[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง 45 ไฟล์ 5 : แผนช่วยเหลือทหารอเมริกันในสถานีคิซารากิ [7.1]

ตอนที่ 45 ไฟล์ 5 : แผนช่วยเหลือทหารอเมริกันในสถานีคิซารากิ [7.1]

ตอนนี้ อาทิตย์ยังไม่ตกดินหรอก แต่ในป่านี่ก็มืดไปแล้ว แสงโพล้เพล้ที่ทอดทะลุผ่านมาตามเรือนไม้พอจะฉายแสงให้เห็นบริเวณนี้ แต่พอพวกเราเดินหน้ากันต่อ แสงนั่นก็จางลงไปเรื่อยๆ ด้วย กอร์กอนเปิดไฟหน้าของมันแล้ว ทำให้เงาของพวกเราที่เดินอยู่ข้างหน้ารถคันนี้ทอดยาวออกไป

พอได้ยินเสียงฝีเท้าตามหลังเรามา พวกเราก็หันกลับไปมอง แล้วก็ได้เห็นทหาร 4 คนวิ่งตามหลังมา พวกเขาพยักหน้าให้เรา แล้วก็เดินตามหลังมาเป็นระยะ 5 เมตร มองบริเวณรอบข้างอย่างระมัดระวังในตอนที่พวกเราเดินหน้าไปด้วย ดูเหมือนพวกเขาจะไว้ใจเราพอที่จะช่วยคุ้มกันให้พวกเราแล้วสินะ

คนนึงค้นกระเป๋าของเขาแล้วโยนซองเล็กๆ มาให้พวกเรา โทริโกะรับมันเอาไว้ ข้างในเป็นคุกกี้ 2 ชิ้น มีช็อกโกแลตที่มีน้ำตาลเคลือบหลากสีฝังอยู่ในเนื้อด้วย ดูจากซองใส่ง่ายๆ นี่แล้ว เขาคงจะแบ่งเสบียงกองทัพของเขาให้เรางั้นสินะเนี่ย

เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ฉันก็ให้ชิโอโยกังแบบพอดีคำที่ฉันพกติดมาให้เขาด้วย ทหารคนนั้นก็รับไป แล้วก็ยิ้มยิงฟันขาวๆ ให้เห็นเป็นครั้งแรกเลย

โทริโกะกับฉันก็ผลัดกันดูที่คุกกี้ ลองกัดไปคำนึง แล้วก็หันมามองหน้ากัน น้ำมันมันซึมออกมาจากแป้งโด จนมันเหนียวเหนาะ แล้วก็หวานเจี๊ยบเลย สรุปคือ รสชาติแย่นั่นแหละ พอฉันหันกลับไปมองพวกคนข้างหลังเรา กำลังมองดูวุ้นสีดำไหลออกมาจากซองชิโอโยกังด้วยสีหน้าประมาณว่า นี่มันอะไรกันเนี่ย?

 

TN: โยกัง (羊羹 : Youkan) เป็นวางาชิ (ขนมญี่ปุ่นที่มักทานคู่กับน้ำชา) ที่ทำจากถั่วแดงกวน วุ้น และน้ำตาล ส่วนถ้าเป็นชิโอโยกัง (塩羊羹 : Shio Youkan) ด้วย ก็จะใช้เกลือในปริมาณเล็กน้อยผสมเข้าไป มักจำหน่ายในรูปทรงสี่เหลี่ยมและหั่นรับประทานเป็นชิ้น

 

โทริโกะเอียงตัวเข้ามาใกล้ แล้วก็กระซิบบอก

 

“แย่จังเลยเนอะที่ไม่ได้เอาอาหารดีกว่านี้ติดมาด้วยน่ะ!”

“อือ จริงด้วย นั่นสินะ รู้งี้ทำข้าวกล่องมาให้เขาแบบนั้นคงดีกว่าเนอะ?”

 

ฉันเล่นมุกไป แต่กลายเป็นว่าสีหน้าของโทริโกะกลับร่าเริงขึ้นมาเฉยเลย

 

“ฉันชอบไอเดียนั่นน่ะ! คราวหน้าไว้ทำมันกันเถอะ!”

“…หา? เอาจริงเหรอเนี่ย?”

