“เออ แน่นอนว่าตามปกติก็จะไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกนะคะ ต่อให้จะทำได้จริง ทางที่ดีก็อย่าทำแบบนี้จะดีกว่า ถ้าคุณฟันใส่มันตรงนี้ ราคาจะตกนะคะ”
“อ่า เรื่องนั้นเองสินะ?”
“ค่ะ ทางที่ดีก็อยากให้เก็บไว้ครบถ้วนทั้งตัวนะคะ หนังแสนถึกทนที่ฝั่งหลังของมันนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีเลยค่ะ”
หนังที่ถึกทนของกิ้งก่าลาวาน่ะ ต่อให้จะเอาไปใช้ทำเป็นชุดเกราะโดยไม่ใช้การเล่นแร่แปรธาตุร่วมด้วยก็ตาม มันก็ยังมีมูลค่าสูงอยู่ดีด้วยการที่มันไม่สามารถสร้างความเสียหายใส่มันได้ง่ายๆ
ในทางกลับกัน นอกจากเอาไปใช้ทำชุดเกราะแล้ว หนังกิ้งก่าลาวาก็เอาไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ไม่ค่อยได้เท่าไหร่
หนังที่จะเป็นวัตถุดินที่เอาไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายกว่านั้นควรจะเป็นหนังที่นุ่มกว่านั้นซักหน่อย
“ทีนี้ ใครจะลุยก่อนดีคะ? หรือจะไปพร้อมๆ กันหมดเลย?”
“นั่นสินะ… ซาราสะจัง ถ้าข้าจะลองฟันหัวนี่ดูหน่อยจะได้รึเปล่า?”
คุณอังเดรว่าแบบนั้นพร้อมกับชี้ไปตรงหัวกิ้งก่าที่ขาดไปแล้ว
มันก็อาจจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้อยู่นะ แต่ว่า… เอาเถอะ ถ้าช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ได้ก็เอาเลยดีกว่า
“ได้ค่ะ เชิญเลย แต่ทางที่ดี อย่าใช้แรงมากเกินไปจะดีกว่านะคะ ดาบอาจจะเอาบิ่นได้”
“ขอโทษแล้วกันนะ งั้น เอาล่ะ…”
แล้วคุณอังเดรกับคนอื่นๆ ก็เริ่มลองฟันใส่หัวที่ขาดออกมาของกิ้งก่าลาวาทีละคนๆ ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ ดาบของแต่ละคนมันเด้งออกมาพร้อมกับเสียงดัง *เคร้ง* ฟันเข้าไปไม่ได้เลย
“โห แข็งกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีกนะเนี่ย!”
“ยังกะเอาดาบฟันใส่หินแน่ะ นี่หนูฟันเข้าไปได้ไงเนี่ยซาราสะจัง…”
“พลังของดาบเลยค่ะ! ทั้งหมดต้องขอบคุณคุณภาพของดาบที่ดีเลย ว่ามั้ยคะ?”
ฉันรีบอธิบายตอบกลับความเห็นที่ฉุนเฉียวของคุณเกรย์
ถึงฉันฝึกมาประมาณนึงก็จริง แต่ให้เอาดาบธรรมดาๆ ไปฟันกิ้งก่าลาวาให้ขาด 2 ท่อนนี่ มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ
“อือ นี่ถ้าไม่ระวัง… ก็อาจจะทำดาบหักจริงๆ ได้เลยสินะคะ?”
“ไอริส หยุดก่อนดีมั้ย? เธอเพิ่งจะเปลี่ยนดาบไปเมื่อวันก่อนเองนะ!”
“รู้แล้วน่า นี่มันก็ไม่ได้ถูกๆ นะ”
คุณไอริสเห็นด้วยกับคำพูดของคุณเคท พลางขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล
หลังจากตอนที่เธอทำดาบหักไปหลังเหตุการณ์เฮล เฟลม กริซลี ดาบของเธอก็ได้คุณจิสด์ช่วยตีขึ้นมาให้ แต่เขาก็ไม่ได้เป็นช่างตีอาวุธโดยเฉพาะ คุณภาพของมันเต็มที่ก็อยู่ในเกณฑ์ปานกลางนั่นแหละ
ตามราคาแล้วก็ถือว่าใช้ได้เลยนะ แต่ด้วยที่คุณไอริสกับคุณเคทเป็นหนี้กันอยู่ ก็คงจะจ่ายไม่ได้มากเท่าไหร่หรอก
ส่วนตัวแล้วฉันก็ไม่ได้ติดขัดอะไรหรอกนะถ้าพวกเธอจะจ่ายหนี้ช้าไปซักหน่อย ตราบใดที่พวกเธอยังให้ความสำคัญมุ่งเน้นกับการพัฒนาอุปกรณ์ที่ตัวเองต้องใช้งานได้อยู่น่ะ
“เอาเถอะ ก็อย่างที่คิดล่ะนะ ต่อไปก็ส่วนท้องล่ะนะ เอาล่ะ!”
