“ผมชื่อเกรทส์ครับ! ลูกชายของแจสเปอร์ นายพรานที่อยู่บ้านข้างๆ นี่น่ะครับ!”
คำพูดนั่นทำให้ฉันย้อนนึกถึงเรื่องที่ฉันได้ฟังจากคุณเอลลิสก่อนหน้านี้
“……อ่า ที่ว่าคุณเป็นพ่อค้าเร่ขายของแทนที่จะเป็นนายพรานสินะคะ?”
“อึก ก- ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ…”
คุณเกรทส์ที่ดูจะอายนิดหน่อยกับเรื่องนั้น พูดยืนยันในขณะที่เจ้าตัวก็อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก
แต่ว่า… ที่เขาเลือกที่จะไม่เป็นนายพรานนี่มันก็คงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ล่ะมั้ง?
เทียบกับคุณแจสเปอร์แล้วเนี่ย ร่างกายของเขาดูอ่อนแอกว่ามากจนฉันยังมองเห็นได้เลยล่ะ
“อ่า พี่เกรทส์นี่เอง ไม่ทันสังเกตเลยนะคะ”
“อุก ใจร้ายจังเลยนะ โลเรียจัง เมื่อก่อนพวกเราก็ยังเคยเล่นอยู่ด้วยกันแท้ๆ…”
คุณเกรทส์คิ้วตก สีหน้าเศร้าสร้อยน่าสงสารทันทีเลยที่โลเรียจังตบมือของตัวเองเหมือนกับว่าเธอเพิ่งจะนึกออก แต่โลเรียจังที่ดูไม่มีที่ท่าเป็นกังวลก็ตอบออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ก็ พี่ออกจากหมู่บ้านไปตั้งแต่หลายปี เรื่องกลับมาบ้านนี่ก็แทบจะไม่เคยได้กลับมา ถ้าไม่อยากถูกลืมก็กลับมาบ่อยๆ ซักหน่อยสิคะ”
“อุก ก็หมู่บ้านนี้ไม่มีอะไรให้ซื้อเลยนี่นา แถมคุณดาร์นาเองก็อยู่ด้วย ต่อให้เอาสินค้าเข้ามาก็ขายไม่ออกหรอก”
“อา ไม่ต้องเอาของเข้ามาด้วยหรอกค่ะ ไม่งั้นร้านของคุณพ่อได้เจ๊งกันพอดี”
“ใจร้าย! ทั้งๆ ที่ก็บอกแล้วไงว่าจะกลับมาบ่อยๆ น่ะ!?”
“พี่บอกว่าพี่จะมาด้วยเหรอคะ? ถ้าไม่ได้มาก็แสดงว่าแค่ลืมไปเฉยๆ งั้นสินะ”
อืม แทงใจดำดังฉึกเลยนะนั่น
กับคำพูดปากคอเราะร้ายของโลเรียจังนั่น ฉันก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ ให้
พอได้รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนสมัยเด็ก (?) มันก็ช่วยให้ฉันสบายใจขึ้น
“แล้ว นี่กลับมาทำไมล่ะคะ? อ้า หรือว่าธุรกิจเร่ขายจะเจ๊งซะแล้ว? ตัดสินใจกลับมารับช่วงต่อจากคุณแจสเปอร์แล้วสินะคะ?”
