TN: ถ้าพวกคุณสงสัยว่าผมหายไปไหนซะนาน คำตอบครับคือ “ยุ่งมากจนปลีกเวลามาลงนิยายก็ยังไม่ได้” แต่ตอนนี้พอมีเวลาละครับ กลับมาลงแล้ว ไม่ลอยแพพวกคุณแน่นอนครับ (เกี่ยวก้อยสัญญา)
“อืม การจ้างงานงั้นเหรอ?”
“ค่ะ คิดว่ายังไงบ้างคะ?”
ความเนิบนาบของคุณผู้ใหญ่บ้านนี่ดูเหมือนจะวางใจได้จริงๆ นะ แล้วพอฉันมาถึงบ้านของเขาแล้ว เขาก็เชิญฉันเข้าบ้านทันทีเลย
หลังจากพยักหน้าหงึกๆ ตามการอธิบายของฉัน เขาก็ยิ้มออกมา
“ไม่เลวเลยน้า ไม่สิ พูดตามตรง หมู่บ้านนี้ได้หนูช่วยเอาไว้นะ เงินสดที่ขาดช่วงอยู่บ่อยๆ ก็ต้องพึ่งดัดลีย์กับดาร์นาด้วยเหมือนกัน…”
โดยเฉพาะหลังจากที่ร้านแปรธาตุที่หมู่บ้านนี้ปิดตัวลงไป วัตถุดิบที่ถูกเก็บรวบรวมกับจากเหล่านักเก็บสะสมก็ถูกนำออกไปขายที่เซาว์ท สแตรกโดยตรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เงินสดที่จะเข้ามาในหมู่บ้านยยิ่งยากขึ้นไปอีก
ผลก็คือ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งเลยที่ทั้ง 2 คนที่หารายได้ได้มากกว่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแล้วก็เตรียมเงินสดสำหรับการจ่ายภาษีน่ะ
“แต่ว่า สาวๆ ในหมู่บ้านน่ะ ทำกันเป็นแค่สานหมวกฟางนี่? อาจจะเย็บผ้ากันได้ก็จริง แต่เรื่องทำหมวกขึ้นมาเนี่ย พวกเธอไม่รู้วิธีกันหรอกนะ”
“เรื่องนั้น ฉันวางแผนว่าจะทำภาพอ้างอิงเอาไว้ให้ค่ะ ต้องมองดูที่ภาพแล้วคิดหาวิธีการประดิษฐ์มันขึ้นมานะคะ… แต่ถ้าเกิดจำเป็นล่ะก็ ฉันพอจะช่วยให้คำแนะนำได้อยู่นิดหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้น ก็พอจะไหวอยู่ สินะ? แล้ว หนูต้องการจ้างให้สร้างประมาณกี่ใบงั้นเหรอ?”
“ตรงจุดนั้น… ที่ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะให้ทำในรูปแบบของสินค้าฝากขายค่ะ”
“ฝากขาย? หมายถึงอะไรน่ะ?”
