[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่ 90 [3] การตรวจสอบ [Part 4]

ตอนที่ 90 [3] การตรวจสอบ [Part 4]

 

“ดูเหมือนแถวๆ นี้จะไม่มีเฮล เฟลม กรีซลีอยู่ด้วยเลยนะ”
“พวกกิ้งก่าลาวานั่นน่ะ? มันไล่พวกหมีไปเรอะ?”
“มันจะแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเรอะ? ไอ้กิ้งก่าพวกนั้นน่ะ”
“ไม่ค่ะ ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น แต่ความถึกทนเนี่ยของจริงเลย”

 

หนังพวกมันทั้งแข็งทั้งหยาบ โดยเฉพาะที่หลังของเจ้ากิ้งก่าลาวาพวกนั้นน่ะ แกร่งพอจะสะท้อนกรงเล็บของเฮล เฟลม กริซลีได้เลย

 

“นอกจากนั้น มันยังพ่นไฟออกมาได้ด้วย ความทนทานต่อความร้อนก็เหนือกว่าเฮล เฟลม กริซลีซะอีก…”

 

ทั้งกิ้งก่าลาวาทั้งเฮล เฟลม กริซลีต่างก็กินหินอัคคีกันเป็นอาหารหลัก ซึ่งหินพวกนั้นก็มีอยู่มากมายในบริเวณที่มีพลังงานความร้อนใต้พิภพแผ่ออกมามาก อย่างเช่นในจุดที่มีบ่อน้ำผุร้อนผุดออกมา หรือบริเวณที่ลาวาไหลผ่าน

แต่ ถ้าเทียบกันระหว่าง 2 ตัวนี้แล้ว ความสามารถในการต้านทานความร้อนของเฮล เฟลม กริซลีจะด้อยกว่ากิ้งก่าลาวาเยอะอยู่เหมือนกัน

 

“หรือก็คือ หินอัคคีตรงไหนที่เฮล เฟลม กริซลีกินได้ กิ้งก่าลาวาก็กินได้เหมือน แต่กลับกัน ตรงที่กิ้งก่าลาวาเข้าไปกินหินอัคคีได้ เฮล เฟลม กริซลีก็อาจจะเข้าไปไม่ได้ก็ได้งั้นสินะคะ?”
“ก็ถูกค่ะ แค่ถึงอย่างนั้น เฮล เฟลม กริซลีก็ไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่จะโดนจัดการลงไปได้ง่ายๆ หรอกนะคะ แถมถ้าพวกกิ้งก่าหนีไปตรวจุดน้ำพุร้อน พวกมันก็ไม่มีทางโดนจับตัวได้อีกต่างหาก—”
“พอพ่ายแพ้ในศึกแย่งชิงอาหารเพื่อการอยู่รอด มันก็เลยไปทำให้เฮล เฟลมกริซลีเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่ง”
“ค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น”

 

การที่เราหาเก็บหินอัคคีที่กระจายอยู่ระหว่างทางแทบไม่ได้เลยนี่ก็ช่วยสนับสนุนสมมติฐานเมื่อกี้ด้วยเหมือนกัน

ถ้าจะตั้งคำถามอะไรล่ะก็ คงเป็นเรื่องที่ว่าทำไมจำนวนประชากรของกิ้งก่าลาวาถึงได้เพิ่มขึ้นมานี่แหละ

พวกมันอพยพเข้ามาจากที่อื่นหรือเปล่านะ? หรือไปเจอปัจจัยอะไรซักอย่างที่ทำให้จำนวนประชากรของพวกมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเข้า?

ถึงแม้ว่าจนถึงตอนนี้ จะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าอสูรร้ายสามารถขยายพันธุ์ผ่านกระบวนการสืบพันธุ์ตามปกติแบบที่สัตว์ทั่วไปทำได้หรือเปล่า แต่จะไปครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกว่ามั้ย?

