นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ฉันพาโทริโกะมาสถานีใกล้บ้านของฉัน เมื่อตอนที่พวกเราไปที่บ้านของนัตสึมิเพราะเรื่องของซันนุกิคาโนะก็เหมือนกัน พวกเรานั่งรถเมล์จากมินามิ-โยโนะตรงรถไฟสายไซเคียว แต่วันนั้น ฉันเดินไปสถานีรถกับเธอ หาอะไรกิน แล้วก็แยกย้าย ไม่มีใครหรอกที่คิดว่าเธออาจจะมาที่บ้านฉันน่ะ
วันนี้ พวกเรานั่งเลยป้ายรถเมล์ใกล้กับอู่ซ่อมรถอิชิคาวะไป โทริโกะมานั่งข้างๆ ฉันบนเบาะที่นั่งรถเมล์แคบๆ อึดอัดๆ เหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เธอต้องทำอยู่แล้ว มันทำให้รู้สึกแหม่งๆ ยังไงไม่รู้สิ
ยิ่งพวกเราไปใกล้บ้านฉันมากขึ้นๆ มันก็ทำให้ฉันยิ่งเครียดขึ้นๆ เรื่อยๆ เลย
“ถ้าเธออยากจะค้างคืน ฉันไม่ติดอะไรหรอก แต่… แล้วเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนล่ะเธอจะทำยังไง?”
“ฉันมีอยู่แล้วชุดนึง”
“ไหงงั้นล่ะ?”
“ในกระเป๋าฉันก็มีอยู่แล้วชุดนึงตลอดนั่นแหละ เธอเองก็เหมือนกันนี่ โซราโอะ”
“อ้อ จริงด้วย…”
พวกเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะหลงเข้าไปที่โลกเบื้องหลังตอนไหน อย่างน้อยที่สุด พวกเราก็เลยพยายามจะเก็บเสื้อผ้าเอาไว้เปลี่ยนซะก่อน ถ้าเธอมีเสื้อผ้าพวกนั้นอยู่แล้ว กับผ้าเช็ดตัวซักผืน เท่านี้ก็ค้างคืนได้สบายๆ เมื่อตอนที่ฉันไปค้างที่บ้านคุณโคซากุระเมื่อวาน กับตอนที่ไปค้างบ้านอาคาริเมื่อวานซืน ฉันก็เก็บเซ็ทค้างคืนลงในกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ฉันก็เลยมีสัมภาระเยอะกว่าปกตินิดหน่อย
พวกเราลงรถที่ป้ายใกล้ๆ กับมหาลัย แล้วก็เดินตรงไปที่เขตที่อยู่อาศัยต่ออีกนิดๆ อือ มันรู้สึกแปลกๆ จริงๆ นั่นแหละ มันแปลกที่ฉันเดินตามทางเอิมๆ อย่างที่เคยทำทุกที ก็แค่ว่าคราวนี้โทริโกะมีเดินอยู่ด้วยข้างๆ เท่านั้นเอง
โทริโกะไม่ได้พูดอะไรเท่าไหร่ เธอมองไปรอบๆ ระหว่างที่เดินกันอยู่ ทุกครั้งที่เราเลี้ยวตรงหัวมุม เธอก็หันหลังกลับไปมองข้างหลัง เป็นท่าทางแบบเดียวกันกับที่พวกเราไปเจอสถานที่ใหม่ๆ ที่โลกเบื้องหลังเลย เธอพยายามจำทางเอาไว้สินะ…
พวกเราเลี้ยวที่หัวเลี้ยวสุดท้าย ก็มาหยุดยืนที่หน้าอพาร์ตเมนต์ เป็นความรู้สึกมีชีวิตชีวาจังเลยนะกับการที่ได้เห็นบ้านของตัวเองอยู่ใต้แดดเปรี้ยงตอนเที่ยงตรงแบบนี้ เรื่องที่โทริโกะยืนอยู่ตรงนี้กันฉันมันทำให้รู้สึกตัวมันลอยๆ หลุดออกไปจากชีวิตตามปกติยังไงไม่รู้สิ
“ที่นี่เหรอ?”
“อือ?”
“ห้องไหนล่ะ?”
“102”
“แล้วห้องไหนเหรอที่ว่ามันแปลกๆ?”
“ห้องตรงท้ายสุดน่ะ 103”
โทริโกะพยักหน้าให้ ก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าของตัวเอง
“เดี๋ยวๆ จู่ๆ ก็อย่ามายิงปืนมันซะดื้อๆ ที่นี่สิ โอเคนะ? ไม่งั้นฉันคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แน่”
“รู้แล้วน่า ก็แค่เผื่อไว้เท่านั้นเอง”
“เผื่อไว้ งั้นเหรอ?”
