“งั้น ไปก่อนนะ!”
“ค่า ไปดีมาดีนะคะ”
หลายวันหลังจากการเก็บรวบรวมเขี้ยวมากัน
ฉันทักทายทั้ง 3 คนที่ร้านตั้งแต่เช้าตรู่
เป้าหมายก็คือร้านของคุณเลโอโนร่าที่เมืองเซาว์ท สแตรก
โลเรียจังเป็นแค่คนเดียวที่พูดทักทายฉันตามปกติที่ออกมาอย่างสบายๆ เพราะนี่ก็เป็นการเดินทางที่เคยไปมาแล้ว
ส่วนสีหน้าของคุณไอริสกับคุณเคทเนี่ย ดูกังวลอย่างเห็นได้ชัดเลย
“คือ นายท่านผู้จัดการ ไปคนเดียวแบบนี้ จะเป็นอันตรายหรือเปล่าคะ? ถึงบนถนนจะปลอดภัยก็เถอะค่ะ แต่นอนพักค้างแรมอยู่ตามลำพังก็คงไม่ดีหรอกค่ะ?”
“เอ อย่างน้อยก็ ให้ฉันหรือไอริสตามไปคุ้มกันด้วยดีมั้ยคะ…”
“ไม่ล่ะค่ะ ขอรับไว้แค่ความรู้สึกก็แล้วกันนะคะ แต่ฉันจะวิ่งไป ถ้าเกิดใช้การเสริมแกร่งร่างกายไม่ได้ การเดินทางจะลำบากเอา เห็นด้วยมั้ยคะ? แล้วครั้งนี้ ฉันก็ตั้งใจจะวิ่งแบบเช้าไปเย็นกลับให้ได้ด้วย!”
“อย่างนั้นเหรอคะ? นั่นสินะ ถ้าเป็นนายท่านเจ้าของร้านก็คงไปได้ในวันด―――หือ? กลับเลย?”
อึม? ฉันพยักหน้าให้คุณไอริสที่เอียงคอสงสัยอย่างหนักแน่น
“ใช่ค่ะ ฉันตั้งเป้าจะกลับวันนี้นี่แหละ!”
“เอ๊ะ? เช้าไปเย็นกลับ… แม้แต่คุณผู้จัดการก็ทำไม่ได้หรอกนะคะ…?”
“อื้ม! ฉันคิดว่าครั้งนี้ฉันจะทำได้นะคะ! หลังจากทรมานจากอาการปวดกล้ามเนื้อแทบตาย ฉันก็เติบโตขึ้นแล้ว! ―――คิดว่างั้นมั้ยคะ?”
ไม่ได้หรอก จะอ่อนแออยู่แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาดเลย
พอคิดถึงเหตุการณ์ครั้งก่อนแล้วนี่ ถ้าเกิดฉันไม่แวะนอกลู่นอกทาง ฉันก็น่าจะทำได้นะ!
“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราที่ตามไปด้วยคงจะเป็นตัวถ่วงสินะคะ”
“นั่นสินะ ระวังตัวด้วยนะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ… อยากได้อะไรหรือเปล่าคะ? ขนมหรืออะไรแบบนั้น”
“ไม่ล่ะค่ะ ไม่เป็นไร พวกเราได้ทั้งที่ซุกหัวนอน ทั้งอาหารดีๆ ให้ทานเลย ทั้งหมดที่พวกเราต้องการ ณ ตอนนี้ ก็มีแค่สิ่งจำเป็นสำหรับการเก็บสะสมของเราเท่านั้นเองค่ะ!”
ถึงคุณไอริสจะกำหมัดแน่นด้วยพลังใจเต็มที่ แต่ตาของเธอก็แอบลอกแลกนิดนึงนะ
“ฮุฮุ เข้าใจแล้วค่ะ ไว้จะซื้อของดีๆ มาฝากนะคะ ถ้างั้น ไปก่อนนะคะ!”
