034:แผนการฝึกนักบุญ⑪ ระหว่างกลับบ้าน
――ในตอนท้ายของวันฉันไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พวกเราหนีออกมาจากห้องจากชั้นสามซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องขนาดใหญ่เหมือนกับห้องบอสและพวกเราก็ออกมาข้างนอกซึ่งพวกเราอยู่ในถ้า พวกเราผลักประตูและออกมาทางด้านนอกจากชั้นสาม
ฉันรู้ว่าท่านพี่จัดการกับดูลาฮาลด้วยพลังที่สุดยอดมากด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ฉันได้ยิน ทั้งสองคนพูดราวกับว่าพวกเขารู้จักกันมานาน แต่ก็ไม่ได้ดูสะทกสะท้านอะไรในการต่อสู้กัน และท่านพี่ก็กำจัดดูลาฮาลอย่างไม่ลังเล
ฝ่ายตรงข้ามคือเผ่าปีศาจ เพราะงั้นไม่มีทางที่จะเป็นสหายกันได้
เพราะว่ามันน่ากลัวนี่
อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของเทพธิดา เธอมองในมุมที่ต่างจากพวกเราและพวกเราก็เดินกลับบ้านอย่างเงียบๆ
「อืม ท่านพี่?」
「มีอะไรงั้นเหรอมาเรีย?」
เมื่อฉันกลับมาถึงข้างนอก ฉันก็ถาม สายตาของฉันก็จ้องไปยังสิ่งที่อยู่ในมือ
มากกว่านั้นปกติแล้วท่านพี่จะเรียกฉันว่า「มาเรียจัง」แต่ตอนนี้กลับเป็น「มาเรีย」
ทุกครั้งที่ระยะห่างระหว่างเราดูสั้นลงทำให้ฉันมีความสุขมาก
「มันโอเคจริงๆเหรอคะที่ฉันจะรับสิ่งนี้เอาไว้?」
「อืม ฉันไม่ต้องการเจ้านี่หรอกนะ」
เมื่อพวกเรากำจัดอัศวินไร้หัว ดูลาฮาล ซึ่งฉันก็ได้ยินชื่อของเขาจากที่เขาบอก ชูเรย์ แต่ฉันคิดว่าไม่ควรจะพูดชื่อนั้นออกไปเพราะอาจกระทบจิตใจของท่านพี่ หลังจากที่จัดการเขาได้ ก็ได้ดรอป “ดวงตาแห่งสัจธรรม”
มันมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม ตรงกลางมีหินสีแดงสดที่เหมือนกับดวงตา
ไอเท็มชิ้นนี้ได้รับจาก “ฟ้าคราม” เวอร์ชั่น RPG เท่านั้น จะมีเอฟเฟคต์เฉพาะในเวอร์ชั่น SLG ซึ่งเซฟสามารถส่งต่อกันได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งมันเป็นไอเท็มไร้ค่าในเวอร์ชั่น RPG
แต่ว่าไอเท็มนี้ก็อยู่ในระดับ SSR
เอฟเฟกต์ในเวอร์ชั่น SLG คือสามารถฟื้นคืนตัวละครที่ติดสภาวะ “สูญเสีย”
สิ่งที่ฉันหมายถึงในเวอร์ชั่น RPG มันไม่มีดีบัฟที่เรียกว่า “สูญเสีย” และหากเสียความทรงจำไปจริงๆก็จะสามารถใช้ยาฟื้นฟูความทรงจำได้ และหากตาย ก็สามารถซื้อไอเท็มน้ำยาชุบชีวิตได้ แม้ว่าจะมีราคาแพง หรือไม่ก็ไปที่โบสถ์เพื่อร่ายเวทย์ชุบชีวิตได้
