[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง 70 ไฟล์ 8 : นกน้อยในกล่อง [6.2]

ตอนที่ 70 ไฟล์ 8 : นกน้อยในกล่อง [6.2]

ตอนที่คุณโคซากุระจะออกไปจากห้อง เธอก็หันกลับมามองอีก 2-3 ครั้งเลย คุณมิงิวะโค้งให้พวกเราอย่างสุภาพ ก่อนจะปิดประตูให้ตามหลัง

พอเหลือแค่พวกเราแล้ว ฉันก็ทรุดลงคุกเข่ากับพื้นเพราะทนความเจ็บนี่ไม่ไหวแล้วจริงๆ

 

“โซราโอะ ไหวมั้ย?”
“อึก โอ๊ย โอย โอยโอยโอย… อ๊าาาาา”

 

ตอนที่โดนพวกนกสีแดงพวกนี้มันจิกเข้าที่ในท้อง ฉันก็ทำอย่างอื่นนอกจากร้องครวญครางออกมาแทบจะไม่ได้เลย อยากจับพวกมันทั้งฝูงมาย่างซะให้หมดเลยเนี่ยให้ตายเถอะ

โทริโกะค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วก็ช่วยกันประคองตัวกันไว้ผ่านความเจ็บปวดนี่ โชคร้ายที่การช่วยกันประคองนี่มันไม่ได้ช่วยให้ความเจ็บปวดหายไปเลยซักนิด

 

“อ๊า! เจ็บชะมัดเลย! …ชักจะโมโหแล้วนะ”
“นี่มันเจ็บอยู่ข้างในเลยสินะเนี่ย?”
“ถ้าเรายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอีกล่ะก็ พวกเราแย่แน่ รีบมาจัดการเจ้านี่กันซักทีเถอะ”

 

พวกเราแบกร่างของตัวเองคลานกันมาจนถึงกล่องใบนั้น พร้อมกับลมหายใจที่เข้าออกอย่างยากลำบาก

 

“จู่ๆ เจ้ากล่องนี่ก็โผล่ออกมาเฉยเลยเนอะ? หลังจากที่เธออ่านสมุดเล่มนั้นออกมาน่ะ…”
“ขอโทษนะ คงเป็นความผิดของฉันเองนั่นแหละ”

 

ฉันพูดในขณะที่ความรู้สึกผิดก็ยังกัดกินอยู่ในใจ

ประมาทจริงๆ เลยนะฉันเนี่ย

ที่โลกเบื้องหลัง แค่ความผิดพลาดของครั้งเดียวก็อาจหมายถึงชีวิตได้แล้ว―รู้ทั้งรู้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังจะอ่านออกเสียงข้อความที่อุรุมะ ซัทสึกิทิ้งเอาไว้ โดยที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังอยู่อีก ถึงโทริโกะจะขอให้ฉันทำมันก็เถอะ แต่ฉันก็ยังชะล่าใจเกินไปอยู่ดี

 

“ไม่หรอก ฉันต่างหากที่ขอให้เธออ่านมันน่ะ… ว่าแต่ ทำไมเธอถึงดูตกใจแบบนั้นล่ะ?”
“เอ๊ะ?”
“ก็ตอนก่อนที่กล่องจะโผล่มาพอดีเลยนั่นไง”
“ก็แบบว่า… ฉันเห็นมันตอนก่อนที่มันจะโผล่ออกมาน่ะสิ”

 

ก่อนที่เธอจะถามอะไรฉันมากกว่านี้ ฉันก็เอามือทั้ง 2 ข้างวางแปะลงไปบนกล่องโคโทริบาโกะ รู้สึกอุ่นนิดๆ อยู่ที่ฝ่ามือเหมือนกันนะ ยังกับว่ามีแหล่งกำเนิดความร้อนอยู่ในกล่องยังงั้นแหละ

 

“แตะเจ้านี่ไปจะไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“ไม่รู้สิ ยังไงซะ มันก็เล่นพวกเราไปซะน่วมเรียบร้อยแล้วนี่นา…”

 

