[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ 96 [3] รางวัลและการเพาะปลูก [Part 5]

ตอนที่ 96 [3] รางวัลและการเพาะปลูก [Part 5]

 

ถึงไร่จะถูกพรวนดินเรียบร้อย แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกซักพักนึงเลยกว่ามันจะออกมาเป็น [ไร่] จริงๆ

ระหว่างนั้น ฉันก็ทำการคัดแยกบรรดาสมุนไพรที่ยังรอดชีวิตจากการบุกโจมตีของพวกเฮล เฟลม กริซลีมาได้ ตัดแต่งเพื่อปักกิ่งพวกมัน ไปจนถึงขั้นขอให้อาจารย์ช่วยหาเมล็ดพันธุ์ให้หน่อยเลย

แถมฉันยังต้องจัดการงานที่หมักหมมเอาไว้ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ด้วย เรื่องปกติล่ะนะ

ซึ่งนั่นมันก็ยากอยู่แล้ว

 

จริงๆ ตอนที่ฉันออกไปรอบนี้ ฉันเพิ่มตู้เย็นตู้ใหญ่เอาไว้ในโกดังของร้านเราด้วย แน่นอน จุดประสงค์ของมันก็คือใช้เก็บวัตถุดิบของร้านที่รับซื้อเข้ามาเอาไว้ชั่วคราวระหว่างที่ฉันไม่อยู่

เพราะก่อนจะออกไป ฉันบอกเอาไว้แล้วว่าจะไม่อยู่ 2-3 วัน ฉันเลยคิดว่าวัตถุดิบไหนที่โลเรียจังประเมินไม่ได้ก็ให้ปฏิเสธไม่ต้องรับซื้อมา

แต่ว่า จะปล่อยให้วัตถุดิบที่ลำบากยากเย็นกว่าจะได้มาต้องเสียเปล่ามันก็ไม่ดี ฉันเลยตัดสินใจสร้างตู้เย็นขึ้นมาเพื่อจะชะลอการเน่าเสียได้ระดับนึง แล้วก็ตกลงรับวัตถุดิบจากกลุ่มลูกค้าประจำได้ ภายใต้เงื่อนไขที่จะไม่มีการบ่นภายหลัง

จะว่าไป ในบรรดาอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ก็มีเครื่องมือเก็บของที่สามารถหยุดการสูญสลายได้อย่างสมบูรณ์เลยเหมือนกันนะ เพียงแต่ว่ามันเกินเอื้อมจากฉันตอนนี้ไปมากโขเลย เพราะฉะนั้น ฉันเลยเตรียมตู้เย็นที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดขึ้นมาแทน

โชคดีจังที่เรามีเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเป็นวัตถุดิบให้ใช้เยอะเลยล่ะ ว่ามั้ย?

แค่ทำให้พวกวัตถุดิบเย็นลงอย่างเดียวนี่ก็ดีกว่าจะปล่อยมันทิ้งเอาไว้ในอุณหภูมิห้องท่ามกลางฤดูร้อนที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้เยอะเลยล่ะ ตอนที่ฉันกลับมาถึง แล้วเปิดตู้เพื่อดูสภาพของวัตถุดิบ มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่ฉันกลัวเลย

แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยล่ะว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเก็บรักษาเอาไว้ในระยะยาว

ฉันจัดการกับพวกมันทั้งหมด ประเมินราคารับซื้อ แล้วรีบเตรียมของอย่างด่วนเผื่อให้ทุกคนที่มาในครั้งต่อไปจะได้รับเงินจ่ายตามเหมาะสม

 

“เอาล่ะ โลเรียจัง นี่คือปริมาณของที่เรารับซื้อ รายการของคนที่ต้องจ่ายให้ แล้วก็เงินนะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ แต่ว่า… เงินนั่นมันเยอะเลยใช่มั้ยคะ?”

