[อาคารที่อยู่อาศัย] เป็นตึกกว้าง สูง 3 ชั้น และมีหน้าต่างกระจกเรียงเป็นแถวๆ หันมาทางลานกว้าง ดูเหมือนพวกตึกที่เขาชอบสร้างๆ กันในโรงเรียนเลย
ทีมมุ่งหน้าเข้าไปในประตูทางเข้า ทันทีที่เข้ามา ก็มองเห็นหน้าต่างฝ่ายต้อนรับอยู่ทางขวา เหมือนแบบที่เจอได้ในโรงพยาบาลก่อนเลย กับผ้าม่านสกปรกๆ พริ้วไปตามลม
คนนึงในทีมโอเปอร์เรเตอร์ใช้ปลายปากกระบอกปืนลูกซองเปิดม่านออก ก่อนจะหลุดร้องออกมานิดๆ แล้วก็หยุดมือ คุณซาซาสึกะเห็นแบบนั้นก็ถาม
“มีอะไร?”
“เมื่อกี้ คิดว่าเห็นคนน่ะครับ… แต่มันเป็นแค่รูปถ่ายเฉยๆ”
“รูปถ่าย?”
ประตูข้างหน้าต่างฝ่ายต้อนรับเปิดค้างอยู่ ฉันเลยมองเห็นข้างในได้
อย่างแรกเลยที่เตะตาฉันคือร่างของคน 2 คนนั่งหันหน้าชนกันอยู่คนละฟากของโต๊ะ แต่พริบตาต่อมา ฉันก็รู้ตัวว่าตัวเองมองผิดไป ห้องนี้มันว่างเปล่า ไม่มีคนอยู่เลย แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ซักชิ้นก็ไม่มี
แต่ว่า เลยจากกำแพงฝั่งข้ามไป เป็นรูปถ่ายจำนวนนับไม่ถ้วน เรียงกันเป็นรูปร่างเหมือนโต๊ะ กับร่างของคน รูปถ่ายที่ดูเหมือนครอบครัวๆ นึง ทำนู่นทำนี่ธรรมดาๆ ที่ครอบครัวเขาทำกันนี่แหละ ไม่ว่าจะฉากหลัง ชุดที่ใส่ หรือส่วนสูงของคนในภาพ ทุกอันดูใกล้ๆ กันหมดเลย เหมือนว่ารูปทั้งหมดนี่จะมาจากครอบครัวเดียวกันหมดเลยสินะ แต่หน้าทุกคนมืดกันหมดจนดูไม่ออกเลย
“นี่มันอะไรกัน…?”
คุณมิงิวะพึมพำขึ้นมา ส่วนฉันก็ทำหน้านิ่วขมวดคิ้ว
“พวกนี้เป็นลัทธินี่คะ ถ้าจะพยายามหาความสมเหตุสมผลจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกนั้นทำล่ะก็ ตลอดชีวิตก็ไม่พอหรอกค่ะ”
อาจจะเป็นพิธีกรรมอะไรซักอย่างที่สร้างสถานการณ์ขึ้นมาให้รู้สึกเหมือนกับว่ามันออกมาจากเรื่องลี้ลับล่ะมั้ง เพื่อจะเอาตัวพวกเขาเข้าไปใกล้กับโลกเบื้องหลังมากขึ้น ที่พวกนั้นทำก็ไม่ต่างอะไรกับตกแต่งบ้านผีสิงเลย แต่พอมองเรื่องวัตถุประสงค์ของพวกนั้นแล้วก็ทำเอายิ้มไม่ออกเลยแฮะ
ตอนที่ฉันกำลังจะพูดว่า ไปกันเถอะค่ะ ฉันก็เพิ่งเห็นสีหน้าแปลกๆ ของคุณมิงิวะ เขาไม่ได้กำลังดูไปที่รูปพวกนั้น แต่กำลังกวาดสายตามองไปทั่วห้องพร้อมกับคิ้วที่ขมวดแน่นอยู่
“มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอคะ คุณมิงิวะ?”
“ตอนที่เราเข้ามาที่นี่เมื่อวันก่อน พวกเราตรวจดูที่ตึกนี้แล้วแน่นอน แต่ผมจำไม่ได้เลยว่าเห็นกำแพงที่มีรูปพวกนี้แปะอยู่ด้วย”
“เอ๊ะ…?”
ได้ยินแบบนั้น ฉันกับโทริโกะก็หันมามองหน้ากัน
“งั้น แสดงว่า… มีใครบางคนมาตกแต่งที่นี่ใหม่ ในช่วงระหว่างที่พวกคุณมาที่นี่กับวันนี้น่ะเหรอ?”
โทริโกะถามคุณมิงิวะไปแบบนั้น เขาก็เอียงคอไปทางด้านข้าง
“งั้นเหรอครับ…? ไม่สิ แต่ห้องนี่ เมื่อคราวก่อนมันเคยเป็นยังไงนะ? เหมือนผมจะจำไม่ได้เลย แต่ผมมั่นใจว่าเคยเห็นมาแล้วแน่นอน”
หรือว่าจะ?
