ผ่านมาซักพักแล้วตั้งแต่ตอนที่พ่อค้าคนนั้นออกไปจากหมู่บ้านย็อคเพราะมีปัญหานิดหน่อย
สถานการณ์ในหมู่บ้านที่เคยมีเศรษฐกิจเติบโตมากเป็นฟองสบู่เลย ตอนนี้ก็สงบลงมาแล้วจากการที่ฉันลดราคารับซื้อเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งลงอย่างมีนัยสำคัญ แถมพวกค้างคาวในถ้ำเองก็ลดลงไปแล้วด้วย
ก็มีนักเก็บสะสมบางคนบ่นเรื่องนี้เหมือนกัน แต่พอเราอธิบายไปว่า ‘เพื่อจะรักษาทรัพยากรเอาไว้สำหรับปีต่อๆ ไปค่ะ’ คนส่วนใหญ่ก็ยอมถอยแต่โดยดีนะ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรนักหรอก
แถมแต่ไหนแต่ไร นักเก็บสะสมส่วนมากก็หาเงินกันได้พออยู่แล้วก่อนหน้านี้ แถมแหล่งที่จะใช้เงินในหมู่บ้านนี่ ส่วนใหญ่ก็หมดไปกับการดื่มเหล้าดีๆ เท่านั้นเอง
มันอดไม่ได้หรอก เงินก็สะสมมาเรื่อยๆ กระเป๋าก็เริ่มหนัก การหาเลี้ยงวันต่อวันก็ไม่มีปัญหาด้วย
“ถึงจะว่ายังไงก็เถอะ ส่วนตัวแล้ว ฉันรู้สึกว่าตัวเองก็ลงแรงไปมาก แต่ผลตอบแทนกลับมากลับน้อยนิดมากเลย”
ฉันส่ายหน้าในขณะที่นึกถึงความทุลักทุเลก่อนหน้านี้ กับผลลัพธ์ที่ออกมา
โลเรียจังที่เห็นฉันเป็นแบบนั้นก็เอียงคอสงสัยพลางกระพริบตาปริบๆ
“เป็นแบบนั้น เหรอคะ? จากที่ฉันเห็นนี่ ก็ดูไม่ได้ลำบากขนาดนั้นเลยนะคะ…”
“…อาเระ? เห็นเป็นแบบนั้นเหรอ?”
ทั้งๆ ที่ฉันเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแท้ๆ แต่นี่ฉันต้องไปล่าวัตถุดิบในถ้ำเอง ไปประชุมอะไรต่อมิอะไรที่เซาว์ท สแตรก ไปเจราจากับพวกพ่อค้า แบบนั้นจะบอกว่าลำบากก็ไม่ผิดหรอกมั้ง?
พอฉันหันไปทางคุณไอริสกับคุณเคทบ้าง ทั้ง 2 คนก็พยักหน้าเห็นด้วยกับโลเรียจังอีก
“ฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะคะว่านายท่านผู้จัดการพยายามหนักมากจริงๆ แต่ว่า ร้านเองก็ทำกำไรได้มากเลยด้วยไม่ใช่เหรอคะ?”
“ถึงคุณผู้จัดการจะไม่มีเงินสดถืออยู่มากขนาดนั้นก็ตาม แต่ว่า คุณก็ได้ลูกหนี้มามากเลย… ไม่สิ ผู้ลงทุนสินะ? เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ?”