สิ่งที่สำคัญสำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุคือความรู้เรื่องที่ว่าจะจัดการวัตถุดิบที่ได้มาจากพวกอสูรร้ายยังไงต่างหาก

ให้ไปศึกษาเรื่องระบบนิเวศของพวกอสูรร้ายเนี่ย มันทำเงินจริงๆ จังๆ ไม่ได้หรอก

 

“นี่หมายความว่า ตอนนี้การสืบเสาะจบแล้วเรอะ? ยังไม่ค่อยได้อะไรเลยนะ”
“มันก็ใช่ค่ะ แต่ตรงจุดนี้ มีอะไรที่เราทำเพิ่มได้อีกงั้นเหรอคะ? รายงานหลักๆ ก็คงเป็น [สาเหตุของการคลุ้มคลั่งของเฮล เฟลม กริซลีคือกิ้งก่าลาวา ความเป็นไปได้ที่จะมีเหตุอย่างการคลุ้มคลั่งเกิดขึ้นอีกครั้งค่อนข้างต่ำ] นะคะ”
“นั่นสินะ แถวๆ นี้เองก็ไม่เห็นมีเฮล เฟลม กริซลีอยู่เลยด้วย… กลับกันเลยมั้ย?”
“ก็ดีนะ กลับไปเร็วๆ หน่อยยิ่งจะได้ดีกับเอรินด้วย”

 

หลังจากที่ได้ข้อสรุปกันเรียบร้อย พวกเราก็กำลังจะมุ่งหน้ากลับกัน แต่คุณไอริสกลับชี้ไปที่ภูเขาด้วยสีหน้าสงสัยแทน

 

“หืม? ไม่จำเป็นต้องตรวจดูให้ไกลกว่านี้เหรอคะ? ยังเหลือตรงส่วนยอดเขาอีกนี่นา?”

 

ตอนนี้พวกเราเลยกลางทางของทางลาดขึ้นเขามานิดหน่อย

พื้นที่ที่เราสำรวจไปมันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนนึงของบริเวณที่เราคิดว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมันน่ะ…

 

“หยุดอยู่แค่ตรงนี้จะดีกว่านะคะ รู้หรือเปล่าคะว่าทำไมกิ้งก่าลาวาถึงได้ถูกเรียกด้วยอีกชื่อหนึ่งว่า [ซาลามานเดอร์เลียน]?”

 

ทุกคนหันไปมองหน้ากันไปกันมา ก็จะส่ายหน้าตอบคำถามของฉัน

 

“ถ้าถามแบบนั้น หนูกำลังจะสื่อว่ายังมีอะไรที่มันยิ่งกว่ากิ้งก่าลาวาที่ทำได้แค่ทนร้อนกับพ่นไฟได้ งั้นสินะ?”
“ค่ะ นี่เป็นข้อมูลค่อนข้างสำคัญเลย หนังสือโดยทั่วไปก็จะเขียนถึงเอาไว้ด้วย แต่―――”

 

กิ้งก่าลาวากับซาลามานเดอร์

ถึงใครก็ตามที่รู้เกี่ยวกับพวกมันจะไม่มีทางจะแยกอสูรร้ายทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่ออกอยู่แล้ว แต่การที่กิ้งก่าลาวายังถูกเรียกว่า [ซาลามานเดอร์เลียน] นั้นมันก็เป็นเพราะว่า อสูรร้ายทั้ง 2 สายพันธุ์นี้มักจะถูกเจอตัวได้ในสถานที่เดียวกันไงล่ะ

ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะมีความใกล้เคียงกันทางชีวภาพบางอย่าง หรือเป็นแค่เรื่องบังเอิญเฉยๆ อันนี้ก็ยังไม่แน่ชัด แต่พอเอาทั้งเรื่องที่เฮล เฟลม กริซลีมีแหล่งที่อยู่เดียวกันกับกิ้งก่าลาวา ทั้งเรื่องของซาลามานเดอร์ที่เรายังไม่รู้ มันก็ต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่างอยู่เบื้องหลังแน่ๆ

 