 

โลเรียจังยกถุงหนังที่ฉันวางเอาไว้บนเคาน์เตอร์เสียงดัง *ปึก* อย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอาไปแอบไว้หลังเคาน์เตอร์

ถึงเธอจะทำงานที่นี่มาได้นานประมาณนึงแล้ว แถมก็ควรจะคุ้นเคยกับการถือเงินจำนวนมากๆ ได้แล้วแท้ๆ แต่ดูเหมือนการต้องรับมือกับเงินขนาดนี้ก็ยังทำเอาเธอกังวลไม่หายเลยสินะ ทั้งๆ ที่คุ้นเคยกับงานแล้วก็จริง แต่หน้าก็ยังตึงไปหมดอยู่เลย

 

“ก็ปริมาณของ 1 สัปดาห์เลยนี่ เงินทุนที่ฉันมีอยู่ลดลงไปประมาณนึงเลย เพราะฉะนั้น ฉันก็ต้องไปหาเงินมาซักหน่อยแล้วล่ะ”
“ยังงั้นเหรอคะ?”
“อื้ม ช่วงนี้ ฉันเน้นสร้างของที่ขายไม่ค่อยได้ออกมาน่ะ”

 

เพื่อจะเพิ่มระดับของตัวเอง ฉันก็เหลือแค่สร้างของอีกนิดหน่อยก็จะขึ้นเล่มที่ 5 ได้แล้ว แต่ต่อให้จะทำแบบนั้นไปก็ไม่ได้แปลว่าจู่ๆ จะมีกองเงินกองทองลอยมาตกหน้าร้านฉันซักหน่อยนี่นะ

กลับกัน เงินจะยิ่งไหลออกไปเพื่อไปซื้อวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการสร้างของพวกนั้นแทนซะอีก

เพราะแบบนั้นล่ะนะ เรื่องการขึ้นเล่มต่อไปคงต้องเอาไว้ก่อน แล้วฉันควรจะเน้นไปที่การสร้างของที่ขายได้ดีแทนจะดีกว่า

 

“จะว่าไป แล้วเรื่องเต็นท์ล่ะ? เหมือนเราจะได้รับคำสั่งซื้อมาประมาณ 2-3 อันเลยใช่มั้ย?”
“ค่ะ ฉันกับพวกคุณป้าในหมู่บ้านก็ช่วยกันทำอยู่… แต่มันใช้เวลานานกว่าที่กะเอาไว้ซะอีก คิดว่าส่วนนึงน่าจะเพราะฉันไม่คุ้นกับการเย็บแผ่นหนังนะคะ แต่ก็ดูเหมือนทุกคนก็ค่อนข้างจะยุ่งๆ กันอยู่ด้วย… ฉันเองก็พยายามอยู่เหมือนกันค่ะ”
“อ่า คุณเอรินก็พูดถึงเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันนี่นะ เรื่องขาดแคลนแรงงงานน่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก”

 

ฉันปัดมือไปมาเพื่อปลอบใจโลเรียจังที่ดูรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันก็รู้สึกแย่กับพวกลูกค้าที่ต้องรอของนะ แต่ก็ต้องรับให้ได้ด้วยเหมือนกันว่าในหมู่บ้านนี้ไม่มีช่างทำของพวกนี้โดยเฉพาะอยู่ซักคนเลย

ที่ร้านของอาจารย์มีโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ที่สามารถยึดผืนหนังเข้าด้วยกันอยู่นะ ถ้าใช้ของพวกนั้น งานนี้ก็จะง่ายขึ้นมากเลย… แต่อย่างน้อย จากที่อ่านถึงเล่ม 4 นี่ โพชั่นนั้นก็ยังปรุงไม่ได้ล่ะนะ ท่าทางเจ้านั่นจะเป็นของระดับสูงน่าดู

เอาเถอะ เพราะมันเหมือนกับการรวมแผ่นหนังเข้าด้วยกันมากกว่าการเชื่อมเข้าหากันล่ะนะ ก็เข้าใจได้อยู่ว่าทำไมมันถึงปรุงยากขนาดนั้น จากการที่ทำให้มองเห็นแวบแรกก็เหมือนกับหนังนั่นเป็นผืนเดียวกันได้เลยน่ะ

 

