แต่ว่า…
“แหงล่ะ มันอยู่อีกฝั่งนึงนี่นา…”
ฉันบ่นออกมาพร้อมกับกัดฟันแน่น
“ขอโทษนะ ดูแล้วยังไงเราก็อาจจะต้องตั้งเต็นท์ที่นี่ซะแล้วสิ”
“…ที่นี่?”
โทริโกะถามขึ้นมาด้วยเสียงกดต่ำ พลางไปมองที่รูปหล่อแก้วนั่นอีกรอบ เธอมองกลับไปกลับมา แล้วก็เดินเข้าไปที่รางกั้นข้างถนน โน้มตัวเพื่อจะไปจ้องออกไปทางต้นน้ำ
“ฮ- เฮ้! มันอันตรายนะโทริโกะ”
ตอนที่ฉันพยายามจะหยุดเธอ โทริโกะก็หันหลังมามองฉัน ก่อนจะชี้ไปทางต้นน้ำ
“ตรงนั้นน่ะ ดูสิ”
“อะไรเหรอ?”
พอโทริโกะบอกให้ฉันทำแบบนั้น ฉันก็ทำตาม โน้มตัวออกไปดูบ้าง
เลยจากส่วนโค้งอย่างนุ่มนวลทางด้านซ้ายของแม่น้ำไป ฉันเห็นเค้าโครงของแท่งอะไรซักอย่างสานขัดกันอยู่ไกลๆ จากตรงนี้เนี่ยไม่มีทางมองไม่เห็นรายละเอียดของมันได้อยู่แล้ว แต่มันดูเหมือนจะยาวต่อเนื่องจากถนนข้ามแม่น้ำไปอีกฟากเลย…
“สะพานนี่!”
พอมองออกแล้ว ฉันก็หลุดปากตะโกนลั่นเลย
“ดูจะใช่นะ รีบไปกันต่อเถอะ!”
พวกเราโดดขึ้นรถ AP-1 แล้วขับออกไปกันทันที
หลังจากทิ้งระยะห่างออกมาจากรูปหล่อแก้วของสาวหน้าวัวนั่นมาได้ประมาณนึง เราก็เร่งความเร็ววิ่งฉิวมาตามถนนที่ไม่มีไฟทางนี่ไป ถึงจุดๆ นี้ ฉันก็เพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ เลย พวกเราไม่มีไฟหน้ารถ!
ตอนที่ฉันสาบานกับตัวเองว่าถ้ากลับไปได้ครบสามสิบสอง ฉันจะต้องหาไฟอะไรซักอย่างมาติดเอาไว้กับตัวรถให้ได้เลย โทริโกะก็ดึงไฟฉายของเธอเองมาเปิด ฉันเห็นเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาตัดหน้าลำไฟที่ส่องไปที่ถนนด้วย
ระหว่างที่พวกเรากำลังดูกันอยู่ หิมะก็เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ AP-1 ทิ้งรอยเอาไว้บนชั้นเกล็ดหิมะสีขาวบางๆ เหมือนขี้เถ้าบนพื้นยางมะตอยให้เห็นได้ชัดเจนเลย
ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เสาไฟมันเริ่มกระพริบๆ แล้ว ความผิดของฉันเองแหละที่ไปขี้เหนียวเรื่องแบตเตอรี่ ก็เลยตั้งไว้ให้ไฟมันดับไปเองหลังจากสว่างอยู่ไม่นาน ให้ตายเถอะ… อย่างน้อยฉันก็น่าจะตั้งให้มันสว่างไว้ซักชั่วโมงนึงน้า
“ที่ฝั่งขวามันอาจจะแย่ก็ได้ ก่อนจะมองก็เตรียมตัวเอาไว้ด้วยล่ะ”
โทริโกะบอกฉันด้วยเสียงที่ตึงเครียด ฉันหันไปมองทางนั้น แล้วก็กลืนน้ำลายเลย
บนทางลาดนั่น มีร่างเงา 4 ขาอยู่หลายร่างเลย คราวนี้มันไม่ใช่รูปปั้นแล้ว ร่างกายมันขยับขึ้นๆ ลงๆ ไปตามการหายใจ เท้ามันขยับไปมา หางแกว่งปัดซ้ายปัดขวา… พวกมันมีชีวิต ดวงตาสีขาวเด่นออกมาจากใบหน้ามืดดำที่มีเงาบังนั่นมีเห็นได้ชัดจนน่าขนลุกเลย จ้องมาทางพวกเรา ด้วยสายตาของมนุษย์
“เอ๊ะ!? เมื่อกี้นี้…”
โทริโกะร้องอุทานขึ้น กระชากสติฉันกลับมา ตาของเธอเบิกกว้าง กำลังมองไปทางข้างหลังพวกเราอยู่เลย
“มีอะไรน่ะ?”
