015:การรบครั้งแรก① อุปกรณ์ใหม่
「――นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราจะต้องจัดหาเกราะมือเวอร์ชั่น 2 ให้กับทุกคน ซึ่งจะเป็นอาวุธหลักสำหรับหน่วยรบทางอากาศของเรา ซึ่งได้บอกไปนานแล้ว สิ่งของที่พังพวกเราจะซ่อมแซมและเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด แต่หากเอาไปจำนำพวกนายจะได้รับโทษอย่างร้ายแรงและลงโทษทางวินัย การยักยอกทรัพย์ของหน่วยงานเราและปล่อยให้ข้อมูลที่เป็นความลับขั้นสุดยอดหลุดรอดออกไป จงระวังตัวไว้ให้ดีสิ่งที่รอไม่ใช่แค่การไล่ออกเท่านั้น แต่ความชิบหายจะมาเยือนทั้งโครตเลยล่ะ」
ก่อนหน้านี้ ลูน่าเรียกเหล่าทหารมารวมตัวกันพร้อมกับอุปกรณ์จำนวนมากที่เข้ามาในสนามฝึก
อุปกรณ์ที่ถูกสั่งทำจากช่างตีเหล็กตอนนี้ได้สำเร็จเสร็จสิ้น
สิ่งที่แจกจ่ายให้กับเหล่าสมาชิกคือเกราะมือที่เรียบง่ายและทนทานไม่มีการตกแต่งใดๆ จากนั้นเธอก็สวมเกราะมือพร้อมกับไปหาโอไก
「นี่คือเกราะข้อมือ ณ จุดนี้ มีแต่พวกนายที่ใช้มันได้เพราะงั้นจะส่งมอบให้พวกนายทั้งหมด อย่าทำหายล่ะ และก็อย่าเอาไปขายด้วยเข้าใจไหม」
「ครับ ! รับทราบแล้วครับ!!」
จากนั้นเขาก็รับมันไว้และสวมใส่มัน
ในระหว่างนี้ ลูน่าก็ได้อธิบายเพิ่มเติม
「一จะอธิบายพอเป็นพิธีนี่คืออาวุธล็อตแรกที่พวกเราสั่งทำขึ้นมา เนื่องจากเพิ่มฟังก์ชั่นมากมายมันจึงหนักเกินไปสำหรับมนุษย์ธรรมดา พวกมันสามารถแยกส่วนได้ ด้วยการดึงคันโยกตรงนี้ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกบิน ทำไมพวกเราถึงต้องมีฟังก์ชั่นงี่เง่าอย่างการแยกส่วน พวกนายอาจจะคิดว่า “ทำไปเพื่ออะไร” และท้ายที่สุดก็จบที่ออกมาเป็นเวอร์ชั่น 2 ซึ่งเป็นเกราะจริงๆ แต่ว่าที่สร้างขึ้นมาแบบนั้น ก็เพื่อความโรแมนติกที่อยากได้อะไรที่ดูล้ำยุคบ้าง」
ก่อนที่ลูน่าจะพูดจบ เกราะมือจักรกลก็ติดอยู่ที่แขนของโอไก
「ที่ติดอยู่ตรงแขนนี่มีอุปกรณ์ยิงระเบิดอยู่ เพื่อให้มันไม่ด้าน จะมีไฟออกมาจากข้อศอกด้านตรงข้าม ดังนั้นอย่าใช้เวลาที่มีคนอยู่ด้านหลังพวกนายล่ะ ด้านหลังมือยังมีข้อต่อโลหะเอาไว้สำหรับยึดเกาะ สายต่อทำจากเหล็กพิเศษยาว สิบเมตร ซึ่งสามารถลากไปไกลได้ถึงสามร้อยกิโลเมตร ดังนั้นสามารถใช้เวลาติดอยู่ภายใต้ซากอาคารได้ขณะอุ้มเจ้าหญิงไปได้ด้วยนะ」
ลูน่าอธิบายอย่างมีความสุข นั่นเป็นหนึ่งในความโรแมนติกของลูกผู้ชายที่ช่วยหญิงสาวและห้อยโหนไปตามตึกต่างๆ
อย่างไรก็ตามโอไกดันตอบกลับอย่างเป็นทางการ「รับทราบ」
เห็นได้ชัดว่าหมอนี่มันตายด้านชะมัด และเธอคิดว่าคงต้องอธิบายความโรแมนติกมากกว่า
จากนั้นลูน่าก็หันไปมองเมื่อทุกคนสวมเกราะมือเวอร์ชั่น 2 เสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันมาที่กระเป๋าด้านหลังเธอซึ่งบรรจุกระสุนเจาะเกราะอยู่
