“แล้วนี่ ทางพ่อค้ารายนั้นเป็นยังไงบ้างเหรอคะคุณเคท?”
จุดที่ยากในแผนการนี้ก็คือ ฉันไม่สามารถเข้าไปติดต่อกับพ่อค้าคนนั้นโดยตรงได้
เพราะอย่างนั้น ฉันเลยให้คุณเคทเป็นคนช่วยประเมินรายละเอียดปลีกย่อยพวกนั้นแทน
ไม่ใช่เพราะเธอดูน่าเชื่อใจได้มากกว่าคุณไอริสหรอกนะ ว่ามั้ย?
“เห็นท่าทางร้อนใจได้อยู่นะคะ แต่ว่า… ฉันสงสัยเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“รู้สึกจะได้ยินเหมือนเขาพูดว่า ‘ดื้อด้านเกินคาดเลยนะ’ ล่ะมั้งคะ?”
คุณเคทพึมพำด้วยสีหน้าปั้นยาก แต่คุณไอริสก็ให้ข้อมูลอื่นมาด้วย
“‘ดื้อด้าน’ เหรอ ถ้าหมายความตามนั้นล่ะก็ นี่เขาคิดว่าถ้าฉันไม่ได้เขี้ยวมาเลย ฉันจะทำแค่นั่งร้องห่มร้องไห้หรือไงกันคะ? ถ้ามองจากมุมของฉันแล้วเนี่ย ทางนั้นต่างหากล่ะคะที่ ‘ดื้อด้านเกินคาด’ น่ะ”
อันที่จริง เงินที่ฉันเก็บมาได้จากการขายเขี้ยวน้ำแข็งน่ะเพียงพอที่จะทำให้ฉันยิ้มออกมาได้อย่างไม่ได้ตั้งใจเลยล่ะ
ตอนที่ฉันเอาให้โลเรียจังดู เธอก็อ้าปากค้าง โบกไม้โบกมือไปมท
ไม่นาน หน้าเธอก็เริ่มม่วง ก่อนจะหงายหลังล้มตึงไปเลย
คงบอกจำนวนเงินตรงๆ ไม่ได้หรอก แต่ก็เยอะพอจะซื้อสารานุกรมแปรธาตุในราคาปกติได้อีกหลายชุดเลยล่ะ
ต่อให้จะเป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่กระเป๋าหนักจนน่าตกใจเลยก็ตาม ฉันก็ยังคิดว่าการเก็บเงินได้มากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ นี่มันก็ยังยากอยู่ดี… แต่ทางนั้นนี่ยึดติดจังเลยนะ
“คุณผู้จัดการคะ ฉันคิดว่าพ่อค้าคนนั้นอาจจะส่งเขี้ยวออกไปขายที่เมืองอื่น เพื่อระบายของก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ? ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่เชื่อหรอกค่ะว่าเขาจะมีทุนทรัพย์มากขนาดนั้นได้”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ เห็นหมอนั่นขี่ม้าไปๆ กลับๆ ตั้งหลายครั้งเลย”
“เขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งน่ะ ถึงจะเล็ก แต่ก็มีราคาขายสูงเลยนะคะ ฮุฮุฮุ…”
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณผู้จัดการ? ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูมีเลศนัยน่าดูเลย”
“เปล่าหรอกค่ะ เปล่า ฉันแค่คิดว่ามันเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เลยเท่านั้นเองค่ะ”
ได้เห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปตามที่คาดเอาไว้เป๊ะๆ เลยแบบนี้ ทำเอาฉันอดยิ้มไม่ได้เลยล่ะ
“หมายความว่ายังไงเหรอคะ?”
“คุณไอริสคะ สมมติว่าคุณจะขายเขี้ยวที่ได้มาจากหมู่บ้านนี้ คุณจะเอาไปขายที่ไหนคะ?”
“ถ้าคิดตามปกติแล้ว ก็คงเป็นที่เซาว์ท สแตรกนะคะ เพราะเป็นเมืองที่ใกล้ที่สุดด้วย แล้วก็มีหมู่บ้านเล็กๆ กับเมืองอื่นๆ อีก แต่การรักษาสภาพสินค้าเอาไว้มันก็จะเสื่อมมูลค่าลงไปแล้ว”
“ถูกต้องค่ะ แล้ว คุณจะเอาไปขายให้ใครเหรอคะ?”