“มีใคร… กำลังเดินอยู่”
“ฮะ!?”
ฉันเผลอหันไปมองด้วย แต่ตรงนั้นก็มืดไปหมด มองไม่เห็นแม้แต่รอยล้อที่ AP-1 ทิ้งเอาไว้เลยด้วยซ้ำ
“ม- มันดูเป็นยังไง?”
“เป็นผู้หญิง แบบที่เราเพิ่งเห็นมา-…”
เสียงของโทริโกะขาดไปช่วงนึง ก่อนจะตะโกนลั่น
“มาอีกแล้ว!”
ตาฉันหันขวับกลับมาข้างหน้า คราวนี้ ฉันเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน ผู้หญิง ที่อยู่ข้างๆ ราวกั้น เดินโซไปเซมา สวมแต่กิโมโนสีแดง การก้าวเท้าดูไม่มั่นคง มีเขาเล็กๆ งอกออกมาจากหัวของผู้หญิงคนนั้น พอเราขับเข้าไปใกล้ขึ้น ฉันก็ได้กลิ่นสนิมด้วย
สาวหน้าวัว
พวกเราเหม่อดูมันกันทั้งคู่ ทำอะไรไม่ได้เลยตอนที่ขับผ่าน ไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกความมืดกลืนหายไป
“นั่น-… นั่นคือ คนนั้นน่ะเหรอ?”
“ฉันว่า นั่นน่าจะเป็นคนเดียวกันก่อนหน้านี้นะ”
ฉันตอบกลับเธอไป ในตอนที่เราขับรถไปต่อ เราก็เจอคนคนนั้นอีกแล้ว ผู้หญิงในชุดกิโมโนแดงมาโผล่ตรงหน้าเรา อยู่ข้างทางทางซ้าย
ชุดกิโมโนนั่นเปิดออกหลุดรุ่ย แขนขานั่นดูซีดจนเกินไปแล้ว กลิ่นเลือดโชยออกมา หน้าก็เป็นหน้าของวัว เหมือนเดิมเป๊ะๆ เลย
เราขับ AP-1 ผ่านผู้หญิงคนนั้นอีกรอบนึง แล้วก็อีกรอบ อีกรอบ อีกรอบ ความถี่ที่เธอโผล่ออกมามันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เลย ฉันรู้สึกว่าจำนวนเงาวัวหน้าคนที่สันเขาด้านขวาของเรามันเยอะขึ้นด้วยเหมือนกัน
“นี่ยังไม่ถึงอีกเหรอ!?”
ฉันร้องลั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะทนไม่ไหวแล้ว ถ้าไอ้ของที่เราเห็นก่อนหน้านี้มันเป็นสะพานจริงๆ ป่านนี้มันก็ควรจะโผล่มาได้แล้วล่ะ
“นี่เราเลยสะพานมาแล้วหรือเปล่าเนี่ย?”
“ไม่ใช่หรอก ฉันคอยดูอยู่ตลอดเลย”
โทริโกะตอบกลับมา โดยที่สายตาก็ยังไม่ละออกมาจากถนนเลย
“โซราโอะ ตาเธอเห็นอะไรบ้างมั้ย?”