ตัดทุ่งหญ้า ผ่านเทือกเขา―――ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก แค่วิ่งไปตามถนนสายหลักตามปกติ มุ่งหน้าไปที่เมืองเซาว์ท สแตรกเท่านั้นเอง
บางที ก็อาจจะเพราะฉันมีโอกาสได้ใช้การเสริมแกร่งร่างกายบ่อยครั้งขึ้น ไม่ก็เพราะประสบการณ์ของการปวดกล้ามเนื้อแสนทรมานนั่นจะส่งผลกับฉันจริงๆ ก็ได้ ฉันเลยวิ่งเลยจุดที่ฉันต้องหยุดพักครั้งก่อนได้ ทั้งๆ ที่สภาพตัวเองก็ยังดีอยู่เลย
เป็นทางลัดวิ่งไปจนถึงเมืองเซาว์ท สแตรกเลยล่ะ
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะพักก่อนดีมั้ยหรือยังไงต่อดี ฉันก็เริ่มจะเห็นประตูของเมืองเซาว์ท สแตรกแล้ว―――กลายเป็นว่าสุดท้าย ฉันก็วิ่งยาวๆ มาตลอดทางสำเร็จจนได้
“การพัฒนาเป็นไปได้ด้วยดีเลยนะเนี่ย ฮุฮุฮุ…”
ถ้านี่มาพร้อมกับพัฒนาการของร่างกายล่ะก็ คงไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วล่ะ
โชคร้ายหน่อยนะที่ ฉันไม่เห็นการเจริญเติบโตอะไรเลยมาซักพักแล้วน้า!
อย่างน้อย ฉันก็อยากจะสูงขึ้นกว่าตอนนี้ซักหน่อยนะ
ใกล้จะได้เวลาที่ฉันจะถูกเลิกมองว่าเป็นเด็กซักที แต่ก็คงลำบากอยู่นะ
“ไม่เป็นไร ยังพอมีหวังอยู่นะ… ยังไงก็ ต้องรีบแล้วสิ”
จุดประสงค์ข้อแรกก็คือหาไม้สำหรับทำตู้เย็นกับตู้แช่
จริงๆ คุณเกเบิร์กก็เป็นคนใช้ล่ะนะ เพราะงั้น หน้าที่เดียวของฉันก็คือขนของที่สั่งมาจากร้านขายส่งไม้แปรรูปไง
รีบจัดการให้เสร็จ แล้วจากนั้นก็ไปที่ร้านของคุณเลโอโนร่าต่อ
“ยินดีต้อนรับ… โอ๊ะ ซาราสะไม่ใช่เหรอ ว่าแล้วเชียวว่าต้องยังสบายดีอยู่”
พอฉันเปิดประตูร้านที่อย่างสะอาดเอี่ยมเหมือนอย่างทุกทีเข้าไป คุณเลโอโนร่าก็มองมาที่ฉันแบบตกใจนิดๆ แล้วก็ยิ้มออกมา
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ―――หมายความว่ายังไงเหรอคะ ที่บอกว่ายังสบายดีอยู่?”
“พวกนักเก็บสะสมที่หนีออกมาจากหมู่บ้านย็อคมาสร้างความวุ่นวายน่ะสิ บอกว่าหมู่บ้านน่ะไม่มีเหลืออยู่แล้ว”
“…อ่า เรื่องการคลุ้มคลั่งของเฮล เฟลม กริซลีสินะคะ?”
มีคนจำนวนนึงเลยที่เหมือนว่าจะหนีไป เพราะงั้น การจะมีข่าวลือแบบนั้นแพร่ไปก็เป็นเรื่องธรรมดาเลยล่ะนะ
หลังจากนั้น เรื่องที่ว่าเราจัดการไล่พวกมันไปได้อย่างปลอดภัยก็… อาเระ? อาจจะยังมาไม่ถึงล่ะมั้ง?
“ใช่แล้ว ก็ ถึงเรื่องจะเล่าต่อกันแบบครึ่งๆ กลางๆ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่หมู่บ้านน่ะตกอยู่ในอันตรายจริงๆ แต่ฉันรู้ว่าที่นั่นมีซาราสะอยู่ด้วย ก็เลยไม่ได้กังวลมากขนาดนั้นไงล่ะ”
“ได้รับความไว้ใจแบบนั้นฉันก็ดีใจอยู่นะคะ แต่ฉันไม่ได้แกร่งไม่บันยะบันยังแบบอาจารย์ซักหน่อยนี่คะ?”