ฉันเพ่งด้วยตาขวาของตัวเอง แล้วมองไปทั่วๆ ห้องอีกรอบนึง
“อึก ว่าแล้วเชียว”
ฉันเผลอพูดออกมา
มีแสงเรืองสีเงินลอยๆ อยู่ในห้องนี้ด้วย ออกมาจากกำแพงที่แปะรูปเอาไว้เต็มกำแพงนั่นแหละ ทั้งกำแพงเปล่งแสงจางๆ ออกมาเหมือนกับว่ากำลังร้อนอยู่ ไอที่เหมือนควันจากน้ำแข็งแห้งก็วิ่งลงมาที่เท้าของพวกเราด้วย
“ที่นี่เชื่อมกับโลกเบื้องหลังค่ะ! มีบางอย่างแปลกๆ กับตัวกำแพงเลย…”
“กับตัวกำแพง…?”
คุณมิงิวะหรี่ตามองดู เหมือนเขาจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับกำแพงนั่นแล้ว แต่ฉันก็หยุดเขาไว้ก่อน
“อย่าเข้าไปใกล้ดีกว่านะคะ พื้นที่คั่นกลางมันรั่วไหลเข้ามาที่โลกฝั่งนี้ด้วย โทริโกะ—”
พอฉันหันไปหาโทริโกะ เธอก็หรี่ตาลงมาครึ่งนึง ทำปากบุ้ยใส่ สีหน้าจะอะไรขนาดนี้ล่ะเนี่ย
“ฉันต้องแตะงั้นเหรอ?”
“ก็ อื้อ…”
“มันจะโอเคจริงๆ ใช่มั้ย?”
“ฉันจะคอยดูเอาไว้เอง เพราะงั้น ขอฝากด้วยนะ”
“เอาเถอะ ถ้าเธอขอยังงั้นล่ะก็นะ”
โทริโกะปล่อยมือจากฉัน แล้วก็ถอดถุงมือออก แล้วตาของคุณซาซาสึกะกับทีมของเธอมองไปที่มือโปร่งแสงของเธอกันเป็นตาเดียวเลย เห็นแบบนั้น โทริโกะก็เบือนหน้าออกมาอย่างอึกอัก หันไปหากำแพงนั่น แล้วยื่นแขนออกไป
พอเธอแตะโดนหมอกสีเงินพวกนั้น เธอก็สะดุ้งเลย
“จับมันได้แล้วนะ ต้องทำไงต่อล่ะเนี่ย?”
“เออ… ก็ จับไว้ แล้วก็ฉีกมัน หรืออะไรยังงั้นก็ได้”
“คำแนะนำเธอมันจะไม่กว้างไปหน่อยเหรอนั่นน่ะ?”
ระหว่างที่จับอยู่แบบนั้น โทริโกะก็กำหมอกสีเงิน และเขย่ากำมือของตัวเองไปทางด้านข้าง หมอกนั่นก็ถูกฉีกออกเหมือนฉากกระดาษ แล้วประกายแสงสีเงินก็แวบวับไปในอากาศ พอแสงสีเงินที่มีแต่ฉันที่มองเห็นเริ่มจางลงไปแล้ว ทั้งหมดที่เหลืออยู่ตรงหน้าก็คือกำแพงมอมๆ ที่ไม่มีอะไรดูเด่นเป็นพิเศษเลย
ที่เท้าของพวกเรามีรูปถ่ายตกอยู่ใบนึง ดูเหมือนจะเป็นรูปซากบ้านที่ถูกไฟไหม้นะ แต่ฉันไม่อยากจะมองมันเท่าไหร่ ฉันหันไปดูรอบๆ ก่อนจะเดินที่มุมห้องมุมนึงที่ฉันเว้นระยะห่างออกมาจากมันได้
“ลืมเอาอะไรมาเช็ดมือทุกทีเลย”
โทริโกะสะบัดมือไปมาในอากาศ เช็ดกับกางเกง ก่อนจะใส่ถุงมือกลับไปเหมือนเดิม
“ขอโทษ คงจะทำให้รู้สึกไม่ดีสินะ”
“ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเรียกว่ารู้สึกไม่ดีได้มั้ย… มันไม่เหมือนอะไรที่เคยรู้สึกมาก่อนเลยน่ะ ไม่รู้เลยว่าหลังจากจับของพวกนี้ไปแล้ว ควรจะทำยังไงกับมือที่เพิ่งจับไปดี”
ระหว่างที่พูดแบบนั้น โทริโกะก็มาจับมือของฉันอีกแล้ว แต่เป็นมือขวานะ ไม่ใช่มือซ้าย
“ตอนนี้ปลอดภัยหรือยังครับ?”
คุณมิงิวะถามฉัน ซึ่งฉันก็พยักหน้าตอบ
“ค่ะ ที่นี่ไม่เป็นไรแล้ว คิดว่านะคะ”
ความพยายามจะเข้าใกล้โลกเบื้องหลังของอุรุมิ รูนะดูท่าจะสำเร็จนะ การตกแต่งภายในแบบไร้รสนิยมที่ลัทธิทำแบบนี้เนี่ย สามารถดึงเอาพื้นที่คั่นกลางเทียมมาที่โลกเบื้องหน้าได้เลย
ถ้าของแบบนี้ไปอยู่ตรงประตูทางเข้าล่ะก็ คงงานหยาบแน่เลย…
ฉันรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ในขณะที่หน่วยก็เริ่มเคลื่อนไหวต่ออีกครั้ง
TN: เกือบไปแล้วนะนั่น…
(แต่ว่า พวกลัทธินี่ก็ไม่ธรรมดาเลยนะ รู้ได้ไงเนี่ยว่าทำแบบนี้แล้วมันจะได้ผลด้วย?)
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r