พวกเราเดินตรงไปที่ฟาร์ม โดยที่ตอนนี้ มีคนจากทอร์ชไลท์ช่วยคุ้มกันให้ ดูเหมือนจะมีคนจำนวนนึงอยู่ใกล้ๆ กับรถตู้อยู่ เป็นคนคอยเฝ้าระวังนะ เห็นพวกเขาเรียกว่า ‘ฐาน’ แล้วก็ ‘ทีม B’ แล้วก็ตามนั้นไปเรื่อยๆ แสดงว่าพวกเขาเป็นทีมที่จักการเรื่องการสื่อสารกับฝ่ายสนับสนุนสินะ
ที่คุณซาซาสึกะบอกเอาไว้ ทหารขององค์กรกองกำลังเอกชนจะเรียกกันว่า [โอเปอร์เรเตอร์] สินะ ชวนให้นึกถึงคนที่ต้องทำหน้าที่โอนสายโทรศัพท์เลยนะนั่น รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ชุดพวกเขาก็ใส่ไว้เบาๆ นะ แค่เสื้อเหน็บชายไว้ในกางเกงขายาว แล้วก็มีเสื้อคลุมจัมเปอร์ตัวบางที่เหมือนกันใส่คลุมไว้อีกทีนึง พอพวกเขามาถือปืนลูกซองอยู่ด้วยแบบนี้แล้ว มันดูเหมือนพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานหมู่บ้าน เตรียมอาวุธจะไปล่าหมีกันซะมากกว่า
แต่จะว่ายังไงก็เถอะ เพราะพวกเขาทุกคนร่างกายถูกฝึกมาดีมาก แล้วก็มีแว่นกันแดดสำหรับเล่นกีฬากับแว่นครอบตาสวมอยู่ด้วย เลยทำให้พวกเขาดูต่างจากพวกชาวบ้านไปอย่างสิ้นเชิง ท่าทางการขยับตัวของพวกเขาเองก็มั่นคง ดูเป็นมืออาชีพด้วย นึกถึงพวกลุงๆ ที่กองพันเพลฮอร์สเลย
หน่วยโอเปอร์เรเตอร์ติดต่อสื่อสารกันด้วยระบบอินเตอร์คอมไร้สาย แล้วพวกเขาก็ยื่นหูฟังมาให้ เพื่อจะได้ยินคำสั่งและการรายงานทั้งขาไปและขากลับของพวกเขาด้วย
TN: Intercom คืออุปกรณ์สำหรับสื่อสาร คล้ายโทรศัพท์ภายใน โดยการใช้งานจะง่ายกว่าเพราะสามารถกดเพื่อพูดสั่งงานได้เลย ฝ่ายคนรับก็ไม่ต้องกดรับ จะมีเสียงออกมาเลยเหมือนวิทยุสื่อสาร และฝั่งคนฟังก็สามารถตอบโต้ได้โดยกดปุ่มเพื่อพูดสนทนา เหมือนวิทยุสื่อสารของตำรวจ หรือ รปภ.
ตึกที่รายล้อมด้วยลานว่างถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน คุณซาซาสึกะเรียกตึกหลังที่อยู่ตรงหน้าเราว่า [อาคารอยู่อาศัย] ทางขวาเรียกว่า [โรงงาน] และทางซ้ายเรียกว่า [คอกวัว] พวกเราเริ่มจากการมุ่งหน้าไปที่โรงงานกันก่อนเลย—ตึกแรกที่ฉันกับคุณโคซากุระถูกลักพาตัวมาไว้
“วันต่อมาหลังจากที่ศูนย์วิจัย DS ถูกบุกเข้าจู่โจม พวกเราก็มาที่นี่อีกครั้งนึง แล้วทำการจับกุมพวกสาวกลัทธิที่ยังเหลืออยู่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ว่าอาจจะมีใครบางคนเล็ดรอดไป เพราะฉะนั้น ขอให้ระมัดระวังด้วยนะครับ”
คุณมิงิวะบอกตอนที่เดินอยู่ตรงหน้าพวกเรา
“เอ๋!? หลังจากวันนั้น คุณมิงิวะกลับมาที่นี่ด้วยเหรอคะ!?”
