038:งานเปิดตัวแห่งความร้าวฉาน② จุดพักอาซาเรีย Ⅰ
――หนึ่งสัปดาห์หลังจากได้รับจดหมายจากทางราชวงศ์ในแง่คำสั่งให้ไปจัดงานเปิดตัวที่ปราสาท ลูน่าออกเดินทางไปเมืองหลวงเม็กเมลโดยมีท่านแม่ของเธอ พร้อมกับสมาชิกกองกำลังพิทักษ์นางฟ้า ห้าสิบนาย และยังมีสมาชิกอีกห้าสิบคนของอัศวินเฟิร์สไนท์ ซึ่งเป็นกองทัพส่วนตัวของท่านแม่ รวมถึงพ่อครัวและเหล่าเมดติดตามมาด้วย
ความจริงที่ว่ามีอัศวินห้าสิบคนที่ขี่ม้า ในแง่นั้นส่วนของกองทัพลูน่านั้นบินบนท้องฟ้าเลยไม่จำเป็นต้องเอาม้ามาเกินความจำเป็น แต่ว่าพอลงมาที่พื้นดินพวกเราต้องวิ่งให้ทันม้า นี่เลยเป็นส่วนที่ค่อนข้างจะยาก แต่ว่ามันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นเพราะอุปกรณ์ของพวกเรานั้นเบามาก และผู้ที่โดยสารรถม้าเองก็แวะพักบ่อยด้วย
ถึงกระนั้นพวกเรามาถึงเมืองหลวงภายในสองวันด้วยความเหนื่อยล้า
การนั่งรถม้าสบายๆจากลาทอสไปยังเมืองหลวงใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์
หากขี่ม้าทั้งวันก็ใช้เวลาประมาณสามวัน
แต่ว่านะฉันเป็นพวกไม่ค่อยชอบจุกจิกเรื่องระยะเวลาในการเดินทางนี่สิ
「เฮ้อ……….วันนี้เองก็แดดแรงเหลือเกิน」
ไม่มีเมฆบนท้องฟ้าสีครามเข้มและแสงแดดก็แผดเผาทุกสิ่งที่อยู่บนพื้น
ในวันแบบนี้ อยากบินอย่างอิสระภายใต้เงื่อนไขของการฝึกแต่การบินตามรถม้ามันค่อนข้างจะเหนื่อยน่ะ สงสารลูกน้องเหมือนกัน
มีรถม้าอยู่สองสามคัน และในรถม้านำมามีท่านแม่ แอนนา และ ฮาเรีย ซึ่งเป็นเมดส่วนตัว และท่านมิน่าและอลิซ่าลูกสาวเคาน์เตสแห่งวินเบล
ในกรณีคราวนี้อลิซ่าไม่ได้มาในฐานะหัวหน้าหน่วยแต่เป็นฐานะลูกสาวของเคาน์เตส
หากไม่ทำแบบนั้นเธอได้บินไปรอบๆแน่นอน
ดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่อยากแยกจากลูน่าพี่สาวของเธอ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดังนั้นเธอเลยนั่งอยู่ในรถม้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มากกว่านั้นอลิซ่าเองก็มีงานเปิดตัวในปีนี้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นครอบครัวของตระกูลเคาน์เตสก็จะต้องจัดงานของตัวเอง
แต่ว่าเคาน์เตสวินเบลก็ต้องหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ท่านแม่ได้แจ้งให้ท่านมิน่าทราบถึงความเป็นไปได้ถึงการแตกตื่นของพวกปีศาจ “การโจมตีลาพลัส”และพวกเราก็ได้ตกลงกันว่าจะไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย เนื่องจากพวกเราได้เตรียมพร้อมสำหรับการรับมือเหตุการณ์ในอนาคต แทนที่จะสืบสวนข้อเท็จจริง
ท่านมิน่าไม่ใช่แค่นักสู้ที่ชาญฉลาดเท่านั้น แต่ตระกูลของเธอยังเป็นนักรบทั้งครอบครัว แต่ว่ามันสมองนั้นเฉียบแหลมมากกว่าพวกสมองกล้ามของตาแก่แห่งเวลซัค ดังนั้นพวกเราจึงจัดหาอาวุธและกองกำลังทางทหารผ่านท่านหลังเมือง