“อย่างน้อย ตอนนี้ก็จริงนะคะ แต่ว่า…”
เงินส่วนมากที่ฉันได้ที่ฉันได้มาจากการเก็งกำไรเล็กๆ น้อยๆ ด้วยเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็ง ก็เอาไปใช้รวมทุนกับคุณเลโอโนร่าเพื่อชำระหนี้ของนักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่นๆ ที่ติดพ่อค้าคนนั้น โย้ค บาร์ อยู่จนหมดล่ะนะ
ดูเหมือนพวกเขาจะจ่ายเป็นเงินสดทีละนิดนะ แต่สำหรับตอนนี้ มันก็ไม่ใช่การลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนแบบทันทีทันใดอยู่ดีนั่นแหละ…
“กว่าเราจะได้กำไรก็คงอีกซักพักเลยค่ะ อันที่จริง ฉันเป็นห่วงว่าฉันจะได้เงินคืนครบหรือเปล่ามากกว่า ยังไงพวกเขาก็เป็นนักเก็บสะสมที่ทำธุรกิจไปไม่รอดด้วย”
คือ ต่อให้จะทำธุรกิจไม่เก่งก็เถอะขอแค่เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ อาชีพนี้ก็ควรจะทำเงินได้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ขอแค่อดทนไม่ฝืนตัวเองเกินไป ไม่ทำตัวเอื่อยเฉื่อยขี้เกียจทำงาน แล้วก็หลีกเลี่ยงอย่าไปเป็นหนี้ก็พอ
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ดันกลับเป็นหนี้กันซะได้
เอาเป็นว่าสำหรับตอนนี้ เราไม่ต้องสนใจเหตุผลที่พวกเขาเป็นหนี้หรือเรื่องพวกนั้นไปก่อน ดูเหมือนคุณเลโอโนร่าจะไปรวบรวมข้อมูลมาแล้ว เธอบอกว่า ‘เพราะการประเมินมูลค่าทรัพย์สินมันสำคัญนะ!’ ฉันเองก็เคยได้ยินเรื่องนั้นมาก่อนเหมือนกัน แต่ว่า… ปฏิกิริยาโต้ตอบก็มีหลากหลายเลย ตั้งแต่คนที่อดเห็นใจไม่ได้ ไปจนถึงหงุดหงิดโมโหเลย
เพราะแบบนั้น ใครที่จ่ายหนี้ลำบาก เราก็วางแผนว่าจะเข้มงาดมากกว่า สำหรับใครที่ไม่ลำบาก เราก็อะลุ่มอล่วยให้ได้มากกว่า ในแผนการชำระหนี้ที่ต่างกันไป คุณเลโอโนร่าจะรับหน้าที่ช่วยคุมการจ่ายให้ด้วยล่ะ
เรื่องนี้มันเป็นปัญหาเรื่องระยะห่างด้วยนั่นแหละ ส่วนนี้ก็เลยต้องฝากให้คนอื่นเป็นคนจัดการให้แทน
“จะว่าไป คุณซาราสะคะ ทุกทีคุณให้คนอื่นยืมเงินแบบนี้ด้วยเหรอคะ?”
“อืม~ มันเหมือนกับการไปชำระหนี้ให้มากกว่านะ มันจะต่างจากการให้ยืมเงินอยู่นิดหน่อย…”
คือ ฉันก็อยากจะคิดว่ามันจะไม่เป็นไรนะ กับคนที่เรา ‘อดหงุดหงิดไม่ได้เลย’ นี่ พวกเขาจะเป็นกลุ่มที่ต้องเจอการตรวจสอบบัญชีที่ค่อนข้างจะบ่อยแล้วก็เข้มงวดซักหน่อย ก็หวังว่าเรื่องจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ
มันก็ออกจะเป็นการลงทุนที่เก็งกำไรอยู่ก็จริง แต่เงินตั้งต้นที่ลงไปก็คือเงินที่ฉันทำงานหนักกว่าจะหามาได้นะ
“เอาเถอะค่ะ ถ้าสุดท้ายจะเป็นการเอาเงินไปเผาทิ้งเฉยๆ ฉันก็ยังมีวัตถุดิบอยู่ เพราะอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรหรอก มั้งคะ?”