“ฉันดูมาซักพักแล้วนะ แต่… ไม่รู้เลย”
ตอนนี้มันผ่านมา 10 นาทีแล้ว แต่เราก็ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย ถ้าจะว่าอะไรล่ะก็ ต้องบอกว่าสถานการณ์มันแย่ลงเรื่อยๆ เลยมากกว่า ยิ่งผ่านไปมากเข้าๆ ฉันก็ตั้งคำถามกับสติสัมปชัญญะของตัวเองมากขึ้นๆ พวกเรากำลังขับไปตามถนนที่มุ่งหน้าไปสู่ความเว้งว้างที่ไหนไม่รู้ โดยมีแค่ไฟฉายกระบอกเดียวส่องนำทาง
“นี่มันชักท่าไม่ดีแล้วใช่มั้ยเนี่ย?”
ยิ่งเวลาผ่านไป น้ำเสียงของโทริโกะก็มีความกลัวปนอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ แย่ล่ะสิ ฉันว่าฉันสติแตกไปแล้วล่ะ แต่ถ้าเกิดโทริโกะก็เป็นไปด้วยอีกคนล่ะก็ เราจบแน่
ฉันชักมาคารอฟออกมา ก่อนจะโน้มตัวไปหาทางโทริโกะ
“โซราโอะ?”
ฉันเล็งใส่หลังของสาวหน้าวัวที่ยืนอยู่ข้างหน้า ก่อนจะลั่นไก ปากกระบอกปืนเปล่งแสงสว่างวาบออกมาในความมืด หัวของสาวหน้าวัวคนนั้นผงะไปเหมือนกับโดนดึงผมจากข้างหลังเลย
ฉันยิงใส่ไปอีกนัดจากรถที่กำลังวิ่งอยู่ กระสุนฝังเข้าไปข้างหัวของสาวหน้าวัวเลย
ผู้หญิงคนนั้นตัวบิดไป ก่อนจะหายไปข้างหลังพวกเรา
“…จะโอเคใช่มั้ยนั่นน่ะ?”
โทริโกะถามฉัน แต่ฉันก็ส่ายหน้าก่อนจะตอบเธอกลับไป
“ไม่รู้อะ…”
พวกเราฮึบกลั้นหายใจ ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในขณะที่ดัน AP-1 วิ่งตรงไปข้างหน้า
ไม่นาน ภาพที่คุ้นตาของเราก็โผล่อยู่ข้างหน้า
สาวหน้าวัวนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน กิโมโนสีแดงที่ใส่อยู่นั่นแหวกเปิดออก
ยังใส่ชุดเดิมเหมือนกับก่อนหน้านี้ แถมยังนอนอยู่ท่าเดิมเลยด้วย อย่างเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือลักษณะผิวนอก มันเปลี่ยนไปไม่ใช่วาวๆ เหมือนแก้วแล้ว แต่ก็ดูไม่ได้นิ่มๆ เหมือนแบบที่ศพน่าจะเป็นเหมือนกัน
คุดันตัวนึงยืนอยู่ข้างๆ ร่างของสาวหน้าวัวด้วย ทำท่าทางเหมือนกับกำลังดมฟุดฟิดร่างนั้นอยู่ หัวของมันก้มลงไป เลียดื่มเลือดของศพนั่นอยู่
นี่ขับทับไปเลยได้มั้ยเนี่ย? รถคันนี้มีกำลังพอจะทำแบบนั้นหรือเปล่านะ? ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว แต่… ฉันก็ปัดมันทิ้งไป
ถ้าฉันคึกเกินจนกลายเป็นว่าทำ AP-1 แสนล้ำค่าของเราเสียหายขึ้นมา นั่นล่ะแย่สุดๆ แน่นอน
พอเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ฉันก็เลยหยุดรถ AP-1
คุดันตัวนั้นหยุดเลียเลือด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ
“หาาาา!?”
“กรี๊ดดดด!?”
พวกเรากรี๊ดออกมากันทั้งคู่เลย
หน้าของคุดัน ที่เงยหน้าขึ้นมานั่น ที่มีเลือดเกรอะตั้งแต่จมูกลงมา เป็นหน้าของฉันเอง
TN: ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r