“น- น่าๆ เอาเป็นว่า เอาเรื่องอาจารย์ของฉันไว้ก่อนแล้วกันนะคะ―――กลับมาที่เรื่องของเราดีกว่า ในตอนนี้ อีกฝ่ายถ้าไม่ขึ้นราคาขายให้สูงกว่า ก็คงจะยอมแพ้ไปเองนั่นแหละค่ะ”
“เป็นหัวข้อสำคัญที่ต้องยึดไว้ให้ขึ้นใจเลยสินะคะ แต่ก็… เอาไว้คราวหน้า ฉันจะขอถามเรื่องของท่านโอฟิเลียอีกครั้งนะคะ”
“คือ ไม่เล่าได้มั้ยคะ? ฉันก็ไม่ได้มีอะไรให้เล่าเท่าไหร่”
อาจารย์ก็เป็นแค่อาจารย์ธรรมดาคนนึงเท่านั้นเอง สำหรับฉันน่ะนะ
“―――ขอถามเถอะนะคะ ถ้ายอมแพ้ก็จบกันแค่นี้สิ”
ดูเหมือนไม่ว่ายังไงก็จะถามให้ได้สินะเนี่ย
ควรจะเล่านิสัยสุดเหวี่ยงของอาจารย์ที่ทำใส่พวกชนชั้นสูงให้ฟังมั้ยนะ?
“นั่นสินะ เอาเป็นว่ามาแก้ปัญหากันต่อเถอะค่ะ”
“จริงด้วยสิ การขึ้นราคารับซื้อมาสู้ดูจะเป็นปัญหาสินะ”
“เอาเป็นว่า พวกเราจะเพิ่มปริมาณเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งในตลาดดีกว่าค่ะ ด้วยความมุ่งมั่นกันเลย”
“ยังไงเหรอคะ?”
“ฉันจะเข้าไปที่ถ้ำทุกวันเลยค่ะ แล้วก็ล่าพวกค้างคาวไปเรื่อยๆ จนกว่าเงินทุนของฝ่ายนู้นจะขาดตอนไปเอง”
ถ้าฉันไปล่าแบบเอาจริง แล้วก็ถ้าฉันขอให้คุณไอริสกับคุณเคทมาช่วยด้วยล่ะก็ การจะล่าซักสองสามร้อยตัวเนี่ยก็เป็นเรื่องง่ายๆ เลยล่ะ ถ้าได้พวกคุณอังเดรมาช่วยด้วยก็อาจจะได้เยอะกว่านั้นอีก
ค้างคาวแต่ละตัวมีเขี้ยวอยู่คู่นึง ราคารับซื้อขั้นต่ำของเขี้ยวอายุ 5 ปีก็จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 แรร์
ยิ่งตัวแก่ๆ ราคาก็จะยิ่งสูง แล้วถ้าอีกฝ่ายรับซื้อด้วยราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมากกว่า 30% เข้าไปอีกด้วยเนี่ย ถ้าพยายามหน่อย ฉันดูดเงินฝ่ายนั้นมาได้สองสามล้านแรร์ต่อวันได้เลยนะ
ถ้าฝั่งนั้นไม่ได้ถือเงินเอาไว้เยอะซักหน่อยล่ะก็ ฝ่ายนั้นจะเงินเกลี้ยงกระเป๋าเอาได้ง่ายๆ เลยล่ะ
“ฮุฮุฮุ… ทีนี้ ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งในถ้ำจะหมดก่อน หรือเงินทุนของฝ่ายนั้นจะหมดก่อนกันน้า”
―――อืม เป็นปัญหาใหญ่สำหรับบรรดานักเก็บสะสมเลยล่ะ
แต่ถ้าทำแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ถ้าเกิดลดราคารับซื้อให้กลับมาตามปกติไม่ได้ มันจะเป็นปัญหาเอาได้นะ
“สมกับเป็นนายท่านผู้จัดการเลยค่ะ! ไร้ปราณีสุดๆ!?”