「แล้วนี่คือกระสุนเจาะเกราะ มีประจุระเบิดอยู่ที่ด้านล่าง และเมื่อปล่อยแรงกระแทกมันจะระเบิดและพุ่งออกไป หากใช้มือเปล่าแขนพวกนายขาดแน่นอน เพราะงั้นให้ใช้เกราะแขน」
จากนั้นลูน่าก็ถือกระสุนขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่ากันแต่มีปลายทื่ออยู่ในมือและชูให้ทุกคนเห็น
「นี่เป็นกระสุนลูกปราย ซึ่งมีประจุระเบิดเหมือนกับอันที่แล้ว แต่อันนี้มีประจุระเบิดที่ปลายด้วย และมันจะระเบิดทันทีที่กระทบกับพื้น และเมื่อมันระเบิดจะยิงลูกตะกั่วไปรอบๆ วิธีใช้ที่ถูกต้องคือยิงใส่ตรงที่มีศัตรูเยอะๆ」
สิ่งต่อมาที่โชว์ให้เห็นคือเป้สะพายหลัง
「เป้สะพายหลังอันนี้ไม่ใช่แค่บรรจุอาหารเท่านั้น แต่ยังใส่กระสุนเจาะเกราะ ลูกตะกั่วและยาเข้าไปในกระเป๋าได้ แนะนำให้ทุกคนใช้สกู๊ป ที่มีข้อต่อโลหะอยู่ทางด้านหลังของเป้สะพายสำหรับยึดอะไรที่ไม่สามารถใส่กระเป๋าได้ แน่นอนว่าจะแขวนอะไรก็ได้ และที่สำคัญอย่าลืมเอาหม้อไปด้วยนะ นี่คือทั้งหมดที่จัดเตรียมให้」
จากนั้นลูน่าก็พูดในขณะที่นึกขึ้นได้
「อ่า ไม่ต้องห่วงตอนนี้กำลังทำแบทเทิลสูทสำหรับพวกนาย แต่ดูเหมือนว่าจะใช้เวลานานในการปรับแต่ง เพราะงั้นทนรอไปอีกสองสามวัน」
ลูน่าเองก็ไม่ได้อยากจะปรับแต่งอะไร แต่ท่านแม่ซาราเอล่าดันไม่ยอมและเธอเป็นคนออกแบบเจ้าสิ่งนี้ด้วยตัวเอง
สำหรับเกราะข้อมือนี่คือสิ่งที่ลูน่าคิดคนเดียว แต่ทางด้านเครื่องแบบเธอคิดไม่ออก
หมายถึงว่ามันคงจะมีประโยชน์มากกว่าถ้าให้ช่างฝีมือทำ
แต่ว่า พวกนักเล่นแร่แปรธาตุที่ช่วยสร้างระเบิด นั้นกำลังจะตายเพราะสัญญาจ้างที่ไม่เป็นธรรม เพราะงั้นเลยได้อุปกรณ์มาในราคาถูก
ความรู้เกี่ยวกับด้านดินปืนลูน่าได้รับการสั่งสอนมาจากท่านอาจารย์ที่รู้จักในชาติก่อน และเมื่อเอาไปสอนให้นักเล่นแร่แปรธาตุก็ขอบคุณกันยกใหญ่ แต่ฉันคิดจะปิดปากพวกเขาหากเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดี
ลูน่าคิดว่าแค่ความรู้จากชาติก่อนมาประยุกต์ใช้ในครั้งนี้สามารถเปลี่ยนกระแสสงครามได้เลย เพราะงั้นการจะนำแต่ละอย่างมาใช้ต้องคิดถึงความเสียหายด้วย
「สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย วันนี้พวกเราจะฝึกบินในขณะที่แบกสัมภาระไปด้วย เพื่อเป็นการป้องกันจะมอบบทลงโทษสำหรับยี่สิบคนที่รั้งท้าย จงจำเอาไว้ว่าชีวิตของพวกเราแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากอุปกรณ์เกิดความเสียหายให้แจ้งมาทันที」
ลูน่าพูดอย่างมีความสุขในขณะที่สมาชิกกำลังคิดว่า「เอ่อ……」
ถึงกระนั้นเถียงไปก็เปล่าประโยชน์และสมาชิกทุกคนก็บินไปด้วยภาระอันหนักอึ้ง
◆ ◆ ◆
――ในป่าหมอกมีเสียงสะท้อนออกมาเป็นระยะๆ
ดยุคของเวลซัคเป็นเจ้าของพื้นที่ป่าอันกว้างใหญ่ที่หันหน้าไปทางพรมแดนของประเทศเพื่อนบ้านและพื้นที่โดยรอบเดิมมีปีศาจอาศัยอยู่ ดังนั้นเลยไม่ค่อยมีการรุกรานจากต่างแดน