“แต่ว่า มีคำสั่งซื้อเต็นท์เพิ่มอีกด้วยนะคะ…”
“…งั้นเหรอ?”
“ค่ะ ดูเหมือนข่าวลือนั้นจะแพร่กระจายออกไปในหมู่คนที่ซื้อเต็นท์นี้ไปแล้ว โดยเฉพาะช่วงหลังนี้ที่มีหลายๆ คนเลือกจะค้างแรมข้างนอกเพราะขาดที่พักอยู่นะคะ พวกคุณปู่เกเบิร์กก็กำลังทำงานสร้างบ้านเช่าใหม่ๆ กันหนักเลยล่ะค่ะ…”
“อ่า พวกเขาก็ยุ่งอยู่กับการซ่อมบ้านที่เสียหายจากการถูกบุกครั้งล่าสุดอยู่เลยด้วยนี่นะ”
“เรียวกังของคุณดีรัลก็ด้วยใช่มั้ยคะ? ที่คุณซาราสะเอาเงินไปให้”
“นั่นสินะ เราไปเพิ่มความจุขึ้นมาแบบปุบปับไม่ได้หรอก”

 

ปัญหาคือคุณเกเบิร์กเป็นช่างไม้มืออาชีพคนเดียวเลยเนี่ยสิ แต่ดูเหมือนการขาดแคลนวัตถุดิบในการก่อสร้างเองก็เป็นอีกปัญหาด้วยเหมือนกัน

แน่นอนว่าเราสั่งของมาจากเซาว์ท สแตรกก็ได้ แต่ในหมู่บ้านนี้น่ะ ความต้องการซื้อมันน้อยมากๆ เลยเนี่ยสิ

ถ้าซื้อมามากกว่าที่จำเป็น อาจจะกลายเป็นว่ามีของเหลือค้างทิ้งเอาไว้นานก็ได้ เพราะแบบนั้นแหละ มันเลยยากที่จะสั่งซื้อของมาก่อนจะกำหนดจุดประสงค์ในการซื้ออย่างแน่นอนได้แล้ว

ตัดสินใจจะสร้างบ้าน, คำนวณดูวัตถุดิบที่จำเป็นทั้งหมด, สั่งของมาจากเซาว์ท สแตรก, รอให้ของมาส่ง, แล้วถึงจะดำเนินการก่อสร้าง ― เลี่ยงไม่ได้หรอกที่ทั้งหมดนี่ต้องใช้เวลานาน

 

“ว่าแต่ คนเพิ่มขึ้นมามากขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันไม่รู้สึกว่าจะมากขนาดนั้นเลยนะ”
“คุณซาราสะ ช่วงนี้คุณไม่ได้ออกไปดูในหมู่บ้านเลยใช่มั้ยล่ะคะ? คนน่ะเยอะคนจนเห็นได้ชัดเลยนะคะ คนมาที่ร้านก็เยอะขึ้น แถมหน้าใหม่ๆ ก็เยอะขึ้นเหมือนกันค่ะ”
“อ่า เป็นแบบนั้นหรอกเหรอ?”

 

โลเรียจังมองฉันอย่างเหนื่อยใจนิดหน่อย ซึ่งฉันก็ตอบกลับด้วยการยิ้มแห้งๆ

โลเรียจังน่ะคอยรับผิดชอบเรื่องซื้อข้าวของจิปาถะ

แล้วเธอก็ทำอาหารให้ด้วย ฉันเลยไม่มีความจำเป็นต้องไปทานที่ร้านของคุณดีรัลเลย

รวมทั้งเรื่องการดูแลร้านด้วย โลเรียจังตอนนี้สามารถประเมินวัตถุดิบที่เหล่าบรรดาหน้าใหม่นำเข้ามาขายได้แล้วโดยที่ฉันไม่จำเป็นต้องออกมาประเมินก่อนรับซื้อเลย

ถ้าร้านเราอยู่ตรงใจกลางหมู่บ้าน ฉันก็อาจจะสังเกตเห็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมามากขึ้นก็ได้นะ แต่นี่เราอยู่ตรงชายขอบหมู่บ้านเลยนี่นา

อาจจะเพราะแบบนี้แหละ เลยไม่มีโอกาสให้ฉันได้สังเกตเลยว่ามีจำนวนคนเพิ่มขึ้นมาเลย

 

“…สงสัย ฉันคงควรจะเข้าไปดูในหมู่บ้านบ้างนานๆ ทีสินะ? ถึงจะไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นเท่าไหร่ แต่ไปทักทายกันบ้างก็ดีอยู่นะ”

 

ฉันเจอกับเพื่อนบ้านอย่างคุณเอลลิสบ่อยอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็ไม่ได้เจอคุณดีรัลนานแล้วเหมือนกัน อืม… ตั้งแต่ตอนที่เราคุยกันเรื่องการขยายเรียวกังเลยล่ะมั้ง?

