“…อาเระ? นี่มัน อะไรกันเนี่ย?”
หลังจากที่รีบกลับกันมาพร้อมกับทีมสำรวจที่ตั้งขึ้นมาอย่างกระทันหันจนมาถึงบ้านแล้ว สิ่งที่รอต้อนรับฉันอยู่ก็คือรั้วปิดล้อมสวยงามตั้งขึ้นมาข้างๆ บ้านฉันเลย
ฉันฝากฝังการไปรายงานผลการสำรวจให้คุณเอรินไว้กับผู้ที่ช่ำชองอย่างพวกคุณอังเดรแล้วเรียบร้อย―หรือที่จริง ฉันขอให้พวกเขาไปจัดการแทนทีนั่นแหละ―ฉันรีบกลับบ้านมาคนเดียว พลางคิดถึงมื้ออาหารแสนอร่อยฝีมือของโลเรียจังไปด้วย…
อ่า แน่นอนว่าฉันมีเหตุผลที่ฉันฝากให้พวกคุณอังเดรเป็นคนไปจัดการอยู่นะ
นอกจากเรื่องที่รายงานแทบจะไม่มีแล้ว กลุ่มของคุณอังเดรก็ต้องไปรับเงินตอบแทนจากคุณเอรินด้วย ไม่เหมือนกับฉันนี่นา―――
“หือ? หรือว่านี่จะเป็น ค่าตอบแทนของฉันงั้นเหรอเนี่ย…?”
ค่าตอบแทนที่คุณเอรินมอบให้ฉันคือสวนสมุนไพร พร้อมกับผู้ดูแล
สำหรับสวนแล้ว รั้วปิดล้อมนี้ถือว่ายอดเยี่ยมเลย―นี่สูงยิ่งกว่าตัวคนซะอีก ไม่มีช่องว่างคั่นให้แทรกตัวเข้าไปได้เลย แต่ถ้ามองเข้าไปตรงช่องว่างระหว่างรั้วก็จะเห็นได้ชัดเลยว่าข้างในนั้นก็คือไร่เพาะปลูก
ส่วนใหญ่ในนั้นก็มีแต่หญ้าที่โตขึ้นทั่วไปหมด แต่ก็มีคน 3 คนกำลังไถพรวนดินกันอยู่
“…คุณซาราสะ?””
“โลเรียจัง!”
พอฉันหันไปตามเสียงที่พูดขึ้นมาด้วยความสงสัย ตรงนั้นก็มีโลเรียจังที่กำลังมองฉันอย่างงงๆ อยู่พอดีเลย
“ยินดีต้อนรับกลับนะคะ เห็นคุณกลับมาอย่างปลอดภัยแบบนี้ก็โล่งอกแล้วค่ะ”
“อื้ม กลับมาแล้ว! ขอบคุณนะ ทุกคนไม่มีใครบาดเจ็บเลยล่ะ―ไม่ใช่สิ! เออ นี่คืออะไรน่ะ?”
“ไร่ไงคะ ได้ยินว่าเป็นรางวัลตอบแทนที่คุณซาราสะจะได้นี่นา”
“อืม แต่ว่า นี่มันใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยนะ แถมรั้วล้อมนี่ก็สุดยอดไปเลย…”
ถึงรั้วจะเอาไว้ใช้กันพวกสัตว์ที่จะรุกล้ำเข้ามาในไร่อื่นๆ ได้ แต่ในหมู่บ้านนี้ก็ไม่มีไร่ไหนมีรั้วที่ปิดล้อมดีเท่านี้เลย
อาจจะไม่ได้แข็งแรงถึงขนาดรั้วที่สร้างมาใหม่ตรงชายป่าหลังจากเหตุการณ์เฮล เฟลม กริซลีบุกหมู่บ้านก็จริง แต่ความทนทานนี่ถือว่าใกล้เคียงกันเลย
“นี่เพื่อกันสัตว์เข้ามาสินะ? แต่นี่มันสวนของฉันเองนี่นา พยายามให้ฉันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?”
