื่นตัวของประเทศต่างๆ
ปัจจุบันอำนาจของจักรวรรดิเคร์มาโซนและอาณาจักรฟอร์ซิน่าตลอดจนความสมดุลของประเทศฟอร์ซิน่า
อย่างไรก็ตาม เดิมทีจักรวรรดิมีศักยภาพมหาศาลในแง่ของทรัพยากรและประชากร
หากเป็นเช่นนั้น มันอาจเปลี่ยนแปลงอำนาจของทวีปได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าระดับหัวกะทิจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
“ดังนั้นแม้พ่อและราชาจะตัดสินใจสร้างความสัมพันธ์ทางการฑูตกับจักรวรรดิดิซาร์ต……”
ในท้ายที่สุดสาระสำคัญของการเจรจาไม่ใช่ความมั่นคงเพื่อคลามปลอดภัยที่มากขึ้น แต่เป็นความปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตที่เข้ามา
แม้จะใช้คำว่า “ความปลอดภัย” แต่มันมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ด้วยความที่เรื่องมันไปไวไอริสไม่สามารถเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้
“หากนึกถึงแต่ประเทศโดยไม่สร้างความสัมพันธ์กับจักรพรรดิของดิซาร์ตการแข่งขันกับจักรวรรดิมันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะล่มสลายภายในเวลาไม่กี่ปี แต่ไม่คิดว่าวิโทล่าจะยอมทำตามข้อตกลงแต่โดยดี……”
เมื่อนึกถึงภาพตอนวิโทล่าโผล่มาไอริสก็เกือบจะหมดสติ
แม้ว่าเธอจะเป็นที่สนใจต่อสาธารณชน รวมทั้งขุนนางระดับสูง แต่เธอก็ทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นพวกเขาเลย และเธอจะไม่พูดคุยกับคนที่เธอไม่สนใจด้วย การกระทำของเธอนั้นเรียกว่าไม่ไว้หน้าพวกขุนนางเลยก็ว่าได้ ทำตามใจฉบับผู้แข็งแกร่ง
“ยังไงก็ไม่สามารถให้โซเมียและโนโซมุเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเจรจาในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะต้องจบเงื่อนไขการเจรจาโดยไม่มีทั้งสองมาเกี่ยวข้อง……”
เป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการหากว่าการเจรจาล้มเหลว ไอริสจะต้องสัมผัสกับความเจ็บปวดจากการที่เสียคนที่รักหรือน้องสาวที่รัก หรือทั้งสองอย่าง
คำสาบานที่เธอให้ไว้เมื่อเธอยังเป็นเด็กเพื่อปกป้องครอบครัวความปรารถนาของเธอในฐานะผู้หญิงและความรู้สึกในหน้าที่ของขุนนางเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงที่ส่วนลึกของหน้าอก ราวกับว่าเข็มนับพันทิ่มแทงในใจเธอ
“ไม่มีสิ่งที่เรียกว่างดงามหากไม่มีการเสียสละ ต้องมีบางอย่าง หรือบางสิ่ง……”
การเจรจารอบสุดท้ายยังไม่เริ่มขึ้น
เมื่อยกตัวอย่างเหล่านั้น ไอริส พยายามขจัดความหงุดหงิดในใจและความหมองคล่ำบนหน้าเธอ
รู้สึกเหมือนกำลังค้นหาดอกไม้ในป่าที่มืดทึบ
「อรุณสวัสดิ์ ไอ」
เสียงเรียกอันอ่อนโยนดังก้องขึ้นมาขัดจังหวะ
หากเงยหน้าก็จะเห็นทิม่าสวมชุดนักเรียน
ข้างหลังเธอมีเพื่อนๆของเธอซึ่งรวมถึงโนโซมุ
อาจเป็นเพราะคิดถึงโนโซมุมาสักระยะหนึ่ง ทันทีที่ไอริสเห็นคนรักของเธอในสายตาหัวใจของเธอซึ่งควรจะไม่มีอารมณ์มาปะปนกลับสั่นสะเทือนไปด้วยความเจ็บปวดและความเร่าร้อนที่ผุดขึ้น