ฉันยกกล่องนั่นขึ้นอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะค่อยๆ ตรวจสอบไปตามผิวหน้าของมัน เส้นสีเงินที่ลากวิ่งไปทั่วภาพโมเสคงานไม้นี่เป็นแค่เบาะแสอย่างเดียวของพวกเราในการเปิดกล่องไม้โยเซงิใบนี้เลย รอยต่อระหว่างโลกเบื้องหน้ากับโลกเบื้องหลังที่ถูกพับเข้าหากันอย่างซับซ้อนจนกลายเป็นรูปร่างเหมือนกับกล่อง พวกนกที่โผล่มานี่ก็เหมือนกับว่าจะเล็ดลอดออกมาจากรอยต่อที่ว่านั่นแหละ

 

TN: 寄木細工 (Yosegi zaiku) เป็นงานหัตถกรรมไม้เก่าแก่ที่อยู่คู่กับเมืองฮาโกเนะมานานกว่า 150 ปี ทำขึ้นโดยนำไม้ชนิดต่างๆ มาตัดเป็นแผ่นบาง ก่อนจะเรียงต่อกันเป็นลวดลาย คล้ายงานศิลปะแบบโมเสก แล้วจึงแปะลงบนกล่องหรือสิ่งของเพื่อขายเป็นของที่ระลึกแก่ผู้ที่มาเยือน

 

ที่ฉันกำลังทำอยู่นี่มันยังกับกำลังปลดระเบิดอยู่เลย ปลดระเบิดที่มันระเบิดไปนานแล้ว แถมยังอยู่ระหว่างฉีกร่างของพวกเราออกเป็นชิ้นๆ อยู่ด้วยตอนนี้

 

“ฉันจะถือเอาไว้ให้ เธอช่วยใช้มือซ้ายแตะมันตามที่ฉันนำไปได้หรือเปล่า?”
“ได้เลย”

 

โทริโกะถอดถุงมือออก และฉันก็หันด้านนึงของกล่องโคโทริบาโกะไปหาเธอ

 

“ลองกดตรงกลาง แล้วบิดดูนะ”
“บิดไปทางไหน?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ซักทางที่มันหมุนไปได้นั่นแหละ”

 

พอโทริโกะแตะมันแล้ว แสงสีเงินก็สว่างออกมายิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก นิ้วของเธอจมลงไป หมุนมันไปในทิศทวนเข็มนาฬิกา แล้วชิ้นส่วนตรงผิวหน้าของกล่องมันก็กางออกมาข้างนอกเหมือนกลีบดอกไม้บาน

 

“ขยับแล้ว!”
“ดีล่ะ… งั้น ทีนี้ลองเลื่อนส่วนนี้ลงมาหน่อย”

 

พอนิ้วของโทริโกะขยับแสงนั่นไป พวกชิ้นส่วนมันก็ขยับตาม รูปร่างที่แท้จริงของกล่องมันคือแสงที่รั่วออกมาจากมันนี่แหละ มันเป็นตัวต่อปริศนาที่แก้ได้ด้วยตาของฉันกับมือของโทริโกะเท่านั้นเอลย

เลื่อนขึ้น หมุนไป ดันเข้า เปิดออก พับเข้า ดึงออก… การขยับไปมาตั้งต้นอย่างง่ายๆ ของชิ้นส่วนมากมายพวกนี้มันก็ค่อยซับซ้อนมากขึ้นๆ เรื่อยๆ แล้วอยู่ๆ โทริโกะก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมา

 

“เธอคงจะไม่ขอให้ฉันเปลี่ยนมันกลับไปเป็นแบบเดิมแบบที่มันเคยเป็น ใช่มั้ย?”
“ฉันไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยน่ะ”
“คือ ฉันทำไม่ได้หรอกนะ ไม่มีทางเด็ดขาดเลย”

 

แต่ละครั้งที่ชิ้นส่วนมันขยับแล้วเปลี่ยนรูปร่างไป จำนวนนกสีแดงก็กรูกันออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เลย ความเจ็บปวดเองก็เพิ่มขึ้นมาอย่างช้าๆ ด้วยเหมือนกัน

แบบนี้มันพอจะอนุมานเอาได้มั้ยนะว่าพวกเราเข้าไปใกล้กับแกนกลางของกล่องแล้ว?

