ระหว่างที่รอพวกคุณไอริสพักฟื้น นี่ก็ผ่านมาได้แล้ว 5 วัน
พวกเรา 6 คน [ทีมสืบสวนมือใหม่] ก็เข้าไปในทะเลป่าใหญ่กัน
“ซาราสะจัง ไปทางนี้ถูกมั้ย?”
“ใช่ค่ะ ไม่มีปัญหา คิดว่านะคะ”
ถึงยังไงพวกเราก็เป็นแค่มือสมัครเล่น ไม่มีใครเลยที่มีความสามารถในการตามรอยของเฮล เฟลม กริซลีได้เลย แถมต่อให้เราจะมามองหาร่องรอยมันเอาตอนนี้ก็ไม่มีเหลือแล้วล่ะ
เพราะฉะนั้น สิ่งที่พวกเราเลือกจะทำก็คือการสืบค้นบริเวณแหล่งที่อยู่อาศัยของเฮล เฟลม กริซลี
ระหว่างที่พวกคุณไอริสพักฟื้น ฉันก็ใช้คอนเนคชั่นของอาจารย์ในการหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับทะเลป่าใหญ่มา แล้วก็ระบุตำแหน่งที่นั่นมาแล้ว
ตอนแรกเราก็พอจะรู้ตำแหน่งโดยคร่าวๆ อยู่แล้ว แต่กับส่วนลึกของทะเลป่าใหญ่น่ะ มันไม่ใช่สถานที่ง่ายๆ ที่จะให้เราเหยียบเข้าไปโดยที่ถือข้อมูลคร่าวๆ อยู่ได้หรอก
ต่อให้จะเป็นนักเก็บสะสมมากประสบการณ์ก็ตาม ถ้าเกิดประมาทล่ะก็ พวกเขาก็เอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นได้ง่ายๆ เลย
ดังนั้นแล้ว การหาข้อมูลก่อนล่วงหน้าและการเตรียมตัวก็เลยสำคัญมากๆ เลยล่ะ
“พวกคุณ มีใครเคยเข้าไปที่นี่มาก่อนบ้างคะ?”
“พวกเราไปกันแต่บริเวณใกล้ๆ เท่านั้นเอง―――ดูจากที่เรากลับมาที่บ้านของนายท่านผู้จัดการทุกวันเลยก็ได้ การเดินทางของพวกเราจำกัดอยู่แค่นั้นนั่นแหละค่ะ”
“จริงสิ ดูจากเวลาที่คุณใช้กับงานเก็บรวบรวมแล้ว ก็ค่อนข้างเข้าไปไม่ได้ลึกจริงๆ นั่นแหละค่ะ”
ก็นั่นสินะ อย่างน้อย ตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่เริ่มมาพักอยู่ที่บ้านฉัน ก็ไม่มีวันไหนเลยที่ทั้ง 2 คนไม่ได้กลับบ้านเลยนี่นา แสดงว่าคงห่างออกไปจากบ้านในระยะไม่เกิน 2-3 ชั่วโมงล่ะมั้ง?
“พวกเราเข้าไปลึกกว่านั้นนิดหน่อยนะ บางทีก็ถึงขั้นมาค้างแรมกันเลย เนอะ?”
คุณอังเดรพยักหน้าถามขอให้คนอื่นเห็นด้วย แต่คุณกิลกับคุณเกรย์ก็ส่ายหน้ากันเลย
“ก็แค่บางทีล่ะนะ พวกข้าก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกไอริสจังหรอก”
“อังเดร อย่าไปโม้เลย”
คุณอังเดรถูกทั้ง 2 คนตบไหล่ เขาก็เลยตะโกนลั่นพร้อมกับหน้าแดงก่ำเลย
“กรร… ไม่เอาน่า! ยืดซะบ้างซักนิดซักหน่อยจะเป็นไรไปเล่า!”