ที่ฉันได้รับความไว้ใจแบบนี้ อาจจะเพราะชื่อเสียงของอาจารย์ด้วยนั่นแหละ แต่ฉันก็ไม่ได้เหมือนกับอาจารย์นี่นา
ถ้าคาดหวังไว้สูงขนาดนั้น ก็มีแต่จะผิดหวังเสียเปล่าๆ
“จะว่าไปแล้วเนี่ย วันนี้มีอะไรมาขายให้ฉันเหรอ?”
“…พวกวัตถุดิบจากเฮล เฟลม กริซลีค่ะ”
“ว่าแล้วเชียว จัดการไปกี่ตัวล่ะ?”
“28 ค่ะ”
“แล้ว ซาราสะฆ่าไปหมดนั่นเลยเหรอ?”
ฉันรีบส่ายหัวให้คุณเลโอโนร่าที่อุทานออกมาอย่างทึ่งแบบนั้น
“ไม่มีทางอยู่แล้วค่ะ ฉันฆ่าไปได้แค่ 8 ตัวเท่านั้นเองค่ะ ที่เหลือก็เป็นความพยายามกันอย่างหนักของชาวบ้านกับนักเก็บสะสมที่ยังอยู่กัน”
“ฆ่าได้ขนาดนั้นคนเดียวเนี่ย ฉันว่าก็พอแล้วนะ เอาเถอะ ถ้างั้น ขอฉันดูของหน่อยสิ?”
“ค่ะ เริ่มจากขน ถุงไฟ แล้วก็ลูกตา―――”
ครั้งนี้ฉันได้วัตถุดิบมาเยอะพอควรเลย แป๊บเดียว บนเคาน์เตอร์ก็มีของกองเต็มแล้ว
คุณเลโอโนร่าตรวจดูของทีละชิ้นๆ แล้วก็คำนวณราคาขายออกมา
“แหมๆ… การเตรียมการนี่ทำได้สุดยอดเลยนะ แถมยังเป็นวัตถุดิบมีค่าเลยด้วย ฉันก็อยากจะซื้อหมดเลยนั่นแหละนะ แต่… แบบนั้นคงเสียเงินเยอะเลยล่ะ”
“ถึงจะไม่ใช่เงินสด แต่แลกกับวัตถุดิบเอาก็ได้นะคะ? ฉันมีของที่อยากจะได้หลายอย่างเลยด้วย แล้วก็ ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็มีวัตถุดิบอื่นๆ พวกนี้ด้วยนะคะ”
ของชิ้นสุดท้ายที่ฉันหยิบออกมากางคือเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งที่ฉันไปเก็บรวบรวมมาเมื่อวันก่อน
เป็นวัตถุดิบที่เป็นที่ต้องการในฤดูที่กำลังจะมาถึงเลย แต่เดี๋ยวจะมีของมาเพิ่มอีกมากกว่านี้ แล้วนี่มันก็มากเกินกว่าที่ฉันจะเอาไปใช้ได้ไปหน่อย
“เห ค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเหรอ ได้ยินว่าปีนี้ราคาตลาดจะขึ้นด้วยนะ ว่าแต่ พวกนี้เป็นตัวที่แก่พอควรเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย? ฉันไม่ค่อยได้ของมาจากหมู่บ้านนั้นเลยช่วงนี้ กำลังลำบากเลยล่ะ ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการจัดการอะไร แถมยังลำเลียงขนส่งง่ายด้วย”
“จากที่ได้ยินมาจากนักเก็บสะสมในหมู่บ้านนี่ เหมือนว่าสมัยก่อน พวกเขาจะถูกกดราคานะคะ? เพราะแบบนั้น พวกเขาเลยคิดว่า ‘ไม่เห็นจะคุ้มเลย!’ อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ”
“…นี่หรือว่า จะเป็นเจ้าหมอนั่นอีกแล้วล่ะเนี่ย?”