ฉันตกใจแล้วก็ถามเขาไป โทริโกะก็ตาโตด้วยเหมือนกัน แสดงว่าเธอก็ไม่รู้สินะ
“ถ้าต้องสารภาพตามตรงแล้ว ใช่ครับ พวกเราไม่สามารถปล่อยพวกลัทธิที่เราจับดุมเอาไว้เฉยๆ ในขณะที่ไปช่วยคุณคามิโคชิไม่ได้หรอกครับ แต่ผมจำเป็นต้องออกคำสั่งที่อาคารศูนย์วิจัย DS ด้วย ผมเลยรีบรวมตัวพนักงานมา แบ่งออกไปช่วยกันทำงานทั้งที่นี่ ทั้งที่ตึก ติดต่อกับกลุ่มสมาชิกที่เกี่ยวข้อง แล้วก็… เพราะมันเป็นงานของผมทั้งหมดเลยที่ต้องจัดการเรื่องพวกนั้น ผมใช้ชีวิตอย่างสงบมาซักพักใหญ่เลย เล่นทำเอาเหงื่อเย็นวาบเลยล่ะครับ”
รู้สึกเหมือนตอนนี้ คุณมิงิวะจะดูผ่อนคลายกว่าตอนแรกที่เราเจอกันอยู่นะ
เหตุการณ์ของอุรุมิ รูนะต้องทำให้เขาดึงงบประมาณมาจากผู้สนับสนุนของเขาเพิ่มอีกได้แน่เลย—อันนี้คือที่คุณโคซากุระคาดเดาล่ะนะ ก่อนหน้านี้ สำหรับเธอ กลุ่มวิจัย DS เป็นเหมือน [องค์กรที่ตายแล้ว] แค่คงชื่อเอาไว้ก็เท่านั้น แต่ตอนนี้ พวกเขาอาจจะกลับมามีชีวิตกันอีกครั้งแล้วก็ได้…
ฉันได้ยินแบบนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรหรอก ฉันไม่ได้อะไรกับคุณมิงิวะหรอกนะ แต่ถ้าจะมีคนที่ไม่ได้ต้องการเข้ามาที่โลกเบื้องหลังมากกว่านี้อีกล่ะก็ นั่นคงเป็นปัญหาแน่
ระหว่างที่ฉันคิดเรื่องทั้งหมดอยู่แบบนั้น โทริโกะก็คว้ามือฉันไปอีกรอบนึง พอฉันเงยหน้าขึ้นมา สบตากับเธอที่มองมาหาพร้อมกับที่เดินอยู่ข้างๆ ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ มันเป็นรอยยิ้มแบบอายๆ ที่เหมือนกับว่าเธอพยายามจะช่วยให้ฉันอุ่นใจขึ้น เห็นแบบนั้น ความกังวลมันก็ลอยหายไปจากในหัวหมดเลย
อ- อะไรเล่า? อยากจะพูดอะไรรึไง?
ในตอนที่ฉันยังงงๆ อยู่ คนชี้เป้าในหน่วยของพวกเราก็เข้าไปที่ [โรงงาน] แล้ว พวกเขาที่เหลือก็เอาตัวพิงกำแพงกันหมด หน่วยโอเปอร์เรเตอร์ก็เตรียมพร้อม ชี้ปืนของพวกเขาไปทางต้นไม้และตึกหลังอื่นๆ
‘ชั้น 1 เคลียร์’
“รับทราบ เราจะเดินหน้าแล้ว”
คุณซาซาสึกะตอบรับเสียงจากวิทยุ แล้วก็หันมาช่วยบอกเสริมกับพวกเราต่อ
“ไปกันเถอะ”
พวกเราเข้าไปในตัวตึกกัน ในนั้นเป็นที่โล่งที่มาจากการพังกำแพงลง เครื่องจักรอันใหญ่ที่พวกเราไม่เข้าใจวัตถุประสงค์การทำงานของมัน กับพาเลทไม้ที่แบกของเอาไว้ มีบันไดสนิมเกรอะอันนึงทอดขึ้นไปชั้นบนด้วย