ตอนที่ฉันสังเกตแสงนั่นดูดีๆ แล้ว ฉันบอกได้เลยว่ามันไหลออกตามร่องของชิ้นส่วน เพราะงั้น เราก็ตามการไหลนั่นย้อนกลับไป เข้าไปหาแกนกลางของกล่องยังไงล่ะ

 

“รู้สึกเหมือนพวกเราเคยทำอะไรแบบนี้กันมาก่อนเลยนะ ตอนที่พวกเราไปล่าคุเนะคุเนะน่ะ ตอนนั้น พวกเราก็ทรมานเหมือนกันเลยด้วย”
“นั่นสิ จริงด้วยนะ บ้าสุดๆ ไปเลยเนอะ”
“นี่มันก็ไม่ขยะแขยงเท่านั้นหรอกนะ แต่… โอ้ย เจ็บชะมัดเลย”

 

พวกเราชวนกันคุยไปเรื่อยๆ เพื่อพยายามดึงความสนใจของพวกเราเองออกมาจากความเจ็บปวดนั่น

 

“เธอว่า พวกเราต้องทำมันอีกนานแค่ไหนเนี่ย?”
“ไม่รู้เลย… จนกว่าจะหายเจ็บล่ะมั้ง?”
“อืก แบบนี้ฉันขอกู้ระเบิดจริงๆ ยังจะดีซะกว่าอีกนะ เจ้านี่มันเหมือน [The Hurt Locker] ของจริงเลย”
“ขออีกที เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?”
“มันเป็นหนังเกี่ยวกับการกู้ระเบิดน่ะ ไม่เคยดูเหรอ…?”

 

TN: The Hurt Locker (หน่วยระห่ำปลดล็อคระเบิดโลก) เป็นภาพยนตร์ในปี 2008 ดีกรีเข้าชิงออสการ์ 9 สาขา และคว้ามาได้ถึง 6 รางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, ลำดับเสียงยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) เกี่ยวกับทหารอเมริกันที่เสียสละในไฟสงครามอิรักโดยที่ไม่มีการสู้รบในเรื่อง บทหนังจะพาเราไปดูกลุ่มคนกู้ระเบิดที่ชีวิตลมหายใจมาพร้อมกับความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา คาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้าไม่ได้ (ตัดรีวิวย่อๆ มาจาก [โกดังหนัง] นะครับ) https://kodungmovie.com/movies/the-hurt-locker/

 

โทริโกะพูดพร้อมกับเอนตัวลงไปนอนตะแคงแทนแล้ว

 

“ขอโทษนะ ฉันขอเอนซักหน่อยแล้วกัน ได้มั้ย?”
“ฉ- ฉันเอาด้วย”

 

พวกเราทรุดลงนอนตรงนั้นกันเลยทั้งคู่ นั่งตัวตรงกันไม่ไหวแล้วตอนนี้ พวกเราขยับแค่มือของพวกเราจากตรงที่เรานอนอยู่บนพื้น พยายามกู้ระเบิดต้องสาปนี่กันต่อทั้งๆ แบบนั้นแหละ

ระหว่างนั้น ฉันก็เปรยขึ้นมา

 

“รู้มั้ย… นี่มันยังกับว่าพวกเรานอนอยู่ข้างๆ กัน เล่นเกมกระดานหรืออะไรซักอย่างกันอยู่เลยนะเนี่ย”
“ฉันไม่อยากเล่นเกมนี้เลย… นี่มันนรกชัดๆ…”

 

โคโทริบาโกะที่เสียรูปทรงลูกบาศก์ของมันไปนานแล้ว จนกลายเป็นรูปร่างแปลกประหลาดไป ดูคล้ายๆ กับเขาวงกต 3 มิติย่อส่วนเลย มันมีชิ้นส่วนอยู่ข้างในมากเกินกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้ว่ามันยัดอยู่ในลูกบาศก์ที่มันยาวแค่ด้านละ 20 เซนได้ยังไง มันร่วงออกจากมือของพวกเรา แล้วก็แผ่กระจายออกไปรอบๆ พวกเราแล้ว

 

“โซราโอะ ก่อนหน้านี้ ตอนที่เธอบอกให้โคซากุระออกไปจากห้องน่ะ เธอปิดเรื่องที่ว่าตัวเองก็เจ็บอยู่ด้วยเหมือนกันเอาไว้สินะ?”
“ฉันน่ะเหรอ?”