แน่นอนว่าคุณดีรัลก็ยุ่งกับการทำงานในเรียวกังเธอจะแย่อยู่แล้ว ไม่ต้องหวังให้เธอมาที่ร้านฉันหรอก

 

“แบบนั้นดีกว่าค่ะ จะอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลาแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพหรอกนะคะ… ถึงบางครั้งคุณจะออกไปข้างนอกอยู่แล้วนี่ ใช่มั้ยคะคุณซาราสะ?”
“อื้ม ฉันยังต้องฝึกดาบด้วยล่ะนะ แล้วเร็วๆ นี้ ฉันก็เริ่มออกไปสอนการเพาะปลูกสมุนไพรด้วย”

 

เพราะมีเรื่องต้องทำเยอะแยะไปหมด จะหาช่วงที่มีอารมณ์อยากเดินเล่นไปเรื่อยในหมู่บ้านแบบไม่มีจุดหมายอะไรก็ยากแล้วล่ะ

จริงๆ ถ้าคนที่ยังเด็กๆ อย่างฉันจะเดินไปเดินมาระหว่างวันไม่ยอมทำการทำงานล่ะก็ สายตาจากบรรดาชาวบ้านที่ต้องทำงานกันอย่างหนักก็คงทำเอาไม่สบายใจแน่ๆ เลย

 

“คุณซาราสะยุ่งอยู่ด้วย ก็คงช่วยไม่ได้หรอกค่ะ แล้วก็ เรามีคำสั่งซื้อตู้เย็นตู้เล็กๆ ด้วยนะคะ”
“เอ๊ะ? งั้นเหรอ? จากคนในหมู่บ้านน่ะนะ?”

 

ถ้าชาวบ้านที่ไม่มีเงินในกระเป๋าให้หยิบใช้ได้คล่องมืออะไรขนาดนั้น จู่ๆ ก็มีเงินพอจะแบ่งมาซื้อตู้เย็นได้เลยงั้นเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็น่าตกใจอยู่นะ…

 

“เปล่าค่ะ เป็นคำสั่งซื้อมาจากนักเก็บสะสมบางคน พวกเขาไปดื่มเหล้าเย็นๆ มาจากร้านคุณดีรัล แล้วก็เลยอยากจะได้ตู้เย็นบ้างซักอันค่ะ เพราะยังไงช่วงนี้ก็ร้อนด้วย”
“จะว่าไป ฉันก็ส่งไปที่ร้านด้วยตู้นึงนี่นะ”

 

เหมือนว่าถ้าจ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย พวกเขาจะมีเหล้าเย็นๆ เสิร์ฟให้ด้วยนะ

นักเก็บสะสมที่พยายามจะสั่งไปนั่น ดูแล้วก็น่าจะ ‘เอาไปใช้เอง’ นั่นแหละ

เครื่องดื่มเย็นๆ ในวันร้อนๆ น่ะ ใครเล่าจะอดใจไหว

ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็จริง แต่ก็เข้าใจความรู้สึกอยู่นะ ขนาดแค่น้ำเปล่าๆ ก็ยังอร่อยได้เลย

 

“ได้เขียนเอาไว้เรียบร้อยแล้วหรือเปล่าคะ? ฉันยังไม่เห็นเลย”
“อูว คือ ฉันยุ่งนิดหน่อยน่ะ…”

 

ปกติ โลเรียจังจะจดรายการบัญชีของร้านเอาไว้อย่างพิถีพิถันอยู่ตลอดเลยนะ

ถ้าลองตรวจดู ยังไงก็ต้องรู้อยู่แล้ว

ฉันหลบสายตามาอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนจะกระแอมขึ้นมา

 

“อะแฮ่ม อืม ไว้เดี๋ยวฉันทยอยทำนะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ แล้วก็ ถ้ามีอะไรฉุกเฉิน เดี๋ยวฉันบอกให้แบบปากเปล่านะคะ ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้”
“ขอบใจนะ พึ่งพาได้จริงๆ เลย คิดถูกจริงๆ ที่จ้างโลเรียจังมาแบบนี้น่ะ”
“ม- ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ…”