「อรุณสวัสดิ์ ไอริส」
「อ่า อรุณสวัสดิ์ค่ะ」
พยายามกลั้นหัวใจที่คลั่งรัก ไอริสพยายามทำให้น้ำเสียงของเธอนั้นนิ่งเฉย
สายตาของโนโซมุพยายามมองไปทางด้านข้างของไอริส เมื่อเขาเดินผ่านก็พยายามมองหาโซเมีย แต่วันนี้ก็ไม่เจอเด็กสาวตัวน้อยที่เป็นเหมือนนางฟ้าอีกแล้ว
「โซเมียจังอยู่ไหนเหรอครับ?」
「เอ่อ วันนี้เธอลาหยุดค่ะ โซเมียตกเป็นเป้าหมายของตระกูลวาจาร์ต ดังนั้นพวกเราเลยให้เธออยู่ในคฤหาสน์จนกว่าเหตุการณ์จะสงบลง」
「งั้นเหรอ……」
วิคเตอร์ให้โซเมียหยุดอยู่ที่คฤหาสน์จนกว่าการเจรจาจะสิ้นสุดลง
โนโซมุที่สัมผัสได้ถึงสถานการณ์เนื่องจากคำพูดที่ดูไม่ใส่ใจอะไรก็ทำได้แต่เงียบลงไม่กล้าต่อบทสนทนา
ความเงียบกลืนกินทั้งสองคน
ทั้งโนโซมุและไอริสรู้สึกราวกับเจอหุบเขาไร้ก้นบึ้งอยู่ระหว่างทั้งสองคน
「รีบไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสายเอา」
ด้วยคำพูดของไอริสทำให้ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปยังสถาบัน
โนโซมุและไอริสเดินเคียงข้างกันตามด้วยซีน่า มิมูรุ ทิม่า มาร์ และฟีโอที่ตามหลัง
ขณะที่เดินไปตามถนนหลักไปยังสถาบัน โนโซมุถามคำถามตรงๆกับไอริส
「ไอริส เรื่องการเจรจากับตระกูลวาจาร์ต คือไอริสจะรับมือกับการเจรจากับแวมไพร์ยังไงเหรอครับ?」
สิ่งที่โนโซมุหงุดหงิดที่สุดคือสี่ขุนนางใหญ่ที่มาสร้างความสัมพันธ์ทางการฑูตกับแวมไพร์ได้จริงหรือ
「ในความเป็นจริงหัวหน้าตระกูลในอดีตได้ทำข้อตกลงกันหลายกว่าร้อยปีแล้ว แต่ตอนนี้อาจจะเป็นไปไม่ได้……นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้ค่ะ」
ในทางกลับกันไอริสตอบโนโซมุด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
ขณะที่โนโซมุและคนอื่นๆมีสีหน้างงๆไอริสเริ่มพูดถึงสถานะของแวมไพร์พร้อมกับตั้งคำถาม
「โนโซมุและคนอื่นๆคิดว่าลักษณะของแวมไพร์ส่วนใหญ่เป็นยังไง?」
「เอ่อปกติก็ดูดเลือด? และเป็นเผ่าพันธ์ุที่ทรงพลังที่สามารถเปลี่ยนร่างกายให้เป็นค้างคาวและมีความสามารถในการฟื้นฟูและพลังเวทย์เยอะ?」
「นอกจากนี้ยังสามารถทำให้คนกลายเป็นพวกได้ด้วย」
「นั่นสินะคะ พูดแบบนั้นก็คือลักษณะทั่วไปของแวมไพร์ส่วนใหญ่」
ไอริสพยักหน้าเงียบๆเพื่อยืนยันสิ่งที่มาร์และคนทางด้านหลังพูด
แวมไพร์นั้นมีประวัติที่น่ากลัว สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นทาสได้
เพราะฉะนั้นตัวตนนี้จึงไม่ได้รับการยอมรับจากมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ไม่มีใครยอมรับในทวีปอาร์คมีล
ในความเป็นจริง ยังมีเรื่องราวในหมู่บ้านและเมืองต่างๆทั่วโลกที่มนุษย์ถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นแวมไพร์ และพวกนักบุญที่กำจัดแวมไพร์
「……แล้วเคยเจอแวมไพร์คนอื่นๆนอกจากตระกูลวาจาร์ตไหมคะ?」
「เอ่อ ไม่เลย……」
คำตอบของโนโซมุทำให้ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยยกเว้นไอริส
มาร์ซึ่งเดิมอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแถวชานเมืองเหมือนโนโซมุและซีน่าที่รอดพ้นจากการรุกรานครั้งใหญ่ และแม้แต่เผ่ามนุษย์สัตว์อย่างมิมูรุและฟีโอก็ไม่มีใครเคยเจอแวมไพร์
「ก็คงจะแบบนั้นล่ะ มีคนน้อยมากที่ได้พบกับแวมไพร์จริงๆมันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลยใช่ไหมล่ะ ท้ายที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งจักรวรรรดิดิซาร์ตแวมไพร์ส่วนใหญ่ก็หายไป
นอกจากนี้เหตุผลหลักๆที่ทำให้แวมไพร์โดนรังเกียจเพราะชอบ”ดูดเลือดและเปลี่ยนคนเป็นพวกเดียวกัน”อย่างไรก็ตาม การศึกษาของอาคาร์ซัมนั้นวิจัยให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ได้โดนรังเกียจ หรือ กีดกัน」
「……เอ๋?」
「การวิจัยเรื่องนั้นได้ถูกตีพิมพ์เอาไว้ว่าแวมไพร์ไม่ได้จงใจทำให้ผู้คนกลายเป็นพวกและทฤษฏีที่จะแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นพวกก็โดนหักล้างไปด้วย」
ข้อเท็จจริงที่ว่าแวมไพร์ไม่สามารถทำให้มนุษย์กลายเป็นแวมไพร์ได้นั้นน่าตกใจ
ถ้าเป็นเช่นนั้น นั่นหมายความว่านิทานเก่าแก่นั้นต่างจากข้อเท็จจริง
「แต่ว่ามันก็มีในห้องสมุดนะเกี่ยวกับเรื่องนั้น……」
ในขณะเดียวกันทอมก็ตั้งคำถาม
เขามักจะค้นคว้าข้อมูลในห้องสมุดและแหล่งข้อมูลอื่นๆรวมถึงคำอธิบายเกี่ยวกับแวมไพร์
และหนังสือเล่มนั้นเมื่อพูดถึงแวมไพร์ พวกเขาจะเปลี่ยนใครก็ตามที่ดูดเลือดให้กลายเป็นแวมไพร์
「นั่นมันก็แค่ข้อมูลเก่าๆที่หลายๆประเทศได้รวบรวมกันมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกสารล่าสุดนั้นจะถูกแยกออกจากห้องสมุดจึงไม่ค่อยได้มีการอัพเดทฐานข้อมูล ส่วนใหญ่จะอยู่ที่สถานวิจัยมากกว่า」
อย่างไรก็ตาม ไอริส ปฏิเสธคำพูดของทอมอย่างตรงไปตรงมา
อาคาร์ซัมเป็นที่ตั้งของสถาบันวิจัยชั้นนำในทวีปอาร์คมีล นั่นคือสถาบันกลอว์รัม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยล่าสุดวิจัยอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในบางกรณี ข้อมูลส่วนใหญ่จะไม่ได้เอามาไว้ที่ห้องสมุดแต่เก็บไว้ที่สถาบัน
「ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้นับตั้งแต่การก่อตั้งจักรวรรดิดิซาร์ต แวมไพร์นั้นเก็บตัวอยู่ในดินแดนดังนั้นงานวิจัยจึงไม่คืบหน้า และข้อมูลเหล่านั้นก็ไม่ค่อยได้อัพเดทจึงไม่มีความน่าเชือถือ」
ห้องสมุดของสถาบันที่รวบรวมจากหลากหลายประเทศ แต่ตามที่ไอริสกล่าวมันเป็นข้อมูลที่ไม่แน่นอน
「ในตอนแรกเลือดนั้นเป็นอาหารหลักของพวกเขา แต่ถ้ากลายเป็นแวมไพร์ทุกครั้งที่ดูดเลือดในที่สุดก็จะไม่มีเลือดให้บริโภค?」
คำพูดของไอริสทำให้ทุกคนที่อยู่ในนั้นเชื่อมั่น
หากทุกครั้งที่ดูดเลือดและทำให้อีกฝ่ายเป็นแวมไพร์ ในที่สุด แวมไพร์ก็จะไม่มีอะไรให้กินและจะสูญพันธุ์ไป
「กล่าวอีกนัยหนึ่ง จะกลายเป็นแวมไพร์หรือไม่นั้นสามารถระบุได้ระดับหนึ่ง?」
「เข้าใจแล้ว การทำให้คนเป็นแวมไพร์นั้นเข้าใจได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทั้งพ่อและราชาสามารถพูดคุยกันได้」