พวกเราเข้าไปที่โถงทางเดิน แล้วก็เดินมาที่หน้าห้องอพาร์ตเมนต์ของฉันเอง ตาของโทริโกะก็ยังจ้องเขม็งไปที่ประตูห้อง 103
“พวกเรา… แค่เข้ามาห้องฉันก่อนได้มั้ย ตอนนี้?”
“โอเค”
ฉันบิดกุญแจ แล้วก็เปิดประตูเข้าไป แต่คราวนี้ โทริโกะรีบหยุดมือฉันเอาไว้ก่อน
“เฮ่ ประมาทเกินไปแล้วนะ”
“เอ๊ะ?”
“อาจจะมีอะไรดักอยู่ก็ได้”
“ฉ- ฉันว่าไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“ทั้งๆ ที่พวกนั้นอยู่ห้องข้างๆ เนี่ยนะ?”
“…จริงด้วยสิ”
พอเธอทักขึ้นมาแบบนั้น มันก็จริงนะ ความต้องการให้บ้านของตัวเองเป็นพื้นที่ปลอดภัยมากๆ นี่มันอาจจะทำให้ฉันไม่ยอมคิดตัดสินเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนล่ะมั้ง แต่ถ้าอะไรซักอย่างมัน ‘อยู่ตรงนั้น’ จริงๆ ฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย? ถ้าฉันเสียพื้นที่ปลอดภัยไป ฉันก็ไม่รู้แล้วนะว่าจะไปที่ไหนได้…
โทริโกะมองมาที่ฉันด้วยท่าทางเป็นห่วง เหมือนเธอจะเห็นว่าฉันเงียบไปนะ
“เธอโอเคมั้ย? อยากให้ฉันช่วยดูข้างในให้ก่อนรึเปล่า?”
ฉันลังเลอยู่แป๊บนึงก่อนจะพยักหน้าตกลง ยังไงโทริโกะก็ต้องเข้าไปข้างในอยู่ดีนั่นแหละ
“ฝากหน่อยนะ?”
“โอเค เธอดูเอาไว้นะ เผื่อจะมีใครเข้ามา”
“ได้”
โทริโกะหรี่ตา ชักมาคารอฟออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง แล้วก็แนบมันไว้ใกล้กับอกของตัวเอง แทบจะเหมือนว่าเธอกอดมันเอาไว้เลย
“นี่ เดี๋ยวสิ”
“แค่เผื่อไว้น่ะ”
“นี่ ฉันต้องฝากเธอด้วยจริงๆ นะ”
“โอเค เปิดประตูที”
ฉันบิดลูกบิด แล้วประตูก็เปิดออกกว้าง
โทริโกะแอบมองลอดเข้าไปในประตูอยู่พักนึง ก่อนจะแทรกตัวเองเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว กำปืนเอาไว้ใกล้หน้าอกของตัวเอง ก่อนจะเข้าไปในห้องอีกครั้งนึง
แสงที่ฉายลอดจากประตูเข้าไปก็ส่องไปถึงพื้นห้องครัว ผ้าม่านที่อยู่ด้านหลังของห้องขนาด 6 เสื่อนี่ถูกรูดปิดไว้ ข้างในมันก็เลยมืดอยู่หน่อยๆ
แล้วโทริโกะก็เดินเข้าไปในห้องครัวโดยที่ไม่ได้ถอดรองเท้าออกเลย
“อ่าาาา…”
ตอนที่ฉันยังสับสนทำอะไรไม่ถูก โทริโกะก็เปิดไฟห้องน้ำออกและเหลือบเข้าไปมองข้างใน ก่อนจะเดินตรงไปข้างหลังของห้อง รูดผ้าม่านเปิดออก แสงจากนอกห้องก็ฉายเข้ามาทำให้ทั่วห้องสว่างขึ้น
ฉันคลาดสายตาไปจากโทริโกะได้ไม่ทันไร รู้สึกตัวอีกทีฉันก็ได้ยินเสียงเธอเปิดประตูตู้เสื้อผ้าฉันแล้ว เฮ่ๆ… เบาๆ มือหน่อยสิ โทริโกะ ฉันคิดขึ้นมาแบบนั้น ถึงในนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นห่วงถ้าเกิดเธอจะเปิดเข้าไปเจอก็เถอะ…
แล้วโทริโกะก็เก็บปืนลงกระเป๋า ก่อนจะเดินกลับมาหาฉัน
“เท่าที่ดูก็ปลอดภัยนะ ขอโทษด้วยเรื่องรองเท้า”
“ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”
ฉันกับโทริโกะถอดรองเท้าออก แล้วก็เดินเข้าไปในห้องกัน ฉันหยิบเอาไม้กวาดเล็กๆ ที่ซื้อมาจากร้าน 100 เยนมากวาดเศษดินที่โทริโกะเดินย้ำเข้ามา แล้วก็ปัดมันทิ้งออกไปข้างนอก พอฉันเดินกลับเข้ามาในห้องอีกที โทริโกะก็ไปยืนเหม่อๆ อยู่ที่กลางห้องฉันแล้ว
“มีอะไรเหรอ?”