“หรือก็คือ ยังไงนะคะ? ถ้าเราเดินหน้ากันต่อ เราอาจจะเจอเข้ากับซาลามานเดอร์ก็ได้งั้นเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ นั่นก็เป็นความเป็นไปได้แบบหนึ่ง”
“อืม… ต่อให้จะเป็นนายท่านผู้จัดการ ก็จัดการซาลามานเดอร์ไม่ไหวเหมือนกันสินะคะ?”
“อย่างน้อย ถ้าด้วยอุปกรณ์ของฉันตอนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ แต่ถ้าเกิดทิ้งเรื่องการทำกำไรไปเลย แล้วเตรียมตัวพร้อมมาแล้วเรียบร้อยล่ะก็… นั่นสิคะ? ฉันไม่เคยคิดเรื่องการจัดการกับซาลามานเดอร์มาก่อนเลย”

 

ถ้าใช้เกราะที่ต้านลมหายใจเพลิงของซาลามานเดอร์ได้ กับพวกอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ที่ใช้แล้วทิ้งอีกเยอะๆ เลยเนี่ย… ก็อาจจะ พอรับมือได้อยู่มั้ง?

การอ่านหนังสือสามารถช่วยให้เราเข้าใจถึงอันตรายได้ก็จริง แต่เพราะมันไม่ได้ประเมินความแข็งแกร่งออกมาเป็นค่าตัวเลข การจะตัดสินว่าเราสามารถจัดการได้มั้ยมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายล่ะนะ

 

“ฉันไม่เคยเจอซาลามานเดอร์มาก่อนเหมือนกันค่ะ ไว้คราวหน้าฉันจะลองถามอาจารย์ฉันดูนะคะ”

 

คุณไอริสโบกมือผับๆ ตอบฉันมาด้วยท่าทีที่ดูจะตื่นตระหนกนิดหน่อย

 

“อ่า ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะไปจัดการมันหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะคะ…”
“จริงด้วยค่ะ จะว่าไป คุณผู้จัดการคะ คงไม่มีเรื่องอันตรายอย่างการที่ซาลามานเดอร์บุกโจมตีหมู่บ้านหรอก―――ใช่มั้ยคะ?”
“ไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอนค่ะ ซาลามานเดอร์ไม่ใช่อสูรร้ายที่จะออกมาจากอาณาเขตของตัวเอง เว้นเสียแต่ว่า ถ้าเกิดภูเขาไฟเกิดระเบิดขึ้นมาจนหมู่บ้านโดนลาวาเข้าท่วมนั่นก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่ถ้าเป็นเรื่องตอนนั้น เรื่องของซาลามานเดอร์ก็ไม่ใช่เรื่องหลักที่เราต้องกังวลแล้วใช่มั้ยล่ะคะ?”
“แน่นอนสิ ตอนนั้นพวกข้าก็เปิดแน่บไปพร้อมกับชาวบ้านทุกคนแล้วล่ะ! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ไม่ใช่แล้วอังเดร รู้ตัวใช่มั้ยว่านั่นมันไม่ใช่เรื่องตลกนะเฟ่ย?”

 

คุณเกรย์คิ้วกระตุกนิดหน่อยพอได้ยินสิ่งที่คุณอังเดรพูดออกมาแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่คุณอังเดรก็ทำแค่ยักไหล่เฉยๆ

 

“เอาเถอะ จะไปกังวลก็คงไม่ได้อะไรสินะ แล้วนี่ ซาราสะจัง หนูคิดว่าที่นี่มีซาลามานเดอร์มั้ย?”
“ฉันคิดว่าก็อาจจะมีนะคะ เวทมนตร์ตรวจจับของฉันก็ตรวจเจอสัญญาณที่ค่อนข้างรุนแรงได้ด้วย ต่อให้จะไม่ใช่ซาลามานเดอร์ ยังไงมันก็ต้องเป็นตัวอะไรที่แข็งแกร่งมากแน่นอน”

 

เพราะแบบนี้แหละ ฉันถึงได้ตัดสินใจหยุดการเดินหน้าต่อเอาไว้แค่นี้ก่อน

พอได้ฟังคำตอบจากฉันแล้ว คุณอังเดรก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

“ดูเหมือนเราจะมาได้ถึงแค่ตรงนี้สินะ จะให้เอาชีวิตมาเสี่ยงด้วยเงินตอบแทนเท่านี้ก็ออกจะเกินไปหน่อย มีใครเห็นแย้งมั้ย?”
“ไม่มีปัญหา”
“ไม่มีแหงอยู่แล้ว”