สุดท้าย เขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่ฉันซื้อมาจากโย้ค บาร์มันก็เยอะมากๆ เลย การที่ฉันจะใช้ให้หมดมันก็ยาก ฉันก็เลยใช้วิธีติดต่อแลกเปลี่ยนวัตถุดิบอื่นๆ กับอาจารย์เอา
ต้องขอบคุณวัตถุดิบพวกนั้นเลยล่ะ การอ่านสารานุกรมแปรธาตุของฉันที่ค้างคามาพักนึงแล้ว ตอนนี้มันก็เริ่มคืบหน้าต่อได้ซักที แบบนี้ ความพยายามที่ลงทุนลงแรงไปก็ออกดอกออกผลแล้วล่ะ
โย้ค บาร์เองก็เสียเงินไปเยอะมาก ซึ่งในภาพรวมของทั้งหมู่บ้านเองก็เป็นผลดีเลย
“แสดงว่า ของที่นายท่านผู้จัดการกำลังสร้างอยู่นี่ก็คือหนึ่งในของพวกนั้นน่ะเหรอคะ?”
“นี่คืออาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ที่เรียกว่า [กล่องเสียงพ้อง] ฉันได้วัตถุดิบในการสร้างมาจากคุณเลโอโนร่าค่ะ”
“เห มันใช้งานยังไงเหรอคะ?”
“ซักครู่นะคะ เดี๋ยวจะใช้งานได้แล้ว… เยี่ยม ได้แล้วค่ะ”
ผลิตภัณฑ์ที่เสร็จแล้ว จะมีหน้าตาเป็นกล่องไม้ทรงลูกบาศก์ขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือ
เห็นแวบแรก มันก็เป็นแค่กล่องไม้ธรรมดาๆ เท่านั้นเอง แต่แน่นอนว่า มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
“วางมือไว้แบบนี้… “เทส เทส คุณเลโอโนร่า ได้ยินหรือเปล่าคะ?” ”
“ได้ยินจ้า สำเร็จแล้วนะ ไว้ต้องการอะไรเธอก็ติดต่อมาได้เลยนะ”
พอจู่ๆ ก็มีเสียงดังสะท้อนออกมาจากกล่องใบนั้น พวกคุณไอริสก็ตกใจกันจนตาโตเลยล่ะ
“สำเร็จแล้วค่ะ “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” —ก็แบบนั้นแหละค่ะ”
“นี่มัน… เป็นไปได้ด้วยเหรอคะ การพูดคุยกับคนที่อยู่ในเมืองที่ไกลแบบนี้น่ะ?”
“ใช่แล้ว ถึงมันจะใช้พลังเวทค่อนข้างประมาณนึงเลย การพูดคุยกันทางไกลๆ เป็นเวลานานๆ ก็เป็นเรื่องลำบากเลยล่ะ”
ฉันยื่นกล่องพ้องเสียงไปให้คุณไอริสที่โน้มตัวเข้ามาดูอย่างสนใจ
“โห เบาจังเลยนะคะ?”
“สุดยอดไปเลยนะคะ… สำหรับกล่องใบน้อยๆ แบบนี้ ฉันคิดว่าถ้าเอาไปใช้อย่างแพร่หลายกว่านี้ก็คงดีนี่คะ…?”
“มันก็เป็นอาร์ติแฟกต์ที่สุดยอดเลยนะคะ ทั้งๆ ที่มันดูเหมือนแค่กล่องไม้ธรรมดาๆ เท่านั้นเอง”
กล่องพ้องเสียงถูกส่งต่อจากมือของคุณไอริส ไปให้คุณเคท แล้วก็โลเรียจัง ทุกคนพากันหมุนกล่องดูไปมา มองมันอย่างสนอกสนใจ
“มันออกจะแพงอยู่นะคะ ราคามาตรฐานของมันอยู่ที่ 550,000 แรร์ค่ะ”
“เอ๋!! อุหวา! หวา!”
พอได้ยินคำพูดของฉัน โลเรียจังที่ถือกล่องพ้องเสียงอยู่ก็ตกใจจนตัวสั่นเลย
แล้ว กล่องพ้องเสียงก็หลุดจากมือเธอ
“อันตราย!”
คุณไอริสรีบขยับตัวทันทีเลย
เธอพุ่งตัวไหลไปกับพื้น แล้วก๊รีบคว้าเอากล่องพ้องเสียงเอามาเหมือนกับกอดเอาไว้ กันไม่ให้มันตกลงพื้นได้พอดี
“อะวาวา… ข- ขอโทษค่ะ!”