 

เจ็บโอดโอยขนาดนั้นแล้วเธอยังจะช่างสังเกตอยู่อีกเหรอเนี่ย

ฉันคิดอยู่โดยที่พูดสิ่งที่มันไม่ใช่คำตอบกลับไป

 

“ทำไมเธอไม่พูดอะไรซักหน่อยล่ะ? เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงไง?”
“ต่อให้คุณโคซากุระจะอยู่ด้วย เธอก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี รู้ใช่มั้ยล่ะ? แต่เธอก็จะยังพูดต่อไม่หยุดแน่ ฉันคิดว่าถ้าฉันเองก็เจ็บด้วยเหมือนกัน มันคงหนวกหูเกินไปน่ะสิ”
“โอ๊ะ? งั้นหรอกเหรอ?”

 

โทริโกะยิ้มออกมา รอยยิ้มอ่อนโยนนั่น ยังกับว่าเธอกำลังดูแลฉันอยู่ยังงั้นแหละ

 

“อ- อะไรเล่า?”
“ฉันโล่งอกน่ะ ดูเหมือนว่าต่อให้ฉันหายไป เธอก็จะไม่เป็นไรนะ”
“หา? อย่ามาพูดจาแปลกๆ ในเวลาแบบนี้จะได้มั้ย!?”

 

ท่าทางตอบโต้ของฉันทำให้โทริโกะหัวเราะออกมานิดหน่อย

 

“ฉันคิดว่าพูดออกมาตอนที่ฉันยังพูดไหวน่าจะดีกว่าน่ะ ถึงยังไง พวกเราก็ไม่มีทางรู้เลยนี่นาว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“พอได้แล้วน่า โอเคมั้ย? ขยับมือนั่นต่อได้แล้ว”

 

ฉันบอกเธอว่าฉันไม่ชอบ แต่โทริโกะก็ยังพูดต่อ

 

“ฉันกังวลว่าถ้าเกิดฉันหายไปหลังจากที่พังชีวิตของเธอไปแล้วแบบนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ แต่ว่านะ โซราโอะ เธอผ่านมันไปได้ฉลุยแน่ ฉันคอยมองเธออยู่ตลอดนั่นแหละ”

 

ขนาดเธอก้มหน้าลงไปเพราะความเจ็บปวดที่แปล๊บขึ้นมา เธอก็ยังไม่ยอมหยุดพูดซักที มันเหมือนกับว่าเธอเพ้อขึ้นมาเพราะพิษไข้ยังไงยังงั้นเลย

 

“เธอพยายามช่วยพวกทหารสหรัฐที่ถูกลอยแพอยู่ที่สถานีคิซารากิ แล้วขนาดว่าตอนแรก เธอก็ไม่ชอบชายหาดนะ แต่พวกเราก็ยังไปสนุกสุดเหวี่ยงกันจริงๆ ที่นาฮะเลยนี่นา ที่เกาะอิชิงาคิเองก็ด้วย ตอนที่คาราเทก้าจังมาขอความช่วยเหลือจากเธอ เธอก็ตอบรับคำขอนั่นเหมือนกัน ขนาดว่าตั้งชื่อเล่นให้ด้วยนี่นา ขนาดฉัน เธอยังไม่เคยทำแบบนั้นให้เลยแท้ๆ”

 

ฉันรู้สึกเหมือนมีความไม่พอใจเล็กๆ ปนอยู่ในน้ำเสียงของโทริโกะด้วยแฮะเมื่อกี้

 

“ฉันกังวลกับเรื่องนั้นนะ หลังจากที่โคซากุระว่าเอาไว้ตอนนั้นน่ะ แต่ว่านะ โซราโอะ เธอยังเป็นคนมีหัวใจอยู่นะ เป็นเด็กดีจริงๆ ฉันรู้ดีเลยล่ะ”
“ไม่ใช่ ผิดแล้วล่ะ… ไม่ใช่แบบนั้น…”
“เมื่อกี้นี้เองก็ด้วย เธอพุ่งเข้าไปช่วยโคซากุระก่อน ไม่ใช่ฉันนี่นา”
“ข- ขอโทษ”

 

ฉันพูดขอโทษออกไป อยากจะมุดหัวหนีไปซะให้พ้นๆ เลย แต่ฉันก็ต้องแปลกใจเลยที่เห็นโทริโกะส่ายหน้าตอบ

 

“ไม่ใช่ยังงั้น โซราโอะ เธอดูเหมือนจะไม่แยแสใครเลยนอกจากฉันล่ะนะ เพราะงั้น พอฉันเห็นว่าเธอเองก็แสดงความเป็นห่วงกับคนอื่นๆ นอกจากฉันด้วย ฉันก็ดีใจมากเลย เคยบอกแล้วใช่มั้ยล่ะ? เธอต้องมีโลกที่กว้างกว่าที่มีแค่ฉันคนเดียวนะ เพราะงั้น ตอนที่ฉันหายไป ฉันมั่นใจเลยล่ะว่า―”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงพูดแบบนั้นออกมากันเนี่ย!?”