“น่าๆ ถึงจะแค่มีประสบการณ์อยู่บ้าง นั่นก็สร้างความแตกต่างได้แล้วค่ะ ยังไงประสบการณ์ของมือเก๋าก็พึ่งพาได้อยู่แล้ว”
ฉันไม่ค่อยมีประสบการณ์เรื่องพวกนี้เท่าไหร่เลย โดยเฉพาะเรื่องอย่างการค้างแรมในป่า นอกจากตอนที่ฉันเคยทำตอนฝึกในวิทยาลัยล่ะนะ
คุณอังเดรตอบสนองคำพูดของฉันด้วยการเกาหัวแกรกๆ อย่างไม่อึกอัก
“อ- โอ้ แต่ ถึงหนูจะเรียกข้าว่าเป็นพวกมือเก๋าก็เถอะ แต่รู้ใช่มั้ย พวกข้ามันก็แค่พวกมือเก๋าระดับล่างๆ เท่านั้นเองล่ะนะ…”
ถึงพวกคุณอังเดรจะอยู่ในลำดับสูงเลยล่ะในหมู่บ้าน แต่ถ้าเป็นในแง่ของการเก็บรวบรวมวัตถุดิบแล้วเนี่ย มันก็ค่อนข้างจะจำเจนะ หลักฐานก็ดูได้จากความลังเลที่พวกเขาจะไปเก็บเขี้ยวของค้างคาวเขี้ยวน้ำแข็งเพราะขาดแคลนความรู้
ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเรื่องที่มันเลี่ยงไม่ได้ล่ะนะ
ในสมัยเมื่อตอนที่หมู่บ้านนี้ยังมีนักเล่นแร่แปรธาตุอยู่ ดูเหมือนนักเก็บสะสมรุ่นก่อนหน้าพวกคุณอังเดรพอดีจะเคยท่องเข้าไปในส่วนลึกของทะเลป่าเพื่อเก็บรวบรวมวัตถุดิบที่มีมูลค่าสูงอยู่นะ แต่พอไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุอยู่ แม้แต่การขายวัตถุดิบที่เก็บมาได้ก็ถูกจำกัดเอาไว้ด้วย
ผลก็เลยทำให้จำนวนนักเก็บสะสมที่เสี่ยงเข้าไปที่ส่วนลึกของทะเลป่าใหญ่ลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนทำให้ไม่มีองค์ความรู้ถ่ายทอดลงมาจากนักเก็บสะสมรุ่นก่อนมาหาพวกคุณอังเดร
“ในแง่ความรู้นี่… จริงด้วยนะคะ โอกาสดีเลย เดี๋ยวฉันสอนเรื่องวัตถุดิบที่ขายได้ราคาดีไปด้วยแล้วกันนะคะ ถ้าสามารถทำได้ดีๆ ล่ะก็ รายได้ที่คุณหาได้ในแต่ละวันอาจจะมากขึ้นเป็นเท่าตัวได้เลย คิดว่ายังไงบ้างคะ?”
“โอ้ ขอบคุณมากเลย ขอฝากด้วยนะ”
“วางใจให้ฉันจัดการได้เลยค่ะ”
ฉันพยักหน้าให้กลุ่มคุณอังเดรที่กำลังยิ้มแป้นกันอย่างดีใจ พร้อมกับชูนิ้วโป้งให้
แล้วต่อมา ระหว่างที่ฉันอธิบายเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง พวกเราก็เดินหน้าไปก้าวต่อก้าว แต่การเดินทางไปยังที่หมายมันไม่ได้ไปไกลอย่างที่เราคาดหวังกันเท่าไหร่เลย สาเหตุมันก็เพราะ…
“น- นี่มัน! นารุสึนัจจิ! หายากด้วยนะเนี่ย! โชคดีสุดๆ เลย!”
ฉันค่อยๆ เก็บราเมือกสีเขียวอมเหลืองที่ยังมีชีวิตออกมาจากตรงก้อนหิน แล้วก็ใส่มันลงไปในขวด
ให้มองข้ามไปเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอกน่า
“มีเอียร์แท็คจิ๋วงอกตรงนี้ด้วย! ถ้าไม่ระวังนี่คงเผลอมองข้ามไปแน่เลย ต้องค่อยๆ”
ฉันค่อยๆ ใช้แหนบคีบเห็ดสีเหลืองซีดออกมาจากในรอยแตกของซากต้นไม้ที่ล้มลงมาแล้ว แต่ละดอกมันใหญ่แค่ประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วถ้าทำแตกล่ะก็ มูลค่าของมันก็จะเสียไปเลย ฉันค่อยๆ คีบมาทีละดอกๆ มาใส่เอาไว้ในกล่อง
“มอสนี้มัน บลูพาวเดอร์นี่นา ตามปกติมันจะเป็นจะเป็นสีเขียว แต่ช่วงฤดูนี้มันจะปล่อยผงสีฟ้าออกมา เพิ่มมูลค่าของมันขึ้นไปอีก”
ตัวผงนี้น่ะสำคัญมากๆ ฉันกลั้นหายใจแล้วก็ค่อยๆ ใช้มีดลอกมันใส่ลงในกระเป๋าหนังของตัวเอง
“ว้า~ว สมแล้วจริงๆ ที่เป็นทะเลป่าใหญ่! เป็นกองสมบัติของวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุเลย! ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ จะเพิ่มรายได้ที่คุณหาได้ไปอีก 3 เท่าก็ไม่ใช่แค่ฝันด้วยซ้ำนะคะ คุณอังเดร!”