 

ตอนที่ฉันจะถามเธอแบบนั้น เราก็เห็นเชือกที่เริ่มเปื่อยอยู่ตรงหน้าด้วยไฟหน้าของกอร์กอน ผูกเอาไว้ระหว่างลำต้นของต้นไม้ 2 ต้น

พอพวกเราเดินเข้าไปใกล้มัน พื้นที่ถัดจากตรงนั้นไปมันก็เปิดโล่ง ไม่มีต้นไม้งอกอยู่ตรงนั้นเลย โทริโกะดึงไฟฉายออกมาจากกระเป๋าของเธอเอง แล้วพยายามฉายแสงให้เห็นพื้นที่ที่อยู่ถัดจากเชือกไป มันเป็นพื้นที่รูปหกเหลี่ยม จากเชือกที่มัดเชื่อมลำต้นหนาๆ ของต้นไม้ 6 ต้น ตรงกลางนั่น มีกล่องขนาดประมาณกล่องรับบริจาคที่ศาลเจ้าวางทิ้งเอาไว้อยู่ แล้วมันก็เรืองแสงสีเงินออกมาด้วย พอฉันเพ่งมองด้วยตาขวา ฉันก็เห็นว่าเหมือนมันจะมีอะไรซักอย่างซ้อนทับอยู่กับตรงจุดที่กล่องรับบริจาคนั่นตั้งอยู่ด้วย

 

“นั่นมันกลิทช์―ไม่ก็ อาจจะเป็นเกทก็ได้”

 

ฉันพูดแบบนั้น โทริโกะก็ยกมือขึ้น ทำสัญญาณบอกให้คนข้างหลังเราหยุด ขบวนหยุดชะงัก ร้อยโทลงมาจากกอร์กอนแล้วก็วิ่งเข้ามาหา มองผ่านไหล่ของพวกเรากับทหาร 4 นายมา

 

“นั่นใช่เอนทรีพ็อยต์ของพวกคุณหรือเปล่าคะ?”

 

ฉันถาม ร้อยโทก็คิดอยู่ซักพัก

 

“ก็… อาจจะใช้นะ ก็จริง ผมรู้สึกว่าเคยเห็นแสงนี่มาก่อน…”

 

เขารู้สึกไม่มั่นใจสุดๆ ไปเลย

 

“ที่นี่มันก็เด่นอยู่ ถ้าพวกคุณเคยเห็นมาก่อน คุณก็น่าจะจำได้นะคะ”

“ควรจะเป็นยังงั้นนะ ใช่ แต่ความทรงจำมันเลือนรางไปหมดเลย”

 

คิ้วของร้อยโทขมวดแน่นพร้อมกับที่เขาก้มหน้าลง เหงื่อเป็นเม็ดๆ ผุดขึ้นจากหน้าผากของเขา ก่อนจะไหลย้อยลงมาตามใบหน้าของเขา

 

“มัน… เริ่มกลับมาแล้ว จริงด้วย พวกเราอยู่ที่นี่จริงๆ… พวกเราอยู่บนเขา ก่อนที่จะทันรู้ตัว เราก็อยู่ที่นี่แล้ว… แล้ว…”

 

จู่ๆ ร้อยโทก็เงยหน้าขึ้น ตาเบิกโพลงเลย

 

“…เราก็เจอ อะไรบางอย่าง บางอย่างที่น่ากลัว”

 

ตกใจเลยนะ ที่เห็นว่าทหารอีก 4 คนก็ทำสีหน้าแบบเดียวกับเขากันหมดเลย มันเป็นสีหน้าที่หวาดกลัวและว่างเปล่า เหมือนกับว่า พวกเขาเผชิญกับประสบการณ์ที่น่ากลัวที่ถูกฝังลึกลงไปในความทรงจำเข้าอีกครั้ง พวกเขายืนนิ่งเหม่อกัน เหมือนเด็กๆ ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายยังไงยังงั้น

ฉันกับโทริโกะก็หันมามองหน้ากัน ความกลัวขนาดนี้น่ะมันผิดปกติแล้ว

 

“อยู่ตรงนี้นะคะ พวกเราจะเข้าไปดูก่อน”

 

ฉันบอก แล้วร้อยโทก็พยักหน้าให้ช้าๆ

ฉันกับโทริโกะยกเชือกขึ้น แล้วก็เดินลอดเข้าไปในพื้นที่เปิดกว้างนั่นด้วยกัน มีเสียงดังกรอบแกรบดังมาจากข้างล่างฉัน พอฉันก้มลงไปมอง ก็เห็นว่าตัวเองกำลังเหยียบไปที่กระดาษอะไรซักอย่าง มันถูกตัดเป็นรูปร่างเหมือนเส้นซิกแซก แบบเดียวกับที่ห้อยจากเชือกกั้นอาณาเขตศาลเจ้า ชิเมะนาวะ… มันเรียกว่าอะไรน้า…? ชิเดะล่ะมั้ง

แสดงว่า เจ้าเชือกเก่าๆ นี่ก็คือเชือกชิเมะนาวะงั้นเหรอ?