“สำหรับฉันแล้ว ฉันอยากจะจัดการเรื่องนี้อย่างสงบนะคะ ก็นะ ฝ่ายนู้นนั่นแหละค่ะที่ดึงฉันเข้ามาในสังเวียนนี้ตั้งแต่แรก”
ฉันอยากจะพูดกับคุณไอริสซักชั่วโมงจังเลยนะ เรื่องที่ว่า ‘สมกับเป็นฉัน’ เนี่ยหมายความว่ายังไง เรื่องมุมมองที่ว่าเธอเห็นฉันเป็นคนยังไงกันแน่ แต่แบบนั้นมันจะออกนอกเรื่องเกินไปแล้ว เพราะงั้นตอนนี้ก็เอาเรื่องนั้นเก็บไปก่อนดีกว่า
“คุณซาราสะคะ แสดงว่าไม่ว่ายังไง วิธีที่พ่อค้าคนนั้นใช้ก็ทำไม่ได้งั้นสินะคะ? คุณพ่อเองก็เคยรับซื้อวัตถุดิบด้วยเหมือนกัน แต่ว่า…”
“นั่นก็เพราะคุณดาร์นาอยู่มาก่อนฉันไงล่ะ แต่ว่า ถ้าจะเข้ามาทำเรื่องไร้เหตุผลแบบนั้นในหมู่บ้านที่มีนักเล่นแร่แปรธาตุตั้งร้านอยู่แล้วล่ะก็… โดยเฉพาะสำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุหน้าใหม่เลยล่ะ เพราะว่าพวกเขาไม่มีเงินพอจะสู้ราคารับซื้อหรอก”
ไม่ต้องพูดถึงเมืองใหญ่ๆ เลยนะ เอาแค่หมู่บ้านเล็กๆ นี่ ถ้าเกิดพ่อค้าแม่ค้าจะมาทำการรับซื้อวัตถุดิบ มันก็เป็นเรื่องของมารยาทแล้วล่ะที่จะมารับซื้อเอาจากนักเล่นแร่แปรธาตุในพื้นที่ หรือถ้าไม่ อย่างน้อยก็ควรจะมาคุยด้วยก่อน
อย่าง วัตถุดิบที่เป็นที่ต้องการสูงในตลาด และมีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้มาก กับวัตถุดิบที่มีไม่ค่อยเป็นที่ต้องการ แต่ก็จำเป็นเลยในเหตุการณ์แนวๆ ‘ถ้าเกิดว่า’
ถ้านักเล่นแร่แปรธาตุไม่สามารถรับซื้อวัตถุดิบที่ว่าพวกนี้ได้ คิดว่าจะเป็นยังไงล่ะ?
หรือถ้าเกิดมันขายดีจนไม่เหลือเลยจะทำยังไงล่ะ?
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ มันก็เลยเป็นหน้าที่ของนักเล่นแร่แปรธาตุด้วยที่จะต้องปรับราคารับซื้อและจำกัดการซื้อวัตถุดิบ
ถ้าเกิดพ่อค้าแม่ค้าเข้ามายุ่งในตลาดส่วนนี้ แล้วไม่ใส่ใจเรื่องกฎพวกนี้เลยล่ะก็ การจะปรับเรื่องพวกนี้เนี่ยก็จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
อย่างค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเนี่ย พวกมันอยู่รวมกันในที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ ก็เลยไม่ต้องห่วงเรื่องการกักตุนวัตถุดิบหรอก แต่ถึงยังไง การแหกกฎแบบนี้มันก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะว่ามั้ย?
“ก็นะ มันไม่ได้เป็นปัญหาทางกฎหมายหรอก จะทำอะไรก็ทำได้อย่างอิสระเลยล่ะนะ”
“เป็นยังงั้นเหรอคะ? ทางนักเล่นแร่แปรธาตุเองก็มีปัญหาแบบนี้ด้วยเหมือนกันสินะคะ?”
