030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู
เสียงสายน้ำของลำธาร กลิ่นของต้นไม้ในป่าที่เข้ากระทบจมูก
อากาศที่ค่อนข้างเย็นเล็กน้อย
หากเงยหน้าขึ้นก็เริ่มเห็นว่าดวงอาทิตย์เริ่มเอียงไปอีกฝั่ง
ที่ไหนสักแห่งในป่าเราได้ยินเสียงนกร้อง ไม่รู้ว่าร้องเพราะเกี้ยวพาราสีหรือเสียงที่บ่งบอกว่าสงครามได้ปะทุขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ยังมีเวลาพอก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน
อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่าจะมีเวลาเหลือเฟือสำหรับท่านพี่ที่กำลังสนุกกับการล่าสัตว์
「งั้นไปกันเถอะ」
「「ค่า!」」
คำตอบอันแสนกระตือรือร้นออกมาจากปากของฉันและท่านอลิซ่า
ป่านั้นไม่ใหญ่มากไม่ต้องกลัวว่าจะหลง ถ้าหลงก็แค่บินไปบนฟ้าและมองหาทางเดินที่ใกล้ที่สุดก็พอ
กล่าวอีกนัยหนึ่งใช้เวลาไม่นานสำหรับพวกเราในการค้นหามอนสเตอร์
ถ้าพวกเราตั้งใจใช้เวลาสักแปปเดียวก็เสร็จแล้ว และกลับบ้าน พร้อมกับไปทานข้าวเย็นที่คฤหาสน์
「――เอ่อ ช่วยรอสักครู่จะได้ไหม」
「หืม?」
ขระที่เรากำลังไล่ค้นหาศัตรู ก็มีคำพูดที่มาขัดจังหวะทำให้อารมณ์ดาวน์
ด้วยใบหน้าที่บอกว่าน่ารำคาญ แต่ก็ยังไม่สูญเสียความสุภาพ คุณเกลซึ่งเป็นผู้นำของ『อัศวินทะเลสาบ』เข้ามาหาพวกเรา
「ก็รู้อยู่หรอกนะครับว่าพวกคุณนั้นแข็งแกร่ง และหากมีพวกปีศาจอยู่ที่นี่จริงๆ ก็เป็นเรื่องปกติที่จะคิดว่ามันอาจจะหลงเหลืออยู่บ้าง และหากพิจารณาแล้วพวกเราจะบาดเจ็บกันโดยไม่จำเป็นนะครับ เพราะงั้นหลีกเลี่ยงพวกมันจะดีกว่า
――แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าพวกเธอแข็งแกร่งกว่าพวกเราที่เป็นแรงค์บรอนซ์และพวกเธอเป็นแรงค์ไอรอนที่เพิ่งลงทะเบียนวันนี้」
「อ่า ก็ความจริงนี่นะ」
「ใช่ ในฐานะรุ่นพี่แล้ว ชั้นไม่สามารถดูพวกเธอทำตัวบ้าบิ่นแบบนี้ได้หรอก ดังนั้นมีทางเลือกเพียงแค่สองทางสำหรับพวกเรา ตัวเลือกแรกพวกเราจะไม่ห้ามในสิ่งที่พวกเธอทำ แต่ว่าต้องให้พวกเราไปกับพวกเธอด้วย」
「ถ้างั้นฉันขอเสนอตัวเลือกที่สาม เอาเป็นว่าพวกเราไม่เคยพบกันมาก่อน โอเคไหม?」
เกลดูอึดอัดเล็กน้อยและพยายามไม่มองหน้าลูน่า
คำพูดของท่านพี่เป็นข้อเสนอที่ดี แต่เขาส่ายหัว
「ไม่ ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องมีรายงานเรื่องนี้ไป ในไม่ช้าพวกเธอก็จะถูกจับได้ในภายหลัง และอาจถูกตัดสิทธิ์จากการเป็นนักผจญภัยเพราะฝ่าฝืนกฏได้」
อืม นั่นสินะ พนักงานต้อนรับเองก็พูดอะไรทำนองนั้นด้วย
ฉันนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้แล้วก็「โอ้วว~」ขึ้นมาล่ะ
อย่างน้อยก็ไม่มีกฏดังกล่าวในเกมจีบหนุ่ม ดังนั้นน่าจะเป็นเอกลักษณ์ของโลกใบนี้
「แล้วจะทำยังไง? พวกเรามาที่นี่เพราะคำขอรวบรวมสมุนไพร และพวกเราจะแต่งเรื่องว่าพวกเราแค่บังเอิญดวงซวยเจอกับเผ่าปีศาจจนต้องสู้เท่านั้น……」