“ไม่เป็นไรเลย เพราะฉันคว้ามันเอาไว้ได้อย่างปลอดภัยแล้วล่ะ”
โลเรียจังลนลานรีบคุกเข่าลงไปดูข้างๆ ตัวของคุณไอริส ซึ่งคุณไอริสก็ยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น ฉันยื่นมือเข้าไปช่วยพยุงทั้งคู่ให้ลุกขึ้นยืน แต่ก็นะ——
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าแค่ทำตกพื้น มันก็ไม่พังหรอกค่ะ นอกเสียจากว่าจะโชคร้ายมากจริงๆ”
“แปลว่าถ้าโชคไม่ดี มันก็พังได้เลยสินะคะ? คุณผู้จัดการคะ เวลายื่นของราคาแพงมาให้ ช่วยทำให้มันดูเป็นของราคาแพงตามนั้นด้วยสิคะ ทำเอาตกใจหมดเลย”
“แบบนี้เอง รับทราบค่ะ”
ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะว่ามันต้องทำยังไงน่ะนะ
ถ้าฉันลนลานกับมันแค่เพราะว่าของมันแพงนิดหน่อยล่ะก็ ฉันคงทำงานพิเศษที่ร้านของอาจารย์ไม่ได้หรอก
กลับกันเลย แบบนั้นน่ะอันตรายกว่าซะอีก
“แล้วก็ เหตุผลที่มันไม่ได้รับความนิยม ก็เป็นเพราะมันค่อนข้างยากที่จะให้คนทั่วไปใช้ด้วยค่ะ”
กล่องพ้องเสียงน่ะ เทียบกับวงเคลื่อนย้ายแล้วก็ใช้พลังเวทน้อยกว่ากันมากก็จริง แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว ถ้าไม่ใช้ศิลาเวทก็ไม่สามารถใช้ได้ หรือต่อให้จะมีพลังเวทอยู่ในตัวก็ตาม การจะคุยกับคนที่อยู่ไกลกว่าเมืองข้างๆ ก็ยังเป็นเรื่องยากลำบากอยู่ดี
กล่าวคือ ถ้าต้องการจะใช้กล่องพ้องเสียงล่ะก็ คนที่จะใช้ก็ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อศิลาเวท หรือไม่ก็ค่าจ้างบุคคลที่มีพลังเวทปริมาณมากในตัวล่ะนะ
ถ้ารวมกับราคาตัวของแล้ว ค่าใช้จ่ายในการใช้งานก็ยังสูงอีก มันก็ไม่แปลกเลยล่ะที่จะไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่
ที่ฉันสร้างมันขึ้นมาครั้งนี้ นอกจากเพื่อเพิ่มระดับของฉันเองแล้ว เพราะฉันเอาไว้ใช้แค่ระหว่างฉันกับคุณเลโอโนร่า ค่าการดำเนินการก็เลยสามารถละออกไปได้เลย
ยิ่งกว่านั้น เพื่อจะรักษาระบบการร่วมมือกันของพวกเราเอาไว้จนถึงอนาคต กล่องพ้องเสียงนี่เป็นของที่มีประโยชน์มากๆ เลยล่ะ
ตอนที่คุณเลโอโนร่าเสนอวัตถุดิบกับเรื่องที่จะสร้างมันขึ้นมา ฉันก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเลย นี่มันโอกาสทองเลยนะ น้ำขึ้นก็ต้องรีบตักสิ
“เพราะแบบนั้นเอง นี่สินะคะเหตุผลที่ทำไมมันถึงไม่ได้ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายเท่าไหร่เลย——จะว่าไป นายท่านผู้จัดการคะ ฉันมีอะไรอยากจะปรึกษาด้วยหน่อย ได้หรือเปล่าคะ?”
“ได้เลยค่ะ ไม่มีปัญหาเลย มีอะไรเหรอคะ?”