 

TN: ชิเมะนาวะ (標縄 : Shimenawa) เป็นเครื่องหมายแสดงเขตหรือพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ โดยปกติแล้ว เชือกชิเมะนะวะจะมีกระดาษชิเดะ (紙垂 : Shide) และฟางข้าวที่มัดรวมกันเป็นพู่แขวนอยู่ด้วย กระดาษชิเดะคือกระดาษที่ตัดเป็นรูปซิกแซกสีขาว เป็นตัวแทนของสายฟ้า ส่วนฟางข้าวนั้นเป็นตัวแทนของสายฝน เป็นการอธิษฐานต่อเทพเจ้าให้มีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์

 

ฉันเดินเข้าไปใกล้กล่องตรงกลางนั่น มันทำมาจากไม้ โดยที่มีส่วนโลหะติดเสริมอยู่ที่มุมกล่อง สนิมมันขึ้นอยู่เต็มไปหมด เหมือนกับว่ามันตากลมตากฝนมานานแล้วเลย บนกล่องมันมีซี่ตะแกรงอยู่ แต่ข้างล่างก็มีแผ่นไม้อยู่ด้วย ฉันเลยมองไม่เห็นว่าข้างในมีอะไรอยู่ ตรงด้านข้างมีสัญลักษณ์เขียนเอาไว้ด้วยชอล์ก ดูเหมือนสัญลักษณ์ประจำตระกูล ฉันเดินรอบมันไปดูข้างหลัง ก็เห็นว่าแผ่นไม้ฝั่งนี้ถูกถอดออกไปแล้ว ฉันก็เลยเห็นได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน มันมีขวดโหลทรงผอม 4 ใบอยู่ในนั้น ร่องรอยของของเหลวหกไปทั่วผิวบริเวณ มีของบางอย่างที่รูปร่างคล้ายกับแท่งไม้เล็กมากๆ วางอยู่ตรงนั้น ตรงกลางคราบที่แห้งสนิทไปแล้ว มีพื้นที่รูปตัว V 3 อันที่สะอาดเอี่ยมอยู่ด้วย

…หรือว่ามันจะเป็น?

มีชื่อๆ นึงผุดขึ้นมาจากความรู้จากเรื่องเล่าในอินเตอร์เน็ตของฉัน พร้อมๆ กับที่โทริโกะแตะไหล่ของฉันเงียบๆ

ฉันหันตาม แล้วก็มีเสียงแหบแห้งเล็ดลอดมาจากลำคอของฉัน

ที่รากของต้นไม้ต้นนึงที่ล้อมรอบลานนี่อยู่ ฉันก็เห็นใบหน้า หน้าของผู้หญิง ปากฉีกกว้างทั้ง 2 ข้าง ยิงฟันทั้งบนและล่างออกมา ไฟฉายของโทริโกะฉายตรงใส่หน้าเธอจังๆ แต่ดวงตาที่จ้องกลับมาหาฉันนั่นก็ไม่ได้กระพริบเลยซักนิดเดียว

 

 

นี่ต้องเป็นแบบที่นกรู้สึกเวลามันมองดูลูกตา 1 ข้างแบบที่ให้อย่าเข้าไปใกล้มันนะแน่เลย ตรงกึ่งกลางของตา 2 ดวงที่เบิกกว้างจนผิดธรรมชาตินั่น ตาดำสนิทกลม 2 ดวงจ้องเขม็งมาทางพวกเรา สีหน้านั่น ที่ไม่มีอะไรออกมาเลยนอกจากความมุ่งร้ายนั่นน่ะน่ากลัวสุดๆ เลย

ฉันได้ยินเสียงหอบหายใจของร้อยโทกับพวกทหารด้วย พวกเขามองตามสายตาของเราไป จนเห็นกับเธอเข้าเหมือนกัน

 

“เธอคนนั้น”

 