เนื่องจากที่ตั้งทำเล ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้ามา และแม้ว่าจะมีนักล่าอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียง จะออกมาล่าสัตว์ป่าเป็นครั้งคราว
พ่อและลูกชายของนายพรานมุ่งมั่นที่จะหนีทันทีหากโชคร้ายเจอปีศาจเข้า และ พวกเขานั้นเป็นพวกขี้ระแวงอย่างมาก ขณะที่ลาดตระเวนดูเหยื่อที่ติดกับดัก
「เฮ้อคุณปู่วันนี้หมอกเยอะมากเลยนะครับ」
「……ยาสุโบ กลับไปที่หมู่บ้านกันเถอะ」
เด็กชายที่ชื่อยาสุทำท่าทางสงสัยขณะที่พ่อของเขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆ
โดยปกติหลังจากมองไปรอบๆกับดักแล้วหากเหยื่อไม่ติดตาข่ายเลย จะพกลูกและคันศรไปล่ากระต่ายสักสองสามตัว
ในฐานะนักล่าที่คุ้นเคยกับป่าเป็นเวลานาน เมื่อเข้ามาในป่าหลังจากผ่านมาหลายวันสามารถพูดได้ว่าปฏิกิริยาของพ่อแปลกๆ
「หากมีหมอกมันก็ควรจะปลอดโปร่งตอนพระอาทิตย์ขึ้น และจะมองเห็นโดยรอบได้ง่ายขึ้น แต่ว่านี่ไม่ใช่ฤดูล่าสัตว์งั้นเหรอครับ」
「นั่นเป็นเหตุผลที่ว่ามันเป็นปัญหาไง ยาสุ จำไว้เมื่อป่าเกิดความผิดปกติ ก็เป็นช่วงเวลาที่พวกสิ่งชั่วร้ายจะเคลื่อนไหว เห็นมั้ย มีเสียงสะท้อนดังมาเล็กน้อย ดูจากเสียงฝีเท้าแล้ว พวกสัตว์ซ่อนตัวกันหมดเลย มันไม่ง่ายหรอกนะที่จะล่าสัตว์ในเวลาแบบนี้ เป็นการดีที่สุดที่จะหนีกลับหมู่บ้าน」
ลูกชายกลืนน้ำลายเพราะความตึงเครียด
จากนั้นเขาก็มองพ่อของเขาที่เป็นนายพรานมานาน ต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับป่า
ดังนั้นถ้าพ่อระมัดระวังตัวมากขนาดนี้ก็คือมันอันตรายจริงๆ
นักล่าทั้งสองพยายามจะกลับไปยังที่ๆพวกเขาจากมา
「เอ๊ะ ปู่ นั่นอะไรครับ?」
แต่ว่าเด็กชายหยุดเดินขณะมองไปที่ท้องฟ้าด้วยความมึนงง
พ่อที่เห็น「นั่นมัน」ก็พูดออกมา
「นี่มันจะบ้าเกินไปแล้ว」
ชายคนนั้นตอบกลับสั้นๆ
มันคือสัตว์ประหลาดตัวมหึมาที่เหมือนกับงูและมีหัวเก้าหัว
เงามืดที่ลอยเข้ามา หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วิ
「ต้องรีบไปรายงานให้นายท่านทราบแล้ว……」
พ่อพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งครัด
เจ้าดินแดนดยุคนั้นเป็นคนที่มีตำแหน่ง ไม่เหมือนกับพวกขุนนางขี้ขลาดคนอื่นๆ เป็นที่รักของประชาชน
แม้ว่าจะมีปีศาจหรือผู้รุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน พวกเขาจะเข้าสู้โดยไม่สนใจสิ่งใดเพื่อปกป้องดินแดน
พวกเขานั้นเก่งในฐานะเจ้าของดินแดนแห่งนี้
แม้จะอยู่ในวัยชราแต่ก็ยังมีร่างกายดุจเหล็กกล้า และก็รีบไปที่รับแจ้งเหตุด่วน
เพราะเขารู้ดีว่ามันจะเกิดอะไร นายพรานคนนี้ต้องบอกเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
「ปู่ครับ มีบางอย่างมาจากอีกด้าน!!」
「วิ่งเลย ยาสุ!!」
เมื่อสัมผัสได้เสียงที่ดังขึ้นมาจากหมอกพ่อและลูกต่างวิ่ง
พวกนั้นอาจจะเป็นฝูงปีศาจ สัมผัสได้เลยจากจิตสังหารของพวกมัน
「ไปเลยไม่ต้องห่วงข้า! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รีบไปแจ้งให้ท่านเจ้าเมืองทราบให้ได้!」
ชายคนนั้นพูดยืนกรานต่อให้ล้มลงระหว่างทาง แต่จะปล่อยให้ลูกชายของเขากลับไปให้ได้
ชายคนนี้อาศัยอยู่ในป่าหลายทศวรรษ
ด้วยเหตุนี้จึงคุ้นเคยกับป่า แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าพละกำลังของเขาลดลง
ลูกชายเขายังหนุ่มและมีพลังกายที่มั่นคง
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็มีโอกาสที่ลูกชายของเขาจะไปถึงตัวท่านเจ้าเมืองได้ง่ายกว่า
หมอกยังไม่จางหายไป และทั้งสองคนยังวิ่งต่อไป ราวกับถูกกดดันมีปีศาจที่พุ่งตามมาจากด้านหลัง
ตัดสินจากเสียงที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆพวกมันจะเข้าประชิดตัวพวกเขาในอีกชั่วครู่
「ยาสุ ไปซะ」
「เอ๊ะ แล้วปู่ล่ะ?!」
「ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวข้าตามไป!」
หากวิ่งไปอีกสักพักก็จะออกจากป่าได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็คงจะออกไปพร้อมกับพวกปีศาจที่ตามมา
มีหมู่บ้านอยู่ข้างหน้าและเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องหยุดพวกมันเอาไว้ แค่สักนิดก็ยังดี
ยาสุจ้องมองพ่อของเขาขณะกัดฟันแน่นและเร่งฝีเท้า
พ่อหอบหายใจอย่างหนักขณะที่ถือคันศรและยิงลูกธนูออกไป
「อย่างน้อยก็ขอซื้อเวลาสักหน่อยก็ยังดี……」
ชายคนนั้นพึมพำ
ราวกับว่าตอบสนองต่อคำพูดของเขา แสงสว่างก็เปล่งประกายขึ้นบนลูกศร
「อ่าเป็นไปไม่ได้มรดกที่สืบทอดกันมา ชิโนโนเมะเจ้าตอบสนองต่อข้าแล้วงั้นเหรอ」
เมื่อเขาพูดเช่นนั้นก็ราวกับว่ากำลังเยาะเย้ยตัวเอง
――ศรศักดิ์สิทธิ์ชิโนโนเมะ อสรพิษเริงรำ
ลูกศรที่พุ่งออกไปนั้นคดเคี้ยวจากนั้นแยกออกเป็นหลายลูกและหายเข้าไปในหมอก
จากนั้นก็ได้ยิงเสียงบางอย่างตกลงมา
「ท้ายที่สุดมันก็เยอะเกินไป」
ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นได้แม้ว่าจะมีหมอกก็ตาม
ชายคนนั้นพึมพำด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็ยังยิงนัดที่สองออกไป
เมื่อไปถึงระยะที่สามารถมองเห็นได้ ในที่สุดมันก็เป็นปีศาจรูปร่างคล้ายมนุษย์
กองทัพฮอบก็อบลิน
พวกมันถือดาบและหอกที่เป็นสนิมและมีหอกแหลมคม
อย่างน้อยจำนวนมันไม่ต่ำกว่าร้อย ไม่สิมากกว่าพันตัว
「นี่น่ะเหรอจุดจบของข้า」
ชายคนนั้นยิงธนูออกไป
หากศัตรูเข้ามาใกล้เขาโดนโค่นล้มอย่างแน่นอน แต่ว่าเขาไม่มีลูกธนูเหลือแล้ว
และแม้ว่าจะมีมันมากเท่าที่ต้องการ แต่ระยะห่างมันสั้นเกินไป จากนั้นก็ถูกฟันก่อนจะปล่อยนัดสุดท้าย
ขณะที่ไตร่ตรองถึงชีวิตและยิงลูกธนูนัดสุดท้ายออกไปตัวเขาก็ถูกกลืนกินไปในฝูงของฮอบก็อบลิน