 

พอฉันบอกความรู้สึกออกไปตามตรง โลเรียจังก็เขินขึ้นมานิดหน่อย เธอยกมือขึ้นปิดปาก เบือนหน้าหนีไปอย่างอายๆ

แต่เอาจริงๆ โลเรียจังก็เป็นคนมุ่งมั่นมากจนแทบไม่อยากเชื่อเลยล่ะว่าเธอยังเป็นเด็กอยู่ เธอเก่งเรื่องการคำนวณใช้ได้ แล้วก็ยังใฝ่รู้ด้วย เพราะแบบนั้นแหละฉันถึงปล่อยให้เธอดูแลร้านได้อย่างมั่นใจ

ไม่ได้คาดหวังไว้ว่าเธอจะต้องทำอะไรได้ขนาดนั้นหรอก แต่ความสามารถของเธอก็เกินกว่าที่ฉันจินตนาการเอาไว้น่าดูเลย

อาจจะเป็นชะตาต้องกันก็ได้นะ?

มาลองคิดๆ ดูแล้วนี่ หลายๆ คนรอบตัวฉัน ทุกคนก็เป็นคนดีกันทั้งนั้นเลยนะ ทั้งอาจารย์ คุณไอริส คุณเคท หรือแม้แต่ชาวบ้านทุกคนก็ด้วย

ฉันไม่ไปอวดอ้างหรอกว่าตัวเองทำแต่เรื่องดีๆ ในทุกๆ วัน แต่ความสัมพันธ์อันดีแบบนี้มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะมาเจอได้ง่ายๆ หรอกนะ แล้วฉันก็อยากจะรักษาความสัมพันธ์ดีๆ แบบนี้ต่อไปถึงอนาคตด้วย แบบนั้นก็ดีกว่าอยู่แล้วล่ะจริงมั้ย?

 

“ในที่สุด ในที่สุด ก็จัดการกิ้งก่าลาวาเสร็จซักที~”

 

1 สัปดาห์ผ่านมาหลังจากที่พวกเรากลับมาจากการสืบสวนเรื่องของเฮล เฟลม กริซลี

ฉันจัดการกับวัตถุดิบทั้งหมดที่โลเรียจังรับซื้อมา คำสั่งซื้อของโฟลทติ้งเต็นท์กับตู้เย็น แล้วก็งานอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายไปหมด จนในที่สุด เมื่อวานนี้ ฉันก็ไปให้คำแนะนำในการปลูกสมุนไพรด้วย

ถึงอย่างนั้น ฉันก็แค่ให้คำแนะนำตามเท่าที่ฉันรู้เท่านั้นเอง ก็เลยไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้น แต่สำหรับ [การเพาะปลูก] จริงๆ ในขนาดที่ใหญ่ขึ้นมา ฉันคิดว่าการหาคำแนะนำจากคนอย่างคุณกัตส์อาจจะมีประโยชน์กว่านะ

เพื่อเตรียมการไว้เผื่อมีอะไรผิดพลาดล้มเหลว ฉันเลยต้องเฉลี่ยกันระหว่างการปลูกสมุนไพรโตง่ายราคาถูกกับสมุนไพรโตยากราคาแพง เอาไว้ประมาณ 50-50

ถ้าเกิดไม่มีอะไรงอกเลย นั่นจะเป็นปัญหาของคู่คุณไมเคิลแน่นอน

 

“เอากิ้งก่าลาวาใส่ตู้เย็นแล้วแต่นี่มันก็ใกล้จะเต็มอยู่แล้วด้วย นี่ถ้าไม่ได้เหล่าสาวๆ ชาวบ้านล่ะก็คงแย่แน่เลย!”