หลังจากที่ได้ลองฟันกันหมดทุกคน―ถึงจะไม่สำเร็จก็ตาม―จนครบแล้ว คุณอังเดรก็พลิกหัวมาอีกด้าน ก่อนจะเหวี่ยงดาบฟันใส่ไปตรงฝั่งท้องของมัน
“…หือ? ไม่ได้แข็งขนาดว่าฟันไม่ได้ก็จริง แต่นี่ก็ไม่ได้ฟันเข้าไปได้ง่ายๆ อยู่ดีนะ”
“อุหวา เอาจริงดิ นี่พวกข้าจะล้มไอ้ตัวนี่ได้จริงๆ เรอะ?”
“ถ้าฉันใช้ดาบตัวเองฟันคงหักแน่เลยค่ะ มีแค่ทางเลือกต้องแทงอย่างเดียวเลยสินะเนี่ย?”
ดูเหมือนหนังฝั่งท้องเองก็จะแข็งจนน่าตกใจเอาไว้เหมือนกันแฮะ
ดาบของคุณอังเดรหรือของคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้คมมากขนาดนั้น ฉันว่ามันคงไม่เหมาะกับพวกอสูรร้ายแบบนี้เท่าไหร่หรอกมั้ง
“ดูๆ แล้ว คุณเคทอาจจะเป็นคนที่เหมาะที่สุดกับงานนี้แล้วก็ได้นะคะ”
“เอ๊ะ? ฉันเหรอคะ?”
พอฉันหันไปหาคุณเคทที่เป็นคนเดียวที่ไม่ได้เข้าร่วมกับการลองอาวุธโจมตีใส่หัวที่ขาดออกมาด้วย เธอก็หันมาหาฉันด้วยสีหน้าที่ตกใจนิดหน่อย
“ใช่ค่ะ คุณเคทน่ะ ต่อให้จะอยู่ที่ไกลๆ ก็ยังเล็งยิงที่ตาของมันได้อยู่ใช่มั้ยคะ?”
ฉันลองถามเพื่อยืนยันดูอีกที คุณเคทได้ยินก็นิ่งคิดอยู่พักนึง ก่อนจะพยักหน้า
“…นั่นสินะคะ ถ้าเกิดคุณผู้จัดการอยู่ห่างประมาณนี้แล้วกิ้งก่าลาวาก็ยังไม่ตอบสนองอะไรล่ะก็ ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหานะคะ”
ดูจากที่ขนาดพวกเฮล เฟลม กริซลีที่วิ่งโถมบุกเข้ามา คุณเคทก็ยังยิงเข้าใส่ตามันโดนแล้วเนี่ย กิ้งก่าลาวาที่อยู่นิ่งๆ ก็น่าจะเป็นเป้ายิงง่ายๆ สำหรับเธอเลยล่ะ
ทีนี้ก็เหลือแค่ต้องดูว่าลูกธนูจะได้ผลแค่ไหนล่ะนะ แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้หรอก
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว มาลองดูเลยมั้ยคะ?”
ถ้าเรื่องมันเกิดอันตรายขึ้นมา ฉันจะได้ช่วยสนับสนุนอีกทีด้วย
“นั่นไงคะ”
ระหว่างที่เราเดินตามหากิ้งก่าลาวาที่อยู่ลำพังตัวเดียวเพื่อจะทดสอบ เราก็เจอมันตัวนึงอยู่ใกล้กับจุดที่มีไอน้ำพุ่งขึ้นมาจากพื้น
เหมือนกับตัวที่แล้วแบบเป๊ะๆ กิ้งก่าลาวายังยืนนิ่ง เอาท้องแนบติดอยู่กับพื้น ไม่มีทีท่าตอบสนองอะไรกับพวกเราที่กำลังเฝ้าสังเกตมันอยู่จากระยะไกลๆ เลยซักนิด
แวบแรกก็อาจจะเห็นว่ามันทำตัวขี้เกียจ มีช่องโหว่เยอะ ไร้การป้องกันนะ แต่ตอนนี้ที่เรารู้แล้วว่าผิวหนังที่หลังของมันแข็งแกร่งมาก ผิวหนังที่ท้องของมันก็ถึกทนจนน่าตกใจ เราเลยเข้าใจว่าการทำแบบนั้นก็ถือว่าเป็นท่าทางที่ค่อนข้างจะปลอดภัยพอสมควรเลย
“ถ้าอย่างนั้น ฉันเริ่มได้เลยมั้ย?”
“อ้า เคท โชว์ฝีมือการยิงธนูของเธอให้เห็นหน่อยนะ”
“อย่าคาดหวังกันขนาดนั้นสิ…”
ถึงจะพูดถ่อมตัวแบบนั้น แต่พอคุณเคทยิงธนูออกไป
*ฟิ่ว!* *ปึก!*
ลูกศรก็พุ่งเข้าปักที่ตาของกิ้งก่าลาวาได้แม่นเหมือนจับวางเลยล่ะ
“เยี่ยมเลย!”
ตอนที่คุณกิลร้องขึ้นมาแบบนั้น เจ้ากิ้งก่าก็เริ่มดิ้นพล่านไปมาอย่างรุนแรง―――อ่า~ จริงด้วยสิ ขนาดตอนที่มันโดนฟันจนหัวหลุด ตัวมันก็ยังขยับได้อยู่เลยนี่นา
ต่อให้จะเป็นแผลฉกรรจ์ก็ตาม แต่ลูกธนูแค่ดอกเดียวก็หยุดการเคลื่อนไหวของมันไม่ไหวสินะ
แน่นอนล่ะว่าถ้าเกิดปล่อยมันทิ้งเอาไว้แบบนั้น เดี๋ยวมันก็ตายไปเอง แต่สถานการณ์มันไม่ได้เอื้อให้เรารออยู่เฉยๆ ได้นานขนาดนั้นน่ะสิ
“อ๊ะ! หนีไปแล้ว!”
“เร็วจัง!?”
การดิ้นทรมานของมันเกิดขึ้นอยู่ได้แค่ไม่นาน
ก่อนที่ไม่นาน กิ้งก่าลาวาตัวนั้นจะเริ่มพุ่งเข้าไปทางตรงข้ามกับพวกเราอย่างเร็วเกินคาดเลย
เห็นแบบนี้ คุณเกรย์กับคุณไอริสก็ร้องกันออกมาเลย―――
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
ฉันรีบคว้าหลังคอเสื้อของคุณไอริสเอาไว้ก่อนที่เธอจะทันได้ไล่ตามมันไป
“โอ้ก! ―――แค่กๆ จู่ๆ ทำอะไรน่ะคะนายท่านผู้จัดการ!?”
คุณไอริสที่โดนรั้งคอไว้ก็เจ็บจนร้องออกมาเลย ก่อนที่เธอจะหันมาจ้องใส่ฉันเหมือนจะโทษกัน แต่―――เรื่องนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
“คุณไอริส จำที่ฉันเตือนเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่าคะ?”
ตอนที่ฉันถามเธออีกครั้งนึง ตาของคุณไอริสเหลือบมองขึ้นๆ ลงๆ
“เออ… ที่ว่า อย่าไล่มันมากเกินไปน่ะเหรอคะ?”
“ถูกต้องค่ะ สถานที่ที่กิ้งก่าลาวาหนีไปนั้น ตามปกติแล้วมันจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ที่จะก้าวเข้าไป เรื่องจะไล่ตามมันนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้ามเลยค่ะ”
“บ- แบบนี้เอง…?”
ที่ที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นพื้นที่ราบเรียบ แต่ความจริงแล้วเป็นผิวหน้าของบึงโคลนที่ลึกลงไปมากมันก็มีนะ แถมยิ่งกว่านั้น มันยังเป็นบ่อโคลนเดือดอีกต่างหาก
จากที่เราเห็นว่ากิ้งก่าลาวาสามารถเดินผ่านไปได้ปกติ เราจะไปโมเมสรุปเอาเองว่าเราเองก็เดินได้เหมือนกันไม่ได้เด็ดขาดเลย
“ฉะนั้น ไล่ตามมันไปอย่างระมัดระวังด้วยนะคะ ดูเหมือนว่ามันจะอ่อนแรงลงไปพอประมาณแล้วด้วยค่ะ”
ตอนที่ฉันบอกคุณไอริสไปแบบนั้น เจ้ากิ้งก่าลาวาตัวนั้นก็ขยับไปถึงจุดที่ห่างจากเราไปหลายสิบเมตร ก่อนจะหยุดลงตรงที่ตัวของมันจมโคลนไปแล้วครึ่งนึง
มันไม่ใช่ว่า ‘มาถึงที่ที่ปลอดภัยแล้ว สบายใจได้’ หรอก มันอยู่ในสภาพที่อ่อนแอจนขยับไม่ได้ต่างหาก จากการที่มีธนูปักเข้าไปในหัวแล้วครึ่งดอก นึกไม่ยากเลยล่ะว่าถ้ามันดิ้นหรือขยับตัวมากๆ เข้าจะเกิดอะไรขึ้น
“อันที่จริงก็ดูเหมือนมันจะตายแล้วนะ จะลองยิงดูอีกซักทีมั้ยล่ะคะ? เราไม่จำเป็นต้องลองเสี่ยงอะไรด้วย”
“จ- จริงด้วย เคท ฝากด้วยนะ”
“วางใจได้เลย… ฮึบ!”
ลูกธนูถูกคุณเคทส่งออกไปอีกดอกนึง ก่อนจะพุ่งปักเข้าใส่ตาอีกข้างของกิ้งก่าลาวาได้เต็มๆ
แต่หลังจากโดนไป ตัวของมันกลับสั่นๆ แค่นิดเดียว ไม่มีทีท่าว่าจะเริ่มดิ้นพล่านไปมาแบบเมื่อกี้นี้อีกรอบเลย
“แจ่ม! ดีล่ะ! เดี๋ยวเรื่องไปเก็บมันกลับมาให้เป็นหน้าที่พวกข้าเอง!”
คุณกิลหันมายกนิ้วโป้งให้คุณเคท ก่อนจะเดินย่องๆ เข้าไปหากิ้งก่าลาวาตัวนั้น ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งคอยระวังพื้นตรงเท้าของตัวเองไปด้วย
ตรงที่มีน้ำเดือดไหลซึมขึ้นมาถึงบนพื้นดินก็มีนะ คงน่าจะร้อนน่าดูเลย แต่พวกเราใส่รองเท้าบู้ทหนากันมาเพื่อจะได้ไม่ให้มีน้ำซึมเข้ามาได้
ตราบใดที่ไม่ได้ย่ำจมลงไปในบ่อโคลนเดือดก็ไม่ต้องกังวลเรื่องโดนลวกหรอก
และแน่นอนว่าคุณกิลก็ทำได้สมกับที่เป็นนักเก็บสะสมรุ่นเก๋าเลย เขาเดินไปหลบบริเวณที่ดูจะเป็นอันตรายได้อย่างชำนาญเลย―――แต่ว่า ก็นะ
“อ่า อย่าประมาทนะค―――”
“อะจ๊าาาากกกกกกกก!!”
…พูดยังไม่ทันขาดคำเลยแฮะ
วินาทีที่คุณกิลจับไปที่หางของกิ้งก่า เขาก็ตะโกนออกมาดังลั่น ผละมือออกจากหางราวกับว่าโดนหางสลัดออกมา ก่อนที่เขาจะวิ่งตรงมาหากลุ่มพวกเราด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“ซ- ซาราสะจัง! ม- มือ! มือ!”
“ค่าๆ ให้ฉันดูหน่อยค่ะ”
มือของคุณกิลที่ถอดถุงมือออกมาแล้วตอนนี้แดงแจ๋จนเห็นได้ชัดเลย แต่จากที่อาการแสดงออกมาเท่านี้นี่ ดูเหมือนจะเป็นแผลลวกเล็กน้อยนะ
ถ้าแบบนี้ ไม่ต้องใช้โพชั่น (ยาแปรธาตุ) ก็ได้
ฉันใช้เวทมนตร์เสกน้ำออกมาลดอุณหภูมิให้มือเย็นลง ก่อนจะใช้เวทมนตร์รักษาเบาๆ ให้ไป เท่านี้ อาการแดงที่มือของคุณกิลก็บรรเทาลงไปได้อย่างรวดเร็วแล้ว
เห็นแบบนี้แล้วคุณกิลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่คุณอังเดรที่มองดูอยู่จากทางด้านข้างเองก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกด้วยอีกคน ก่อนจะเลิกคิ้ว เดินมาแตะที่หัวของกิลเบาๆ
“เจ้าบ้าเอ้ย ประมาทเกินไปแล้ว โทษนะ ซาราสะจัง พวกข้าต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยมั้ยเนี่ย?”
“ถ้ามาที่ร้าน ฉันก็จะคิดค่าใช้จ่ายนะคะ แต่ในเมื่อครั้งนี้พวกเรามาทำงานด้วยกัน แล้วเวทมนตร์ของฉันรับมือได้ ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายหรอกค่ะ”
“ขอโทษน้า ขอบคุณนะที่ช่วย แต่ว่านะ… ให้ตาย! ร้อนเป็นบ้าเลย!”
“เรื่องนั้นมันก็จริงนะคะ เหมือนถูกต้มในน้ำร้อนเลยใช่มั้ยคะ?”
ถึงโคลนเดือดกับน้ำเดือดมันอาจจะต่างกันอยู่บ้าง แต่จุดร่วมก็คือทั้ง 2 อย่างมีอุณหภูมิสูงมากเหมือนกันนี่แหละ
ไม่มีทางที่อะไรซักอย่างที่จมลงไปในบ่อพวกนั้นได้ครึ่งตัวจะไม่ร้อนอยู่แล้ว
“ถุงมือยืดหยุ่นอาจจะทนทาน แต่ไม่ได้เป็นฉนวนกันความร้อนนะคะ”
“ขนาดเขี้ยวของพวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งก็ยังไม่ทะลุ ข้าเลยนึกว่ามันจะใช้ได้ซะอีก”
“ไม่ได้ค่ะ เพราะวัตถุประสงค์ในการใช้งานของมันต่างกัน”
ตราบใดที่มันไม่ได้แทงทะลุอะไรซักอย่าง เขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งก็จะยังไม่แช่แข็งของชิ้นนั้น เพราะแบบนั้น ถุงมือยืดหยุ่นก็เลยไม่จำเป็นต้องออกแบบมาให้เป็นฉนวนป้องกันอุณหภูมิที่เย็นจัดก็ได้
สำหรับการป้องกันความร้อน ต้องจะเป็นต้องมีถุงมือที่ออกแบบมาเป็นฉนวนกันความร้อน ไม่อย่างนั้น มันก็จะใช้งานไม่ได้
ถ้าแค่จะจับของที่ร้อนมากๆ เฉยๆ ฉันคิดว่าแค่ถุงมือหนังหนาๆ แบบที่ช่างตีเหล็กใช้หรือถุงมือที่ใช้จับถาดอบขนมก็พอแล้วนะ ไม่จำเป็นต้องซื้ออาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) แพงๆ มาใช้ก็ได้
“เข้าใจแล้ว งั้นคราวนี้ข้าเอง”
คนต่อไปที่มาก็คือคุณเกรย์
ถึงเขาจะมีประสบการณ์ในฐานะนักเก็บสะสมมาพอควรไม่ต่างกับคุณกิล แต่อาจจะเพราะนิสัยพื้นเพที่เป็นคนเงียบๆ ก็ได้ เขาถึงได้ให้ความรู้สึกที่ดูพึงพาได้หรือดูมั่นคงออกมา
ถ้าคุณอังเดรเป็นเสาหลักของกลุ่ม คุณกิลเป็นคนสร้างบรรยากาศ คุณเกรย์ก็เป็นเหมือนรากฐานของกลุ่ม
เขาเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบและมั่นคง ไม่มีช่องโหว่แสดงความผิดพลาดในการกระทำของเขาเลย
ครั้งนี้เองก็เหมือนกัน เขาสังเกตที่คุณเกรย์ทำก่อนหน้านี้มาแล้ว และได้เรียนรู้บทเรียนมาเป็นอย่างดี เขาสวมถุงมือทับบนถุงมือยืดหยุ่นอีกชั้นนึง แล้วก็เอากระเป๋าหนังหนาๆ ออกมาด้วย เขาใช้กระเป๋าหนังอันนั้นจับที่หางของกิ้งก่าลาวา แล้วก็ลากมันกลับขึ้นมาได้แบบไม่มีปัญหาเลย
“เป็นไรมั้ย เกรย์?”
“ไม่มีปัญหา ซาราสะจัง ถ้าทิ้งมันเอาไว้แบบนี้ซักพัก มันก็จะเย็นลงไปเองใช่มั้ย?”
“ค่ะ ถ้ามันไม่ได้โดนต้มจนเดือดไปทั้งตัว ฉันคิดว่ามันน่าจะเย็นลงได้เร็วพอสมควรเลยล่ะค่ะ”
“งั้นก็แปลว่า เมื่อไหร่ที่ตัวมันเย็นลง เราก็ควรชำแหละมันสินะ ดูเหมือนมันจะตายง่ายอยู่เหมือนกันนะเนี่ย―――”
“ต้องมีฝีมือการยิงธนูของเคทด้วยล่ะนะ”
“ถ้าฉันจะขอเสริมซักหน่อย นี่เป็นเพราะมันอยู่ตัวเดียวด้วยนะคะ ถ้าคุณเลือกเป้าหมายเป็นพวกกิ้งก่าลาวาที่อยู่กันเป็นกลุ่ม มันจะไม่หนี แล้วหันมาสู้กลับแทน คุณคงไม่อยากจะถูกย่างสดใช่มั้ยล่ะคะ?”
ฉันเตือนใจประเด็นหนึ่งให้คุณไอริสทราบ ทุกคนที่ได้รู้ก็พยักหน้าเห็นด้วยกันหมด
การจัดการพวกมันตัวเดียวน่ะยังสามารถรับมือได้ แต่ถ้าพวกมันมากันเป็นกลุ่มล่ะก็ มันค่อนข้างอันตรายเลยล่ะ
เพราะลมหายใจเพลิงของกิ้งก่าลาวาไม่ทำอันตรายใส่พวกเดียวกันเอง พวกมันเลยไม่ต้องกลัวเลยว่าไฟที่พ่นออกมาจะไปทำอันตรายใส่พวกเดียวกัน ทำให้มันสามารถพ่นไฟออกมาต่อเนื่องได้เท่าที่มันต้องการเลย
ผลลัพธ์ก็คือ จะมีแต่พวกเรานี่แหละที่โดนย่างสด
คุณไอริสอาจจะนึกภาพตามออกได้เลยล่ะมั้ง หน้าของเธอถึงได้ซีดเผือดไปเลย
“อือ ฉันจะจำให้ขึ้นใจเลยค่ะ”
“เพราะฉะนั้น เรื่องที่เราต้องทำก็คือเลือกแต่กิ้งก่าลาวาที่อยู่ตัวเดียว จากนั้นก็คอยระวังพื้นที่เท้าเอาไว้ ทำให้มั่นใจว่ามันจะไม่หนีไปจนถึงจุดที่เราตามไปไม่ได้ ยึดหลักนี้ไว้ในใจ แล้วมาลองดูอีกทีมั้ยคะ?”
พอพวกเราเริ่มออกล่ากันโดยที่ยึดตามแผนนี้ ไม่นาน เราก็เห็นว่าด้วยขนาดตัวของกิ้งก่ากับระยะทางระหว่างที่นี่กับหมู่บ้านแล้ว จำนวนกิ้งก่าที่เราจะล่ากลับไปได้ก็เลยมีจำกัด
สุดท้าย หลังจากที่ล่าได้เพิ่มมาอีก 2 ตัว เราก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว การออกล่าของพวกเราก็เลยจบลงอย่างรวดเร็ว
แล้วพวกเราก็รีบเดินทางกลับหมู่บ้านกัน
TN: แหม โล่งอกไปที อย่างน้อยทุกอย่างก็ไปได้สวย
ถ้าลองย้อนกลับไปเช็คที่เล่ม 2 “ตอนที่ 4 : สงครามธุรกิจและกลเม็ดหลังฉาก [Part 1]” ดูอีกที จะเห็นว่าคนเริ่มก่อเรื่องให้ฝูงค้างคาวตื่นกันทั้งถ้ำนี่ก็ฝีมือกิลเหมือนกันนะครับ 555
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r