“เพราะพ่อค้าแม่ค้าดีๆ เขาจะไม่แบบนี้ทำกันไงล่ะ เสี่ยงไปทำตัวเป็นศัตรูกับนักเล่นแร่แปรธาตุน่ะยิ่งอันตรายกว่าซะอีกนะ”
ถ้าจะทำการค้าขายวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับการเล่นแร่แปรธาตุแล้วล่ะก็ ยังไงซะลูกค้าหลักก็คือนักเล่นแร่แปรธาตุนี่นา
เกิดไปแหกกฎเข้าล่ะก็ โดนนักเล่นแร่แปรธาตุรอบตัวคว่ำบาตรใส่ขึ้นมา การจะทำธุรกิจต่อไปก็ลำบากแล้วล่ะ
เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันน่ะ
“แล้วนี่ นายท่านผู้จัดการ จะเอายังไงเหรอคะ? จะปล่อยไว้ หรือลุยชนไปเลย”
“อื~ม แบบไหนจะดีกว่ากันน้า?”
ปล่อยเอาไว้เลยมันก็ง่ายดี กำไรน้อยลงบ้าง แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นหรอก
ปัญหาก็คือ เรื่องที่ฉันจะโดนดูถูกล่ะนะ―――ไม่สิ ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ฉันก็โดนดูถูกไปแล้วนั่นแหละ แต่อย่างครั้งนี้ ถ้าฉันจะทำอะไรอย่างที่ต้องการในอนาคตก็คงจะเจอปัญหาน่ะสิ
ถ้าฝ่ายนั้นหวังแต่กำไร งั้นก็มาเจอกันซักตั้ง
ปัญหาก็คือ ฉันจะต้องพยายามทำงานให้หนักขึ้นแล้วล่ะนะ
อ๊ะ ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบทำงานนี่เนอะ?
ปัญหาที่ตามมาก็จะเป็นเรื่องที่ว่าฉันไม่มีเวลามาจัดการเรื่องเล่นแร่แปรธาตุนี่แหละ
“…อื้ม มาโหวตเสียงส่วนใหญ่กันดีกว่าค่ะ เริ่มจาก คนที่เลือกชนไปเลย!”
มือ 3 ข้างถูกยกขึ้นมา
ผลตัดสินออกทันทีเลยสินะ
“มารังควานนายท่านผู้จัดการแบบนี้ ยกโทษให้ไม่ได้หรอกค่ะ!”
“จริงด้วยค่ะ ถ้าจะทำธุรกิจ มองแต่ตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงก็ต้องมองถึงคนรอบข้างด้วย”
“โลเรียจังด้วยเหรอ?”
“ค่ะ คุณพ่อเองก็… เคยต้องมาคอยดูแลพี่เกรทส์มาก่อนเหมือนกัน”
จะว่าไป คุณเกรทส์ก็เคยพูดว่า ‘เมื่อก่อนก็เคยเล่นด้วยกัน’ ด้วยนี่นา
ถึงโลเรียจังจะบอกว่า ‘ไม่ทันสังเกต’ ก็เถอะ แถมยังซัดคำพูดโหดร้ายใส่ไปอีกเพียบ แต่ดูเหมือนตอนนี้ก็จะยังนึกถึงอยู่ด้วยเหมือนกันนะ
ตัดสินจากปฏิกิริยาที่ผ่านมาแล้วนี่ คงจะไม่ใช่ ‘ความชอบ’ หรอก น่าจะเป็น ‘ความเห็นใจ’ มากกว่า
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้น เอาแบบนั้นก็แล้วกัน คุณไอริส คุณเคท ช่วยฉันหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”
“อ๊ะ วางใจได้เลยค่ะ!”
“เดี๋ยวฉันไปขอให้พวกคุณอังเดรส่งต่อเรื่องนี้ออกไปด้วยนะคะ!”
“อะ ได้ค่ะ เหนื่อยหน่อยนะคะ…?”
เพราะอะไรไม่รู้ ดูเหมือนพวกคุณไอริสจะไฟติดยิ่งกว่าฉันซะอีก จากที่รู้สึกทั้งวางใจทั้งงงๆ อยู่ แผนการของพวกเราก็เริ่มดำเนินไป
แล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าทึ่งเลยล่ะ ตั้งแต่วันต่อมา ก็มีเขี้ยวปริมาณเยอะกว่าทุกทีถูกเอามาขายที่ร้านฉันด้วย หลักๆ ก็จะเป็นพวกนักเก็บสะสมมือเก๋าล่ะนะ
พวกเขาอาจจะรู้สึกเป็นหนี้ฉันล่ะมั้ง ไม่ก็รู้สึกผูกพันธ์กับคุณอังเดร แต่เหตุผลหลักๆ ก็คือฉันจะรับซื้อจากพวกเขาด้วยราคาเดิมนั่นแหละ
ตอนนี้ ก็มีนักเก็บสะสมหน้าใหม่แวะเวียนเข้ามาหาฉันมากขึ้นเรื่อยๆ―――
“นายท่านผู้จัดการคะ! ทางนั้นขึ้นราคาสู้แล้วค่ะ!”
“โอ๊ะโอๆ ไม่น่าเชื่อเลย ดูเหมือนจะไม่มีพลังในการมองเห็นอนาคตสินะคะเนี่ย ฮุฮุฮุ…”
พอเห็นคุณไอริสวิ่งเข้ามาในร้านแบบนั้น ฉันก็ดูเหมือนแม่มดจอมบงการอยู่นิดๆ เหมือนกันนะ เท้าศอกไว้บนเคาน์เตอร์ แล้วก็หัวเราะเสียงต่ำๆ ออกมาน่ะ
ตอนนี้ ฉันเท่สุดๆ ไปเลย
“…คุณผู้จัดการ ดูไม่เข้าเท่าไหร่เลยนะคะ?”
“อาเระ? เป็นแบบนั้นเหรอคะ? งั้นก็พอแค่นี้แล้วกัน”
นี่ฉันยังดูมีบารมีไม่พองั้นเหรอเนี่ย
“แล้ว ราคาขึ้นไปสูงขนาดไหนเหรอคะ?”
พอฉันเลิกเท้าศอกแล้วก็ถามคำถาม คุณไอริสก็คิดอยู่ซักพักก่อนจะตอบ
“เพิ่มขึ้นมา 50% เลยค่ะ แต่ที่จริง เทียบกับราคาครั้งก่อนแล้ว รู้สึกว่าจะเพิ่มขึ้นมา 10% นะ อันนี้ฉันแค่รู้สึกเองเฉยๆ นะคะ ไม่ได้แน่ใจชัดๆ ขนาดนั้น”
“แบบนั้นมันก็ยังหนักอยู่พอควรอยู่ดีนะเนี่ย… ว่าแต่ ทำไมล่ะคะ?”
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องพยายามซื้อจากหมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้มากถึงขั้นนี้ด้วย
ถ้าจะขายให้สูงกว่าราคาตลาดซัก 20% นี่ ไปซื้อจากเมืองที่ห่างออกไปซักหน่อยแล้วเอามาให้ฉันก็ได้นะ
“เปล่าค่ะ คือว่า เขามีพูดถึงนายท่านผู้จัดการด้วย ดูเหมือนจะพูดประมาณว่า ‘ในที่สุดก็เริ่มตกที่นั่งลำบากแล้วสินะ อีกแค่นิดเดียว’ ด้วยนะคะ?”
“หืม? ตกที่นั่งลำบาก?”
พูดถึงอะไรกันนะ?
“พ่อค้าคนนั้นอาจจะคิดว่าคุณผู้จัดการกำลังมีปัญหาเพราะซื้อเขี้ยวไม่ได้ก็ได้นะคะ?”
“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ค่ะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะโดนหาเรื่องใส่แบบนี้”
อืม… นี่ฉันโดนหมายหัวจริงๆ สินะเนี่ย?
ว่าแล้วเชียว ฉันก็ว่าจำไม่ได้เลยนะว่าไปทำให้ใครไม่เกลียดเลยนะ
―――อะ หรือว่า อาจจะไปทำให้ใครบางคนไม่พอใจก็ได้แฮะ
อย่าง นักเล่นแร่แปรธาตุกังฉินที่เมืองเซาว์ท สแตรกไง พอฉันหาซื้อวัตถุดิบที่รับซื้อมาจากนักเก็บสะสมของหมู่บ้านนี้ไม่ได้ ฉันก็ต้องมีปัญหาแน่―――แบบนี้สินะ?
ถ้ามันเป็นแบบนั้นล่ะก็ แสดงว่าการประกาศเตือนของฉันจะได้ผลสินะเนี่ย
ถึงอย่างนั้น ความเป็นไปได้ที่เรื่องในครั้งนี้ เขาจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อค้าในครั้งนี้เนี่ย… ต่อให้มันไม่เท่ากับศูนย์ ฉันว่าความเสี่ยงมันก็สูงมากอยู่ดี…
―――ก็ ช่างเถอะ ไม่ใช่ปัญหาอะไรอยู่แล้ว
ดำเนินปฏิบัติการของเราต่อกันเลย
“ถ้าแบบนี้ พวกเราจะเริ่มกลยุทธ์อย่างทุกทีจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปเลย เพราะงั้น ทั้ง 2 คนช่วยร่วมมือกับพวกเราด้วยนะคะ”
“รับทราบค่ะ”
“เอ ให้ฉันถามพวกคุณอังเดรด้วยมั้งคะ?”
“นั่นสินะคะ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการกำลังคนมากขนาดไหน แต่เอาเป็นว่าเริ่มจากลองถามกลุ่มพวกคุณอังเดร 3 คนก่อนก็แล้วกันค่ะ”
พวกกักตุนสินค้า กับคนกว้านซื้อเขี้ยว
จากนั้น… แค่เรื่องจัดการซากค้างคาวนี่ก็ มีคนมาช่วยกันจัดการอยู่แล้วนี่เนอะ?
ตอนที่ลงมือจริงๆ แล้วค่อยคิดก็แล้วกัน
“โลเรียจังคงจะต้องดูแลร้านเองอยู่ซักพักนึง เหนื่อยนะ”
“ได้ค่ะ ไม่เป็นไร ถ้าอะไรที่ดูไม่ออกเอาเข้ามาขายก็ให้ปฏิเสธไปใช่มั้ยคะ?”
“อื้อ ยกเว้นแค่ลูกค้าประจำนะ”
เมื่อเร็วๆ นี้ ร้านของเรามีการทำสินเชื่อในการรับซื้อวัตถุดิบที่บรรดาลูกค้าประจำนำเข้ามาขายด้วย
โดยเฉพาะตอนที่ฉันไม่อยู่เนี่ย โลเรียจังต้องดูแลพวกวัตถุดิบแล้วเอาไปเก็บเอาไว้ เดี๋ยวฉันค่อยมาประเมินอีกทีตอนที่กลับมาที่ร้าน แล้วพอพวกเขากลับมาที่นี่เราก็ค่อยจ่ายเงินค่าวัตถุดิบที่ทางร้านรับซื้อให้
ถ้าเป็นพวกนักเก็บสะสมที่มาที่ร้านเป็นครั้งแรกหรือพวกนักเก็บสะสมหน้าใหม่ จะไม่ได้สิทธิแบบนี้หรอก
ฉันทำใบรายการแลกเปลี่ยนเอาไว้ให้โลเรียจังอ่านแล้วเข้าใจได้ ที่จะอธิบายเกี่ยวกับประเภทกับสภาพของวัตถุดิบหลายๆ อย่างเอาไว้แล้ว แต่ถ้าเกิดมีใครซักคนมาพูดอะไรอย่าง ‘ฉันเอามา คุณภาพมันดีกว่านั้นนะ’ ล่ะก็ เรื่องมันจะยุ่งยากขึ้นอีกหลายขุมเลยล่ะ
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ มาพยายามกันให้เต็มที่กันไปเลยนะคะ!”
“““ค่ะ!”””
TN: ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r