“รั้วนี่เหรอคะ? ไม่ได้ไว้กันสัตว์หรอกค่ะ อันที่จริงไว้กันคนมากกว่า… ตรงๆ เลยคือไว้กันนักเก็บสะสมไร้คุณธรรมค่ะ”
โลเรียจังกอดอก พยักหน้า พลางอธิบายพร้อมกับรอยยิ้มเหยาะอย่างมีเลศนัย
ก- ก็นะ ในมุมมองของนักเก็บสะสมแล้ว พวกเขาจะสามารถเก็บเอาสมุนไพรตรงหน้ามาได้โดยไม่ต้องเหยียบเข้าไปในป่าด้วยซ้ำเลยนี่นา
“…ไม่หรอก จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องตามปกติอยู่แล้วล่ะ นี่การขโมยสมุนไพรมาจากไร่ข้างๆ บ้านเราเลยนะ?”
คงไม่มีใครจะเอาเข้ามาที่ร้าน แล้วมาพูดว่า ‘ช่วยรับซื้อที’ จริงๆ หรอก ใช่มั้ย?
“คุณซาราสะคะ คนทั่วไปเขาไม่ได้ขโมยพวกพืชผลผลิตกันหรอกค่ะ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ก็เป็นคนดีกัน แต่เมื่อก่อนสมัยตอนที่หมู่บ้านนี้มีนักเก็บสะสมอยู่กันพลุกพล่านเลยเนี่ย มีกรณีที่พืชผลถูกขโมยไปจากสวนไร่ของชาวบ้านกันอยู่บ่อยๆ เลยค่ะ ถึงสมัยนั้นฉันจะยังไม่เกิดเลยก็เถอะ”
“จ- จริงด้วยนะ…?”
ก็ ฉันคงพูดไม่ได้หรอกว่ามันไม่มีคนที่จะหน้าด้านถึงขนาดนั้นอยู่จริงๆ แต่ไม่อยากจะคิดเลยนะว่าถ้ามีใครซักคนในหมู่บ้านทำอะไรแบบนั้นแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น
“ก็ดูเหมือนว่าเหล่าบรรดาชาวบ้านร่วมกับนักเก็บสะสมคนอื่นๆ จะร่วมกันแจกสหบาทาให้พวกโจรเหล่านั้น ก่อนจะเตะไล่ออกไปจากหมู่บ้านนะคะ”
“อ- อื้ม… มันก็ ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะนะ”
ไร่สวนของหมู่บ้านนี้ก็ถือว่าค่อนข้างเล็กนะ ถ้ามันไม่ได้อยู่ข้างๆ หมู่บ้าน มันก็จะอยู่ในตัวหมู่บ้านเองเลย
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขโมยของไปได้โดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น ยิ่งคนในหมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้มีเยอะมากมาย ถามจากคนรอบๆ เอาไม่นานก็ตามหาตัวคนทำผิดได้แล้ว
แล้วในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบนี้ ผู้ใหญ่บ้านก็เลยถืออำนาจสูงสุดในหมู่บ้านเลย
โชคดีนะที่ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านนี้ ถึงจะพึ่งพาไม่ได้ แต่ก็เป็นคนใจดี แต่ในบางหมู่บ้านเนี่ย มันไม่มีรับประกันด้วยซ้ำนะว่าจะมีการสืบสวนความจริงอย่างเหมาะสมให้… ถ้าผู้กระทำผิดถูกรุมยำแล้วถูกไล่ตะเพิดออกมาจากหมู่บ้านแบบยังเป็นๆ บางทีนั่นอาจจะนับว่าพวกเขาดวงดีแล้วก็ได้นะ