กล่าวอีกนัยหนึ่งซาราเอล่าและมิน่าใช้ประโยชน์จากการเป็นพี่น้องกันในการจัดงานเลี้ยงเปิดตัวพร้อมกัน
สำหรับขุนนางส่วนกลางที่อุทิศตนให้กับการเมืองในพระราชวัง เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกขุนนางแถวชายแดนหรือดินแดนที่ห่างไกลจะให้ความสำคัญกับการปฏิบัติจริงมากกว่าห่วงศักดิ์ศรี
หัวหน้าของดยุคเวลซัคแกรนด์และเคานต์เตสวินเบลเป็นมิตรกันมาเวลานาน
เรียกได้ว่าไปมาหาสู่กันบ่อยๆ
รถสองคันที่เหลือเต็มไปด้วยสัมภาระจำนวนมาก รวมทั้งอีกคนบรรทุกเหล่าช่างเย็บผ้าและพ่อครัว
「ท่านซาราเอล่า พวกเราจะถึงอาซาเรียในอีกสักครู่ พวกเราได้จัดเตรียมที่พักไว้แล้ว แต่ได้โปรดระมัดระวังตัวด้วยเพราะเป็นเขตของมาร์ควิสมูเอล」
เมื่อประตูถูกเคาะพวกเราก็เปิดหน้าต่างรถม้าและคุณคาร์ดิสกัปตันอัศวินเฟิร์สไนท์ก็ออกมาจากขบวน
เป็นบทสนทนาแปลกๆ และลูน่าก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อสบตากับท่านแม่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ
「มาร์ควิสมูเอล เป็นตระกูลขุนนางที่มีมลทิล ดูเหมือนจะมีส่วนร่วมกับองค์กรน่าสงสัย อย่างไรก็ตามมีข้อเท็จจริงว่าพวกเขาได้แต่งงานกับเจ้าหญิงของราชวงศ์ ดังนั้นตำแหน่งของพวกเขาจะเทียบเท่าดยุค แต่ว่าเนื่องจากท่านเจ้าเมืองที่จะเป็นดยุค ตำแหน่งเลยยังเป็นมาร์ควิสอยู่ สิ่งที่น่างุนงงที่สุดคือราชวงศ์ไม่เคยลงมาตรวจสอบการกระทำของพวกเขาเลย แม้จะมีเรือ่งอื้อฉาวเป็นเวลานาน」
「กล่าวอีกนัยหนึ่งมีการจ่ายสินบน ราชวงศ์เองก็รู้เห็นเป็นใจงั้นเหรอคะ……?」
「ก็ประมาณนั้น เจ้าของปัจจุบัน คือมาร์ควิสลิฟเรย์ มูเอลและมีลูกสาวคนเดียว ซึ่งชื่อว่า ชิล่า มูเอล อายุ สิบสองปี ในปีนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นพวกที่จะเข้าเรียนพร้อมกันกับพวกลูกๆระวังไว้ด้วยล่ะ」
「ค่ะ ท่านแม่」
ท่านแม่เตือนด้วยความระมัดระวัง
ลูน่าพยักหน้า「อืม」และจดจำชื่อเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ
――พวกเรามาถึงอาซาเรียเมืองของมาร์ควิสมูเอลในช่วงกลางวัน
พวกเราเข้าเมืองได้เลยโดยไม่ต้องมาทำเรื่องที่หน้าประตูเมือง เนื่องจากเขียนจดหมายมาล่วงหน้าแล้ว
มีการเตรียมที่พักไว้ให้พร้อมและหากไปจอดรถม้าคามคำแนะนำ ก็จะเห็นที่พักของชนชั้นสูงและเช็คอินเข้าพร้อมสัมภาระได้เลย
เป็นหน้าที่ของเหล่าเมดและบัตเลอร์จะต้องช่วยขนสัมภาระดังนั้นพวกเราเลยรีบกลับเข้าไปในห้องเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของพวกเขา
「ในที่สุดก็ได้มานอนบนเตียงนุ่มๆสักที」ท่านแม่กล่าว
「เอ่อความเหนื่อยล้าทางใจเหมือนจะกำจัดไม่ได้ และก้นของฉันก็ระบบหมดไปแล้วค่ะ」ลูน่าบ่น