“…นี่มันเจ๋งไปเลยนี่นา?”
โทริโกะกำลังยืนดูที่ชั้นหนังสือของฉันอยู่ นอกจากหนังสือที่ฉันใช้เรียนในมหาลัย กับหนังสือตัวละครจากซานริโออีกนิดหน่อยที่แทบจะหาไม่เจอเลยเนี่ย ทั้งชั้นก็มีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับของจริงเรียงอัดกันแน่นทุกชั้นทั้งตู้เลย หัวเรื่องจากมีเดียแฟกโตรี, คาโดคาวะ เฮอร์เรอร์บุงโกะ, สำนักพิมพ์ยามะเคย์… ฉันมีทุกอย่างเลยตั้งแต่หนังสือดังๆ ไปจนถึงหนังสือเก่าๆ ที่ฉันต้องไปตามล่าหามาจากร้านขายของมือสองเลย ของส่วนใหญ่ก็จะเป็นสันหนังสือสีขาวจากทาเคโชโบบุงโกะ หนังสือหลายร้อยเล่มที่มีแต่คำชวนให้รู้สึกไม่สบายใจอย่าง [น่ากลัว], [อาถรรพ์], [ผี], [คำสาป], [ฝังศพ] หรือ [วิปลาส] อยู่ในชื่อทั้งนั้นเลย พอเห็นทั้งหมดนั่นมาเรียงอยู่เป็นตับแบบนี้แล้ว มันก็ชวนให้รู้สึกถึงลางไม่ดีสุดๆ เลยนั่นแหละ
TN: Media Factory, Inc. (株式会社メディアファクトリー) เป็นผู้จัดพิมพ์และบริษัทแบรนด์ของญี่ปุ่น ในเครือของคาโดคาวะฟิวเจอร์พับลิชชิง (Kadokawa Future Publishing) ซึ่งปัจจุบันได้ถูกยุบรวมเข้ากับคาโดกาวะคอร์ปอเรชั่น (株式会社KADOKAWA) แล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2013
ผลงานเด่นๆ ที่คุณน่าจะคุ้นเคยก็อย่างโนเกมโนไลฟ์, แอบโซลูท ดูโอ, Re:ZERO รีเซทชีวิต ฝ่าวิกฤตต่างโลก, ขอต้อนรับสู่ห้องเรียนนิยม (เฉพาะ) ยอดคน, นักสืบตายแล้ว, Infinite Stratos ปฏิบัติการรักจักรกลทะยานฟ้า, แคมเฟอร์ ผู้พิทักษ์สลับขั้ว, อาเรีย สาวรัสเซียโต๊ะข- อะแฮ่ม อาเรีย กระสุนแดงเดือด, Mayo Chiki! ฉันนี่แหละพ่อบ้าน, ไลเออร์ ไลเออร์, ซาซากิกับพีจัง, เภสัชกรเทพสองโลก, เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ, ผู้กล้าโล่ผงาด หรือผมเนี่ยนะ… ชายแปด! นั่นเอง
คาโดคาวะ เฮอร์เรอร์บุงโกะ (角川ホラー文庫) เป็นผู้จัดพิมพ์วรรณกรรมสยองขวัญของญี่ปุ่นในเครือของคาโดกาวะคอร์ปอเรชั่น (株式会社KADOKAWA) เช่นกัน ผลงานเด่นๆ ที่คุณน่าจะคุ้นเคยก็อย่างจูออนทั้ง 5 เล่ม, Blood-C หรือริงกุ (The Ring)
Yama-kei Publishers (山と溪谷社) ก่อตั้งขึ้นในปี 1930 เป็นบริษัทสำนักพิมพ์ของญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์และประเพณีอันยาวนาน นอกจากนิตยสารรายเดือน “Yama to Keikoku (ภูเขาและหุบเขา)” แล้ว ยังผลิตสื่อรูปแบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภูเขาและธรรมชาติอีกด้วย สิ่งพิมพ์อื่นๆ ได้แก่ หนังสือและนิตยสารเกี่ยวกับกีฬาฤดูหนาว เช่น สกีและสเก็ต กีฬาบนภูเขา เช่น การปีนเขา และหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งแคมป์และกิจกรรมกลางแจ้ง
Takeshobo Bunko (竹書房文庫) เป็นผู้จัดพิมพ์รายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ถูกก่อตั้งในปี 1972 นอกจากนิตยสารเก่าแล้ว ยังมีการตีพิมพ์นิตยสารปาจิงโกะ นิตยสารกราเวียร์ เรื่องสั้น และนวนิยายวรรณกรรมสำหรับผู้ใหญ่อีกด้วย
“นี่เธอนอนข้างๆ หนังสือพวกนี้ ไม่นอนฝันร้ายบ้างเลยเหรอเนี่ย?”