ร้อยโทพูดออกมาอย่างโหยหวน

 

“เจ้านั่น ที่พวกเราเห็น… ผู้หญิงนั่นนี่…”

 

ในตอนที่ตาของเธอยังจ้องเขม็งตรงมาที่ฉันอยู่ หน้าของผู้หญิงก็ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นไปตามลำต้นของต้นไม้ สูงขึ้นจนถึงระดับความสูงของมนุษย์ จนเลยจากจุดนั้นไป แล้วก็ไปหยุดที่ความสูงเกือบ 6 เมตร

มือของโทริโกะที่จับไหล่ของฉันอยู่ก็สั่นหงึกๆ เหมือนกัน ฉันละสายตาไปไม่ได้เลย รู้สึกถึงความตื่นตระหนกที่ผุดขึ้นปะทุออกมาในตัวฉัน ฉันร้องขึ้น ด้วยเสียงตะโกนที่แทบจะเหมือนการกรี๊ด

 

“ท- โทริโกะ―ยิงเลย! เร็วเข้า!”

“อ-… อื้อ!”

 

โทริโกะที่เหมือนจะดึงสติกลับมาได้ ก่อนจะลั่นไก AK ของเธอเข้าใส่มัน

จากนั้น พวกทหารก็เปิดฉากยิงต่อแทบจะในทันที เสียงกระหึ่มของไรเฟิลจู่โจมปัดความเงียบสงัดของป่าออกไปไม่เหลือ แสงไฟจากปากกระบอกปืนของพวกเขาสว่างวาบจนตาของพวกเราที่คุ้นชินกับความมืดนี่แทบบอด

พอผู้หญิงคนนั้นถูกยิง กรามล่างของเธอก็ตกลง *กริ๊ง-กริ๊ง! กริ๊ง-กริ๊ง-กริ๊ง!* เสียงแหลมของกระดิ่งดังออกมาจากปากที่อ้าค้าง แล้วพริบตานั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนถูกหนามทิ่มวิ่งไปตามแขนขาของตัวเองเลย

แล้วจู่ๆ ก็มีมือโผล่ขึ้นมาข้างๆ หน้าของผู้หญิงที่ลำต้นต้นไม้ มือซ้าย 3 ข้างที่มีนิ้วยาว ที่ลำต้นของต้นไม้ต้นข้างๆ ก็มีนิ้วโผล่ออกมาด้วย คราวนี้ เป็นมือขวา 3 ข้าง แล้วทันใดนั้น ผู้หญิงร่างเปลือยที่มี 6 แขนก็ชูตัวขึ้นสูงในแสงสว่าง โดยใช้ต้นไม้ซ้ายขวาช่วยพยุงตัว ตั้งแต่เอวของเธอลงไป ไม่ใช่ร่างของมนุษย์เลย กลับเป็นร่างของงูที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่วาววับแทน

ที่เสี้ยวนึงของความคิดที่เป็นอัมพาตของฉัน ฉันก็ได้ข้อสรุปออกมาจนได้

ว่าแล้วเชียว ฉันรู้ว่ายัยนั่นเป็นใคร

 

“คันคันดาระ”

 

มีเรื่องผีในอินเตอร์เน็ตเรื่องนึง ที่เด็กชายเหลวแหลก 3 คน เข้าไปในป่าตรงส่วนที่ถูกห้ามไม่ให้เข้าไป แล้วก็ไปเจอเข้ากับสัตว์ประหลาดครึ่งคนครึ่งงู ชื่อของตัวประหลาดนั่นคือ [คันคันดาระ (姦姦蛇螺)] เป็นชื่อที่ทำให้เป็นรูปร่างของมันมากกว่าจะมีความหมายซะอีก สื่อถึงผู้หญิง (女 : Onna) ที่มี 6 แขน และครึ่งล่างที่เป็นเหมือนงู (蛇 : Hebi) พอดูเธอตรงๆ แล้วเนี่ย รูปร่างที่ดูไม่ได้เหมือนผีเลย กลับเหมือนสัตว์ประหลาดในหนังไม่ก็ในเกมมากกว่าแล้วเนี่ย มันก็รู้สึกท่วมท้นขึ้นมาเลย