“ไม่ใช่แล้ว!? อีกอย่างนะ! ผมไม่ได้หนีไปเพราะไม่อยากรับงานต่อจากพ่อด้วย!? ผมได้ยินข่าวลือว่าหมู่บ้านนี้ถูกสัตว์ประหลาดบุก ก็เลยรีบกลับมาต่างหาก”
“อ้อ~ งั้นก็สายไปนิดนึงนะคะ เรื่องนั้นน่ะ มันผ่านไปแล้วล่ะค่ะ”
คุณเกรทส์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับห่อไหล่ ในขณะที่โลเรียจังก็พยักหน้าให้
“ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเสียหายสินะ… อ่า งั้นสินะ”
คุณเกรทส์มองมาที่ฉันด้วยท่าทางสะดุ้งตกใจ ก่อนจะกลับมายืนตัวตรง แล้วโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพ
“ผมได้ยินว่าเป็นฝีมือของคุณสินะครับ คุณซาราสะ ที่ช่วยให้หมู่บ้านนี้ยังรอดปลอดภัยอยู่ได้ ถ้าไม่ได้คุณล่ะก็ ทั้งพ่อแม่ทั้งชาวบ้านคงตายหมดแล้วแน่ๆ ขอบคุณมากนะครับ”
“อ่า ไม่หรอกค่ะ ฉันเองก็อยู่ที่หมู่บ้านนี้แล้วเหมือนกัน การช่วยเหลือกันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว สำหรับเรื่องนี้ ไม่ต้องคิดมากอะไรหรอกนะคะ”
ฉันรีบโบกไม้โบกมือ พลางขอให้เขาเงยหน้าขึ้น
ผู้ชายอายุมากกว่ามาโค้งให้แบบนี้เนี่ย มันน่าอายยังไงไม่รู้สิ
“แต่นี่ แสดงว่าพี่เกรทส์ยังไม่ได้ลืมเรื่องหมู่บ้านไปซะสนิทสินะคะเนี่ย”
“ไม่มีทางจะลืมอยู่แล้วล่ะ ตอนที่ได้ยินข่าว คิดว่าผมตกใจขนาดไหนกันล่ะ ทันทีที่ได้ยินข่าวนั่น ผมก็รีบตรงกลับมาเลย”
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความรักในบ้านเกิด หรือเพราะความรักของลูกกับพ่อแม่ เขาอาจจะดูพึ่งพาไม่ได้ แต่เขาก็ดูจะไม่ใช่คนไม่ดีหรอก จากการที่เขาออกมานอกเส้นทาง มุ่งหน้าเข้ามาในที่ที่อันตรายแบบนี้น่ะ
―――แต่ โลเรียจังก็ยังพูดจารุนแรงอยู่เลย
“ถึงยังงั้นก็เถอะ ให้ตายสิคะ ยังไงก็สายเกินไปอยู่ดี”
“อึก…”
“อีกอย่างนะคะ ต่อให้มาทันก็เถอะ แต่ไหนแต่ไร ต่อให้พี่เกรทส์จะอยู่ที่นี่มันก็…”
“รู้แล้วน่า! ผมไม่ได้เป็นเหมือนกับคุณพ่อซักหน่อย!”
ไม่ได้ลังเลเลยซักนิด
ต่างจากโลเรียจังตามปกติที่พูดคุยโต้ตอบกับเราอย่างสิ้นเชิงเลย
คุณเกรทส์ตอนนี้ ตาเริ่มจะมีน้ำตาคลอๆ แล้ว
ว่าแล้วเชียว น่าสงสารจริงๆ นั่นแหละ เพราะงั้น ฉันก็เลยยิ้มแห้งๆ ก่อนจะวางมือบนบ่าของโลเรียจัง
“น่าๆ ถึงยังไง เขาก็กลับมาเพราะเป็นห่วงทุกคนนี่นา เนอะ?”
“ก็ใช่นะคะ แต่ว่า…”
ดูเหมือนโลเรียจังจะยังผิดหวังอยู่นิดหน่อย แต่พอฉันส่ายหน้าพลางยิ้มให้ เธอก็ถอนหายใจ แล้วผ่อนคลายสีหน้าลง
“แล้ว ที่พี่เกรทส์กลับมานี่ แค่มาขอบคุณคุณซาราสะเท่านั้นเองเหรอคะ?”
“แน่นอนสิ นั่นเป็นจุดประสงค์หลัก แต่ที่จริง ผมถามคุณแม่เผื่อว่าคุณซาราสะอาจจะมีสินค้าดีๆ เก็บไว้ในคลังด้วยก็ได้…”
ระหว่างที่เขาพูดว่าเขามาที่นี่เพื่อขอบคุณฉัน คุณเกรทส์ก็เหมือนจะรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ที่จะพูดถึงเรื่องธุรกิจ แล้วสายตาของเขาก็ลอกแลกไปมา
แต่ว่ากันตามตรง ถ้าเกิดต้องการจะซื้ออะไรซักอย่างในหมู่บ้านนี้แล้วล่ะก็ ก็ไม่มีที่ไหนแล้วนะนอกจากร้านของฉันเอง
คุณดาร์นามีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรขายด้วยนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้มีสินค้าพิเศษอย่างอื่นเลย
“คุณก็เป็นพ่อค้าเร่นี่คะ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นก็ได้”
“ช่วยได้มากเลยครับ ว่ากันตามตรง ผมตาลีตาเหลืองกลับมามากไปหน่อย การเงินก็เลยขาดช่วงน่ะครับ…”
นั่นล่ะนะ เรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อค้าเร่ตอนที่เขาต้องเปลี่ยนตารางเวลาน่ะ
คุณพ่อคุณแม่ของฉันก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าเหมือนกัน ฉันก็เลยพอเข้าใจได้อยู่ประมาณนึง
น่าเห็นใจคุณเกรทส์ที่ยิ้มอย่างลำบากใจอยู่ตรงนี้เหมือนกันนะ
“ก็ ถ้าเกิดเอาวัตถุดิบจากที่นี่ไปขายที่เซาว์ท สแตรก ก็พอจะได้กำไรอยู่บ้างนะคะ แต่ว่า… ที่ฟังดูเข้าท่าอันเดียวเลยก็น่าจะเป็นการซื้อหมวกเย็นฉ่ำจากที่นี่ไปขายต่อที่ตามหมู่บ้านเกษตรกรนะ”
“หมวกเย็นฉ่ำเหรอครับ? ถ้าเป็นช่วงนี้ของปีล่ะก็ มันขายออกแน่นอน แต่กำไรนี่มัน… เอ๊ะ? ถูกขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
คุณเกรทส์มองไปทางชั้นวางของที่ฉันชี้ไป ก่อนจะเอียงคองง พอเขามองเห็นป้ายราคาที่แปะเอาไว้อยู่
“เทียบกับราคาตลาดในช่วงเวลานี้ของปีแล้ว ก็ถูกกว่าประมาณ 30% ค่ะ ถึงจะมีเรื่องของค่าขนส่งกับกำไรรวมเข้าไปด้วยแล้ว ราคาขายต่อก็ยังถูกกว่าราคาตลาดอยู่นิดหน่อยอยู่ดี แบบนี้ก็ขายออกได้ง่ายใช่มั้ยคะ?”
ถ้าเกิดเป็นคนอื่นนอกจากนักเล่นแร่แปรธาตุมาทำการซื้อขายสิ่งของทางศาสตร์เล่นแร่ล่ะก็ ถ้าทำธุรกิจอย่างสุจริต การเพิ่มค่าขนส่งให้สูงอีกซักนิดหน่อยก็ยังพอได้อยู่ พูดอย่างง่ายก็คือ การทำกำไรมันก็เลยไม่ได้มากขนาดนั้น
หรือก็คือ หมวกเย็นฉ่ำที่นี่ ต่อให้ขายที่ราคาเต็มแล้วมันก็ยังทำกำไรได้อยู่พอควรเลยล่ะ
การลดราคาก็ยังทำได้เหมือนกันนะถ้าเกิดยังอยู่ในช่วงราคาที่สมเหตุสมผล เพราะงั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสินค้าขายไม่ออกเท่าไหร่ด้วย
“จ- จะดีเหรอครับ? แบบนี้ คุณซาราสะก็ขาดทุนน่ะสิครับ…”
“ถึงจะแทบไม่ได้กำไร แต่ก็ไม่ได้ถึงกับขาดทุนหรอกค่ะ เพราะงั้นก็ไม่มีปัญหา”
“ถ้างั้น ตกลงเลยครับ!”
“อืม จะมาขายของแข่งกับคุณพ่องั้นสินะคะ?”
คุณเกรทส์พูดมาอย่างดีใจเลย แล้วโลเรียจังก็จ้องใส่คุณเกรทส์ซะเขม้งอีกรอบนึงแล้ว
คุณเกรทส์รีบโบกไม้โบกมือให้โลเรียจังใหญ่เลย
“ม- ไม่เป็นไรหรอกน่า! พี่ไม่ได้เอาไปขายที่เซาว์ท สแตรกซักหน่อยนี่! เนอะ?”
“เหรอคะ ถ้าแบบนั้นก็…”
ถึงโลเรียจังจะยังดูไม่ค่อยพอใจอยู่นิดหน่อย แต่เธอก็ลดสายตาทิ่มแทงนั่นลงไปแล้วล่ะนะ
แต่ว่า ถ้าคิดถึงขนาดเมืองเซาว์ท สแตรกแล้วเนี่ย หมู่บ้านข้างเคียงกับตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าก็ดูจะทับซ้อนกันอยู่นะ ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าจะไม่มีคนแข่งขันในตลาดเลย แต่ก็… นึกเอาไว้ให้ดีว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของทั้งหมู่บ้านนี้ก็แล้วกัน
“สินค้าก็อยู่ตรงนั้นเลยนะคะ ตัวหมวกเป็นงานฝีมือของชาวบ้าน―――”
พอฉันพูดแบบนั้น และอธิบายกลไกของการฝากขายให้ฟัง คุณเกรทส์ก็เข้าใจได้ทันทีเลย พร้อมกับพยักหน้าให้ด้วยความยินดี สมแล้วที่เป็นคนหัวธุรกิจล่ะนะ
“ยังงี้นี่เอง เป็นวิธีที่ดีเลยนะครับ เพราะแบบนี้ พวกชาวบ้านเองก็ร่วมมือกันทำงานหนักด้วย… เข้าใจแล้วครับ! ให้เป็นหน้าที่ของผมเอง!”
คุณเกรทส์พูดออกมาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ เป็นพ่อค้าตัวจริงเสียงเลยนะเนี่ย
พอออกมาจากร้านของฉัน เขาก็เริ่มลงมือทันทีเลย
เขาแวะเข้าไปเยี่ยมที่บ้านแต่ละหลังโดยตรงเลย อาศัยประโยชน์จากการเป็นคนที่มาจากหมู่บ้านนี้อยู่แล้ว ติดต่อขอให้พวกเขาทำหมวกให้ที
เขาซื้อหมวกใบที่เสร็จแล้วมาทีเดียวเลย แล้วก็เอาพวกมันทั้งหมดมาที่ร้านของฉัน
แล้วก็ ตอนที่เขาไปติดต่อคำร้องขอ ดูเหมือนว่าเขาจะบอกเอาไว้ด้วยนะว่าหมวกแบบไหนจะขายได้ดี หมวกที่ดูทันสมัยในเมืองก็มีอยู่ไม่ได้เยอะมากขนาดนั้นด้วย
หมวกส่วนใหญ่ดูเหมือนจะขายได้ง่ายในแถบชนบท แล้วส่วนใหญ่ก็เอาไว้ใช้งานจริง แถมราคาก็ถูกด้วย
เอาจริงๆ แล้วเนี่ย ฉันไม่ได้อยากจะรับหมวกที่คนอื่นนอกจากคนในหมู่บ้านซื้อเข้ามาหรอกนะ แต่อีกฝ่ายก็เป็นลูกชายของคุณเอลลิส แถมหมวกพวกนี้เอง พวกชาวบ้านก็เป็นคนทำขึ้นมาด้วยเหมือนกัน
เพราะงั้น มันก็ตรงกับจุดประสงค์ที่จะเพิ่มเม็ดเงินที่หมุนเวียนในหมู่บ้านนี้ ฉันก็เลยเลือกที่จะรับหมวกพวกนี้เข้ามาด้วย
อีกอย่าง ฉันก็อนุญาตให้เขาจ่ายเงินก้อนอีกครึ่งนึงที่หลังได้ด้วยนะ เพราะเงินสดเขาค่อนข้างจะขาดมืออยู่
เรื่องเงินมันก็แค่ส่วนของเรื่องเงินนะ มันไม่ใช่เรื่องความน่าเชื่อถือของเขาหรอก แต่มันคือหน้าตาของคุณเอลลิสล้วนๆ เลยล่ะ
ผลสุดท้าย คุณเกรทส์ก็ซื้อหมวกเย็นฉ่ำไปจำนวนนึงเลย แล้วหลังจากที่พักอยู่ในหมู่บ้านนี้ซักพักนึง เขาก็เดินทางจากไปพร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้ม
โลเรียจังบอกฉันว่า ‘คุณซาราสะน่ะ ใจดีเกินไปแล้วนะคะ!’ แต่คุณเกรทส์ก็เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่าที่นำเงินเข้ามาในหมู่บ้านนี้นะ
ให้การดูแลเป็นอย่างดีซักประมาณนี้เองนะ ไม่ดีเหรอ?
TN: น้องโมโหแง้ว!