“…คนทั่วๆ ไปคงไม่ซื้อหรอกค่ะ ก็มีแต่นักเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้นแหละค่ะที่จะเอาไปขายได้”
“ถูกต้องค่ะ แล้วในบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุในเมืองเซาว์ท สแตรก หนึ่งในนั้นก็เป็นคนรู้จักของฉันด้วยค่ะ”
พอฉันพูดแบบนั้น คุณเคทก็หันมามองที่ฉัน
“หรือว่า คุณจะติดต่อคนๆ นั้นเอาไว้ก่อนแล้วอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ ตอนที่พวกเรามาเจอกัน ฉันขอให้เธอช่วยซื้อเอาไว้เยอะๆ ได้ทันในนาทีสุดท้ายพอดีเลย”
ฉันฝากให้คุณดาร์นาส่งจดหมายอธิบายเรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปให้คุณเลโอโนร่าเรียบร้อยแล้วล่ะ
คุณเลโอโนร่าได้ซื้อเขี้ยวไปในราคาถูกกว่า แล้วฉันก็จำกัดช่องทางทำเงินของพ่อค้าคนนั้นได้ด้วย
ฉันบอกเธอเอาไว้ว่าถ้าเธอซื้อเขี้ยวไม่ได้เพราะถูกโก่งราคาล่ะก็ ฉันมีขายให้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องว่าเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งจะหมดจากคลังเลย
อาจจะดึงความสนใจไปที่นักเล่นแร่แปรธาตุที่ทำธุรกิจแบบไม่ซื่อคนนั้นก็ได้ แต่เอาไว้เกิดเรื่องแบบนั้นก็ค่อยกังวลก็แล้วกัน
ไม่ว่าพ่อค้าคนนั้นกับนักเล่นแร่แปรธาตุจอมคดโกงคนนั้นจะเกี่ยวข้องกันมั้ย ทุนทรัพย์ที่นักเล่นแร่แปรธาตุที่ทำธุรกิจน่ะยังไงก็มีมากอยู่ดี
เราก็แค่เพิ่มปริมาณสินค้าเข้าไปเรื่อยๆ จนกว่าทางนั้นจะซื้อไม่ไหวอีกก็พอ
“สมแล้วนะคะ วางแผนเอาไว้อย่างรอบคอบเลย… ถึงจะเป็นแค่คนตัวเล็กๆ เอง”
“ไม่ได้ตัวเล็กซักหน่อยนะคะ! ฉันยังโตได้อยู่นะ!”
ตอนที่ฉันยืนกรานอยู่แบบนั้น พวกคุณไอริสก็มองมาด้วยสายตาที่ดูอบอุ่นยังไงไม่รู้สิ
“เรื่องนั้นมัน… ไม่ไหวหรอกมั้งคะ?”
“ทำไมล่ะ!”
“เปล่าค่ะ ก็ นายท่านผู้จัดการเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่คะ? ถึงจะเห็นแบบนี้ก็เถอะ”
“แบบนี้น่ะแบบไหนคะ!?”
“ส่วนมาก พอถึงวัยผู้ใหญ่แล้ว เราก็หยุดโตขึ้นแล้วใช่มั้ยล่ะคะ? มีเด็กบางคนที่ยังโตได้อีกหลังจากนั้นเหมือนกัน… แต่ก็เป็นส่วนน้อยนะคะ”
“…ฉันก็เป็นส่วนน้อยที่ว่านั่นได้นี่นา ว่ามั้ยคะ?”
คุณไอริสส่ายหน้า ปัดความหวังของฉันทิ้งไปด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“โชคไม่ดีเท่าไหร่นะคะ เด็กๆ ที่โตมาในบ้านเด็กกำพร้าส่วนมากก็จะตัวเล็กกันนั่นแหละค่ะ เพราะตอนยังเด็ก อาหารการกินที่มีนั้นไม่เพียงพอ”
“อูว…”
นึกออกเลย ก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละ
ฉันไม่ได้อดอยากอะไรหรอก แต่อาหารที่ได้แต่ละมื้อก็ไม่ได้มากมายอะไรเหมือนกัน
ออกกำลังกายฉันก็ไม่ได้ทำเท่าไหร่ด้วย ฉันออกจะต่อต้านซะมากกว่า…
“ไม่เป็นไรหรอกนะคะ คุณผู้จัดการเป็นแบบนี้ก็น่ารักพออยู่แล้วค่ะ”
“ใช่ค่ะๆ ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เอง นายท่านผู้จัดการน่ะมีเรื่องอื่นๆ ที่ดีอีกเยอะแยะเลยนะคะ”
“ไม่ได้ช่วยปลอบเลยซักนิดค่ะ! ทั้งสองคนดูดีอยู่แล้วก็พูดได้สิคะ! นี่แน่ๆ!”
ฉันจัดการส่วนเนื้อนุ่มของทั้ง 2 คนซะเลย
บ้าที่สุดเลย น้ำหนักที่รู้สึกได้นี่ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างมากเข้าไปอีก
“…ถ้าพวกคุณใช้หนี้ไม่ได้ งั้นก็คงต้องเอานี่ไปเพื่อเป็นการชดใช้แล้วกันนะคะ”
พอคุณไอริสกับคุณเคทได้ยินคำงึมงำของฉัน ทั้งคู่ก็ตระหนกตกใจกัน พากันถอยกรูดจากฉันไป เว้นระยะห่างพร้อมกับเอาแขนทั้ง 2 ข้างมันกันหน้าอกของตัวเองเอาไว้
“ย- อย่าพูดเรื่องน่ากลัวแบบนั้นสิคะ!”