ฉันส่ายหัวอย่างไม่แน่ใจให้คุณเลโอโนร่าที่มองมาที่ฉันด้วยสายตาดุๆ
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ… แต่กรณีของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเนี่ย อะไรที่ถูกมันก็ถูกนั่นแหละนะคะ”
“เพราะเธอยังเด็ก นั่นก็เลยทำให้เธอคิดแบบนั้นไงล่ะ อืม… คิดไปก็เปล่าประโยชน์นั่นแหละนะ”
คุณเลโอโนร่านิ่งคิดอยู่ซักพัก ก่อนจะถอนหายใจและส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“แล้วนี่ ขายให้ฉันหมดนี่เลยจะดีเหรอ?”
“ค่ะ หลังจากนี้มันจะร้อนแล้วด้วย เก็บเอาไว้ก็คงเป็นสินค้าที่ขายออกยากแล้วใช่มั้ยคะ?”
“เอาเถอะ มันก็คงจะไม่ถูกขายเกลี้ยงอยู่แล้วล่ะนะ―――แล้ว เธออยากจะได้อะไรด้วยหรือเปล่า?”
“นั่นสินะคะ ก่อนอื่นเลยก็ พวกวัตถุดิบที่ใช้ทำถุงมือยืดหยุ่น―――”
ตามปกติแล้ว วัตถุดิบที่ใช้ในการทำถุงมือยืดหยุ่นเนี่ยจะสั่งเอาจากวัตถุดิบแบบที่จำเป็นสำหรับอาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ในสารานุกรมแปรธาตุบทที่ 4 แล้วก็ยังต้องใช้วัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับโพชั่น (ยาแปรธาตุ) ในบทที่ 5 ด้วย
บางครั้ง พวกเราจะแลกเปลี่ยนวัตถุดิบกับเงินสดกัน ควบคู่ไปกับการเจรจาเรื่องราคากันแบบเผ็ดร้อนนิดหน่อย
จนในที่สุด ทั้งฉันทั้งคุณเลโอโนร่าก็ยิ้มออกมา แล้วก็จับมือกัน
“เอาล่ะ ข้อตกลงเป็นอันเรียบร้อยด้วยดี―――ซาราสะ คืนนี้จะค้างอีกหรือเปล่า?”
คุณไม่ได้เปิดโรงแรมใช่มั้ยคะ? ฉันส่ายหน้าให้กับคำถามนั้นของคุณเลโอโนร่า
“ไม่ล่ะค่ะ วันนี้ฉันจะกลับบ้านเลย ครั้งนี้ เป้าหมายคือฉันจะเดินทางเช้าไปเย็นกลับให้ได้เลย!”
ตอนนี้ยังไม่เที่ยงเลย
จะกลับบ้านตอนนี้เลยก็ได้!
คุณเลโอโนร่ามองฉันที่กำลังชูหมัดที่กำแน่นด้วยสายตาอึ้งๆ
“เช้าไปเย็นกลับเหรอ… ไม่สิ ดูจากเวลาที่เธอมาที่บ้านของพวกเราแล้วเนี่ย ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ล่ะนะ เธอออกมาจากหมู่บ้านตั้งแต่เช้าใช่มั้ย?”
“ค่ะ ครั้งนี้ฉันวิ่งมาถึงได้แบบไม่ต้องพักเลย”
“เป็นนักสู้จริงๆ เลยนะเธอเนี่ย แถมยังห้อยดาบดูดีไว้ที่เอวซะด้วย”
ตาแหลมมากค่า
แวบแรก มันก็อาจจะเหมือนเป็นแค่ดาบธรรมดาๆ นะ
ฉันดึงตัวดาบออกมาทั้งฝัก แล้วก็วางมันบนเคาน์เตอร์
“ฮุฮุฮุ ดูหน่อยมั้ยคะ? จะดูก็ได้นะคะ?”