ตรงมุมนึงของชั้น 1 ก็มีห้องคล้ายๆ กับห้องพัก ที่มีโต๊ะประชุมกับเก้าอี้ไปปแชร์วางอยู่ กาต้มน้ำไฟฟ้า แล้วก็ถ้วยราเม็งสำเร็จรูปเปล่าๆ กับขวดพลาสติกยัดอยู่เต็มถังขยะ นี่มันดูน่าเบื่อสุดๆ จนถึงขั้นเรียกว่าผิดที่ผิดทางเลยก็ได้ กำแพงเป็นรอยครูดในแนวขวางเด่นสะดุดตา เป็นผลงานจากตัวกระจายกระสุนลูกซองของคุณโคซากุระนั่นเอง
พวกเรารอเสียงจากคนที่ขึ้นไปชั้น 2 แล้วจากนั้นก็เดินหน้าต่อ ก่อนจะกลับมายืนในที่ที่คุ้นตา มันเป็นห้องที่ไม่มีหน้าต่าง กับเก้าอี้หลายตัวที่ล้มคว่ำอยู่กับพื้น ห้องที่ฉันตื่นหลังจากที่พวกนั้นลักพาตัวฉันมานี่เอง
แล้วก็เป็นห้องที่โทริโกะเข้ามาช่วยชีวิตฉันตอนที่เกือบจะโดนฆ่าอยู่แล้วด้วย
“ขอบใจสำหรับตอนนั้นด้วยนะ โทริโกะ”
ฉันบอกเธอแบบนั้น แต่เธอก็ส่ายหัว
“ขอโทษนะที่ไม่มาให้เร็วกว่านั้น เธอเลยต้องไปเจออะไรที่น่ากลัวสุดๆ แบบนั้นด้วย”
“มันใหม่ตรงไหนล่ะนั่น? ทุกทีเธอก็ลากฉันไปเจอเรื่องน่ากลัวสุดๆ อยู่แล้วไม่ใช่หรือไงเล่า?”
“คือ มันก็ใช่! แต่ว่า! รอบนี้น่ะ… มันอันตรายจริงๆ นี่นา”
เสียงของโทริโกะเริ่มดังขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว
“…ฉันดีใจจริงๆ นะที่เธอยังมีชีวิตอยู่ โซราโอะ”
ท่อนสุดท้าย เธอพูดออกมาด้วยเสียงกระซิบ ฉันเลยบีบมือของแลเธอแน่นขึ้นเป็นการตอบกลับไป
“คุณคามิโคชิ ดูแล้วเป็นยังไงบ้างครับ?”
“เอ๊ะ?”
คำถามที่ขึ้นมาแบบปุบปับช่วยดึงสติฉันกลับมาได้พอดีเลย
“เห็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
“อ้อ จริงด้วย”
เหตุผลที่พวกเขาพาฉันมาที่นี่ด้วยก็เพราะถ้าเกิดมีอะไรผิดปกติไป ฉันสามารถใช้ตาขวามองเห็นได้ ระหว่างสำรวจอยู่ใน [โรงงาน] ฉันก็ใช้ตาขวาเพ่งไปรอบๆ ด้วย แล้วก็ พยายามเต็มที่ที่จะไมาไปโฟกัสที่ใคร เพราะถ้าเกิดฉันใช้ตาขวาไปจ้องใครเข้าล่ะก็ คนคนนั้นจะเป็นบ้าไปน่ะสิ
ตรงนี้ ไม่มีอะไรที่ดูผิดปกติเลย ไม่มีแสงเรืองสีเงินที่ชี้ถึงการเชื่อมโยงกับโลกเบื้องหลัง หรือแสงสีฟ้าที่ออกมาจากห้วงลึกของ UBL
“…ดูเหมือนที่นี่จะไม่เป็นไรนะคะ”
ฉันบอกไปแบบนั้น ถึงที่นี่ดูจะเป็นสถานที่ตราตรึงในความทรงจำของฉันก็เถอะ
พอพวกเรามาถึงทางตัน เราก็หันหลังกลับออกมา มุ่งหน้าไปที่ตึกต่อไป ตลอดเวลานี่ โทริโกะก็จับมือฉันไว้ตลอดเลย
พอไม่ได้ถือปืนแล้ว มือเธอเลยเหงาๆ สินะ? ถ้างั้นก็พอเข้าใจได้อยู่แหละ
ฉันพยายามคิดแบบนั้น แต่แล้ว เธอก็หันมายิ้มให้ฉันแบบอ่อนโยนแปลกๆ เห็นแบบนั้นฉันก็ผงะไป
นี่มันอะไรกันเนี่ย…?