“จริงด้วยค่ะ อีกอย่าง จ่ายด้วยร่างกายไปก็ไม่มีประโยชน์นี่คะ!? …ไม่มีใช่มั้ยคะ? ถึงเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุก็คงทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ใช่มั้ยคะ!?”
“ก็ จะบอกว่าทำไม่ได้… ก็คงไม่ได้หรอกค่ะ ฉันแค่อยากระบายความเครียดเท่านั้นเอง”
“หยุดเลยนะคะ! ทำเรื่องน่ากลัวแบบนั้นเพื่อระบายความเสียใจน่ะ!”
ทั้ง 2 คนพากันกรีดร้องด้วยสีหน้าจริงจังสุดขีด เห็นแบบนั้นฉันก็กลั้นขำจนไหล่สั่น ก่อนจะหัวเราะออกมาเลย
“ล้อเล่นค่ะ จริงๆ ถ้าฉันอยากทำอะไรกับเรื่องนี้ ฉันใช้โพชั่น (ยาแปรธาตุ) ช่วยได้ค่ะ จะส่วนสูงหรือสัดส่วนก็ทำได้หมดเลย”
พอได้ยินฉันว่ามาแบบนี้ คุณไอริสกับคุณเคทก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพร้อมกันเลย
ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็ไม่ทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นอยู่แล้ว จริงมั้ยล่ะ?
“สมแล้วนะคะที่เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ สุดยอดเลย”
“แสดงว่า คุณผู้จัดการก็จะโตขึ้นจริงๆ สินะคะ?”
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันไม่คิดจะใช้ยาพวกนั้นเลย”
ทุกอย่างที่คุณพ่อกับคุณแม่เหลือทิ้งเอาไว้ให้ฉัน ก็มีแต่ร่างกายนี้เท่านั้นแล้ว
ฉันไม่คิดจะไปเปลี่ยนมันในแบบที่ผิดธรรมชาติหรอก
เพราะแบบนั้นแหละ ฉันเลยหวังว่าจะโตขึ้นตามธรรมชาติซักหน่อย… แต่ดูเหมือนจะไม่มีหวังสินะ
แย่จัง รู้สึกหดหู่ขึ้นมาหน่อยๆ เลย
“…ดูแล้ว นายท่านผู้จัดการจะอาลัยถึงพ่อกับแม่มากๆ เลยนะคะ”
“ค่ะ ฉันเสียคุณพ่อคุณแม่ไปตั้งแต่เด็ก แล้วทั้งคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่ได้อยู่บ้านบ่อยๆ ด้วย ฉันเลยไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับพวกท่านเท่าไหร่ แต่ฉันก็ยังคิดอยู่เสมอเลยว่าทั้งคุณพ่อกับคุณแม่เป็นคนที่น่าเคารพรักเหมือนเดิม”
“สุดยอดเลยนะคะ นายท่านผู้จัดการ เทิดทูนพ่อแม่ของตัวเอง ถึงจะเป็นเด็กกำพร้าแล้วก็ยังพยายามอย่างหนักโดยไม่ยอมแพ้ จนเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุได้เลย”
“จริงด้วยค่ะ ว่ากันว่าการได้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุนี่เป็นความฝันของบรรดาเด็กกำพร้าเลยนะคะ แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะสามารถทำได้ง่ายๆ เลย”
ได้ยินทั้ง 2 คนพูดมาอย่างจริงใจแบบนั้นแล้ว รู้สึกว่าหน้ามันร้อนขึ้นมาเลยแฮะ
“อ- อะไรกันน่ะคะ จู่ๆ ก็พูดอะไรกันเนี่ย ชมกันแบบนี้มันน่าอายออกนะคะ…”
ฉันพยายามมากก็จริง แต่ก็ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากอาจารย์ จากคุณครูที่บ้านเด็กกำพร้า เด็กๆ คนอื่นๆ แล้วก็ผู้คนอีกมากมายเลยล่ะ
พอถูกชมกันแบบจริงใจเกินไปแบบนี้แล้ว น่าอายจังเลย
“…อะแฮ่ม เอาเป็นว่า ยังมีเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งอยู่อีกนะคะ ดำเนินตามแผนต่อได้เลย”
“ฮุฮุ รับทราบค่ะ วางใจได้เลย จะรูดทรัพย์ทางนั้นออกมาให้เต็มที่ไปเลยค่ะ”
“อ้า มันเป็นของที่ทำเงินทำทอง ขายได้ราคาดีเลยล่ะ”
“ค่ะ ขอให้ช่วยกันพยายามด้วยนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะออกไปซักพักนึง”
“เอ๊ะ? ไปไหนเหรอคะ?”
“ไปประชุมวางกลยุทธ์ที่เมืองเซาว์ท สแตรกค่ะ”
ฉันตอบไปแบบนั้น ก่อนจะหัวเราะ ‘ฮุฮุฮุ’ เสียงดังเลย
TN: ดูไว้นะครับ วิธีการตอบโต้พวกมิจฉาชีพอย่างถูกวิธี
[ไปรูดทรัพย์จากมิจฉาชีพก่อน]
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r