“ก็เป็นข่าวดีอยู่หรอกนะ แต่… แล้วเรื่องสืบหาเฮล เฟลม กริซลีล่ะ มันดีแล้วเหรอหนู?”
“…โอ๊ะโอ นั่นควรจะเป็นงานหลักนี่นา แบบว่า ที่นี่มันมีวัตถุดิบดีๆ เยอะแยะเลย? เอะเฮะเฮะ”
คุณอังเดรยักไหล่พลางชี้ให้ฉันเห็นถึงเรื่องที่ฉันเสียสมาธิไปด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายนิดหน่อย ฉันก็หัวเราะกลบเกลื่อนไป ก่อนจะกลับมาที่หัวข้อหลักของเรา
แต่อันที่จริง ด้วยวัตถุดิบที่หลากหลายขนาดนี้เนี่ย จะโพชั่น (ยาแปรธาตุ) หรืออาร์ติแฟกต์ (อุปกรณ์แปรธาตุ) ก็ทำได้หลากหลายอย่างเลยนะ เรื่องที่ว่าทำไมอาจารย์ถึงได้แนะนำให้ฉันมาที่นี่ ฉันว่าตอนนี้เริ่มจะเข้าใจขึ้นมาอีกนิดนึงแล้วล่ะ
นี่ถ้าวัตถุดิบที่นักเก็บสะสมเอามาให้ฉันขาดไป บางทีฉันเข้ามาเก็บเองก็ได้นะ?
“แต่ว่า วัตถุดิบทุกอย่างที่ซาราสะจังเก็บมาเนี่ย มันมีแต่ของที่พวกข้าไม่รู้ทั้งนั้นเลยนะ นี่รึว่าจริงๆ แล้ว พวกข้าจะทำเสียของไปเยอะเลยล่ะเนี่ย?”
“ถ้าไม่รู้มันก็ทำอะไรไม่ได้หรอก มันเป็นการขาดความรู้ของเราเองนั่นแหละ”
“พวกฉันเองก็เหมือนกันค่ะ นี่ข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบพวกนี้จะเป็นที่นายท่านผู้จัดการอ่านเจอในหนังสือเกี่ยวกับทะเลป่าใหญ่เมื่อวันก่อนหรือเปล่าคะ?”
“จริงด้วยสิ ส่วนนึงก็มีอยู่ในหนังสือเล่มนั้นนะคะ ฉันก็อ่านมันแล้วก็ใช้มันระบุจุดในการค้นหาของเฉพาะบางชิ้นล่ะนะคะ”
ถึงพวกวัตถุดิบอย่างมอสบลูพาวเดอร์หรือราเมือกนารุสึนัจจิจะเด่นสะดุดตา แต่อย่างเห็ดเอียร์แท็คจิ๋วนี่ มันก็ไม่ใช่วัตถุดิบที่ระหว่างเดินๆ แล้วจะมองเห็นได้เลย เราจำเป็นต้องค้นหาไปทั่วๆ บริเวณอย่างระมัดระวังพร้อมกับคิดเอาไว้ด้วยว่า ‘อาจจะมีงอกอยู่แถวๆ นี้ก็ได้’
ถึงฉันจะลืมไปแล้วตั้งแต่กลางทาง แต่งานหลักของเราตอนนี้คือการออกค้นหาแหล่งที่อยู่อาศัยของเฮล เฟลม กริซลี เราไม่ได้เดินกันเรื่อยเฉื่อยพลางชมธรรมชาติรอบตัวซักหน่อยนี่
“แบบนี้เอง คุณผู้จัดการ ไว้คราวหน้าฉันขออ่านหน่อยได้มั้ยคะ?”
“ถ้าเป็นพวกคุณเคทล่ะก็ได้แน่นอนค่ะ ฉันไม่ขัดข้องอะไรอยู่แล้ว กับคนที่ทำงานรับซื้อเนี่ย ฉันดีใจกับการได้รับซื้อวัตถุดิบที่หลากหลายมากขึ้นนะคะ ถ้ากระจายข้อมูลพวกนี้ไปให้นักเก็บสะสมคนอื่นๆ ได้ด้วยก็คงจะยอดไปเลย แต่ก็… คงจะยากซักหน่อย”
“ก็นะ หนังสือมันราคาแพงนี่นา จะให้ยืมกันง่ายๆ ก็คงไม่ได้หรอก”
“มันก็จริงนั่นแหละค่ะ แต่ต่อให้ในหนังสือจะมีชื่อเขียนเอาไว้ มันก็ไม่ได้เขียนรายละเอียดอย่างลักษณะหน้าตาหรือข้อควรระวังเอาไว้ด้วยนะคะ ถ้าไม่มีความรู้ในเรื่องของวัตถุดิบอยู่ด้วยมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”
ถึงในหนังสือจะเขียนบอกไว้ว่า [สามารถเก็บเห็ดเอียร์แท็คจิ๋วได้ที่บริเวณนี้] แต่ถ้าไม่รู้เรื่องของเห็ดเอียร์แท็คจิ๋วล่ะก็ คุณก็หามันไม่เจออยู่ดี หรือต่อให้จะไปเจอ แต่ถ้าไม่รู้ข้อควรระวังในการเก็บล่ะก็ วัตถุดิบที่เอากลับมาก็อาจจะไม่มีค่าเลยก็ได้
ถ้าเป็นอย่างพวกคุณไอริสนี่ พวกเขาก็มีวิธีอย่างการถามฉันเอาได้ก็จริง แต่กับนักเก็บสะสมคนอื่นๆ ก็คงจะยากซักหน่อย
หรือก็คือถ้าฉันจะสอนพวกเขาเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ ฉันก็ต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุกับพวกเขาอีกเยอะเลย ก็ค่อนข้างจะลำบากอยู่นะ
มันเหมือนกับว่าฉันต้องเอาเรื่องที่ฉันได้เรียนมาจากในวิทยาลัยหลวงฝึกสอนนักเล่นแร่แปรธาตุมาสอนให้นักเก็บสะสมต่ออีกทีเลยล่ะ
อย่างน้อยที่สุด มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะทำได้สบายๆ คู่ไปกับการเปิดร้านไปด้วยได้ล่ะนะ
“อีกอย่าง ถ้าทำตัวหน้าเงินแล้วเดินดุ่มๆ ลึกเข้าไปในป่าโดยที่มีความรู้ไม่เพียงพอนี่สามารถเป็นการเอาชีวิตไปทิ้งได้เลยนะคะ เพราะฉะนั้นก็คงจะทำเรื่องนั้นง่ายๆ ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ว่าแล้วเชียว ส่วนลึกของป่านี่อันตรายจริงๆ สินะคะ?”
“ใช่ค่ะ แน่นอน ก็อย่างเช่น—”
ฉันรีบชักดาบออกมา ฟันมันออกไปทางด้านข้างๆ หน้าของคุณเคท
*ฟิ่ว* *ฉึบ* *ตุบ*
งูที่ตัวเล็กกว่าแขนฉันอีกตัวนึง ลำตัวกับหัวมันแยกจากกัน ตกกลิ้งลงไปบนพื้น
ตาของคุณเคทเบิกโพลง ริมฝีปากสั่นระริก เธอมองไปที่งูที่ดิ้นกระตุกพร้อมๆ กับเลือดที่พุ่งออกมา
“ต- ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ…”
“แถวๆ นี้มีงูอยู่เยอะค่ะ ถ้ามันไม่เข้ามาใกล้ ฉันก็ปล่อยผ่านไปนั่นแหละค่ะ แต่ตัวนั้นมันเข้ามาใกล้คุณเคทพอดี ในเมื่อมันใช้เป็นวัตถุดิบเล่นแร่แปรธาตุได้ด้วย ฉันก็จะเก็บไปด้วยนะคะ ยังไงก็ตาม ขอให้ระวังตัวกันด้วยนะคะ แค่โดนกัดก็ถึงตายได้เลย”
หลังจากที่หย่อนซากงูไร้ชีวิตที่เลือดหยุดไหลไปแล้วลงถุงหนังไป คุณอังเดรที่ดูอยู่ก็เดินเข้ามาหาฉันด้วยสีหน้าตะลึงๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“ค- คือ ถึงหนูจะพูดออกมาสบายๆ แบบนั้นก็เถอะ แต่ไอ้ตัวพวกนี้นี่มันอยู่แถวๆ นี้กันเป็นปกติเลยเรอะ?”
“ก็ประมาณนึงนะคะ? แต่ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นแค่สัตว์เอง ไม่ใช่อสูรร้ายซักหน่อย ตราบใดที่ไม่ยั่วให้พวกมันโมโหก่อน พวกมันก็แทบจะไม่โจมตีคนก่อนหรอกค่ะ”
เพราะแบบนั้นแหละ ถ้าไม่ใช่เวทมนตร์ช่วย ต่อให้จะเป็นฉันเองก็หาพวกมันไม่ได้ง่ายๆ หรอก
แต่พวกมันเอาไปใช้ทำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ไม่คุ้มกับการจะออกไปลงแรงค้นหาไล่ล่าพวกมันหรอก
“…ถ้าเกิดดด บังเอิญว่า โดนกัดล่ะคะ?”
“คิดซะว่าโชคร้ายจัง แล้วก็ยอมแพ้ได้เลยค่ะ”
ตอนที่ฉันตอบกลับไปด้วยท่าทีสบายๆ คุณไอริสก็กลืนน้ำลายดังเอื๊อกจนฉันได้ยินเลย ทำเอาคุณกิลกับคุณเกรย์สีหน้าบิดกันอย่างเลิกลักเลยด้วย
“เอาจริงเหรอเนี่ย? ทะเลป่าใหญ่ ดูถูกไม่ได้เลยแฮะ”
“ถ้าซื้อยาถอนพิษพิเศษของร้านเราก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณยังพอมีเวลาอยู่ได้ประมาณ 2-3 นาที”
“แปลว่ายังพอมีเวลาให้ทำอะไรได้อยู่ 2-3 นาทีงั้นสิ? ช่วยอะไรไม่ได้เลยเหรอนั่น?”
“…(ยิ้ม)”
“อ- โอ้ย!”
“ล้อเล่นค่ะ ถ้าเป็นยาถอนพิษแบบจำเพาะล่ะก็ มันก็ช่วยได้ค่ะ ถ้าเป็นยาถอนพิษแบบอื่น มันก็จะไม่มีประโยชน์เลย เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องจำเป็นเลยล่ะค่ะที่ต้องรู้อย่างแม่นยำเลยว่าถูกงูชนิดไหนกัดเข้า”
ยาปรุงผสมที่สามารถใช้ได้กับพิษหลายๆ ตัวก็มีนะ แต่ราคามันแพงอยู่แล้ว
มันไม่ใช่อะไรที่จู่ๆ ฉันก็จะเอามาใช้เลยได้หรอกนะ
“ลำบากเลยนะนั่น ก็คือ รวมๆ แล้ว เรื่องนั้นก็ด้วย ความรู้ไม่พอนี่มันอันตรายแฮะ”
“เป็นแบบนั้นเลยค่ะ จะว่าไป มันฉกทะลุถุงมือยืดหยุ่นไม่ได้ เพราะฉะนั้น ฉันขอแนะนำให้ใส่ถุงมือเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินดีกว่านะคะ”
“เฮ้! อังเดร! รีบเอาถุงมือยืดหยุ่นออกมาเร็ว!”
“โอ้!”
พอได้ยินฉันว่าแบบนั้น คุณอังเดรก็รีบปลดสัมภาระลง เอาถุงมือยืดหยุ่นออกมา แล้วก็แจกจ่ายไปให้คุณเกรย์กับคุณกิลทันทีเลย
ส่วนทางคุณเคทกับคุณไอริส พวกเธอสวมมันกันเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็เลยไม่ได้เป็นประเด็นปัญหาอะไร
“อ่า พิษของงูจะออกมาจากทางเขี้ยวบนของมัน เพราะฉะนั้น ถ้าจะสอดมือเข้าไปในปากมันล่ะก็ ทำมันจากด้านข้างนะคะ ถึงทางที่ดีที่สุดก็คือกำหัวของมันซะก่อนที่มันจะฉกก็เถอะ”
“นั่นมัน ดูจะยากอยู่นะ… มีวิธีอื่นในการรับมือมั้ยเนี่ย? แบบ อาร์ติแฟกต์ที่ไว้ใช้ไล่งูอะไรแบบนั้นน่ะ”
“ฉันจะไม่บอกว่าไม่มีหรอกนะคะ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วเนี่ย การใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างถุงมือที่เขี้ยวงูแทงไม่เข้าเอาไว้นี่มันก็สมเหตุสมผลดีนะคะ ทั้งในแง่ของความคุ้มค่าและทั้งในแง่ความปลอดภัยเลย”
TN: เอาอีกแล้ว… ความตายอยู่แค่ปลายจมูกกันอีกแล้ว…