“งั้นเหรอ? ก็ ดีใจอยู่เหมือนกันนะ”
“นี่น่ะ ฉันได้มาจากอาจารย์น่ะค่ะ”
“จริงเหรอ!? งั้นขอฉันดูหน่อยสิ! ―――โอ้โห ไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่ก็สุดยอดเลยนะ…”
คุณเลโอโนร่าที่ดึงดาบออกมาดูทันทีเลย ก็จ้องดูที่ใบดาบเล่มนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมา
ต่อให้ใช้งานมามากขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้มีรอยหมองเลยซักรอยเดียว ยังเงาพอขนาดที่สะท้อนหน้าของฉันได้เลยล่ะ
“ความคมเองก็สุดยอดไปเลยนะคะ ฉันตัดหัวของเฮล เฟลม กริซลีได้ในฉับเดียวเลย สมกับที่เป็นของระดับปรมาจารย์เลยว่ามั้ยคะ?”
“―――ไม่ ไม่หรอก”
“อ่าว?”
ตอนที่ฉันบอกว่าอาจารย์ของฉันสุดยอดไปเลยนี่ เธอก็ปัดมันตกไปแบบเรียบๆ แบบนั้นเฉยเลย
“อย่างฉันเนี่ย เป็นไปไม่ได้หรอกนะที่จะใช้ดาบเล่มนี้น่ะ แถมก่อนหน้านั้นเนี่ย ฉันไม่เอาดาบเล่มเดียวไปสู้กับเฮล เฟลม กริซลีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุทั่วๆ ไปน่ะ”
“อ่า ที่ว่านักเล่นแร่แปรธาตุทั่วๆ ไปนี่ แสดงว่าคุณถนัดเรื่องเวทมนตร์กว่างั้นสินะคะ? บางคนก็ใช้ดาบแค่เพื่อป้องกันตัวเท่านั้นเอง”
เพราะแบบนั้นไงล่ะ ฉันเลยคว้าเอาเงินรางวัลมาได้แบบสบายๆ เลยน่ะ
“ไม่ได้ถึงระดับนั้นหรอกนะ แต่… ก็ เอาเถอะ นั่นก็คือซาราสะนี่นะ”
“…ทำไม เหมือนคุณแอบพูดไม่ดีกับฉันเลยล่ะคะ?”
“ชมต่างหากเล่า ฉันชมเธอนะ―――ยังไงก็เถอะ จะว่าไปแล้วเนี่ย นี่ยังอยู่ในช่วงมื้อกลางวันหรือเปล่า? ตอบแทนที่ให้ฉันดูดาบสวยๆ เดี๋ยวฉันเลี้ยงอะไรเธอซักหน่อยแล้วกัน”
ฉันพยักหน้าตอบคำเสนอที่พูดขึ้นมาอย่างสบายๆ พร้อมกับดาบที่ถูกส่งคืนมาให้ พลางเก็บดาบกลับไปเหน็บที่เอวของตัวเอง
“โธ่~ อาจจะกวนใจบ้างนะคะที่พูดแบบนี้ แต่ฉันคงขอไม่รบกวนเรื่องเลี้ยงอาหารนะคะ แล้วก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้หรอกค่ะ”
“น่าๆ ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ ไม่ได้รบกวนเลย―――นี่! ฉันจะไปทานมื้อกลางวันนะ! ฝากเฝ้าร้านด้วย!”
“ค่~า”
พอคุณเลโอโนร่าตะโกนไปทางหลังร้าน ก็มีเสียงผู้หญิงเล็กๆ เสียงหนึ่งร้องตอบกลับมา
พอยืนยันได้แล้วเรียบร้อย คุณเลโอโนร่าก็ดันหลังฉัน ก่อนออกจากร้านมากัน
ร้านอาหารที่คุณเลโอโนร่าพาฉันไปนี่เป็นร้านชั้นดีจริงๆ ด้วยล่ะ
สรุปอย่างง่ายๆ คือ ราคาของร้านนั้นเพิ่มจากราคาอาหารที่ร้านของคุณดีรัลไปหลักนึง แบบนั้นเลย
ถ้าฉันมาคนเดียวล่ะก็ ฉันคงไม่เลือกร้านนี้หรอก
แต่ว่า ครั้งนี้ ฉันเลือกของหรูๆ ได้นี่นา
หรือก็คือ ฉันนี่ สุดยอดไปเลย
ไม่เกรงใจเลยก็แล้วกันน้า
ฉันเป็นเด็กสาวที่พอเจอข้อเสนอดีๆ แล้วก็จะลืมตัวเลยนี่นา
แต่ที่สุดยอดจริงๆ ก็คือคุณเลโอโนร่านี่แหละ ที่เอาแต่ยิ้มให้ฉันที่ไม่ได้ยั้งตัวเองเลย
สมแล้วล่ะที่เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ผ่านโลกมาก่อนน่ะ!