「อืม แต่ดูยังไงมันก็เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นหรอกจากนักผจญภัยมือใหม่ว่ามั้ย?」
เกลพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น
「แต่จากสถานการณ์และความสามารถของพวกเธอแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่เราจะไปกับพวกเธอ」
「นี่ เกล?!」
คนที่พูดในที่นี้คือแลนเซอร์ที่ดูแลมาเรียตอนหมดสติและนอนหลับอยู่ ว่าแต่แลนเซอร์คืออะไรฉันไม่รู้จัก
「แน่นอนว่าพวกเราจะไม่ไปขัดขวางพวกเธอหรอก พวกเราจะพยายามรักษาระยะห่างไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของพวกเธอมากที่สุดโอเคไหม?」
คุณเกล————ตราบใดที่หลับตาฟังคำพูดของคุณ คำพูดและน้ำเสียงนั้นดูหล่อมากค่ะ
แต่ว่าหากมองใบหน้าของเขา จะเห็นได้ว่าเป็นพวกผู้ชายหน้าตามาตราฐาน มันทำให้ฉันสับสนหน่อยๆ
หากคิดว่านี่เป็นเกมจีบหนุ่ม ก็น่าจะมีตัวละครหน้าตาดีมาให้เห็นไปทั่วใช่ไหมล่ะ
เมื่อฉันกำลังดูกระบวนการคิดว่ามันเป็นปัญหาของคนอื่นจู่ๆท่านพี่ก็จ้องมองมาที่ฉัน
ฉันตื่นเต้นมาก
ท่านพี่ยิ้มด้วยท่าทางเซ็กซี่แปลกๆในขณะที่สะบัดผมยาวๆของเธอและพูดออกมา
「เอาล่ะ ถ้างั้น มาเรีย ฉันจะให้พวกเขาปกป้องเธอ」
「หาาาาาาาาาาา?」
ท่านพี่มองฉันด้วยสีหน้ารังเกียจเดียจฉันพร้อมกับลูบผมสีน้ำเงินของฉัน
หัวใจของฉันเต้นแรงและในขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บปวด แต่ก็มีความสุข
เมื่อเธอทำเช่นนั้นเธอก็ลูบไล้นิ้วจากแก้มมาถึงต้นคอของฉัน
「แม้แต่มาเรียก็ยังกลัวแนวหน้าใช่ไหมล่ะ ดังนั้นเฝ้ามองจากระยะไกลไปก่อนนะ」
「ค่าาาาา……♡」
ปลายนิ้วของเธอที่ไหลไปตามซอกคอของฉันช่างน่าตื่นเต้น และพบว่าตัวเองดันพยักหน้าเห็นด้วย
(ท่านพี่……♡)
「พี่สาวเอ็นดูมาเรียมากเกินไปแล้วนะคะ ไม่เป็นห่วงความรู้สึกฉันบ้างเหรอคะ……」
ผมสีแดงของอลิซ่าแกว่งไปมาขณะเธอถอนหายใจ
อย่างไรก็ตามฉันไม่สามารถหลุดพ้นจากนิ้วมือของท่านพี่ได้ และในที่สุดฉันก็ดันมีอารมณ์และกอดท่านพี่อย่างรุนแรง
「ถ้าเป็นคำสั่งของท่านพี่ฉันก็จะทำตามค่ะ!」โผล่งออกไปแบบนั้น
――คงจะบอกว่าร่วมมือกันได้ไม่เต็มปากเพราะ『อลิสเทีย』。นั้นมอบตัวเลือกให้กับอัศวินทะเลสาบ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฉันด้อยความสามารถ ก็เลยต้องมาอยู่แนวหลังกับพวกเขา
มาเรียที่หายจากอาการเวียนหัวก็เข้าไปอยู่ในกลุ่มของเกล
เสียงการต่อสู้ดังขึ้นจากด้านหน้าเป็นครั้งคราวและเกลก็เอาโล่และแลนเซอร์ก็พุ่งเข้าโจมตี การต่อสู้จบลงภายในเวลาไม่ถึงสิบวิ
「นี่มาเรียจัง」
「คะ?」
ระหว่างทางมารีพูดกับฉัน
มารีเป็นผู้หญิงที่มีผมสั้นสีขี้เถ้า และเสื้อผ้าของเธอก็ดูเบากว่าชายทั้งสอง ฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นธีฟหรืออาจจะเป็นวิซาร์ด
เธอพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงสบายๆราวกับว่าเธออยากจะผ่อนคลาย
ฉันมองด้วยความสงสัย แต่ฉันไม่สามารถปล่อยให้คนที่อยู่ข้างหน้าฉันสู้เพียงลำพังได้
「ผู้หญิงคนนั้น ลูน่าจังเป็นเด็กแบบไหนงั้นเหรอคะ?」
คำถามของมารีนั้นคลุมเครือมาก และฉันคิดว่าเธอน่าจะถามเกี่ยวกับความประทับใจส่วนตัวของฉันมากกว่า
「เป็นคนใจดีมาก แต่ก็เป็นคนที่นิสัยเสีย แต่ฉันก็รักเธอ」
「เข้าใจแล้วค่ะ」
มารีมองมาที่ฉันพร้อมกับยิ้มแย้ม
ฉันรู้สึกอายและหน้าแดงอย่างมาก
เธอเสริมว่า「แต่」
「หากพวกเธอเป็นเพื่อนรักของเธอ อย่าได้ละสายตาจากพวกเธอเชียวล่ะรู้ไหม?」
「หมายความว่ายังไงเหรอคะ……」
「เพราะพวกเธอนั้นเป็นตัวตนที่ห่างไกลเธอน่ะสิ เพียงละสายตาแค่เสี้ยววิ ราวกับตัวตนของพวกเธอจะจางหายไปเลย」
เธอพูดโดยมองแผ่นหลังเล็กๆ
ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อ
「……ค่ะ」
ฉันจึงพยักหน้าอย่างแรง
เธอที่อยู่ข้างๆฉันก็บอกว่า「ใช่ม้า?」
「ยังไงก็ตาม คุณโอไกเป็นคนแบบไหนเหรอคะ?」
「เอ๊ะ?」
มารีเปลี่ยนหัวข้อเล็กน้อย
ฉันเผลอทำเสียงโง่ๆออกไปและพยายามนึกถึงสิ่งต่างๆเกี่ยวกับตัวเขา
「ขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก พวกเราเพิ่งเจอกันได้ไม่นานค่ะ」
ฉันตอบพลางขอโทษ
「งั้นเหรอคะ」เธอกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับจ้องมองไปทางเขาด้วยสายตาที่แตกต่างจากลูน่า
(เอ๊ะ อย่าบอกนะว่า?!)
แต่สำหรับฉัน เขาไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่น่าาา……。
บางทีสเตตัสก็ไม่ใช่ตัวชี้วัดทั้งหมดสินะ
ฉันรู้สึกผิดหวังกับค่าสเตตัสเล็กน้อย
――ในระหว่างทางท่านพี่ก็มาถึงด้านหน้าสุดของถ้ำ
ถ้ำนั้นถูกเปิดโดยมีเสาทั้งสองข้างประดับอยู่หน้าถ้ำ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องปกติข้างในมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร
ทั้งสามคนหยุดเดินและหลังจากนั้นพวกเราก็มาถึง
「มีอะไรงั้นเหรอคะ ท่านพี่?」
เธอจึงรีบเข้าไปหาท่านพี่
เธอมองข้ามไหล่ของฉันและชี้ไปที่เสาทางด้านขวา
「มาเรีย เธออ่านมันออกไหม?」
「เอ่อ……….เอ๊ะ เออออออออออออ๋?!」
แผ่นหินสี่เหลี่ยมจัตุรัสถูกแปะไว้บนเสาแทนป้ายชื่อ และลวดลายที่ไม่ใช่ตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ถูกสลักไว้บนนั้น
「อ่านไม่ออกค่ะ」
ตัวอักษรที่ฉันไม่รู้จักแม้จะค้นหาความทรงจำจากชาติก่อนร่วมด้วย มันคืออักษรกรีก หรือจะบอกว่าไงดีมันเป็นอักษรภาษาอังกฤษที่ผสมกับตัวอักษรรูปลิ่ม
เธอมองหน้าฉันอีกครั้ง พยายามอ่านสีหน้าของฉัน และหายใจออกมา
「ฉันอ่านได้บางส่วน、เจ้า××จะถูกทดสอบครั้งที่สองการชดใช้บาปของ△△และ○○มัน ที่ทำพันธสัญญากับ△△เทพเจ้าโบราณ…ฉันสงสัยว่าตัวอักษรที่อ่านไม่ออกน่าจะเป็นชื่อของบางสิ่ง?」