ไม่ว่าแวมไพร์นั้นจะสามารถควบคุมในการทำให้อีกฝั่งเป็นพวกได้หรือไม่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
นี่เป็นเพราะอาคาร์ซัมได้รวบรวมข้อมูลจากทั่วทุกพื้นที่มาวิจัยและตรวจสอบความไม่สอดคล้อง
「เหตุใดจึงมีเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์ทำให้มนุษย์กลายเป็นแวมไพร์ด้วยกันแพร่กระจายไปทั่ว?」
「ดังที่เจ้าหญิงแวมไพร์กล่าวว่าเป็นเพราะอาการ “เมาเลือด” นั่นก็จะทำให้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สามารถทำให้คนเป็นแวมไพร์ได้ ในกรณีนี้ยังคงต้องอยู่ในการศึกษาต่อไป」
แม้ว่าจะพูดคุยกันได้ตามปกติ แต่จะสามารถตกลงกันได้ไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ความเงียบก็ปกคลุม
โนโซมุและไอริส ยืนข้างกันขณะมุ่งหน้าไปยังสถาบัน แต่ก็ยังมีบรรยากาศกดดันระหว่างทั้งสอง
ในที่สุดโนโซมุก็ทนไม่ไหวและเริ่มพูด
「ไอริส เรื่องการเจรจากับตระกูลวาจาร์ตจะเริ่มเมื่อไหร่เหรอ?」
「……อีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า จะจัดขึ้นที่คฤหาสน์ของฉัน คนรับใช้ทุกคนจะถูกนำออกจากคฤหาสน์ยกเว้นมีน่า」
「หนึ่งสัปดาห์ งั้นเหรอ」
「ใช่ พวกเราใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว ดังนั้นก็ไม่น่าจะต้องรอนานจนเกินไป……」
กล่าวกันได้ว่าสถานที่เจรจาได้ถูกตกลงและวันเวลาได้ถูกนัดแนะเรียบร้อย
แต่คราวนี้มีเจ้าหญิงแวมไพร์เข้ามาเกี่ยวข้อง
โนโซมุไม่รู้เลยว่าเธอคนนั้นจะทำอะไร
มีเพียงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีคืบคลานไปตามกระดูกสันหลังของเขา
「ไอริส ให้ผมดูแลโซเมียให้ในขณะที่พวกเธอทำการเจรจาจะดีกว่าไหม?」
「เอ๊ะ?」
ราวกับว่าทำให้เธอตื่นตัวโนโซมุพูดอะไรสุ่มเสี่ยงออกมา
คำพูดที่ราวกับจะขัดจังหวะหลุดออกมาจากใบหน้าอันร้อนรน
「กระดิ่งที่ไอริสขอให้ผมทำให้วันนี้ผมจะไปหลอมมันขึ้นมาและมอบให้ในวันรุ่งขึ้น นั่นคือตอนที่ผมจะพาโซเมียมาดูแลและผมจะคอยปกป้องเธอในช่วงที่ เธอทำข้อตกลงกันอยู่ โอเคไหม?」
ข้อเสนอของโนโซมุเป็นการกระทำที่ประมาทอย่างมาก
นั่นเพราะจิฮัดบอกให้เขาอยู่ห่างจากตระกูลฟรานซิส และจะไม่ให้ความช่วยเหลืออะไรแก่ตระกูลฟรานซิสเลยในการเจรจา
ในทางกลับกันสำหรับตระกูลฟรานซิสเรื่องนี้ขึ้นกับความเป็นความตาย
อาคาร์ซัมแม้จะเป็นสถานที่ๆใช้ในการเจรจา แต่จะไม่ให้ความร่วมมืออะไร เว้นแต่จะเป็นข้อเสนอจากทางตัวโนโซมุเอง
โนโซมุไม่เชื่อฟังคำเตือนของจิฮัดและครอบครัวฟรานซิสสามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้
ในความเป็นจริงไอริสก็พอจะเข้าใจเหตุผลที่วิคเตอร์บอกให้ไอริสไปที่สถาบันก็เพื่อขอความช่วยเหลือจากตัวโนโซมุ
「เป้าหมายของตระกูลวาจาร์ตคือโซเมีย ดังนั้นถ้าผมอยู่ที่นั่นได้ก็จะสามารถปกป้องเธอได้หากมีปัญหา……」
สำหรับตระกูลฟรานซิสเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี
แต่ว่าข้อเสนอนี้ไม่มีอะไรมากกว่าไปกระตุ้นความร้อนใจในตัวไอริส
ความขัดแย้งได้จุดประกายขึ้นในอกของเธออีกครั้ง
แม้ว่าเธอจะพยายามห้ามความคลั่งรักนี้ แต่เธอก็เหมือนจะอดกลั้นมันไม่ได้และแทบจะแสดงออกทางสีหน้าออกมา
ไม่ว่าเธอพยายามจะทำตัวสงบมากแค่ไหนแต่จิตใจของเธอในตอนนี้นั้นยุ่งเหยิงไปหมด
「โนโซมุ นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกนะคะ ไม่ใช่ว่าท่านจิฮัดบอกว่าอย่ามายุ่งกับฉันไม่ใช่เหรอไงคะ?」
คำพูดที่ออกมาจากปากเธอคือการปฏิเสธข้อเสนอของโนโซมุ
เธอเกลียดตัวเองที่จะพยายามเอารัดเอาเปรียบโนโซมุในฐานะขุนนาง
คนที่ประหลาดใจกับการกระทำนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวเธอเอง
ในฐานะสมาชิกของตระกูลฟรานซิสเธอจะต้องหยิบเขามาใช้งาน ไม่ใช่การปฏิเสธตัวเขา
ในฐานะของขุนนางเธอได้ระงับอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้และพยายามเอาเหตุผลเหนืออารมณ์
ดังนั้นยังไม่สายเกินไปที่เธอจะยอมรับข้อเสนอของโนโซมุ
「……แน่นอนว่าจิฮัดได้บอกกับผม แต่ผมน่ะ」
「หากโนโซมุและคนอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ มันจะขัดกับการตัดสินใจของสถาบัน หากเป็นแบบนั้น อำนาจของอาคาร์ซัมจะสั่นคลอน
เพราะงั้นอย่าได้ทำแบบนั้นเลยนะ……」
แม้ว่าเธอจะอ้อนวอนด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ แต่เธอก็พยายามปฏิเสธโนโซมุสุดใจ
แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่การปฏิเสธอย่างจริงใจเพราะใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสิน
เขาน่ะไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆการปฏิเสธแบบครึ่งๆกลางๆทำอะไรเขาไม่ได้ ต่อให้โดนกดขี่ก็จะไม่ท้อถอย
หากอยากจะหยุดเขาจริงๆ จะต้องปฏิเสธจากใจจริง
ยิ่งเธอใช้อารมณ์ตัดสินใจมากเท่าไหร่ตัวเขาก็จะยิ่งอยากปกป้องไอริสมากขึ้น
นั่นคือสิ่งที่เขาทำโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง
สิ่งนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดสำหรับเธอ
ไอริสไม่เข้าใจแล้วว่าตัวเธอทำอะไรอยู่
มีเพียงคำพูดที่เงียบสงบ แต่เต็มไปด้วยอารมร์
「ถึงแบบนั้นก็เถอะ!」
「โนโซมุ พอทีเถอะ」
「……เอ๊ะ?」
「ฉันบอกว่า “พอแล้ว” ไง ลืมสิ่งที่ฉันพูดไปเถอะนะ และก็เรื่องกระดิ่งนั่นก็ด้วยลืมมันไปซะเถอะ」
ในที่สุดเธอก็พยายามตัดความสัมพันธ์กับเขาเพื่อระงับทุกอย่าง
คำพูดของโนโซมุที่พูดออกไปนั้นถูกทำลายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์และเย็นชา
สีหน้าของไอริสไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆและโนโซมุก็พูดไม่ออก
ไอริสในฐานะขุนนาง และไอริสในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอปิดกลั้นหัวใจที่คลั่งรัก แช่แข็งความคิดและความรู้สึกพยายามบดขยี้สิ่งเหล่านี้ให้กลายเป็นผุยผง
ภาพของไอริสที่ดูไร้ซึ่งชีวิตชีวาทำให้โนโซมุรู้สึกทรมานใจอย่างมาก