ต่อให้ฉันจะพอมีเงินบ้าง แต่ก็เอามาใช้เองไม่ได้แบบนี้หรอก!
“ซาราสะ อิ่มหรือยัง?”
“ค่ะ! นี่น่ะ เป็นร้านอาหารที่อร่อยมากๆ เลยล่ะค่ะ”
ฉันไม่ได้เกรงใจเลยจริงๆ นะ ไม่ได้คิดเรื่องราคาเลยด้วยซ้ำ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทานจนอิ่มแปล้เลย แต่รอยยิ้มของคุณเลโอโนร่าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิดเดียว
“ฉันเองก็ไม่ได้โปรดปรานร้านแบบนี้ขนาดนั้นหรอกนะ ฉันคิดว่าตอนนี้ ซาราสะกำลังเจอเวลาที่ยากลำบากอยู่ก็จริง แต่อีกซักพัก เธอก็จะสามารถขยับจับจ่ายได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น จะได้มาใช้บริการร้านแบบนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลด้วยนะ จริงมั้ย?”
“อ่า แต่ว่า ฉัน ถ้าหาเงินได้เยอะกว่านี้ ฉันก็อยากจะส่งเงินไปช่วยบ้านเด็กกำพร้าให้มากขึ้นซักหน่อยน่ะค่ะ”
ทุกคนที่บ้านเด็กกำพร้าก็ลำบากกันด้วย จะมาทานอาหารดีขนาดนี้อยู่คนเดียวนี่มันก็ออกจะ…
“ซาราสะมาจากบ้านเด็กกำพร้างั้นสินะ แต่ว่านะ การช่วยเหลือแบบพอประมาณน่ะจะดีกว่านะ เห็นด้วยมั้ย? หรือไม่ยังงั้น เธอจะปรึกษาเรื่องจำนวนเงินที่จะส่งให้ทางนั้นกับผู้อำนวยการของบ้านเด็กกำพร้าก็ได้นะ”
“ยังงั้นเหรอคะ?”
“ถึงยังไง เธอคิดว่าถ้านักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงทำการบริจาคให้อย่างหนักแล้วเนี่ย จะทำให้บ้านเด็กกำพร้าจะอยู่กันอย่างสบายขึ้นมากๆ เลยงั้นสินะ? แล้วเด็กๆ ที่ต้องโตขึ้นมาในสถานที่แบบนั้นล่ะ?”
“อ่า… คิดอีกมุมแบบนั้นก็ได้ด้วยสินะคะ”
อย่างเช่น อาจารย์ไง
ถ้าอาจารย์บริจาคให้ซัก 10% ของรายได้อาจารย์แล้วเนี่ย เด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้าคงจะอยู่อย่างหรูหรายิ่งกว่าเด็กเกือบทุกคนบนโลกซักอีกด้วยซ้ำไป
ถ้าเกิดว่าฉันอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ฉันจะตั้งใจเรียนอย่างหนักเหรอ… คิดว่าคงจะไม่หรอก
ที่ฉันพยายามอย่างเต็มที่ขนาดนี้ ก็เพราะจะได้เปลี่ยนสภาพความเป็นอยู่ปัจจุบันนี่ให้ได้ แต่ถ้าไม่ใช่แบบนั้นแล้วเนี่ย…
แล้วถ้าโตมาสภาพแวดล้อมแบบนั้นแล้วเนี่ย ต่อให้ออกจากบ้านเด็กกำพร้ามาแล้วก็อาจจะเป็นคนไม่เอาถ่านอยู่ดีก็ได้นะ
ไม่มีใครจ่ายค่าจ้างสูงๆ ให้คนที่โตมาจากบ้านเด็กกำพร้าที่ไม่สมควรจะได้รับหรอก แล้วแบบนั้น คุณภาพการเป็นอยู่ของเขาก็จะดิ่งลงมาอย่างกะทันหันเลย…
“ไหนๆ ก็พูดแล้วเนี่ย ฉันเองก็โตมาจากบ้านเด็กกำพร้าเหมือนกันนะ แต่เงินที่ฉันส่งไปช่วยเหลือเนี่ยก็กำหนดเอาไว้ต่ำระดับนึงตลอดเลยล่ะ นอกจากตอนที่จำเป็นต้องซ่อมแซมตัวอาคารนี่แหละที่ฉันจะส่งเงินก้อนใหญ่ๆ ไปให้”
แค่ส่งเงินให้เฉยๆ เนี่ย ไม่ได้แปลว่าจะเป็นการตอบแทนพระคุณสินะ
ฉันคิดว่าคุณครูใหญ่ก็จะเอามันไปใช้เป็นอย่างดีนั่นแหละ แต่ก็… ไว้ไปคุยปรึกษากันซักครั้งก็ดีนะ
“ยังงี้นี่เอง ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นมากเลยค่ะ”
“เพราะฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนยังไงล่ะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ถามได้เลยนะ?”
“ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ พวกเราเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างๆ กัน ฉันคิดว่ามีเรื่องบางอย่างอยากจะขอซักหน่อยค่ะ…”
“เอ๋ ได้เสมอเลยนะ”
“แบบนั้นจะช่วยฉันได้มากเลยล่ะค่ะ ถ้างั้น ฉันไปก่อนนะคะ ฉันอยากกลับให้ถึงบ้านก่อนอาทิตย์จะตกดิน แล้วก็วันนี้ ขอบคุณที่เลี้ยงนะคะ!”
ฉันออกมาจากร้าน พร้อมกับกล่าวขอบคุณอีกครั้ง คุณเลโอโนร่าก็โบกมือส่งพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ให้
“แปลกๆ อยู่เหมือนกันนะที่กลับบ้านตอนนี้เลยได้ด้วย แต่ก็… เดินทางปลอดภัยนะ”
“ค่ะ แล้วเจอกันอีกนะคะ!”
หลังจากบอกลาจากคุณเลโอโนร่ามาแล้ว ฉันก็รีบซื้อของฝากมาประมาณนึง แล้วก็รีบวิ่งตรงไปที่หมู่บ้าน
ฉันพักเหนื่อยมาเพียงพอแล้ว เติมพลังงานมาเรียบร้อยแล้วด้วย เพราะงั้น การเสริมแกร่งร่างกายของฉันก็เลยไม่มีปัญหาเลย…
“อุ๊บ… เหมือนจะทานเยอะไปหน่อยแฮะ”
ตอนที่ฉันเริ่มออกวิ่ง ฉันก็ต้องทรมานกับอาการแน่นท้องซะแล้ว
ไม่ว่าฉันจะพักเหนื่อยแค่ไหนก็ตามนะ แต่ฉันทานเยอะมากจนลืมไปเลยว่าต้องวิ่งกลับบ้านทันทีหลังจากนี้นี่นา ฉันนี่มันเลินเล่อไร้หัวคิดจริงๆ เลย
แต่ก็ ช่วยไม่ได้นี่นา! เป็นเพราะความยากจนต่างหาก!
ในเมื่อถูกบอกว่าจะเลี้ยงแล้วทั้งที จะเลือกไม่ทานให้เต็มที่เท่าที่จะทานไหวจริงๆ น่ะเหรอ ไม่มีทางซะหรอก
ผลที่ได้ก็คือ ฝีเท้าของฉันก็ช้าลง จนฉันมาถึงหมู่บ้านซะตอนที่ดวงอาทิตย์แทบจะลับขอบฟ้าอยู่รอมร่ออยู่แล้วเนี่ย
ฉันเอาใจโลเรียจังที่รอของฝากอย่างใจจดใจจ่อ แล้วคืนนั้นก็เข้านอนเร็วซักหน่อย