「สุดยอดไปเลยค่ะ ท่านพี่!」
ฉันมองด้วยความเคารพ
ไม่ มันสุดยอดมากเลย แม้แต่ฉันก็ยังอ่านไม่ออกเลย ใครจะอ่านตัวอักษรที่ไม่รู้จักออกกัน
แต่ว่า ท่านพี่ดูเศร้าเล็กน้อย
「ช่างตัวอักษรที่อ่านไม่ได้ในตอนนี้ไปก่อน สิ่งที่กวนใจฉันคือ “การทดสอบครั้งที่สอง”…….ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ ดังนั้นก็เลยอยากจะถาม แต่ฉันแค่สงสัยว่า “ถ้ำแห่งการทดลอง” นั้นมีหลายแห่งงั้นเหรอ?」
ฉันรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กวนใจในขณะที่ฉันมองไปทางอื่น
ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อ
เมื่อพูดถึงถ้ำแห่งการทดลอง มันเป็นชื่อดันเจี้ยนที่ปรากฏใน “ฟ้าคราม”
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่มันมีหลายที่ไม่ได้ถูกระบุไว้
ไม่สิ ถ้าให้พูดแบบจริงจังแล้ว มันถูกวางเป็นตำแหน่งในดันเจี้ยนแต่ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่
「แต่ว่าดันเจี้ยนนั้นปรากฏขึ้นเฉพาะซีรีย์ “ฟ้าคราม” เวอร์ชั่น “R P G” เท่านั้นนี่น่าทำไมถึงมีอยู่ในโลกนี้……」
「――?!!」
บางทีเธออาจจะฟังเสียงพึมพำของฉัน และเธอแสดงสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา
「มาเรีย มานี่สักครู่สิ」
「เอ๊ะ ท่านพี่?!」
เธอคว้ามือฉันแน่นและลากออกไปด้วยกัน
เมื่อมาถึงจุดที่คนอื่นไม่น่าจะได้ยินพวกเราก็คุยกัน
「อาสึพี้จิบาน คืออะไร?」(TN: ลูน่าออกเสียงภาษาอังกฤษไม่เป็น)
「เอ่อ “ฟ้าคราม” ซึ่งเป็นโลกเกมจีบหนุ่มที่พวกเราอยู่นั้นมีทั้งหมดห้าซีรีย์ได้แก่ ออริจินัล ภาคสอง ภาคสาม RPG และ SLG แต่ RPG เป็นเกมเดียวที่เหมือนจะมีเรื่องถ้ำการทดลองหลายแห่ง」
อธิบายแบบนี้จะเข้าใจไหมนะ?
ฉันคิดว่าท่านพี่เองก็เป็น “ผู้กลับชาติมาเกิด” อย่างแน่นอน แต่ว่าท่านพี่นั้นเป็นคนญี่ปุ่นสมัยใหม่เหมือนกับฉันที่มาเกิดในโลกแห่งนี้รึเปล่านั่นล่ะปัญหา
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าไม่น่าจะรู้เรื่อง “ฟ้าคราม”ได้……。
ฉันได้รู้หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน
ฉันสงสัยว่าท่านพี่ที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่นกลับมาเกิดในโลกแห่งนี้แต่ดันรู้จัก “ฟ้าคราม” ได้ยังไง
แต่ก่อนที่จะได้ถามคำถามเหล่านั้นฉันก็ต้องหวาดกลัว
「งั้นเองเหรอ………………….เคยดูถูกยัยนั่นว่าเป็นแค่หมาโง่ แต่ดูเหมือนจะเป็นแบบนี้เองสินะ」
เธอซึ่งแสดงความโกรธออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ฉันตัวสั่นเมื่อเห็นท่านพี่ที่ปกติจะใจดีอยู่ตลอด
「มาเรีย พวกเราเดินอ้อมระหว่างกลับกันดีกว่านะ พอดีฉันอยากได้ยินหลายๆมุมของ “ฟ้าคราม” น่ะ」
อุหวาาาาาาาาาาาาา
ฉันทำได้แต่สำลักและพยักหน้าตอบตกลงกับท่านพี่ที่ยิ้มอย่างน่ากลัว