 

เหล่าผู้ให้ความช่วยเหลืออยู่อย่างเงียบๆ ในครั้งนี้ก็คือพลพรรคคุณป่าในหมู่บ้านกับโลเรียจังเลยล่ะ

ทุกคนจัดการในส่วนที่ยุ่งยากและเสียเวลาที่สุดอย่างการเย็บผืนผ้าเต็นท์ไปแล้ว

แน่นอนว่าทุกคนได้รับค่าตอบแทนตามงานที่ทุกคนทำเลย ถึงมันจะหักกำไรโดยรวมออกไปบ้าง แต่มันก็ตรงกับเป้าหมายที่จะให้ชาวบ้านทุกคนมีงานทำอยู่ดี สุทธิแล้ว เราก็ยังได้กำไรมากอยู่ดี เพราะฉะนั้นก็ไม่มีปัญหาเลย

เป็นข่าวดีมากเลยล่ะ ได้ขายอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ก็ช่วยชดเชยเงินที่เราใช้ไปกับวัตถุดิบได้ด้วย

ก็จริงอยู่ที่เงินหมุนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน ตราบใดที่ชาวบ้านยังคงสนับสนุนธุรกิจภายในหมู่บ้านด้วยการซื้อสินค้าและบริการ นั่นก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินโดยรวมภายในหมู่บ้านอยู่ดี

ฉะนั้น ทางออกทางเดียวที่จะช่วยเพิ่มปริมาณเงินไหลเข้ามาในหมู่บ้านก็คือการขยายตลาดออกไปนอกหมู่บ้านโดยการผลิตสินค้าที่สามารถส่งออกไปขายภายนอกได้นั่นเอง

 

“เพื่อการนั้นแล้ว ก็ต้องทำให้หนังกิ้งก่าลาวากลายเป็นสินค้าที่สามารถขายได้แล้วสินะ”

 

ฉันมีหนังกิ้งก่าลาวาแช่ตู้เย็นเอาไว้อยู่ 4 ผืน

ด้วยการที่มีนักเล่นแร่แปรธ่ตุอย่างฉันอยู่ที่หน้าฉากด้วย บวกกับทักษะการยิงธนูที่สุดยอดของคุณเคท สภาพพวกมันเลยออกมาค่อนข้างดีเลย ถ้าจัดการพวกมันออกมาได้ดีด้วยล่ะก็ มันน่าจะขายได้ราคาดีพอสมควรแน่ มาพยายามเต็มที่เพื่อจะสร้างอะไร

มาพยายามให้เต็มที่ แล้วก็สร้างของยอดเยี่ยมขึ้นมากันดีกว่า

 

“เพราะเป็นกิ้งก่าลาวา ฉะนั้นก็จะทนได้ทั้งไฟทั้งความร้อนเลย”

 

ด้วยตัวมันตอนนี้ มันสามารถทนน้ำเดือดและไอน้ำอุณหภูมิสูงได้ในระดับนึงเลย แต่ถ้านำไปเตรียมการอย่างเหมาะสม ประสิทธิภาพของมันจะสามารถถูกเพิ่มระดับขึ้นมาจนถึงขั้นทนลาวาได้สมชื่อจริงๆ เลยล่ะ

 

“เพื่อจุดประสงค์นั้น ก็จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่มีธาตุไฟในตัวประมาณนึงเลย… แต่ก็คงช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

 

ที่ฉันมีอยู่ตอนนี้ มีแค่หินอัคคีอยู่เยอะเลยเท่านั้นเอง

แต่ว่า หินอัคคีไม่ใช่ของที่จำเป็นในการใช้เตรียมหนังกิ้งก่าลาวาน่ะสิ

ในเมื่อวัตถุดิบพวกนั้นมันหาจากแถวๆ นี้ไม่ได้ ก็เลยไม่เคยมีใครเอาเข้ามาขายเลย ทางเดียวที่จะได้มาก็คงมีแต่ซื้อผ่านอาจารย์ไม่ก็ผ่านคุณเลโอโนร่าล่ะนะ

 

“ดูท่าเงินในกระเป๋าจะลดลงไปอีกแล้วสิเนี่ย~ เอาเถอะ ถ้าจัดการได้สำเร็จล่ะก็ เดี๋ยวฉันก็ทำเงินคืนกลับมาชดเชยได้นั่นแหละ”

 

ถ้าล้มเหลวเหรอ…? อืม ก็คงต้องพูดว่า ปี๊บ ปี๊บ เลยล่ะนะ

โดยเฉพาะหลังจากที่ฉันซื้อวัตถุดิบเพื่อจะจบสารานุกรมแปรธาตุบทที่ 4 มาตุนเอาไว้แล้วด้วย

ถ้ามันออกมาไม่ดี ฉันคงต้องออกไปทำงานไกลๆ เลยก็ได้ ไม่แน่อาจจะเข้าไปส่วนลึกของทะเลป่าเลยล่ะมั้ง

 

“แต่เอาเถอะ ฉันไม่พลาดหรอกน่า! …เออ คิดว่างั้นนะ แต่ตอนนี้ ค่อยๆ ทำไปทีละอันๆ ดีกว่าแฮะ”

 

ถ้าฉันจัดการมันทีเดียวเลย 4 ผืน มันก็จะประหยัดทั้งเวลาทั้งวัตถุดิบเลยนะ

แต่ถ้าฉันทำพลาด การขาดทุนก็จะสูงกว่ากัน 4 เท่าเลย

ถ้าจัดการแค่ทีละผืน เวลาพลาดไปก็จะเสียไปแค่ผืนเดียวด้วยเหมือนกัน

ด้วยสถานการณ์การเงินของฉันตอนนี้ ถ้าเสียหนังไปเลย 4 ผืนพร้อมกันเนี่ย มันจะส่งผลกระทบกับความสามารถในการรับซื้อวัตถุดิบจากนักเก็บสะสมสุดๆ เลยล่ะ

เพราะฉะนั้น ครั้งนี้ แทนที่จะประหยัดเวลาหรือเงิน ฉันขอใช้เวลาเพื่อให้ได้ความแน่นอนจะดีกว่า

 

“ทำความสะอาดหนังกิ้งก่าให้หมดทั่วทั้งผืน โยนมันลงหม้อเล่นแร่ไปซะ รากทาร์บู 1 อัน ผงแอชบรันดา 1 ช้อน หยดน้ำเพลจีสกัดไปซัก 3 หยด…”

 

ในการเล่นแร่แปรธาตุน่ะ พวกวัตถุดิบอย่างผงแค่หยิบมือหรือของเหลวแค่ไม่กี่หยด หลายๆ ครั้งก็สามารถมีมูลค่าขนาดที่ส่งให้เหรียญเงินเหรียญทองต้องบินหายไปจากกระเป๋าได้เลย

แน่นอนว่า ต้องไม่ทำให้ของเสียเปล่าเด็ดขาด ไม่ว่าจะน้อยนิดแค่ไหนก็ตาม

ฉันทำงานของตัวเองต่อไปอย่างระมัดระวัง ทำให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ทำอะไรหก หรือทำอะไรพลาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว

 

TN: ไอ้วัตถุดิบที่มีธาตุไฟในตัวนี่ ถ้าจำไม่ผิด น้องจะเอาไปใช้ตอนทำหนังหมีเฮล เฟลม กริซลีหมดแล้วนี่นา น่าเสียดายจริงๆ เลย~

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่

[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่

Score 10
Status: Completed
แทบจะเป็นหนทางเลี้ยงชีพทางเดียวเลยที่จะเจริญขึ้นมาได้สำหรับเด็กกำพร้าตัวคนเดียว นั่นคือการเอาหนังสือรับรองการเล่นแร่แปรธาตุแห่งชาติมาให้ได้! ซาราสะ เด็กสาวที่จบจากวิทยาลัยหลวงฝึกสอนนักเล่นแร่แปรธาตุ สถานที่ที่ไม่ต้องการอะไรอื่นนอกจากความสามารถของผู้เรียน ได้รับการเสนอร้านแห่งนึงมาจากอาจารย์ของเธอ เธอเริ่มออกเดินทางภายใต้การมองส่งของอาจารย์ผู้ใจกว้าง เฝ้าฝันถึงชีวิตที่สวยงามกว่าทั่วๆ ไปในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่ว่า ในสถานที่แบบนี้ ถ้าเธอไม่เปิดร้านล่ะก็ ชีวิตแบบนั้นก็ไม่มีวันมาถึงแน่―― เธอที่รายล้อมด้วยพนักงานทำงานพิเศษที่น่ารัก กับชาวบ้านที่เป็นมิตร เป้าหมายอยู่ที่การเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุของประเทศอย่างเต็มตัวให้ได้! ชีวิตทำงานอันสโลว์ไลฟ์เริ่มเปิดให้บริการแล้ว! (เรื่องนี้แปลจากฉบับ LN ภาษาญี่ปุ่น)

Options

not work with dark mode
Reset