ลำตัวส่วนงูของเธอที่หนาพอจะใช้แขนโอบรอบได้เลยเลื้อยไปรอบๆ ส่งให้ตัวของคันคันดาระออกมาให้เห็นในพื้นที่เปิดโล่ง ขนาดเป็นตรงส่วนที่ดูเหมือนชิ้นส่วนของมนุษย์―แขน 6 ข้างที่ออกมาจากข้อไหล่พวกนั้น ยาวไปจนถึงข้อนิ้วของมัน บิดเบี้ยวราวกับว่ามันเป็นแมลงที่ไร้ขาบางชนิด

พอร้อยโทเรียกคนข้างหลัง ทหารก็เริ่มออกวิ่งกระจายตัวกันไปทั่วบริเวณ ทั้งข้างในและข้างนอกเชือก ก่อนจะช่วยกันระดมยิง เมื่อเจอกับแนวยิงเป็นชุด ร่างของคันคันดาระก็สั่นชักกระตุก รวมทั้งยังมีเสียงดังเหมือนกระดิ่งเป็นร้อยๆ กระทบดังพร้อมๆ กัน

 

“อ๊าาา!”

 

โทริโกะร้องออกมาเสียงดั่งลั่น พวกทหารกับฉันเองก็ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วก็เดินตัวเซไปเลยเหมือนกัน

มันเจ็บ―เจ็บทั้งแขนทั้งขา! เจ็บเหมือนโดนหนามทิ่ม เจ็บเหมือนถูกไฟเผา เจ็บจนต้องร้องโอดครวญออกมาเลย

ทหารนาวิกทุกคนเองก็ทรมาณจากมันเหมือนกัน บางคนก็ล้มลงไป เหมือนกับว่าแขนขาของพวกเขาแข็งเกร็ง งอไม่ได้ จนดิ้นไปทั่วกับพื้นเลย ความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึกนี่มันเจ็บขึ้นเรื่อยๆ เลย ท่าไม่ดีแล้ว!

ระหว่างที่ต้องอดทนต่อต้านกับความน่ากลัวและความเจ็บปวด ฉันก็เพ่งสมาธิไปที่ตาข้างขวาของตัวเอง ร่างของคันคันดาระก็จางลงไป จนเริ่มเห็นเป็นรูปร่างอื่นไป

ใบหน้าที่น่ากลัวนั่นหายไปแล้ว แม้แต่แขน 6 ข้างอันเป็นเอกลักษณ์นั่นก็หายไปด้วย

สิ่งที่โผล่มาแทนที่ คือท่อนไม้ทรงสี่เหลี่ยม 6 ท่อนที่ขยับไปมาพร้อมกัน ฉันเรียกมันว่าท่อนไม้ทรงสี่เหลี่ยม แต่มันก็ไม่ได้ดูเหมือนกับว่าทำมาจากไม้จริงๆ หรอกนะ มันเป็นวัตถุสีขาวที่ทำมาจากวัสดุอะไรซักอย่าง ประกอบกันเป็นรูปตัว V 3 ตัว เคลื่อนไหวด้วยการหมุนไปมา การขยับนั่นดูคล้ายกับการขยับตัวของงู แต่ก็ต่างออกไปอยู่นะ มีแค่จุดที่ท่อนไม้ทรงสี่เหลี่ยมแตะกันเท่านั้นที่ถูกทาด้วยสีแดง ราวกับว่าเป็นโจทย์ปริศนาไม้ขีดไฟ มีรูกระสุนคว้านไปทั่วพื้นผิวของท่อนไม้นั่น แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ทำให้เจ้านั่นเคลื่อนไหวได้ลำบากขึ้นเลยซักนิด

 

“ท- โทริโกะ ถอยกลับไปแล้ว”

 

ฉันพูด พร้อมกับกัดฟันแน่นอดทนกับความเจ็บปวดที่ยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามเสียงของกระดิ่ง

 

“ปืนกระบอกโตๆ ไปเอาของใหญ่ๆ มาเลย! นี่มันใช้ไม่ได้ผล!”

“เข้าใจแล้ว! เดี๋ยวฉันกลับมานะ!”