“ก็ไม่นะ ฉันชินแล้วนี่”
“รู้มั้ย ฉันตั้งตารอจะดูเลยนะว่าหนังสือในชั้นของเธอจะมีอะไรบ้างน่ะ…”
“แล้วสมตามที่คาดหวังมั้ย?”
“ฉันไม่ได้คิดว่าจะขนาดนี้น่ะสิ”
แล้วโทริโกะก็หันมามองที่ฉันเหมือนจะถามอะไรซักอย่าง
“อะไรเหรอ?”
“อาจจะสายไปแล้วล่ะมั้งที่ถามแบบนี้ แต่เธอติดขัดอะไรมั้ยที่ให้คนอื่นมาดูห้องของตัวเองแบบนี้น่ะ?”
ใช่ สายไปนานแล้วจริงๆ นั่นแหละ ฉันคิดแบบนั้น แต่ก็ตอบไปอยู่ดี
“ก็คิดยังงั้นอยู่นะ แล้วก็… อือ ถ้าเป็นเธอฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“ถ้าเป็นฉัน?”
“คนอื่นฉันไม่เคยอยากให้เข้ามาหรอก”
“ทำไมล่ะ? เพราะไม่อยากให้คนอื่นเขามาเห็นชั้นหนังสือนี้น่ะเหรอ?”
แสดงว่ามันดูแปลกจริงๆ สินะนั่น?
“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นซักหน่อย ฉันอยากให้ที่นี่เป็นที่ที่ฉันรู้สึกสบายใจได้น่ะ ฉันไม่อยากจะต้องมาใส่ใจคอยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นเวลาอยู่ในบ้านของตัวเองน่ะสิ”
“หมายความว่าฉันเองก็อยู่ตรงนี้ได้ใช่มั้ย?”
“หมายความว่าฉันทนเธอที่อยู่ที่นี่ไหวต่างหาก”
“ฮะฮะ”
โทริโกะขำแห้งๆ ออกมา
“ลำบากเลยแฮะ ไม่รู้เลยว่าจะตอบยังไงดี”
“นี่ถือเป็นคำชมจากฉันเลยนะ”
“โอเค ฉันจะดีใจกับมันละกัน”
ฉันโยนกระเป๋าเดินทางของตัวเองที่ยังสะพายอยู่บนไหล่นี่ลงบนเตียงของตัวเอง
“เธอก็วางกระเป๋าก่อนสิโทริโกะ”
“จริงสินะ”
ดีล่ะ
พวกเรา 2 คนพร้อมใจกันมองไปที่กำแพงที่ติดกับห้อง 103 กันเป็นตาเดียว
“เธอว่าเราควรจะลงมือเลยมั้ย?”
โทริโกะถามขึ้นมาพลางชักปืนออกมาจากกระเป๋าของเธอด้วย
“ก็บอกแล้วไง…”
“รู้แล้วน่า ไม่ใช้ปืนใช่มั้ย?”
“ไม่ใช้ปืน”
“แต่พวกเราก็ยังจะไปที่นั่นอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ? ไปห้องข้างๆ น่ะ ฉันไม่อยากเห็นเธอนั่งรอให้พวกมันมาหาพวกเราหรอกนะ”
เธอนี่เข้าใจฉันดีเลยนะเนี่ย
ก็จริงที่ว่าฉันวางแผนจะเข้าไปที่ห้อง 103 ก่อนที่พวกนั้นจะเข้ามาหาพวกเรา ฉันกะจะเปิดประตูบานนั้นแล้วก็เดินเข้าไปตรงๆ เลยนั่นแหละ ตั้งใจจะไปถล่มที่ห้องนั้นแบบเต็มที่เลยล่ะ
“…อึม เราไม่รู้นี่เนอะว่าประตูนั่นมันล็อกอยู่รึเปล่าน่ะ?”
“ก็จริงนะ ถ้าเราเข้าไปไม่ได้… มำไมไม่ออกไปหามื้อเที่ยงกินกันซะก่อนล่ะ? เรายังไม่ได้กินมื้อเช้ากันเลยด้วยซ้ำนะ”
“โอเค… ถ้างั้น ไปกันเถอะ”
TN: ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r