 

คุณเกรย์กับคุณกิลต่างก็เห็นด้วยกับคุณอังเดร

คุณไอริสกับคุณเคทเองก็พยักหน้าเหมือนกัน ก่อนจะเสนอเพิ่มเติม

 

“พวกฉันไม่เห็นแย้งเหมือนกันค่ะ แต่ในเมื่อพวกเรามาไกลกันถึงขนาดนี้แล้ว แถมนายท่านผู้จัดการก็อยู่ที่นี่กับเราด้วย ฉันคิดว่าเราอาจจะล่าพวกกิ้งก่าลาวากลับไปบ้างซักนิดซักหน่อยตอนขากลับก็คงดี… คิดว่ายังไงบ้างคะ?”
“ก็จริงนะคะ ในเมื่อเรามากันจนถึงที่นี่แล้ว ถ้าหาเงินได้เพิ่มอีกซักนิดก็ดี… คิดว่ายังไงบ้างคะคุณผู้จัดการ?”

 

ตอนที่คุณเคทมองมาที่ฉันเหมือนอยากจะถามความเห็นเพิ่มเติม ฉันก็เอียงหัวนิดๆ ครุ่นคิดดูก่อน

สำหรับฉัน คุณค่าของการมาที่นี่ก็คือการเก็บวัตถุดิบเล่นแร่ที่ค่อนข้างจะหาได้ยากกลับไป แต่ถ้าต้องมาประเมินเป็นมูลค่าเงินตราแล้วนี่… ก็น่าคิดอยู่นะ

ถ้ามองว่าขนาดเฮล เฟลม กริซลียังถึงกับคลุ้มคลั่งได้เลยเนี่ย ก็เข้าใจได้อยู่นะถ้าปริมาณหินอัคคีที่เราจะหาเก็บได้ก็คงไม่เยอะหรอก

ถ้าแบ่งออกให้เท่าๆ กัน เงินที่หาเพิ่มมาได้ก็อาจจะพอๆ กับเงินที่พวกเขาหาได้วันนึงล่ะมั้ง

ต่อให้จะมองเป็นรายได้เสริมนิดหน่อย มันก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอก แต่ฉันก็เข้าใจได้นะเรื่องความรู้สึกเสียดายของเนี่ย

 

“ฉันไม่ติดขัดอะไรค่ะ จะเก็บเอาวัตถุดิบมาจากกิ้งก่าลาวาก็ไม่ได้เสียหายอะไรหรอก ปัญหาคือเราจะล่าพวกมันได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่ามากกว่า… พวกคุณไม่มีใครเคยล่ามันมาก่อนเลยใช่มั้ยคะ?”
“ฉันไม่เคยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวมันเลยด้วยซ้ำ”
“พวกข้าก็ไม่เคย ที่แบบนี้ก็ยังไม่เคยเข้ามาถึงมาก่อนเลยด้วย”
“แบบนี้เอง ถ้างั้น ฉันจะลองจัดการให้ดูก่อนแล้วกันนะคะ”

 

ฉันชี้ไปที่กิ้งก่าลาวาตัวนึงที่กำลังกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างไม่แยแสอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ก่อนจะเริ่มอธิบาย

 

“ขั้นแรก ต้องระวังลมหายใจของมันและหางของมันค่ะ”

 

แน่นอนว่าลมหายใจของมันน่ะอันตราย แต่การโจมตีจากหางของมันเองก็ประมาทไม่ได้เหมือนกัน

ถึงการเคลื่อนไหวตามปกติของมันอาจจะดูอุ้ยอ้าย แต่หางของมันน่ะสะบัดได้ทั้งเร็วทั้งแรงจนนึกภาพไม่ออกเลยล่ะว่ามันจะมาจากตัวที่ดูเชื่องช้าแบบนั้น

ถ้าโชคร้ายขนาดโดนหางฟาดใส่ผิดจุดล่ะก็ ขนาดขาของผู้ใหญ่ก็ยังหักได้เลย เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดคุณเดินย่องเข้าไปหามันเพื่อจัดการจากทางด้านหลังแบบไม่ทันได้คิดล่ะก็ คุณอาจจะโดนมันซัดเข้าที่ขาแบบจังๆ เลยก็ได้

 

“เห็นแวบแรก กรงเล็บที่แหลมคมของมันก็อาจจะดูอันตรายนะคะ แต่ตามปกติแล้วคุณไม่จำเป็นต้องไปกังวลอะไรมันขนาดนั้นเลย มันจะใช้ก็เมื่อพวกเราไม่สามารถขยับไปไหนได้ ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะประมาทมันได้หรอกค่ะ เพียงแต่ว่า…”

 

ยกตัวอย่างเช่นตอนที่กระดูกขาทั้ง 2 ขาถูกหางฟาดจนหัก แล้วคุณไม่สามารถวิ่งหนีไปไหนได้

การโจมตีจากกรงเหล็บของมันที่ส่งมาจากท่อนขาที่แน่นปึกนั่นน่ะ ว่ากันว่าสามารถฉีกทะลุได้แม้แต่ขนของเฮล เฟลม กริซลีได้เลย เพราะงั้นแค่เกราะนิดๆ หน่อยๆ เนี่ยช่วยอะไรไม่ได้หรอก

ตอนที่กิ้งก่าลาวาจะต่อสู้กับเฮล เฟลม กริซลี มันจะอาศัยข้อได้เปรียบอย่างความสามารถในการทนต่อความร้อนที่ต่างกันกับสภาพพื้นที่ที่มันโปรดปราน โดยการล่อให้เฮล เฟลม กริซลีเข้ามาตรงบริเวณบ่อน้ำพุร้อนที่คล้ายกับโคลน ก่อนจะใช้วิธีการคล้ายๆ กับที่เล่าเอาไว้ก่อนหน้านี้ในการจัดการ

 

“เพราะฉะนั้น ในการจัดการกับกิ้งก่าลาวา อย่าไล่ตามมันมากเกินไปค่ะ ถ้าเกิดไม่ระวังที่ใต้เท้าของตัวเองล่ะก็ รู้ตัวอีกที คุณอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงไปแล้วก็ได้”

 

ถ้าเราถูกกิ้งก่าลาวา 4-5 ตัวมาล้อมรอบในขณะที่ขาจมอยู่ในโคลนล่ะก็ ต่อให้จะเป็นพวกเราก็ตกอยู่ในอันตรายได้เลยจากการถูกรุมทึ้งด้วยลมหายใจและกรงเหล็บของมัน

วิธีการเข้าหาที่ดูที่สุดก็คือใช้การโจมตีระยะไกลหรืออาวุธยาวอย่างหอก แต่นั่นก็จะมีแต่ธนูของคุณเคทกับเวทมนตร์ของฉันเท่านั้นเอง

สำหรับคนอื่นๆ ที่ใช้ดาบ ก็คงพูดยากนะว่าเป็นอาวุธที่เหมาะมาใช้

เพราะฉะนั้น ถ้าฉันใช้เวทมนตร์จัดการไปเลยมันก็ง่ายๆ ล่ะนะ แต่คราวนี้ เพื่อเป็นการทำให้ทุกคนได้เห็นเป็นตัวอย่างด้วย…

 

“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอลองดูนะคะ เราควรจะเล็งที่ส่วนนุ่มๆ อย่างฝั่งท้องของมัน ฝั่งหลังนั้นค่อนข้างถึกทน ใช้ดาบฟันไม่เข้าหรอกค่ะ”

 

พออธิบายจบ ก็ได้เวลามาประยุกต์ใช้ภาคปฏิบัติแล้ว

ครั้งนี้ ฉันตัดสินใจจะใช้ดาบ โดยไม่ได้ฟังคำทัดทานของคุณไอริสกับคนอื่นๆ

ฉันกระโดดพุ่งตัวเข้าไปจากที่ที่ห่างออกมา เข้าไปหาทางด้านข้างของกิ้งก่าลาวา

การเข้าไปช้าๆ จะทำให้ตกเป็นเป้าของลมหายใจมันเข้าได้ง่ายๆ แทน

ก่อนที่เจ้ากิ้งก่าจะทันได้หันหัวมาหาฉัน ฉันก็ฟันดาบลงไปอย่างรวดเร็วแล้ว

 

“อย่างที่เห็นค่ะ การโจมตีใส่จากด้านบนนั้น―――”

 

*ฉึบ!*
*กลุก กลุก* *ตุบ* *ตุบ!*

 

 

“…ก็ ประมาณนี้แหละค่ะ เพราะฉะนั้น การเล็งโจมตีที่ส่วนท้องจากทางด้านข้าง หรือถ้าเป็นไปได้ พลิกตัวให้หงายแล้วโจมตีใส่ นี่ก็สามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดายแล้วค่ะ”
“ไม่ใช่แล้ว! นี่ก็ฟันเข้าไปแล้วไม่ใช่เรอะ! หัวกลิ้งขลุกๆ อยู่นั่นน่ะ!”

 

 

ฉันพูดต่อไปอย่างราบลื่นไม่ขาดช่วง จนคุณกิลแสดงความเห็นขึ้นมานี่แหละ

 

“แปลกจังเลยน้า…?”

 

ฉันกะว่าจะทำให้เห็นว่าดาบมันจะฟันไม่เข้าจนเด้งออกมาซักหน่อย แต่กลายเป็นว่าดาบกลับฟันฉับ ตัดกิ้งก่าลาวาออกเป็น 2 ท่อน ทำเอาหัวกับตัวแยกออกจากกันเลย น่าสงสารจัง

ร่างที่ไร้หัวก็ยังมีแรงดิ้นไปดิ้นมาต่อ… อ่า ตอนนี้ดูจะช้าลงซะแล้วสิ―อื้ม สาเหตุของความพ่ายแพ้ (?) ของมันก็มาจากดาบที่ฉันได้มาจากอาจารย์นี่แหละ

จะว่าไป ดาบเล่มนี้ก็ฟันเข้าแม้กระทั่งคอที่ทั้งแน่นทั้งหนาของเฮล เฟลม กริซลีได้แบบเนี้ยบสุดๆ ไปเลยด้วยนี่นา

อย่างที่อาจารย์บอกเลย [ดาบที่ถึกทนดี] นี่ไม่ใช่แค่คำพูดลอยๆ เลยแฮะ

 

TN: ซาราสะยังคงคิดถึงอาจารย์โอฟิเลียเสมอนะ ^^
อาจารย์นี่มีอะไรให้ “Wow!” ตลอดเลย

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่

[นิยายแปล] ร้านป้ายแดงของสาวนักแปรธาตุมือใหม่

Score 10
Status: Completed
แทบจะเป็นหนทางเลี้ยงชีพทางเดียวเลยที่จะเจริญขึ้นมาได้สำหรับเด็กกำพร้าตัวคนเดียว นั่นคือการเอาหนังสือรับรองการเล่นแร่แปรธาตุแห่งชาติมาให้ได้! ซาราสะ เด็กสาวที่จบจากวิทยาลัยหลวงฝึกสอนนักเล่นแร่แปรธาตุ สถานที่ที่ไม่ต้องการอะไรอื่นนอกจากความสามารถของผู้เรียน ได้รับการเสนอร้านแห่งนึงมาจากอาจารย์ของเธอ เธอเริ่มออกเดินทางภายใต้การมองส่งของอาจารย์ผู้ใจกว้าง เฝ้าฝันถึงชีวิตที่สวยงามกว่าทั่วๆ ไปในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่ว่า ในสถานที่แบบนี้ ถ้าเธอไม่เปิดร้านล่ะก็ ชีวิตแบบนั้นก็ไม่มีวันมาถึงแน่―― เธอที่รายล้อมด้วยพนักงานทำงานพิเศษที่น่ารัก กับชาวบ้านที่เป็นมิตร เป้าหมายอยู่ที่การเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุของประเทศอย่างเต็มตัวให้ได้! ชีวิตทำงานอันสโลว์ไลฟ์เริ่มเปิดให้บริการแล้ว! (เรื่องนี้แปลจากฉบับ LN ภาษาญี่ปุ่น)

Options

not work with dark mode
Reset