ระหว่างที่เราลงบันไดมา พวกเราก็ได้ยินการรายงานมาทางวิทยุ
‘มีบางอย่างขยับอยู่ที่ชั้น 3 ของ [อาคารอยู่อาศัย] ครับ’
“ที่ว่าบางอย่างนั่นน่ะมันอะไร?”
มีช่วงเงียบอยู่พักนึงหลังจากคำถามของคุณซาซาสึกะ ก่อนที่คำตอบจะตามมา
‘ยืนยันไม่ได้ครับ เพราะมองเห็นแค่แวบเดียว แต่ต้องมีใครบางคนอยู่ตรงนี้แน่ๆ คิดว่าเห็นหน้านะครับ เหมือนจะมองมาทางพวกเราด้วย’
“คิดว่าเป็นพวกคนที่ยังหลงเหลือหรือเปล่า?”
“มีความเป็นไปได้อยู่ คิดว่าพวกนั้นจะยอมแพ้ตามคำสั่งของพวกเรามั้ยครับ?”
“ถ้าพวกเขายังตกอยู่ใต้อิทธิพลของอุรุมิ รูนะก็คงจะไม่ยอม พวกนั้นต้องรู้ตัวแล้วแน่ๆ ว่าพวกเรามา จะลองเรียกพวกนั้นดูก็ไม่เสียหายหรอก”
…เอ๊ะ?
จู่ๆ ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“มีอะไรเหรอ โซราโอะ?”
พอเธอจับมือฉันอยู่แบบนี้ เรื่องที่คิดอยู่มันเลยรั่วออกไปแบบที่ฉันไม่ได้ตั้งใจรึไงนะ? แต่พอโทริโกะถามขึ้นมาแบบนั้นแล้ว ฉันก็ะพูดสิ่งที่นึกขึ้นได้นั่นออกไป
“คุณมิงิวะ คราวก่อนที่มาที่นี่ ได้ลงไปชั้นใต้ดินของ [คอกวัว] หรือเปล่าคะ?”
“ตรงที่มีเกทเชื่อมกับศูนย์วิจัย DS สินะ? ไปดูมาแล้วครับ”
“ระหว่างทางที่จะเดินไปเกท เจอประตูเหล็กหนาๆ มั้ยคะ?”
“หมายถึง ตรงที่ดูเหมือนคุกสินะครับ? พวกเราตรวจดูทุกห้องขังแล้ว แต่ที่นั่นก็ไม่มีใครอยู่เลย”
พอความรู้สึกไม่ดีของฉันมันตรงเผงแบบนี้ ก็ทำเอาฉันร้องออกมาเลย
“เอาจริงเหรอเนี่ย? ที่นั่นมีผู้ติดต่อประเภท 4 อยู่ด้วยค่ะ อย่างน้อยๆ ก็ 2 คน…”
“โอ้ แย่แล้ว…”
ตอนที่ฉันกับคุณโคซากุระพยายามจะหนี พวกเราเข้าไปที่ห้องขังของกลุ่มผู้ติดต่อประเภท 4 ด้วย พวกเขาเหมือนจะถูกเสียงของรูนะล้างสมอง แล้วก็ถูกทางลัทธิควบคุม ถ้าจะพิสูจน์ยังไงล่ะก็ มีประเภท 4 เข้ามาร่วมกับการบุกศูนย์วิจัย DS 2 คนแล้ว
“โดยเฉพาะคนที่เหี้ยมโหดมากเลยด้วยคนนึง ถ้าเกิดนั่นเป็นคนที่พวกเขาเจอล่ะก็ พวกเขาตกอยู่ในอันตรายแล้วแน่ค่ะ”
“ขอบคุณที่บอกเรื่องนี้นะครับ คุณซาซาสึกะ”
คุณซาซาสึกะพยักหน้า ก่อนจะออกคำสั่งไปทางอินเตอร์คอม
“ทุกนาย ฟัง เป็นไปได้สูงว่าศัตรูเป็นผู้ติดต่อกับ UBL ที่เป็นอันตราย ระวังตัวให้ดี”
‘รับทราบ’
คำตอบรับพูดกลับมาทันที
พวกเราออกมาจาก [โรงงาน] กลับมาที่ลานกว้าง เป้าหมายต่อไปของพวกเราคือ [อาคารที่อยู่อาศัย]
TN: ( ^ /// ^ )
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r