 

โทริโกะตบหลังฉัน ก่อนจะใช้ขาสั่นๆ ของเธอวิ่งกลับไปข้างหลัง เสียงย่ำเท้าของเธอค่อยๆ จางหายไปไกล

ในทัศนวิสัยที่พร่ามัวของฉัน ฉันก็เห็นภาพซ้อนกันของท่อนไม้ทรงสี่เหลี่ยมสีขาวกับหน้าของยัยผู้หญิงน่ากลัวนั่น ตอนที่ฉันจ้องตาเธอกลับไป หนีไปไหนก็ไม่ได้ ฉันก็เกิดความลังเลบางอย่างขึ้นมาในใจพอดี

ทำไมยัยนี่ถึงจ้องมาที่ฉันล่ะ? ยัยนั่นจ้องมาที่ฉันตลอดเวลาเลย ยังกับว่าเรากำลังแข่งจ้องตากันอยู่งั้นแหละ… นี่ขนาดยังมีคนอื่นๆ อยู่อีกตั้งเยอะเลยนะ

ไม่สิ… หรือว่าจะ?

ยัยนั่นพยายามจะขู่ฉันให้กลัวงั้นเหรอ? ทำให้ฉันเบือนหน้าหนีไป? การโจมตีของพวกเราจะไม่โดนตัวมันถ้าเกิดเรารับรู้ตัวยัยนั่นไม่ได้ เพราะงั้น เพื่อจะหยุดไม่ให้พลังของตาขวาของฉันทำงาน ยัยนั่นก็เลยจ้องเขม็งมาที่ฉันด้วยสีหน้าน่ากลัวสุดขีดเหรอ…?

พริบตาที่ฉันคิดได้แบบนั้น ฉันก็เดือดขึ้นมาจนแม้แต่ฉันยังตกใจตัวเองเลย

…จะดูถูกกันเกินไปแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นใครน่ะฮะ? เป็นอันธพาลแดนเถื่อนที่ไหนหรือไง?

ถ้าคิดว่าจะทำให้ฉันกลัวจนต้องเบือนหน้าหนีล่ะก็ ฝันไปเถอะ ฉันนี่แหละจะฆ่าแกแทน… จะฆ่าแกด้วยตาข้างนี้นี่แหละ!

…ถึงจะไม่ใช่ว่าฉันจะเป็นคนลงมือจัดการก็เถอะนะ!

คนอื่นอาจจะคิดว่าหลังจากมองหน้ายัยนั่นมานานขนาดนี้ ก็คงชินขึ้นมาบ้างสินะ แต่เพราะอะไรไม่รู้ ฉันถึงปรับตัวให้คุ้นกับหน้าาน่ากลัวของยัยนี่ไม่ได้ซักที แต่ถึงยังงั้น ฉันก็ยังจ้องหน้านั่นไม่ละสายตาอยู่ดี การมองเห็นของฉันเริ่มเจ็บแปลบขึ้นเรื่อยๆ หัวฉันก็เริ่มเจ็บแล้วเหมือนกัน ใบหน้าของคันคันดาระมันเริ่มบิดเบี้ยวเป็นเกลียว จนกะไม่ถูกแล้วว่ามันอยู่ห่างออกไปแค่ไหนกันแน่ รู้สึกเหมือนว่ายัยนั่นถอยห่างออกไปเรื่อยๆ เลย

เดี๋ยว อย่าหนีนะ อยู่ตรงนั้นซะดีๆ ตอนนี้ โทริโกะกำลังกลับไปเอาปืนกระบอกใหญ่ๆ มายิงหน้าแกอยู่ แค่นัดเดียว แกก็เหลือแต่ซากแล้ว…

แล้วตอนนั้น ก็มีเสียงแตรดังลั่น ดังขนาดที่กลบเสียงกระดิ่งซะไม่เหลือเลยด้วยซ้ำ

 

[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง

[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง

Score 10
Status: Completed
การพบกันครั้งแรกกับ นิชินะ โทริโกะ ของเธอคือที่โลกเบื้องหลัง หลังจากได้เห็น “สิ่งนั้น” และเกือบตายไปแล้ว ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของนักศึกษามหาลัยผู้เหนื่อยล้า คามิโคชิ โซราโอะ ก็เปลี่ยนไป ในโลกเบื้องหลังนี้ที่มีอยู่เคียงคู่กับโลกของเราอันเต็มไปด้วยปริศนา มีตัวตนที่อันตรายอย่างคุเนะคุเนะและท่านฮัชชาคุที่ถูกพูดถึงกันในเรื่องผีจริงๆ นั้นปรากฏอยู่ เพื่อการวิจัย เพื่อผลประโยชน์ และเพื่อตามหาคนสำคัญ โทริโกะกับโซราโอะจึงก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนแสนพิลึกพิลั่นนั้น! (เรื่องนี้ แปลจาก LN ENG)

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset