วันต่อมา หลังจากที่เตรียมการเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ไปที่ถ้ำกับพวกคุณไอริส แล้วก็ใช้ชื่อตัวเองเป็นนักเก็บสะสมหน้าใหม่ปริศนาใต้หน้ากาก [ชินจีนิ] แทน
ถ้าพ่อค้าคนนั้นรู้เรื่องของฉันก่อน มันก็ไม่สนุกน่ะสิ
ในบรรดานักเก็บสะสมที่มารวมตัวกันตรงหน้าปากถ้ำ ก็มีหน้าใหม่อยู่คนนึงที่มีผ้าคลุมปิดมิดทั้งตัวเหลือไว้แต่ตา
ฉันคิดว่าทำแบบนี้คงจะสะดุดตาแน่ๆ… แต่ดูจะไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ
สาเหตุมันก็เพราะกลิ่นเหม็นที่โชยออกมาจากในถ้ำนี่แหละ
ฉันไม่ใช่คนๆ เดียวที่เอาผ้ามาผูกปิดหน้าเอาไว้ แล้วผ้าคลุมที่ฉันเอามาปิดบังตัวเองก็เป็นของที่หาได้ทั่วไปแถวนี้เลยด้วยเหมือนกัน
ดูเหมือนคนส่วนใหญ่ก็เลือกจะเอาผ้ามาคลุมตัวเอาไว้เพื่อป้องกันของพวกนั้นที่ร่วงลงมา แล้วก็มีคนที่ทำแบบนี้อยู่ตรงนี้เยอะเลยด้วยเหมือนกัน ไม่มีใครใช้ร่มเลยซักคน
ถ้ามั่นหน้านิดนึง เทียบกันคนอื่นๆ แล้วนี่ ผ้าคลุมของฉันมันดูสวยดูโดดออกมาหรือเปล่านะ?
“ถ้างั้น นายท―”
“อ- อื้อ! อะแฮ่มๆ!”
ฉันกระแอมไอขึ้นมาเพื่อขัดคำพูดของคุณไอริสที่เกือบจะทำให้การปลอมตัวของฉันล่มซะก่อน
“―――อ่า ชินจีนิ จะเข้าไปเลยมั้ยคะ?”
“อึม เข้าไปกันได้เลยค่ะ”
คุณเคทเอามือขึ้นมาปิดปากเพื่อซ่อนสีหน้าตอนนี้ของเธอเอาไว้
แต่ไหล่ของเธอสั่นระริกแบบเห็นชัดสุดๆ ดูยังไงก็รู้เลยว่าเธออั้นขำไว้อยู่แบบเต็มที่
ช่วยไม่ได้นี่คะ!
นี่ก็เพื่อจะปิดบังตัวตนเอาไว้นี่นา!
ให้ตายเถอะ ดูแบบพวกคุณอังเดรเป็นตัวอย่างดูสิคะ!
―――หรือ นั่นเป็นแค่ที่ฉันคิดเอาเอง
เอ๋? นี่พวกเขาเองก็ขำอยู่เหมือนกันเหรอ?
พวกคุณกิลเขาแตะไหล่กันและกันอยู่ ดูเหมือนพวกเขาจะหัวเราะกับอะไรซักอย่างกันอยู่เลย แต่มันคงจะไม่ใช่แบบนั้นหรอก ใช่มั้ย?
“อึก ไปกันเถอะค่ะ”
ฉันพูดคุยเรื่อยเปื่อยที่นี่ไม่ได้
พอฉันรับมุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำเพื่อจะเข้าไปในส่วนที่มีคนอยู่น้อยกว่านี้ พวกคุณไอริสก็เดินตามฉันเข้าไปด้วย
เป้าหมายของฉันในครั้งนี้ก็คือส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำที่อยู่ของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็ง ที่คราวก่อนฉันเข้าไปไม่ถึง
เหตุผลที่จะเข้าไปให้ถึงที่ลึกแบบนั้น มีอยู่ 3 ข้อ
ข้อแรกก็คือ เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อนักเก็บสะสมคนอื่นๆ
ดูเหมือนนักเก็บสะสมส่วนใหญ่จะหมายตาพวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่อายุเกือบๆ 5 ปี หรือไม่ก็แก่กว่านั้น ถ้าฉันเข้าไปส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ ก็ไม่ต้องไปแย่งค้างคาวแก่ๆ กับใครเลย
ข้อที่ 2 ก็เพื่อสงวนแหล่งวัตถุดิบเอาไว้
ถ้าพวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่ยังอายุน้อยๆ โดนล่าไปเยอะล่ะก็ มันจะส่งผลกับการเก็บวัตถุดิบในปีต่อๆ ไป
ส่วนเหตุผลข้อที่ 3 และข้อสุดท้าย ก็เพื่อจะสูบเงินจากพ่อค้าคนนั้นให้ได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
อย่างที่ฉันเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ยิ่งค้างคาวแก่เท่าไหร่ คุณภาพของเขี้ยวก็จะยิ่งสูงตาม รวมทั้งราคารับซื้อที่สูงตามคุณภาพไปด้วย
เพราะค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งอยู่รวมกันที่นี่อยู่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ล่าพวกมันนี่
“ว่าแต่ว่า นายท่านผู้จัดการคะ ถ้ำนี้มันลึกกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลยนะคะเนี่ย”
“ก็บอกให้เรียกฉันว่าชินจีนิไงคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงแถวนี้ก็ไม่มีใครแล้ว”
“เออ จริงด้วยนะคะ”
ตอนที่พวกเราเดินผ่านจุดที่มาล่าค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งกันเมื่อครั้งก่อนมาแล้ว พวกนักเก็บสะสมคนอื่นๆ ก็ไม่มีเหลือเลย
งั้นก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงแล้วสินะ…
“แต่ว่า ดูแล้วคุณไอริสอาจจะเผลอก็ได้ เพราะงั้นก็เรียกอย่างเดิมต่อดีกว่าค่ะ”
“นั่นสินะ ถ้าเป็นไอริสก็อาจจะพลาดจริงๆ นั่นแหละ”
“โธ่ ฉันไม่ได้สะเพร่าขนาดนั้นซักหน่อยนี่?”
คุณไอริสทำสีหน้าไม่พอใจ แต่กล้าพูดด้วยเหรอคะนั่นน่ะ?
“คุณเคทคะ มีคนที่เกือบจะหลุดปากพูดอะไรซักอย่างตั้งแต่ยังไม่ทันเข้ามาในถ้ำเลยใช่มั้ยคะ?”
“อืม ฉันเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยเหมือนกันค่ะ”
พอฉันกับคุณเคทพยักหน้าให้กัน คุณไอริสก็พูดอะไรไม่ออกเลย
“อึ๊ก! ก- ก็จริงอยู่นะคะที่เกิดเรื่องแบบนั้นจริงๆ! แต่ว่า―――”
“น่าๆ ก็ยังดีอยู่นี่ ทุกคน อ่า ชินจีนิ? ให้เรียกแบบนี้ก่อนสินะ มีปัญหาอะไรเรอะถึงจะเปลี่ยนแบบนี้?”
“นั่นสิ พวกข้าเองก็อาจจะพลาดก็ได้ เนอะ?”
“อ่า ไม่ใช่ว่าแถวนี้จะไม่มีคนอื่นอยู่เลยซะหน่อย ระวังตัวเอาไว้ก่อนก็ไม่เสียหายหรอก”
“ย- อย่างนี้เอง… อืม จริงด้วยนะคะ”
หลังจากที่ถูกพวกคุณอังเดรโน้มน้าว คุณไอริสก็พยักหน้าเห็นด้วย
แต่ว่า พวกคุณอังเดรเองก็จะไม่ทำพลาดกันใช่มั้ยนะ?
“จะว่าไป คุณอังเดรกับคนอื่นๆ ไม่เข้ามาจนถึงส่วนหลังๆ ของถ้ำกันงั้นเหรอคะ?”
“อ่า ทุกทีพวกข้าจะเก็บเอาจากส่วนที่ไม่ได้ลึกแบบนี้หรอก ก็การที่ต้องขนซากพวกมันออกไปน่ะมันยุ่งยากจะตายไปนี่”
นี่สินะ ประเด็นหลัก
ทั้งหมดที่ต้องการก็แค่ส่วนเขี้ยวเท่านั้นเอง
ถ้าทิ้งซากของมันเอาไว้ตรงนั้นได้เลยล่ะก็ ฉันก็คงเก็บไปได้มากกว่านี้แล้วล่ะ
“…จะว่าไป ไม่มีซากพวกมันหล่นอยู่ตามพื้นเลยนะคะ ถ้าเป็นพวกมารยาทแย่ล่ะก็ อาจจะแค่หักเขี้ยวกลับไปแล้วก็ทิ้งซากมันเอาไว้ที่นี่ก็ได้”
“อ้อ เพราะถูกสั่งสอนเอาไว้ไงล่ะ จากพวกมือเก๋าอย่างพวกข้านี่แหละ”
“สั่งสอน…?”
“ก็แค่สอนกฎเกณฑ์ให้เจ้าพวกหน้าใหม่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็เท่านั้นเอง”
ชักตะหงิดๆ กับสีหน้าไร้อารมณ์ของคุณเกรย์ขึ้นมาหน่อยๆ แล้วสิ
คุณไอริสเองก็… แต่ยืนยักไหล่อยู่เงียบๆ เท่านั้นเอง
แต่กลับกัน คุณเคทกลับยิ้มแหยๆ ให้ฉันแทน
“ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ พวกข้าก็แค่มารวมกันยืนล้อมเจ้าพวกที่มันทิ้งซากค้างคาวเอาไว้ด้วยกลุ่มคนที่มากกว่าเจ้าบ้าพวกนั้นซัก 3 เท่า จากนั้นก็สั่งสอนกันนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง ไม่มีใครบาดเจ็―――เอ่อ ไม่มีใครเจ็บหนักอะไรหรอกนะ”
“ง- งั้นเหรอคะ…”
หืม… เอาเถอะ ฉันที่เป็นแค่นักเก็บสะสมชั่วคราวจะไปพูดอะไรมันก็คงไม่ดีหรอกเนอะ?
ฉันว่ามันออกจะดูรุนแรงไปหน่อย แต่ที่จริง มันก็เป็นกฎกติกาในการทำงานเก็บสะสมนี่นา
อย่าง การเก็บเห็ดไง
แค่เพราะไปเจอของที่ขายทำเงินได้ ไม่ได้แปลว่าจะกวาดเอาพวกมันที่อยู่ตรงนั้นมาทุกอย่างได้เลยซักหน่อย
ต้องคิดถึงปีหน้า แล้วก็ปีต่อๆ ไปด้วย เพราะฉะนั้นก็ต้องเหลือเอาไว้บ้างส่วนนึง
หรืออย่างสมุนไพรก็ได้
ถ้าส่วนที่เราต้องการมีแต่ส่วนใบอย่างเดียว ก็ต้องระวังไม่ไปทำให้ส่วนรากเสียหาย
ถ้าอยากได้แต่ใบ
ก็อย่าไปทำอะไรใหญ่โตอย่างการถอนต้นไม้มันออกมาทั้งต้นเพื่อเอาแค่ใบของมันอย่างเดียว
ถ้าจะหักเอากิ่ง ก็ต้องระวังอย่าไปทำให้ต้นมันเฉา ระวังเรื่องตำแหน่งที่ตัดกิ่งออกมาด้วย
ฉันได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากที่วิทยาลัย แต่ดูเหมือนนักเก็บสะสมทั่วๆ ไปเขาจะเรียนรู้มาจากนักเก็บสะสมรุ่นพี่กันสินะ
ถ้าเป็นรุ่นพี่ใจดี เขาจะสอนด้วยคำพูด ถ้าเป็นรุ่นพี่ใจโหด เขาก็จะสอนด้วยกำปั้น
ของครั้งนี้นี่… อืม ฉันมั่นใจเลยล่ะว่าพวกนั้นต้องเป็นพวกรุ่นน้องที่ไม่ยอมฟังดีๆ แหงๆ
ถ้าเป็นพวกคุณอังเดร พวกเขาคงไม่ได้จู่ๆ ก็ซัดคำสอนไปพร้อมกับกำปั้นหรอก… ใช่มั้ยนะ?
พวกเราเดินออกมาจากจุดที่มาถึงในครั้งก่อนต่อมาอีกประมาณชั่วโมงนึง
กลิ่นเหม็นรอบๆ ค่อยๆ หายไป แล้วก็มีกลิ่นอื่นเริ่มเข้ามาแทนที่
พวกคุณอังเดรเองก็เหมือนจะสังเกตได้เหมือนกันนะ พวกเขาย่นหน้าผากพร้อมๆ กับพ่นลมออกทางจมูกด้วย
“…กลิ่นที่มัน ออกหวานๆ นิดๆ นี่มันอะไรเนี่ย?”
“กลิ่นของพวกผลไม้แล้วก็อาหารที่คล้ายๆ กันที่พวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเอามาเก็บตุนเอาไว้ค่ะ”
“อ้อ! นั่นเอง! ที่เขาว่ากันว่าค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งพวกนี้จะแช่แข็งผลไม้แล้วก็เอามาเก็บเอาไว้สินะคะ!”
“ของที่ว่านั่น บางที่ก็รับซื้อในราคาประมาณนึงเลยนี่นา”
“ใช่ค่ะ ปกติมันจะถูกเก็บเอาไว้ในส่วนลึกที่สุดของถ้ำที่มันอยู่อาศัย แสดงว่าจะต้องไปใกล้ถึงแล้วแน่นอนค่ะ”
คุณไอริสกับคุณเคทมีทีท่าตอบรับกับคำพูดของฉันกันทั้งคู่เลย
กลับกัน พวกคุณอังเดรงึมงำกันพร้อมกับสีหน้าปั้นยาก บางทีอาจจะเพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยก็ได้
“ข้าก็เคยได้ยินมานะว่ามันเก็บผลไม้เอาไว้ แต่มันขายได้ด้วยเรอะนั่นน่ะ?”
“ไม่สกปรกเรอะ?”
“มันก็ เอาจริงๆ ฉันก็เห็นด้วยกับคุณกิลนะคะ แต่ว่า โลกมันก็มีผู้คนมากมายหลากหลาย…”
พวกเขาคงจะ ไม่ได้อยากกินผลไม้ที่ถูกวางทิ้งเอาไว้ในพื้นถ้ำแบบนี้จริงๆ ใช่มั้ย?
“พวกขุนนางนี่ ขอแค่หายากก็พอ จะอะไรก็ได้นั่นแหละค่ะ”
“ไม่สิ แต่ เขาว่ากันว่ามันอร่อยมากเลยนี่คะ?”
คุณเคทยักไหล่ให้ด้วยท่าทางทึ่งๆ ส่วนคุณเคทก็ดูเหมือนจะสนใจมันมากขึ้นด้วย… ไม่สิ พูดอย่างสรุปเลยนี่ มันเขียนไว้บนหน้าเธอเลยล่ะว่าอยากกินบ้างเหมือนกัน
“ช่วงเวลาประมาณฤดูนี้ก็ตรงพอดีเลยนะคะ อาจจะหามาได้ก็ได้ แต่ว่า…”
การจะเก็บผลไม้จากป่ามาให้ได้มากๆ ก็ต้องช่วงปลายฤดูร้อนถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี่แหละ
พวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งจะกักตุนผลไม้เอาไว้ช่วงนี้ แล้วก็เอามากินในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน หรือก็คือ ประมาณตอนนี้ไงล่ะ
ดูเหมือนเหตุผลที่ว่าทำไมผลไม้พวกนั้นมีราคาดี ไม่ใช่แค่เพราะมันถูกแช่แข็งเฉยๆ หรอก แต่เพราะผลไม้มันถูกบ่มอยู่ในถ้ำนี้เป็นช่วงระยะเวลานึง จนผลไม้ที่ได้ก็ออกมาคล้ายกับเหล้าได้เลย
เพราะแบบนั้น มันก็เลยเป็นของประจำฤดูที่มีมูลค่าประมาณนึง
ถ้าจะมาเก็บมันตอนฤดูหนาว มันจะไม่มีค่าเลยล่ะ
“เหล้าเหรอ… พวกข้าเองก็ชักจะสนใจขึ้นมาแล้วสิ”
“โอ้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากกินดูจังนะ”
“ขายได้นี่ก็เจ๋งนะ แต่ถ้าได้ชิมซักหน่อยนี่ก็ไม่เลยเลยเหมือนกัน”
พอพวกกลุ่มชายหนุ่มได้ยินคำว่าเหล้าเข้าไป แต่ละคนก็ดี๋ด๋ากันใหญ่เลย
แต่ก็นะ โลกนี้มันไม่ได้หอมหวานแบบนั้นหรอก
ฉันเอาความเป็นจริงทุ่มใส่พวกเขาทั้ง 3 คนเลย
“กลับกัน ก็มีอีกหลายลูกเลยนะคะที่เป็นแค่ผลไม้ที่เน่าไปแล้ว”
“…เป็นงั้นหรอกเรอะ?”
“ค่ะ ถึงผลมันจะเน่าไปบ้างเล็กน้อย พวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งก็ยังกินมันได้แบบไม่มีปัญหาอะไร ด้วยเงื่อนไขแบบนี้ ผลไม้ลูกที่บังเอิญโชคดีบ่มออกมาได้โดยไม่เน่าไปซะก่อนถึงได้มีมูลค่าสูงยังไงล่ะคะ”
“นี่สินะคะสาเหตุที่ราคามันถึงได้แพงแบบนั้น”
“เป็นแบบนั้นเลยค่ะ―――อะ ตอนนี้ก็มองเห็นได้แล้ว ฉันคิดว่าพวกเรามาถึงแล้วนะคะ”
แสงที่ฉันปล่อยมันลอยเอาไว้ฉายให้เห็นผลไม้แช่แข็งที่กองสุมกันจนสูงเท่าๆ กับตัวคนเลย
ที่โชยมานั่น เป็นกลิ่นเน่าที่แฝงไปด้วยกลิ่นหอมหวานเลยล่ะ
ผลไม้ที่อยู่รอบนอกเนี่ยเห็นได้ชัดๆ เลยว่ามันเน่าไปแล้ว ขนาดไม่ได้ไปมองดูใกล้ๆ ก็ยังไม่อยากจะกินเลยซักนิดเดียว
“อุ จริงด้วยแฮะ…”
พวกคุณไอริสกับทุกคนดูจะชะงักกันไปนิดๆ เลย คงเพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอของมีค่าแบบนั้นในกองของแบบนี้ในที่แบบนี้ก็ได้มั้ง
“ใช่มั้ยล่ะคะ แต่ว่า การได้เห็นมันอยู่ที่นี่ ก็แสดงว่าตรงนี้คือจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำแห่งนี้แล้ว ดูเหมือนตัวถ้ำจะสุดข้างหน้านี้นะคะ”
กล่าวคือ พวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่อยู่แถวๆ นี้ก็คือพวกตัวที่แก่ที่สุดในถ้ำนี้แล้ว
หรือก็แปลว่า เป็นเหยื่อที่ทำเงินได้มากที่สุดในถ้ำไงล่ะ
“ไหนๆ ก็พูดถึงแล้วนี่ ผลไม้ที่เก็บมาได้จะเป็นส่วนที่ตรงใจกลางของกองภูเขานั่นนะคะ ไม่ใช่พวกผลที่อยู่รอบๆ นอก ฉันเคยได้ยินว่าผลที่อยู่บริเวณนั้นจะถูกบ่มโดยไม่เน่าไปซะก่อน แต่ว่า ถ้าทะเล่อทะล่าเข้าไปหาด้วยวิธีการที่ไม่ดีล่ะก็―――”
“โอ้ เป็นยังงั้นเรอะเนี่ย? งั้นก็มาขุดกันโล้ด!”
ฉันยังอธิบายไม่ทันจบ คุณกิลก็เริ่มทะลายกองภูเขาผลไม้นั่นแล้ว―――ซึ่ง ก็นั่นแหละ วิธีการที่ไม่ดีที่ว่าล่ะ
“―อา พวกค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งจะพากันมารุมทึ้งคนคนนั้นทันทีเลยค่ะ แต่ว่า คงจะไม่ทันแล้วสินะคะ”
TN: มาทายกันดีกว่าครับ ผลไม้แช่แข็งบ่มแบบ organic ผลลัพธ์จะเป็นยังไงกันนะ?
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r