ฉันพยักหน้ายิ้มตอบกลับคุณไอริสไป เธอดูจะชะงักไป หลบตาลง ก่อนจะเปิดปากพูดอย่างอึกอัก
“…อึม การเก็บสะสมค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งสิ้นสุดลงแล้วใช่มั้ยคะ? ถ้าอย่างนั้น อาจจะไม่ต้องคุ้มค่าเท่ากับค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งก็ได้ แต่มีวัตถุดิบอันนี้ที่นายท่านผู้จัดการแนะนำว่าคุ้มค่าหรือเปล่าคะ?”
“พวกเราติดหนี้คุณผู้จัดการอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ? เราเลยคิดว่าถ้าคุณผู้จัดการมีวัตถุดิบไหนที่ต้องการหรือคุ้มค่าที่จะไปหามาล่ะก็ พวกเราจะไปเก็บมาค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่คอยพึ่งพิงคุณผู้จัดการตลอดเลย…”
“ของที่คุ้มค่าสินะคะ นั่นสิน้า…”
เรื่องชำระหนี้คืนน่ะ ไม่จำเป็นต้องรีบก็ได้ แต่ฉันก็เข้าใจที่คุณไอริสกับคุณเคทอยากจะใช้หนี้ให้เสร็จเร็วๆ อยู่นะ
ถึงยังไง ถ้าเป็นหนี้ ชีวิตมันก็อยู่ไม่เป็นสุขหรอก
“เพราะที่นี่คือทะเลป่าใหญ่ ตามปกติแล้ว มันก็หาได้อยู่นะ วัตถุดิบที่สามารถชำระหนี้ได้ในคราวเดียวเลย แต่ว่า―――”
จากคำพูดที่ฉันหลุดปากไปแบบไม่ได้ตั้งใจ ทั้ง 2 คนก็รีบเข้ามาแทรกฉันด้วยความลนลานที่แสดงออกมาทางสีหน้ากันเลย
“อ่า ข- ขอเป็นว่า ขอเป็นระดับที่พวกเรายังสามารถกลับมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัยด้วยนะคะ”
“ช- ใช่ค่ะ ถ้าจัดลำดับความสำคัญสลับกัน จนเจ็บสาหัสกลับมาอีก จะกลายเป็นว่าติดหนี้มากกว่าเดิมนะคะ”
“แน่นอน ฉันเข้าใจเรื่องนั้นค่ะ จากความสามารถของคุณไอริสกับคุณเคทแล้ว…”
สไปทเวิร์มก็ดีนะ สามารถรวบรวมมาทีนึงได้เยอะเลยด้วย ที่ร้านเองก็ขาดของอยู่บ่อยๆ เลย แต่ถ้าจะให้พวกคุณไอริสไปเก็บพวกมันนี่ มันออกจะไม่คุ้มเท่าไหร่นะ
ถ้าอยู่ใกล้ๆ นี่ ก็เป็นวัตถุดิบที่แม้แต่โลเรียจังเองก็ยังเก็บมาได้เลย ส่วนการจะหาให้ได้มาจำนวนมากๆ นี่ก็จะเป็นเรื่องยากซักหน่อย จำนวนเงินที่หาได้ต่อชั่วโมงก็ไม่สูงด้วย
สำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี่ หินอัคคีก็จะเป็นวัตถุดิบที่เป็นที่ต้องการเลย ราคารับซื้อก็สูงด้วย แต่มันก็ไปเก็บได้แค่บริเวณแหล่งที่อยู่อาศัยของเฮล เฟลม กริซลีอีก
การจะเข้าไปที่นั่นทั้งๆ ที่เราก็ยังไม่เข้าใจสาเหตุจริงๆ ของการคลุ้มคลั่งของเฮล เฟลม กริซลีเมื่อไม่นานนี้เลยก็ออกจะเสี่ยงเกินไป
ในฤดูนี้ ผลโจฟุเอะ (ジョフエの実) ออกแล้วสินะ ถึงจะหายาก แถมราคารับซื้อยังลูกละหลายพันแรร์เลยก็จริง แต่ความหายากของมันนี่แหละ การจะเจอมันแทบเป็นการเสี่ยงดวงเลย
มันเลยออกจะเป็นวัตถุดิบที่เหมือนโบนัส ที่ไปเจอพอดีหลังจากไปหาวัตถุดิบอื่นๆ มากกว่า
ถ้าแบบนี้ อย่างอื่นก็…
“ถ้าแบบนั้น น้ำผึ้งจากผึ้งผลเน่า (腐果蜂) คิดว่ายังไงบ้างคะ? ช่วงนี้อยู่ในฤดูของมันด้วย แถมยังเป็นวัตถุดิบสำหรับทำน้ำผึ้งเกรดพรีเมี่ยมได้เป็นอย่างดีเลยด้วย ทางเรารับซื้อในราคาสูงด้วยนะคะ? ถึงจะจำเป็นต้องเตรียมการก่อนจะเข้าไปเก็บก็จริง แต่ถ้าได้เจอรังใหญ่ๆ ล่ะก็ สามารถหาเงินได้มากในครั้งเดียวเลยค่ะ”
ฉันลองคิดถึงวัตถุดิบหลายๆ อย่างที่เข้ามาในหัวดูแล้ว ก่อนจะเสนออันที่ดูจะเหมาะกับคุณไอริสกับคุณเคทในตอนนี้ให้ แต่ทั้ง 2 คนก็ส่ายหน้าตอบพร้อมกันเลย
“ผึ้งผลเน่า? เคท รู้จักหรือเปล่า?”
“ไม่เลย เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ ขอโทษนะคะคุณผู้จัดการ แต่ช่วยอธิบายให้ละเอียดขึ้นกว่านี้หน่อยได้มั้ยคะ?”
“ได้เลยค่ะ ไม่ใช่ปัญหา เออ――”
ผึ้งผลเน่า คือผึ้งที่กินผลไม้ที่เน่าแล้วเป็นอาหารหลักตามที่ชื่อของมันบอกเลย
ตามปกติแล้ว พวกมันจะออกหากินในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง แต่ถ้าเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับแหล่งที่อยู่ของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งล่ะก็ มันจะเริ่มออกหากินกันตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนแทน
เป้าหมายของมันก็คือผลไม้ที่ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเอามากักตุนไว้และปล่อยให้บ่มจนเน่า
ตามปกติแล้ว พวกผึ้งผลเน่าไปแย่งกินอาหารที่ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเก็บเอาไว้ก็ควรจะถูกมองว่าเป็นศัตรูนะ แต่เพราะส่วนที่พวกผึ้งกิน มีเฉพาะส่วนที่พวกค้างคาวไม่กินอยู่แล้ว ต่อให้พวกมันจะโดนแย่งกินไปก็ไม่มีปัญหา
แถมพวกผึ้งผลเน่ายังคอยไล่ศัตรูตัวอื่นๆ ที่บุกรุกเข้ามาในถ้ำได้ด้วย ในแง่ระบบนิเวศแล้ว พวกมันก็เลยมีความสัมพันธ์แบบได้ประโยชน์ร่วมกัน
เพราะแบบนั้น น้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งผลเน่า ที่ได้มาจากผลไม้บ่มจนเน่าของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งจึงเป็นของที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี แล้วก็ยังมีราคาขายที่สูงแบบน้ำผึ้งดาดดื่นทั่วไปเทียบไปติดเลยด้วย
“จะว่าไปแล้วนี่ ดูจากถ้ำของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่อยู่ใกล้ๆ แล้ว ก็เป็นไปได้นะคะว่ารังผึ้งที่หาได้บริเวณนี้อาจจะใหญ่กว่าที่พบได้ทั่วไป”
“แบบนี้เอง… หือ? นี่หรือว่า ตอนนี้ ถ้าเข้าไปในถ้ำค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็ง จะโดนผึ้งพวกนั้นรุมต่อยเหรอคะ?”
ตอนอธิบายมาถึงช่วงที่ว่า ‘คอยไล่ศัตรูตัวอื่นๆ ที่บุกรุกเข้ามาในถ้ำ’ คุณไอริสก็สังเกตจุดนี้ได้ ซึ่งฉันก็พยักหน้าให้เป็นคำตอบ
“ก็มีความเสี่ยงอยู่ค่ะ ฉันคิดว่าถ้าพกอาร์ติแฟกต์ที่ไล่แมลงไปด้วยก็ไม่เป็นไรแล้วนะคะ อ๊ะ ตอนไปเก็บน้ำผึ้งของผึ้งผลเน่า ฉันแนะนำให้เอา [ผ้าคลุมหน้าไล่แมลง] ไปแทน ดีกว่าแค่ [เครื่องไล่แมลง] นะคะ”
“เครื่องไล่แมลงทั่วๆ ไปไม่พอเหรอคะ? แบบนั้นไม่แพงกว่าอีกเหรอ?”
“มันใช้ไม่ได้เลยค่ะ [เครื่องไล่แมลง] เป็นอาร์ติแฟกต์ที่จะสร้างพื้นที่ที่แมลงหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปหาค่ะ แต่ถ้ารังของตัวเองถูกโจมตีล่ะก็ คุณคิดว่าด้วยการแค่ ‘หลีกเลี่ยง’ นี่ จะทำให้พวกแมลงไม่เข้ามาโจมตีเหรอคะ?”
“…ก็จริงนะ แล้วยังมีอะไรที่จำเป็นต้องใช้อีกหรือเปล่าคะ?”
“ที่ต้องเอาไปด้วยเลยก็คือยาแก้พิษจากเหล็กในผึ้งค่ะ ถ้าไม่พกไปด้วยล่ะก็ สามารถตายได้เลย”
ตอนที่ฉันเน้นย้ำเรื่องความสำคัญ คุณเคทก็ตกใจจนตาโตเลย
“ถึงตายเลย!? ผึ้งนั่นอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“ถ้าใครๆ ก็สามารถไปเก็บมันมาได้ล่ะก็ มันคงราคาไม่สูงแบบนี้หรอกค่ะ”
“อือ… ก็จริงนะ แบบนี้ นอกจากพวกเราแล้ว ชวนพวกคุณอังเดรไปด้วยดีมั้ยคะ…?”
“แล้วแต่พวกคุณได้เลยค่ะ มันแล้วแต่ว่ารังผึ้งมันอยู่ที่ไหนในป่า แต่ถ้าพวกคุณเลือกให้ความสำคัญกับความปลอดภัยไว้ก่อนล่ะก็ ฉันแนะนำให้ชวนพวกเขาไปนะคะ แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับเรื่องเงินเป็นหลัก นั่นก็อีกเรื่องนึง…”
ถึงตัวผึ้งผลเน่าเองจะไม่ได้เป็นอันตรายมากขนาดนั้น แต่นั่นน่ะไม่ใช่กับสัตว์ตัวอื่นๆ ในป่าหรอกนะ ถ้าพวกเธอตามล่าผึ้งจนเข้าป่าไปลึกล่ะก็ คุณไอริสกับคุณเคทอยู่ด้วยกันแค่ 2 คนนี่ก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกันนะ แต่ว่า นั่นก็เป็นเรื่องที่พวกเธอเก็บเอาไว้คิดอยู่แล้วล่ะ
ยังไง ทั้ง 2 คนก็เป็นนักเก็บสะสมมืออาชีพกันนะ
“ขอบคุณค่ะ นายท่านผู้จัดการ เดี๋ยวพวกเราคิดดูดีๆ ก่อนนะคะ”
“ค่ะ รักษาตัวดีๆ นะคะ”
TN: 1 ในสิ่งที่ผมชอบในนิยายเรื่องนี้ คือ World Setting ที่เชื่อมโยงกันในแง่ระบบนิเวศนี่แหละครับ ^^
แอบเพิ่มฉากของเจ้า [กล่องเสียงพ้อง] จากมังงะมาให้ดูนะ
จะเห็นว่าราคาในมังงะกับนิยายไม่เท่ากันนะครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม…
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r