「ท่านพี่คืนนี้มาตอนเตียงเดียวกันไหมคะ」ทั้งอลิซ่าและคุณมิน่าต่างกล่าวพร้อมกัน
「เฮ้อ มิน่า เธอไม่ควรพูดเรื่องแบบนั้นต่อหน้าลูกสาวนะ」
「เอ๊ะ มันแปลกงั้นเหรอคะ? หรือท่านพี่รังเกียจดิฉันแล้วงั้นเหรอคะ?」
「เฮ้อ……ท่านแม่นี่ไม่ได้เรื่องเลยนะคะ……」อลิซ่าเองนี่ได้นิสัยจากแม่ของเธอมาเต็มๆ
「เอ่อ อลิซ่าเธอเองก็ไม่มีหน้าไปบ่นใส่คุณมิน่าหรอกนะ」ลูน่าพูดสวนกลับไป
นี่ไม่ใช่โรงแรมเดียวที่ถูกจอง แต่ยังมีการจองโรงแรมให้เหล่าเมดและพ่อครัวได้พักผ่อนอีกด้วย
รวมถึงเหล่าทหารเองก็ได้พักในโรงแรมเช่นกัน คืนนี้อาจจะมีการสังสรรค์ พวกทหารคงจะอารมณ์ดีมากๆ คาดว่าโรงแรมและโรงเตี๊ยมในคืนนี้น่าจะคึกคักน่าดูเลยล่ะ
เมื่อพูดถึงโรงอาหารของโรงแรมแล้วมันสะอาดและเงียบสงบมากแถมภายในก็ตกแต่งอย่างดี
ดูเหมือนว่าพวกเราจะเป็นแขกเพียงกลุ่มเดียวในวันนี้ และไม่พบเจอใครอีก ดูเหมือนเหมาเป็นการส่วนตัวเลย
(แต่มันดูไม่ค่อยบาลานซ์สักเท่าไหร่เลยนะ……)
สภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ แต่คุณภาพของอาหารกลับห่วยแตก หรืออาจเป็นเพราะพวกเรากินอาหารชั้นสูงกันจนชิน พวกเครื่องปรุงรสเองก็ไม่ได้มาตราฐานที่ลูน่าคาดหวัง และในที่สุดเธอก็ทนทานต่อไปไม่ได้
จากมุมมองของชนชั้นสูงแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะทานอาหารไม่หมด และจากมุมมองคนที่เสิร์ฟ จะเสิร์ฟในกรณีเผื่อเอาไว้ให้ถูกทิ้งไว้อยู่แล้ว แต่ก็คงเจ็บปวดไม่น้อยที่มีอาหารมากกว่าครึ่งเหลือทิ้งไว้
「พี่สาว วันนี้ทานน้อยเกินไปรึเปล่าคะ」
ในทางตรงกันข้ามอลิซ่าดูทานอย่างอร่อยและเธอกินเยอะมากจนกลัวเธอจะอ้วนจนพุงกางเลยล่ะ
「เอ่อ ไม่หรอก แต่ดูเหมือนเธอจะทานเยอะเป็นพิเศษเลยนะ?」
หมายความว่ายังไงเหรอคะ? ราวกับว่าเธอจะพูดแบบนั้น
ลูน่าเองก็นึกอะไรบางอย่างออกแล้วก็「อ่า นั่นสินะ」
อาบน้ำหลังทานอาหารเสร็จ
เป็นช่วงเวลาแห่งสกินชิพ
ตอนนี้ฉันคิดว่าคุณมิน่าและอลิซ่ามีผิวที่หยาบกร้าน โดยเฉพาะคุณมิน่าที่หน้าอกใหญ่เป็นพิเศษ
ในทางกลับกันซาราเอล่าและลูน่ามีผิวที่ขาวเนียน มันวาวและรูปร่างค่อนข้างเพรียว
ลูน่าสงสัยว่านี่เป็นปัญหาทางสายเลือดงั้นเหรอ ทำไมร่างกายของสองครอบครัวได้ต่างกันถึงขนาดนี้
「……เอ่อพอได้มาเห็นอะไรแบบนี้แล้วก็สมกับเป็นแม่ลูกกันดีนะ」
「อืม ตอนนี้ฉันเองก็คิดเช่นเดียวกันค่ะ」
ลูน่าและท่านแม่เองก็พูดคุยเห็นพ้องต้องกัน
คุณมิน่านั้นกอดแขนของท่านแม่ และอลิซ่าก็มาเกาะติดลูน่า
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
「ท้ายที่สุดแล้วแนวพรรคร่วมก็ล้มเหลว」
หลังจากอาบน้ำเสร็จพวกเราก็ไปดื่มนมเย็นที่ฉันเสนอให้ดื่มหลังอาบน้ำ
ทั้งสี่กลับเข้าห้องและเข้านอนโดยแต่งตัวด้วยชุดนอน
――ซูดงงงงงงงงงงง!