ฉันอธิบายวิธีการที่คิดขึ้นมาระหว่างทางก่อนจะมาถึงที่นี่ให้ผู้ใหญ่บ้านที่เอียงคอด้วยความสงสัยฟัง
เริ่มจาก ให้ชาวบ้านลงทุนทำหมวกกันเอง แล้วก็กำหนดราคาขายที่ตั้งใจขึ้นมา
ฉันจะใส่คุณสมบัติในการส่งความเย็นเข้าไป แล้วก็จ่ายเงินว่าจ้างในการสร้างหมวกเย็นฉ่ำให้ชาวบ้าน―――เพิ่มราคาขายขึ้นไป แล้วก็เอามันมาวางในชั้นวางของของร้าน
แล้วพอหมวกใบไหนขายออกไปได้ ก็จ่ายเงินให้กับคนที่ทำหมวกใบนั้นด้วย
TN: เดี๋ยวอธิบายเรื่อง[การฝากขาย]ให้มากกว่านี้อีกนิดนึงแล้วกันนะครับ ขอต้อนรับสู่คาบ [เศรษฐศาสตร์ 101]
การฝากขาย (Consignments) หมายถึง การที่บุคคลที่เป็นเจ้าของสินค้า (ผู้ฝากขาย : Consignor) ส่งสินค้าของตนไปให้ผู้รับฝากขาย (Consignee) เป็นผู้ขายสินค้าให้ โดยที่กรรมสิทธิ์ในสินค้าจะยังคงเป็นของผู้ฝากขายจนกระทั่งสินค้านั้นขายได้ กรรมสิทธิ์ในสินค้าจึงจะโอนเป็นของผู้ซื้อสินค้า ดังนั้นสินค้าที่คงเหลืออยู่กับ [ผู้รับฝากขาย] ก็ยังคงเป็นของ [ผู้ฝากขาย] อยู่ เมื่อขายสินค้าได้แล้ว ผู้รับฝากขายจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นค่านายหน้าตามที่ตกลงกัน
ประโยชน์ด้านผู้ฝากขาย คือ สามารถขยายตลาดให้กว้างขึ้นโดยไม่ต้องลงทุนตั้งสถานที่จำหน่ายสินค้า, ไม่ต้องเสี่ยงต่อการขายสินค้าเป็นเงินเชื่อและเรียกเก็บเงินไม่ได้ หรือราคาขายสินค้าจะเป็นราคาเดียวกันในทุกที่ที่ส่งสินค้าไปฝากขาย เพราะผู้ฝากขายเป็นผู้กำหนดราคาขายและเงื่อนไขการขายเอง
“หมวกง่ายๆ ที่เน้นการใช้งานเป็นหลักเพียงอย่างเดียว กับหมวกสวยๆ ที่ต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามในการสร้างขึ้นมา จะขายด้วยราคาที่เท่ากันไม่ได้หรอกค่ะ”
“อืม ก็จริงอย่างที่หนูว่านะ”
“ราคาที่ฉันคิดเอาไว้ตอนนี้ น่าจะซักประมาณ 5,000 แรร์ต่อใบนะคะ ถ้าเกิดคนในหมู่บ้านคิดราคาเอาไว้ที่ใบละ 500 แรร์ ก็ขายได้ราคา 5,500 แรร์ค่ะ”
“…ถ้าขายหมวกไม่ออก ก็จะไม่ได้เงินเลยน่ะสิ? แบบนั้นพวกชาวบ้านไม่ขาดทุนเหรอ?”
“เรื่องนั้น―――”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะค่ะ! คุณพ่อ!”
ตอนที่ฉันกำลังจะอธิบาย เสียงแหลมสูงก็ดังก้องทะลุห้องมาเลย
พอฉันรีบร้อนหันขวับไปทางต้นเสียง ก็เห็นร่างของผู้หญิงคนนึงยืนตัวตรงอยู่ทางนั้น
ถ้าจะเป็นใครล่ะก็ เธอก็คือคุณเอริน ลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านนั่นแหละ
เหมือนกับว่าเธอจะเกิดตอนที่คุณผู้ใหญ่บ้านจะเริ่มสูงอายุแล้วนะ ตอนนี้ เธอก็ยังอยู่ในวัยประมาณ 30 ปีอยู่เลย
ถ้ามองในแง่อายุแล้ว เธอก็อายุพอๆ กับคุณมาเรีย แม่ของโลเรียจังเลยล่ะ
คุณเอรินมองมาทางฉัน ก่อนจะพูดขอโทษอย่างแก้ๆ กังๆ เล็กน้อย
“อะ ซาราสะจัง ขอโทษด้วยนะ เผลอไปขัดคำพูดหรือเปล่า? ฉันเพิ่งได้ยินน่ะ”
“ไม่เลยค่ะ ไม่มีปัญหาเลย”
บ้านหลังนี้น่ะถือว่าขนาดไม่ใหญ่เลยนะสำหรับบ้านของผู้ใหญ่บ้าน
ถ้าอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแบบนี้ ก็ไม่แปลกหรอกที่จะได้ยินเสียงพูดคุยด้วย แล้วการจะอยู่ฟังก็ไม่ได้เป็นปัญหาเลยด้วยเหมือนกัน
ยิ่งกว่านั้น คนที่จะต้องรับงานทำหมวกที่ว่านี่ก็คือพวกคุณเอรินด้วย
หรืออันที่จริง ฉันควรจะขอให้เธอมาร่วมในวงสนทนาตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่านะ…?