「ไอริส รอก่อนสิ……」
จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้
โนโซมุรู้สึกถึงอันตรายในดวงตาของเธอเมื่อพยายามเข้าใกล้ไอริส เธอแยกตัวออกห่างจากเขาและเดินจากไปด้วยความรวดเร็ว
「ตอนนี้มันคือช่วงเวลาสำคัญของพวกเราทั้งคู่ ฉันว่าพวกเราควรรักษาระยะห่างกันดีกว่านะ……」
เธอพูดออกมาแบบนั้นพร้อมกับก้าวไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่เร็วขึ้น
“ฉันมันเป็นผู้หญิงที่ไม่หนักแน่น ขัดแย้งในตัวเอง(ซึนเดเระ) และเห็นแก่ตัว……”
เมื่อรู้สึกถึงสายตาอันสับสนของโนโซมุไอริสค่อยๆใช้นิ้วทาบบนลงริมฝีปากของเธอ
เธอจำเวลาที่เธอและโนโซมุจูบกัน
ตอนที่โนโซมุช่วยลิซ่าเขาก็โคม่าอยู่หลายเดือนทำให้ไอริสฉวยโอกาสจูบโนโซมุตอนที่กำลังโคม่า
ไอริสเองได้ตระหนักถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อเขามานานแล้ว
เธอคลั่งรักเขามากจนไม่สามารถจะเบือนหน้าหนีจากเขาได้เลย
“แต่ว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะเป็นภัยต่อโนโซมุ……”
เธอไม่สามารถละทิ้งความปรารถนาที่อยากจะปกป้องโซเมียและความชอบที่มีต่อโนโซมุได้
ในกรณีนี้ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากทุ่มเททุกสิ่งที่มีเพื่อปกป้องทั้งสองเอาไว้
ไม่ใช่ในฐานะหัวหน้าตระกูลของฟรานซิส เธอกลืนความขัดแย้งลงไปในลำคอและตัดสินใจหักห้ามความรู้สึกเอาไว้เพื่อรักษาคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับแม่ของเธอ
เธอเหลือบมองเขาอยู่ชั่วครู่และจ้องมองใบหน้าของคนที่เธอรัก
ภาพของเขาที่กำลังกำหมัดแน่นด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวด
“จริงๆแล้วฉันอยากจะได้ของขวัญจากโนโซมุจริงๆ……”
ไอริสพยายามกลบความรู้สึกที่มีต่อเขาด้วยการสวมหน้ากากน้ำแข็งที่เยือกเย็น
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
จ้องมองไปทที่ด้านหลังของโนโซมุที่กำลังตกตะลึง มิมูรุกระซิบกับซีน่า
「ซีน่า ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้วนะ?」
「โอกาสเหรอ……」
「ก็เห็นๆแล้วนี่รีบลงมือสิ」
「…………」
เมื่อตระหนักถึงคำพูดของมิมูรุ ซีน่าตอบด้วยท่าทางงงๆ แต่มิมูรุก็มองไปทางซีน่าราวกับจะบอกว่า “โอกาสทำแต้มมาถึงแล้ว”
แม้จะมองผ่านกันเพียงไม่กี่วินาที
เมื่อรู้ถึงข้อเสนอของมิมูรุ ซีน่าจึงหันกลับไปเดินต่อตามทางเดินอีกครั้ง
「เฮ้อ ยัยบ้าเอ้ยถ้าไม่รีบลงมือเดี๋ยวก็โดนแย่งไปจริงๆหรอก……」
ด้วยน้ำเสียงแห่งความขุ่นเคืองต่อทัศนคติของเพื่อนสนิทที่ดื้อรั้นและไม่ยอมรุกเข้าหาคนที่ชอบ มิมูรุยังคงมองหลังซีน่าต่อไป
ใกล้จะจบขึ้นเรื่อยๆอีกประมาณ 19 ตอนมั้งครับ น่าจะจบภายในเดือน 10 นี่ละถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
สนับสนุนผู้แปลได้ที่ QR Code ข้างล่าง หรือเลขบัญชี108-0-77984-1 กรุงไทย ครับ
ลงให้อ่านแค่สองที่เท่านั้นคือ Goshujin.tk กับ Nekopost อ่านจากที่อื่นไม่มีภาพประกอบเพราะโดดดูดไปลงนั่นเอง