แต่ว่าในเวอร์ชั่น SLG สภาวะ “สูญเสีย”เป็นสภาวะที่อาการหนักกว่าการตายเพราะมันเป็นอาการบาดเจ็บและไม่มีทางรักษาได้ เปรียบเสมือนคนไร้ความสามารถ
เส้นบางๆนั้นคลุมเครือ แม้ตัวละครจะไม่ได้ตายแต่ในเกมจำลองกลยุทธ์เหมือนอย่างยุคเซ็นโกคุ การไม่สามารถต่อสู้ได้ก็หมายความว่าจะถูกล้อมไปด้วยศัตรูและทำอะไรไม่ได้จนกระทั่ง HP เป็น 0 แต่ ณ จุดนี้ ก็ยังมีชีวิตอยู่และหากโดนศัตรูจับตัวก็มีโอกาสโดนดึงเป็นพรรคพวกอีกฝ่ายหรือถูกจับเป็นนักโทษ
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดเกี่ยวกับการติดสภาวะ “สูญเสีย” นั่นคือจะกลายเป็นเของเล่นให้กับเหล่าผู้คนที่อดอยากในกองทัพ……ใช่ กล่าวอีกนัยหนึ่ง จะไม่ถูกฆ่าตาย แต่จะถูกจับเป็นทาสไว้ระบายอารมณ์
สถานะต่างๆทุกอย่างเหล่านี้ถูกเรียกกันโดยย่อว่า “สูญเสีย” และเมื่อตัวละครตัวนั้นได้รับไอเท็มฟื้นฟูก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ไม่สำคัญว่าจะถูกฆ่าตายหรือจิตใจแตกสลายทุกอย่างจะถูกฟื้นฟู
ในเวอร์ชั่น SLG พวกเราไม่มีทางชุบชีวิตตัวละครที่ตายหรือหายไปแล้วได้ ดังนั้น “ดวงตาแห่งสัจธรรม” จึงมีค่ามหาศาล
อ่า และหากพูดถึงเรื่องนี้ มีคำอธิบายถึงการมีอยู่ของสิ่งนี้ใน “ฟ้าคราม ภาค 2” แต่ไม่ได้เจาะจงชัดเจน
ใน “ฟ้าคราม ภาค 2” ศัตรูของตัวละครหลักคือ “แม่มดแห่งการลวงตา(幻燐魔女)” แต่ในภาค ออริจินอล ภาคสอง และ สาม ในภาคสองนั้น ตัวละครหลักคือ “เรนะ(レイナ)” ลูกสาวของไวเคานต์เตสที่เกิดมาพร้อมกับวิญญาณพิชิตชัยและพลังเวทย์ระดับโครตโกง และใน ภาคสาม โยโกะ นารุคามิ(鳴神陽子) ซึ่งถูกอัญเชิญมาจากต่างโลก ถ้าจำไม่ผิดฉันจำได้ว่ามันถูกเขียนไว้บนกระทู้สนทนาว่าแม่มดคนนี้ซ่อนไอเทมฟื้นคืนชีพเอาไว้
เธอไม่เต็มใจที่จะใช้มันด้วยตัวเอง และเธอยื่นมาให้ฉันราวกับว่าไม่ใส่ใจ
「ฉันเป็นนักสู้ต่อให้ชะตากรรมของฉันจะเดินไปบนเส้นทางไหน ฉันน่ะอยากตายบนสนามรบจริงๆฉันเองก็ไม่ค่อยมีความสุขหรอกเพราะต้องมาพึ่งไอเทมเหล่านี้ หากถึงคราวตายฉันก็อยากจะตายด้วยความสุข」
ดูเหมือนว่าความตายคือความพ่ายแพ้สำหรับเธอ การใช้ไอเทมชุบชีวิตมันเป็นเหมือนกับการดูถูกผู้ชนะและเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดสำหรับผู้ที่พิชิตเธอได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเธอได้มอบมันไว้ให้กับคนอื่น ที่ไม่อยากจะตายมากกว่า
……นั่นคือสิ่งที่เธอคิดงั้นเหรอ?
อาจจะดูน่าตกใจสักเล็กน้อย แต่ฉันคิดว่าฉันเข้าใจเธอถูกต้อง
สิ่งของที่ฉันได้รับมันจะต้องถูกนำไปใช้ในทางที่ควร แต่ในที่สุดฉันก็คิดว่าควรจะเก็บมันเอาไว้และอย่าใส่ใจมากนัก
――พวกเราสี่คนหลบหนีจากเขาวงกตด้วยประการนี้ บวกกับสมาชิกอีกสามคน “อัศวินทะเลสาบ”
เมื่อพวกเรากลับมาพวกเขาก็บ่นว่า「ขอโทษนะที่พวกเราเป็นประโยชน์ให้ไม่ได้เลย」กับ「เขาวงกตทางเดียวแบบนี้ไม่น่าจะหลง」ช่างเรื่องนั้นไปก่อน
อัศวินทะเลสาบนั้นมีภารกิจที่ต้อง “สังหารก็อบลิน”ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจแยกทางกันเมื่อเรามาถึงด้านนอก
「ถ้าไม่รังเกียจ จะมีความสุขมากเลยถ้ามาร่วมล่าก็อบลินด้วยกัน……」
อลิซ่ายักไหล่ด้วยความโกรธขณะจ้องมองเกล
「ไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะต้องไปช่วย!」
「เอ่อ นั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกฉันถึงตามเขาไปสำรวจด้วยไง」
「พูดอะไร พวกนายตามพวกเรามาเองด้วยซ้ำ ! ท้ายที่สุดแล้วพวกนายก็ช่วยอะไรเราไม่ได้เลย! แม้จะมีพวกปีศาจหลุดรอดไปนิดเดียวยังจัดการกันแทบลากเลือดเลย ขนาดฉันที่อ่อนแอที่สุดในปาร์ตี้นี้ แต่ฉันก็ไม่อยากทำอะไรที่มันเป็นการหักหน้ารุ่นพี่หรอกนะคะ!!」
「อ๊าาาาาาาาาา ใจแตกสลายแล้วหะ……」
อย่างที่คาดไว้ ท่านอลิซ่าเนี่ยพูดจาตรงไปตรงมาสุดๆเลยล่ะ
มันเหมือนกับพยายามโหยหาความเมตตา
ทั้งฉันและท่านพี่ก็ไม่คิดจะปกป้องพวกเขา ดังนั้นฉันปล่อยดีกว่า
ท่านพี่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะที่ฉันเกาะหลังท่านพี่ และท่านอลิซ่ากับคุณโอไกก็ตามมา ทั้งสามได้แต่อ้าปากมอง
คำขอที่เราได้รับคือการรวบรวมสมุนไพร และพวกเราก็เก็บกันครบแล้ว
พวกเราเลยรีบตรงไปที่กิลด์นักผจญภัยในเมืองลาทอส
ฉันรู้สึกผิดจริงๆที่มาเป็นภาระให้กับท่านพี่ต้องแบกฉันไปมาอย่างนี้
ขณะที่ฉันกำลังลอยอยู่บนหลังของท่านพี่ จู่ๆ ฉันก็นึกอยากจะตรวจสอบสถานะ
*****
มาเรีย・เทมเพิล (12)
Lv:10
HP:75/80
STA:20/80
MP:50/120
นำทัพ:15
กำลังรบ:20
ใฝ่รู้:45
การเมือง:10
เสน่ห์:60
สกิล:
นักบุญ เลเวล 2
วิชาสำนักมังกรซากุระ เลเวล 1
ฉายา:
ลูกสาวของบารอน
ลูกศิษย์ของสำนักมังกรซากุระ
สาวกของเทพธิดาอลิสเทีย
****
ฉันที่แทบจะไม่ได้ร่วมการต่อสู้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สเตตัสนั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ฉันคิดว่าบางทีการมีส่วนร่วมในการต่อสู้จะเกี่ยวข้องกับ EXP ที่ได้รับ
ไม่ ไม่ ไม่ นี่มันไม่ใช่เกม……。
แต่ว่าก็ไม่สามารถตัดปัจจัยเหล่านั้นทิ้งได้
จากนั้นดูเหมือนสกิลนักบุญที่ยังไม่ปลดล็อค ก็ปลดล็อคแล้วและขึ้นมาเป็นเลเวล 2
นี่อาจเป็นเพราะฉันขอให้ท่านพี่ช่วยแบ่งปันพลังมาให้และบังคับใช้เวทย์รักษา ซึ่งทำให้สกิลฉันปลดล็อค หลังจากนั้นฉันก็ต่อสู้กับพวกปีศาจเพียงลำพังที่แนวหลัง ก็เลยเลเวลอัพงั้นเหรอ
ปกติมันไม่น่าจะเป็นไปได้นะ
และฉันคิดว่าฉายา『สาวกของเทพธิดาอลิสเทีย』นั้นใจฟูต่อฉันมาก
ฉายานั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่ได้มีเอาไว้โม้
เมื่อมีมัน ดูเหมือนสเตตัสต่างๆจะสูงขึ้นและสามารถปลดล็อคลิมิตค่าสถานะต่างๆได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าของโครตดี
「ท่านพี่รักนะคะ♡」
ถ้ากำลังบินอยู่บนท้องฟ้าต่อให้พูดยังไงก็ไม่มีทางได้ยินหรอก
ถึงกระนั้นฉันก็อดไม่ได้ที่จะพูด
เพราะด้านหลังอกของฉันนั้นเปี่ยมไปด้วยความรักอันล้นเหลือ
ฉันกังวลเล็กน้อยที่เส้นผมของท่านพี่จะทิ่มแทงตาฉัน ขณะที่ฉันสูดดมเส้นผมของท่านพี่ไประหว่างทาง