“เออ ถ้าไม่รังเกียจ ฉันขอถามความเห็นของคุณเอรินด้วยได้มั้ยคะ?”
“ไม่รังเกียจเลยล่ะ! ก่อนอื่นนะ คุณพ่อ!”
คุณเอรินพยักหน้าหนักๆ ให้ทีนึง ก่อนจะเลื่อนสายตาหันขวับไปจ้องเขม็งใส่คุณพ่อของเธอ แล้วชี้นิ้วดุๆ ใส่ด้วย
“อ- อะไรเหรอ?”
“อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ไงคะ! ซาราสะจังเขาคิดถึงเรื่องของหมู่บ้านมาก มาก มากเลย ถึงได้มายื่นข้อเสนอนี้ให้ไงล่ะคะ! ข้อเสนอที่ดีมากขนาดนี้ไม่ได้จะมีมาให้ได้ง่ายๆ เลยนะ!?”
“ป- เป็นงั้นเหรอ?”
พอเจอลูกสาวของตัวเองยืนกรานแบบนี้ ผู้ใหญ่บ้านก็ให้คำตอบอย่างลังเลออกมา บางทีอาจจะเพราะปฏิเสธไม่ได้ล่ะมั้งนะ
แล้วคุณเอรินก็พยักหน้าหนักๆ ให้คุณผู้ใหญ่บ้านอีกรอบนึง
“เป็นงั้นแหละค่ะ! ต่อให้หมวกจะขายไม่ออก ต้นทุนในการสร้างหมวกเย็นฉ่ำ―――เงิน 5,000 แรร์นั่นน่ะ ซาราสะจังก็ไม่ได้มาตามเก็บทีหลังด้วยใช่มั้ยล่ะคะ?”
“ค่ะ… แต่ว่า ถ้าเกิดหมวกที่ทำมาจากคนไหนขายไม่ออกมากๆ เข้า ฉันจะขอจำกัดจำนวนเอาไว้ด้วยก็แล้วกันนะคะ”
ฉันพร้อมจะรองรับการเข้าเนื้อไว้ประมาณนึงแล้วล่ะ แต่ถ้าเกิดมีสิ่งของคุณภาพแย่มากองถมอยู่ที่ร้านเนี่ย ก็ออกจะเป็นปัญหาอยู่นะ
พอได้ยินคำตอบจากฉันแล้ว คุณเอรินก็พยักหน้าเหมือนกับให้การยอมรับแล้ว
“แน่อยู่แล้วล่ะ แบบนั้นซาราสะจังก็เสียเงินเปล่าน่ะสิ”
“ยังไงเหรอ? ซาราสะจังไม่ได้ซื้อหมวกแยกเป็นใบๆ นี่?”
“หัวตื้อเกินไปแล้วนะคะคุณพ่อ!! จำได้มั้ยคะว่าจะสร้างหมวกเย็นฉ่ำใบนึงต้องเสีย 5,000 แรร์น่ะ!? ถ้าเกิดขายหมวกไม่ออก ซาราสะจังก็ต้องเสียมากกว่าต้นทุนทำหมวกหลายเท่าเลยนะ! เข้าใจหรือยังคะ!? ยังไม่เข้าใจ! หรือเข้าใจแล้ว!!”
คุณเอรินมุ่งตรงเข้าไปหาคุณผู้ใหญ่บ้านที่ถามคำถามออกมาแบบนั้นพร้อมกับทำเสียงเข้ม แล้วคุณผู้ใหญ่บ้านก็พยักหน้าหงึกๆ
ถ้าเกิดฉันทำหมวกออกมาสำเร็จทุกครั้ง ต้นทุนของสินค้าก็ไม่สูงไปกว่า 5,000 แรร์หรอก แต่… ถ้าเกิดนับรวมเรื่องค่าแรงของฉันไปด้วยแล้วนี่ ราคามันถูกอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะ?
แต่ก็นะ อย่างตอนเหตุการณ์เฮล เฟลม กริซลีก่อนหน้านี้ ฉันก็กังวลเรื่องความไม่ค่อยน่าไว้วางใจของคุณผู้ใหญ่บ้านอยู่นิดนึงนะ แต่บางที คุณเอรินอาจจะมีส่วนสนับสนุนเป็นหลักเลยก็ได้นะ?
“ซาราสะจัง ถ้าจะจำกัดจำนวนสินค้าที่คน 1 คนจะทำไปวางขายที่ร้านได้เลย คิดว่ายังไงบ้าง? ถ้าเธออยากจะเอาของอย่างอื่นมาวาง ก็ทำกฎเอาไว้อย่างให้คทำซื้อสินค้าที่ขายไม่ออกเอาไว้เองซะด้วยเลย”
“ฉันไม่ติดขัดอะไรนะคะ แต่ว่า การซื้อกลับไปจะไม่ลำบากกันเหรอคะ?”
“อื้อ ไม่หรอก ถ้าทำสินค้าออกมาแล้วมันขายไม่ออก คนทำก็ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนั้นสิ แล้ว ถ้ามองอีกมุมแล้ว ก็เหมือนเป็นการซื้อหมวกเย็นฉ่ำฝีมือของตัวเองในราคา 5,000 แรร์เลยนี่นา?”
“…จะมองแบบนั้นก็ได้นะคะ ถ้าเกิดว่า ทำหมวกของตัวเองได้แบบนั้นน่ะ”
ฉันพยักหน้าให้คุณเอริสที่กำลังหัวเราะอย่างขี้เล่น
ว่าแล้วเชียว คุณเอรินหัวไวสุดๆ เลยล่ะ
นึกไม่ออกเลยว่าเป็นคนที่อยู่ในหมู่บ้านในชนบทห่างไกลขนาดนี้
ในกรณีร้ายแรง ถ้าเป็นชาวบ้านล่ะก็ จะเอาหมวกตามปกติของตัวเองมาที่ร้านของฉัน แล้วจ่ายเงิน 5,000 แรร์เพื่อรับหมวกเย็นฉ่ำไปก็ได้นะ
หมวกเย็นฉ่ำที่ฉันทำวางเรียงขายอยู่ในร้านน่ะ ติดป้ายราคาเอาไว้ที่ 7,000 แรร์ ส่วนต่างก็ 2,000 แรร์เลยล่ะ
ถ้าอยากได้หมวกเย็นฉ่ำอย่างที่ชอบล่ะก็ หาซื้อจากที่ไหนซักที่ในราคา 2,000 แรร์ก็ได้นะ
“ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะคะว่าทำไม่ได้ แต่ขอร้องว่าอย่าพูดว่าจะไม่ทำเพิ่มแล้วเพราะมีหมวกของตัวเองแล้วนะคะ? เพราะนั่นมันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของฉันเลย”
“แน่อยู่แล้ว เธอก็เป็นห่วงเรื่องของหมู่บ้านใช่มั้ยล่ะ? แค่ให้ดาร์นาเอาไปขาย ก็หาเงินสดมาได้แล้วนะ… ซาราสะจัง ไม่ได้ฝืนตัวเองอยู่ใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไร ล่ะมั้งคะ…?”
คำตอบออกจะดูเทาๆ จริงๆ เลยนะ
ขายหมวกเย็นฉ่ำในราคา 5,000 แรร์
พอคิดถึงเรื่องค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่ใช้เป็นวัตถุดิบหาได้จากที่ใกล้ๆ เลยด้วย แล้วราคาขายจริงๆ ก็สูงกว่านั้นด้วย น่าจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง
คงไม่ไปดึงดูดความสนใจไม่หรอก… คิดว่างั้นนะ?