ตอนนั้นเองในเวลากลางคืน
ลูน่าซึ่งนอนอยู่กับอลิซ่าลืมตาขึ้นมาทันทีเพราะเสียง
ดูเหมือนว่าจะมีเสียงระเบิดจากที่ไหนสักแห่ง
ดวงตาของเธอเบิกกว้างและทั้งสองก็จ้องมองกัน
「พี่สาว นี่มัน」
「อ่า น่าจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วล่ะ」
พวกเรากระซิบกันก่อนจะลุกออกจากเตียง
พวกเราสวมชุดเตรียมพร้อมออกศึก
ลูน่าสวมชุดเบลเซอร์สีขาวของเธอ
อลิซ่าเป็นชุดสีเขียวที่เคลื่อนไหวได้ง่าย
ใส่เกราะแขนแล้วหยิบลูกตะกั่วออกมาจากกระเป๋าที่ติดอยู่กับเข็มขัดคาดเอว
ใช้เวลาประมาณสามนาที
หลังจากนั้นพวกเราออกจากห้องและพบกับท่านแม่ที่กำลังต่อสู้อยู่ที่โถงทางเดิน
「โอ้ววว พวกเธอมาช้าเกินไปหน่อยนะ?」
「อย่ามาพูดบ้าๆน่า สถานการณ์น่าสนใจแบบนี้ใครจะปล่อยให้หลุดรอดไปได้กันคะ」
เป็นบทสนทนาระหว่างท่านแม่กับลูน่า
ซาราเอล่ามีดาบคาดอยู่ที่เอวและคุณมิน่าเองก็สวมถุงมือพร้อมกับกำหมัดแน่น
ในพื้นที่จำกัดแบบนี้อาวุธประเภทกำปั้นหรือมีดจะได้ผลดี
ขณะที่ฉันรีบวิ่งผ่านทางเดินเพื่อค้นหาแหล่งที่มาของเสียงก่อนหน้านี้ฉันเจอร่างสีดำที่เคลื่อนตัวออกจากหน้าต่างของโรงแรม
「เข้าใจแล้ว อย่างงี้นี่เอง พวกนั้นก็ช่างสุภาพเหลือเกินนะที่มาส่งสัญญาณว่าจะจู่โจมกลางดึก」
ลูน่าพึมพำพร้อมกับมองบานหน้าต่างที่แตกออก
ภายใต้แสงจันทร์ลางๆมีแขนขาสีดำที่ปกคลุมไปด้วยเงามืดถูกเผยให้เห็น
ดูเหมือนพวกนั้นจะใช้อาวุธประเภทกริซที่ย้อมด้วยสีดำ เป็นมือสังหารสินะ
「ช่างกล้าเข้ามาโจมตีทั้งๆที่รู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่ คิดจะลอบสังหารแขกคนสำคัญรึอย่างไร」
จากมุมตาของเธอ เธอเห็นท่านแม่จับดาบที่เอวของเธอ ลูน่าหยิบลูกตะกั่วออกมาจากกระเป๋าแล้วสะบัดด้วยนิ้วของเธอ
――วิชาสำนักมังกรซากุระ กระสุนหลังมือ
ตูมมมมมมมมมมม
ด้วยเพราะแบบนั้นเองชายชุดดำคนหนึ่งทรุดตัวลงกับพื้นโดยที่สมองถูกทำลาย
ศัตรูหยุดเคลื่อนไหว บางทีเพราะตกใจ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าลูน่าจะหยุดโจมตี
「อย่าคิดว่าจะได้กลับไปแบบมีชีวิตเชียวล่ะ มาหาเรื่องเองก็เตรียมตัวตายไว้ได้เลย?」
ลูน่ายิ้มออกมาด้วยความชั่วร้าย
กลุ่มชายชุดดำที่ซึ่งมาเรียจะเรียกว่า “นินจา” เสียชีวิตภายในชั่วพริบตา