“มันไม่ใช่อะไรที่เกิดขึ้นบ่อย แต่เพราะที่นี่เป็นหมู่บ้านชายขอบ ถ้าเกิดสมุนไพรโดนขโมยไป แล้วพวกโจรหนีไปที่เมืองเซาว์ท สแตรกล่ะก็ แบบนั้นยุ่งยากแย่เลย ถึงพวกโจรพวกนั้นต้องลงแรงกันไปพอควรเลยค่ะถ้าจะทำแบบนั้น”
“แบบนี้เอง ต้องขอบคุณเลยนะเนี่ย ช่วยให้ฉันสบายใจได้เยอะเลย”
ถ้าเอาไปแค่นิดเดียวมันก็เรื่องนึงนะ แต่ถ้าเอาไปเยอะเกินไปล่ะก็ นั่นแหละปัญหาล่ะ เพราะเราจะเก็บเมล็ดพันธุ์เอาไว้ไม่ได้เลย
ถ้าพวกเราจะปลูกสมุนไพรมูลค่าสูง มันก็ไม่มีอะไรที่รับประกันได้เลยว่าคนที่เดินมาเจอจะอดใจไม่ขโมยไม่ได้น่ะ
จากสถานการณ์แล้วนี่ ฉันอาจจะติดตั้งมาตรการความปลอดภัยเพิ่มเองดีกว่าแฮะ
“ฉันคิดว่าเดี๋ยวคุณเอรินจะมาอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมอีกทีนะคะ แต่ว่า… คุณไมเคิลคะ!”
พอโลเรียจังตะโกนข้ามรั้วไป คนที่กำลังทำงานอยู่ในไร่ก็หันมาทางพวกเรา ก่อนจะหยุดมือ และเดินเข้ามาหาพวกเรา
อ๊ะ นึกว่าเป็นผู้ชาย 3 คนเลยซะอีก หนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงต่างหาก
ที่ไม่รู้ก็เพราะเมื่อกี้เธอหันหลังให้เราอยู่ แถมใส่หมวกงอบปีกกว้างเอาไว้ด้วย
“คุณซาราสะคะ คนนี้คือคุณไมเคิล กับภรรยาของเขา คุณอิสึ แล้วก็พี่ชายของเขา คุณกัตส์ คุณซาราสะรู้จักคุณกัตส์แล้วใช่มั้ยคะ?”
คุณกัตส์มีผิวสีแทน ร่างกายกำยำ ให้ความรู้สึกเหมือนกับชาวสวนชาวไร่ออกมาได้อย่างชัดเจนเลย
เพราะฉันฝากให้โลเรียจังจัดการเรื่องที่เกี่ยวกับอาหารทุกอย่างเลย ฉันก็เลยไม่เคยออกไปซื้อผักเอง แต่ฉันจำได้ว่าตอนที่เขากำลังทำงานอยู่ในสวนของตัวเอง ฉันก็ทักทายกับเขาอยู่นะ
แต่กลับกัน คุณไมเคิลที่เป็นน้องชายของคุณกัตส์กลับมีร่างกายบางกว่า มองแวบแรกก็จะดูต่างจากพี่ชายของเขาพอควร อย่างน้อย เขาก็ดูไม่ได้เหมือนชาวสวนชาวไร่ล่ะมั้ง?
คุณอิสึเองก็ดูไม่ได้แข็งแกร่งแบบที่สาวชาวบ้านเป็นกัน ถึงจะดูสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ แต่ก็ยังดูห่างไกลกับการที่จะมีพละกำลังไปลุยงานกลางสวนอยู่ดี ฉันว่าเธออาจจะแก่กว่าฉันนิดเดียวเองล่ะมั้ง?
“สวัสดีและยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณไมเคิลและคุณอิสึใช่มั้ยคะ?”
ฉันไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่หมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น
อาจจะไม่มีใครที่อยู่ที่นี่ที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อนเลยก็ได้
“ครับ พวกผมเพิ่งจะกลับมาหมู่บ้านเมื่อเร็วๆ นี้เอง”
“อ้อ ว่าแล้วเชียว ถ้าอย่างนั้นพวกคุณ 2 คนก็… เออ…”
เหตุผลที่ผู้คนออกมาในเขตชนบทมักจะคล้ายๆ กัน
ภาพที่คุ้นเคยก็จะมีอย่างลูกชายคนรองหรือลูกนอกสมรสที่ไม่สามารถสืบทอดกิจการของตระกูลได้ ไม่สามารถแต่งงานกันได้ในหมู่บ้าน หรือหางานทำเมืองที่ใหญ่กว่า พวกคนที่ออกจากหมู่บ้านเพื่อไปทำงานอย่างใดอย่างนึงโดยเฉพาะอย่างคุณเกรทส์เนี่ยถือว่าหาได้ยากเลย
หลายๆ คนที่ออกจากหมู่บ้านไปก็เพราะมีเหตุจำเป็น… อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ก็ได้นะที่จะถามว่าทำไมเขาถึงต้องกลับมาที่หมู่บ้านด้วย…?
―――แล้วโลเรียจังก็พูดขึ้นมาอย่างสบายๆ เหมือนเพื่อจะปัดความอึกอักของฉันทิ้งไปเลย
“คุณไมเคิลออกไปที่เมืองเซาว์ท สแตรกค่ะ ดูเหมือนจะแต่งงานกับคุณอิสึที่นั่นด้วย แต่ก็หางานดีๆ ไม่ได้เลย พูดง่ายๆ คือระเห็ดกลับมาบ้านเกิดนั่นแหละค่ะ!”
“ล- โลเรียจัง…”
คำพูดที่ตรงจนโหดร้ายของโลเรียจังทำเอาคุณไมเคิลน้ำตาคลอแทบร้องไห้เลย ส่วนคุณอิสึที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มแห้งๆ ออกมา
แล้วคุณกัตส์ก็เดินมาตบหลังคุณไมเคิลเสียงแน่นๆ เลย
“มันก็จริงไม่ใช่เรอะ! บอกว่าจะไปแต่งงาน ข้าเลยว่าจะไปฉลองกันซักหน่อย… แต่แค่จะหาปากเลี้ยงท้องให้พอแต่ละวันก็ดันชักหน้าไม่ถึงหลัง แล้วแกจะไปแต่งงานเพื่อ!! นี่ก็ยังโชคดีที่คุณเอรินยังหางานให้แกทำได้ แต่ว่าจากนี้ แกวางแผนจะทำอะไรต่อล่ะ?”
“เออ… คือว่า… ผมซาบซึ้งมากเลยล่ะครับ คุณเอรินด้วย พี่ชายก็ด้วย แน่นอนว่าคุณซาราสะด้วยนะครับ!”
ดูเหมือนคุณกัตส์จะได้ข่าวว่าน้องชายเขาที่เข้าเมืองไปได้แต่งงาน เขาก็มุ่งหน้าไปฉลองที่เซาว์ท สแตรกเลย พลางคิดอยู่ด้วยว่า ‘ลุล่วงไปได้ด้วยดีมั้ยนะ?’
แต่ ที่เขาไปเจอก็คือน้องชายกับน้องสะใภ้ของเขาที่หาเช้ากินค่ำไปแต่ละวันก็ลำบากแทบแย่อยู่เลย
ถึงทั้ง 2 คนจะมีงานทำกันทั้งคู่ ก็เลยยังไม่ได้ ‘ตกที่นั่งลำบาก’ ขนาดนั้น แต่กับโอกาสในอนาคตนี่ไม่แน่นอนเลยซักนิดเดียว
แต่คุณกัตส์ที่ทำไร่ทำสวนเล็กๆ อยู่ในหมู่บ้านก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก ดูแล้วตอนนั้นพวกเขาก็เลยไม่มีทางเลือกนอกจากทิ้งเรื่องงานแต่งงานไป แล้วมุ่งหน้าหันหลังกลับบ้านเกิด
TN: โอ้ เยี่ยม ได้รางวัลตอบแทนซักทีนะ น้องนักเล่นแร่แปรธาตุคนเก่ง ^^
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r