 

ฉันตะโกนออกไปแบบนั้นเพราะทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว ระหว่างพวกเรา 2 คนก็มีเสียงลั่นดัง *คลิก*

ที่ปลายของแขนที่เอื้อมออกไปจนสุดของพวกเรา ตรงใจกลางกองตัวต่อปริศนาที่แผ่ขยายอาณาเขตของตัวเองออกไปไม่หยุด ก็มีกล่องลูกบาศก์อยู่ตรงกลางใบนึง ขนาดมันดูไม่ได้ต่างกล่องดั้งเดิมของมันซักเท่าไหร่ แต่ผิวนอกของมันดูสกปรก แล้วก็ให้ความรู้สึกถึงความเก่าแก่ออกมาเลย

มันดูไม่เหมือนตัวต่อปริศนาเลยซักนิด ตรงด้านบนของกล่องเป็นฝาเปิดด้วย แสงสีเงินที่แผ่ออกไปทั่วบริเวณรอบตัวของเรามันแผ่ออกมาจากช่องว่างของฝานั่นแหละ

ในที่สุด พวกเราก็มีถึงซักที ใจกลางของโคโทริบาโกะ―แก่นของคำสาปน่ะ

 

“…โทริโกะ นี่ไงล่ะ”

 

ฉันพูดในขณะที่พยายามคุมลมหายใจของตัวเองให้คงที่เข้าไว้

มันมีฝูงนกสีแดงบินอยู่เหนือร่างที่นอนราบอยู่กับพื้นของพวกเรา เจ้าพวกคำสาปติดปีกที่ผลัดกันบินโฉบลงมาจิกไส้จิกพุงของพววกเขาน่ะ ความเจ็บปวดในท้องของฉันตอนนี้มันรู้สึกเหมือนมีใครเอาสลักโลหะร้อนแดงมาเสียบทะลุตัวฉันซ้ำแล้วซ้ำอีกยังงั้นเลย แถมยังรู้สึกเหมือนว่าสติของฉันมันจะดับวูบไปเมื่อไหร่ก็ได้เลยตอนนี้ สำหรับโทริโกะที่โดนผลของคำสาปไปก่อนหน้าฉันคงจะเป็นหนักกว่านี้อีกแน่ๆ

 

“เอาเรื่องพูดคุยที่วุ่นวายพวกนั้นไว้ทีหลังให้หมดก่อนเลยก็แล้วกันนะ ตอนนี้ มาเปิดเจ้านี้ออก แล้วระเบิดอะไรก็ตามที่อยู่ข้างในนั่นให้เละไปเลยกันเถอะ พวกเราใกล้จะจัดการมันได้แล้วนะ เพราะงั้นขอเถอะ”
“…”
“โทริโกะ?”

 

ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาเลย หน้าผากของโทริโกะแนบไปกับพื้น ตาปิดสนิทเลย เธอเป็นลมไปแล้วเหรอ? ฉันเอื้อมออกไปเขย่าไหล่ของเธอ

 

“โทริโกะ โทริโกะ ตื่นสิ ใกล้จะเรียบร้อยแล้วนะ”
“…”
“โทริโกะ!”

 

ฉันตะโกนออกไปเสียงดัง แต่เธอก็ยังไม่กระดุกระดิกเลยซักนิด ฉันเอามือไปอังหน้าปากของโทริโกะเอาไว้ ในใจก็เริ่มจะเป็นกังวลขึ้นมาเรื่อยๆ ฉันเอาหลังมือเข้าไปใกล้จนแทบจะแนบกับริมฝีปากของเธออยู่แล้ว

เธอ ไม่หายใจแล้ว

 

“ม-… ไม่จริงน้า”

 

ฉันคลานเข้าไปหาโทริโกะใกล้ๆ พยายามประคองร่างของเธอขึ้นมานั่งอย่างสุดชีวิต พลิกตัวของเธอกลับขึ้นมาหงายอีกรอบ ถึงการพยายามช่วยเหลือที่รุนแรงของฉันมันจะทำให้เธอกลับลงไปกระแทกกับพื้นอีกรอบก็เถอะ แต่โทริโกะก็ไม่มีทีท่าตอบสนองเลย