―――อืม ถ้าเกิดจะให้คุณดาร์นาเอาของไปขายข้างนอกหมู่บ้านล่ะก็ ตั้งราคาไว้ที่ต่ำสุดของราคาตลาดเอาไว้ดีกว่า เผื่อไว้ก่อนล่ะนะ
คุณเอรินเห็นฉันดูจะลังเลอยู่นิดหน่อยก็มองดูด้วยสายตาเป็นห่วง แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เธอก็เลยพยักหน้าให้นิดๆ
“ไม่มีปัญหาอะไรก็ดีแล้วล่ะ แต่ก็… เข้าใจแล้ว เอาเป็นไว้ตอนนี้ ฉันจะเรียกคนมาก่อนซัก 2-3 คนนะ ถ้าหมวกเสร็จแล้วเรียบร้อยแล้ว ให้ขนไปให้ที่ร้านเลยมั้ย?”
“อ- เอ มันก็ ได้นะคะ แต่ว่า…”
คุณเอรินตัดสินใจเองเลยจะดีเหรอ? พอฉันหันหน้าไปหาคุณผู้ใหญ่บ้าน เขาที่ฟังฉันอยู่แบบเหม่อๆ ก็สังเกตเห็นสายตาของฉัน แล้วก็พยักหน้าให้หลายทีอย่างลนลานตอบกลับมา
“ง- งั้นก็ฝากด้วยนะคะ”
“อ๊ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องคุณพ่อหรอกนะ จากนี้ เธอเอาเรื่องรายละเอียดมาคุยกับฉันเลยก็ได้นะ จะได้เร็วกว่าด้วย”
จะพูดแบบนั้นมันก็เกินไปหน่อยนะ แต่ก็… คุณผู้ใหญ่บ้านก็ดูจะไม่ได้สนใจแล้วแฮะ เขาหันไปยกแก้วชาบนโต๊ะขึ้นจิบแล้วตอนนี้
แบบนี้ดีแล้วใช่มั้ยคะ? คุณผู้ใหญ่บ้าน…?
“แล้วก็… ถ้าเกิดจำเป็นต้องใช้ล่ะก็ ฉันจะเตรียมภาพวาดของหมวกเอาไว้ก่อน มาเอาไปได้เลยนะคะ”
“จริงเหรอ!? ว้าว! น่ารักจริงๆ เลยเนี่ย! ในหมู่บ้านนี้น่ะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการแต่งตัวในเมืองเลยซักนิด ถ้าได้ภาพวาดจากซาราสะจังที่มาจากเมืองหลวงล่ะก็ ต้องออกมายอดเยี่ยมกระเทียมดองแน่นอนเลย!?”
คุณเอรินเองก็เป็นผู้หญิงจริงๆ เลยนะ
บางที เธอก็อาจจะสนใจเรื่องแฟชั่นเหมือนกันนะ เธอยื่นหน้าเข้ามาหาฉันพร้อมกับสายตาเป็นประกายเลย
ฉันพยักหน้าตอบให้ ระหว่างที่ถูกเธอกดดันอยู่แบบนี้
“อ- เออ ถ้าเกิดคาดหวังมากเกินไป มันอาจจะเป็นปัญหาได้นะคะ แต่ สำหรับตอนนี้ นี่ คือหมวกแบบที่ใส่กันในเมืองหลวงค่ะ”
“น่าสนุกจัง! แบบนี้ ฉันจะเอาไปบอกทุกคนเดี๋ยวนี้เลยแล้วกัน!”
“สำหรับเรื่องนี้ ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
“อื้อ! วางใจได้เลย! ฉันมั่นใจว่าเธอต้องได้หมวกสวยๆ แน่นอนเลยล่ะ!”
คุณเอรินยืดอกอย่างมั่นใจ พร้อมเอามือทาบหน้าอกอวบอิ่มของตัวเอง
แล้ว นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของสินค้าประจำหมู่บ้านนี้―――ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่นะ แต่… จะไปได้สวยจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย?
TN: ถ้าแก่แล้วจนเริ่มทำงานไม่ไหว ก็ลงจากเก้าอี้ผู้ใหญ่บ้าน แล้วคอยอยู่ดูแลเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานอยู่บ้านดีกว่านะ