 

“ไม่เอาน่า อย่าทำแบบนี้สิ เธอเพิ่งจะ… พร่ำนู่นบ่นนี่อยู่เมื่อกี้นี้เองไม่ใช่หรือไงเล่า…”

 

เสียงของฉันมันสั่นไปหมด ไม่ใช่แค่เพราะว่าเจ็บแล้วตอนนี้

 

“ตื่นสิ! โทริโกะ! ลืมตาเดี๋ยวนี้นะ!”

 

ฉันฉุนจนยกมือขวาของตัวเองขึ้นมา ตบเข้าไปที่แก้มของเธอ เสียงดัง *เพี้ยะ!* ลั่นเลยล่ะ รู้สึกแย่เหมือนกันอยู่แวบนึงนะ แต่โทริโกะก็ยังไม่ตื่นเลย ซึ่งนั่นน่ะมันเป่าเอาความกังวลเรื่องเมื่อกี้นี้ของฉันหายไปไม่เหลือแล้ว

 

“ตื่นสิ! ตื่น…. ฉัน! บอกว่า! ตื่น! ได้แล้ว! ไงเล่า! โทริโกะ!”

 

ฉันตบเธอไปพลาง ตะโกนเรียกเธอไปด้วยพลาง แต่ ไม่ได้ผลเลย; เธอไม่ตอบสนองอะไรเลยซักนิดเดียว

 

“จ- จริงสิ ต้องจัดการกับของในกล่องซะก่อน”

 

ถึงตัวฉันมันจะสั่นระริกไปหมดทั้งตัว แต่ฉันก็คิดได้ว่า… ถ้าเกิดฉันแค่พังเจ้าโคโทริบาโกะนี่ทิ้งไปซะ คำสาปที่พวกเรากำลังเจออยู่นี่ก็ต้องหายไปแน่นอน ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วสิ

ฉันจับไปที่ส่วนที่เหลืออยู่ของกล่อง ฝานี่น่ะ ต่อให้ไม่ต้องยืมมือซ้ายของโทริโกะมา ฉันเองก็เปิดมันออกได้เหมือนกัน

ฉันเปิดกล่องออก รู้สึกหงุดหงิดกับนิ้วที่สั่นไปหมดของตัวเองนี่จริงๆ เลย  แล้วแสงที่อยู่ข้างในก็ทะลักออกมาเหมือนน้ำหลาก ฉันกระพริบา แล้วก็มองเข้าไปข้างใน พยายามจะเพ่งไปที่แก่นของคำสาปด้วยตาขวาของฉ―

 

ในหัวของฉันมันดับวูบไปเลย

ในกล่องนั่น มันว่างเปล่า

ไม่มีอะไรให้ฉันใช้ตาขวาของตัวเองจ้องเอาไว้เลยซักอย่าง ไม่มีนิ้วของเด็กที่ถูกตัด ไม่มีสายสะดือที่เลือดโชก

ในมือของฉัน ฝาทั้ง 4 ด้านของกล่องมันร่วงออกมาข้างนอก

ฝากล่องร่วงออกจากมือขวาของฉัน ร่วงลงไปที่ช่องว่างตรงกึ่งกลางของชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นพอดีเลย

มันจบแล้ว

โคโทริบาโกะ ไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว

 

พอฉันเงยหน้าขึ้นมาอีกที พวกเราก็อยู่ในเขาวงกตที่ซับซ้อนแห่งนึงที่ทำจากไม้ ชิ้นส่วนของโคโทริบาโกะที่พวกเราลำบากยากเย็นกว่าจะแยกชิ้นส่วนออกมาได้ กลับมารวมกันอีกครั้งเป็นกำแพงและพื้น

 

 

เส้นทางเดินมากมายยืดยาวออกไปในทุกทิศทาง และยิ่งแตกแขนงออกไปก็ยิ่งดูเหมือนว่ามันจะขยายออกไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันสว่างเหมือนกับเวลาเที่ยงวันเลย แล้วพอฉันเงยหน้าขึ้นไป เขาวงกตนี่มันไม่มีหลังคา แล้วเหนือกำแพงขึ้นไปนั่น มันคือแสงสีน้ำเงินแก่ที่แผ่กระจายไปทั่ว

นี่มัน ท้องฟ้าที่โลกเบื้องหลังนี่

พวกนกหยุดโจมตีกันซักที แต่ความเจ็บแปล๊บที่ท้องนี่มันยังไม่หายไปเลย อวัยวะของฉันมันรู้สึกหน่วงๆ ไปหมด แค่จะหายใจยังลำบากเลย โทริโกะเองก็ไม่เคลื่อนไหวเลยเหมือนกัน พวกนกสีแดงพากันขึ้นไปเกาะพักปีกกันอยู่บนกำแพงด้านบน ก้มลงมามองที่พวกเรา ไม่ส่งเสียบออกมาซัก *จิ๊บ* เลย

 

“นี่ โทริโกะ ชักท่าไม่ดีแล้วนะ ตื่นได้แล้วน่า”

 

เสียงของฉันมันจมหายไปใต้ท้องฟ้าสีน้ำเงินนี่จนเกลี้ยง แต่ถึงยังงั้น ฉันก็ยังพูดต่อไปอยู่ดี

 

“ดูเหมือนพวกเราจะมาถึงจุดที่ลึกสุดๆ ไปเลยนะเนี่ย”

 

ก่อนหน้านี้ พวกเราเคยไปถึงจุดที่ลึกของโลกเบื้องหลังมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนึงตอนที่เจอกับคุณลุงในห้วงมิติ ส่วนอีกครั้งนึงก็ตอนที่ชายหาดในโอกินาว่า หุบเหวลึกสีเหนือฟ้าที่อยู่เหนือเขาวงกตนี่ให้ความรู้สึกว่ามันดูเข้มพอๆ กับตอนนั้นเลย

ทั้ง 2 ครั้งที่ว่า ฉันจะเจอกับอะไรซักอย่างที่มีรูปร่างเหมือนกับอุรุมะ ซัทสึกิด้วย

ในหัวมันตื้อไปหมดเพราะความเจ็บปวดก็จริง แต่ความเข้าใจมันก็ค่อยๆ เข้ามาหาอย่างช้าๆ เหมือนกัน

หน้าที่คั่นเอาไว้ หญิงชุดดำที่โผล่ออกมาตอนที่ฉันอ่านตัวอักษรในหน้านั่น โคโทริบาโกะที่เธอโยนเข้ามาเหมือนเป็นกับระเบิด

แล้วก็เส้นทางไปยังส่วนลึกของโลกเบื้องหลังที่ถูกเปิดออกด้วยโคโทริบาโกะ

ทั้งหมดนั่น คือกับดักที่จะพาพวกเรามาที่นี่งั้นเหรอ?

 

พวกนกที่เกาะเรียงกันอยู่บนกำแพงหันหัวมองไปตรงสุดทางเดินกันอย่างพร้อมเพรียง

ฉันก็เห็นเหมือนกัน เงาร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้จากภายในเขาวงกตไม้นี่น่ะ

ผมดำมันเงา และชุดสีดำเหมือนใส่ไว้ทุกข์ในงานศพ ภายใต้แว่นตาคู่นึงก็จะเห็นดวงตาทั้ง 2 ข้างที่เป็นสีน้ำเงินจนดูน่ากลัว

 

อุรุมะ ซัทสึกิ

 

TN: Noooooooooo…!!

[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง

[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง

Score 10
Status: Completed
การพบกันครั้งแรกกับ นิชินะ โทริโกะ ของเธอคือที่โลกเบื้องหลัง หลังจากได้เห็น “สิ่งนั้น” และเกือบตายไปแล้ว ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของนักศึกษามหาลัยผู้เหนื่อยล้า คามิโคชิ โซราโอะ ก็เปลี่ยนไป ในโลกเบื้องหลังนี้ที่มีอยู่เคียงคู่กับโลกของเราอันเต็มไปด้วยปริศนา มีตัวตนที่อันตรายอย่างคุเนะคุเนะและท่านฮัชชาคุที่ถูกพูดถึงกันในเรื่องผีจริงๆ นั้นปรากฏอยู่ เพื่อการวิจัย เพื่อผลประโยชน์ และเพื่อตามหาคนสำคัญ โทริโกะกับโซราโอะจึงก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนแสนพิลึกพิลั่นนั้น! (เรื่องนี้ แปลจาก LN ENG)

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset