012:การพูดคุยระหว่างแม่ลูก
「――แม่พอเข้าใจเรื่องราวส่วนใหญ่แล้ว」
หลังจากใช้เวลาเล่นเกมจีบสาวสองวันเต็มระหว่างแม่ลูกกำลังนอนซมบนเตียงด้วยความที่ว่าอดหลับอดนอน
เมื่อตื่นขึ้นมาก็พยายามทำสมองให้โล่ง และท่านแม่กับฉันก็อาบน้ำด้วยกัน
หลังจากดับความกระหายด้วยการทานข้าวเช้ามื้อใหญ่ พวกเขาก็นั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นและหันหน้าเข้าหากันในขณะดื่มชา
「เป็นเรื่องราวที่เขียนได้ดี อืม อืม มันทำให้แม่นึกถึงสมัยตอนที่ตัวเองยังเรียนอยู่เลย」
ท่านแม่ที่ผิวเปล่งปลั่งหลังจากอาบน้ำกำลังดื่มชาและพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
「แน่นอนว่าสิ่งนั้นสามารถเรียกว่าหนังสือแห่งคำทำนายได้จริงๆ แต่ว่ามีบางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก」
ข้างๆพวกเขามีแอนนาและฮาเรียซึ่งเป็นเมดประจำตัวของทั้งสอง
ตามธรรมเนียมของขุนนางจะไม่ให้เหล่าคนรับใช้อยู่ระหว่างการสนทนายกเว้นแต่จะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ
ตอนนี้เป็นการสนทนาตามประสาแม่ลูกจะเป็นแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น
「พอมาคิดดูแล้วนะคะ คิดเห็นยังไงบ้างคะท่านแม่?」
เมื่อลูน่ากระตุ้นท่านแม่ของเธออย่างร้อนรน
จากนั้นก็ค่อยๆพูด
「ประการแหลกสถาบันเวทมนตร์แกรนเวิร์สมีอยู่จริง และแม่เองก็เข้ารับการศึกษาจากที่นั่นและจบจากที่นั่นจริงๆ แต่ว่าจะเข้าเรียนได้ก็ต่อเมื่ออายุสิบห้าปีและใช้เวลาสองปีในการจบการศึกษา กล่าวอีกนัยหนึ่งเมื่อคำทำนายเริ่มขึ้นลูกก็โตพอที่จะจบการศึกษาจากที่นั่น」
ท่านแม่พูดเช่นนั้น
ในทางกลับกันลูน่าตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ถ้าถามฉันมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว
เพราะอีเว้นต์หลักๆมันเกิดช่วงอายุ สิบเจ็ดปี
กล่าวอีกนัยหนึ่งการเป็นผู้ใหญ่ในโลกใบนี้คืออายุ สิบหกปี
ตั้งแต่วินาทีที่ครบรอบสิบหกปี ก็สามารถดื่มเหล้าและแต่งงานได้ถูกต้องตามกฏหมาย
แต่ว่าตอนเด็กอายุสิบสองปีในตระกูลของขุนนาง จะต้องจัดงานเปิดตัว แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการโตเป็นผู้ใหญ่เลย ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ามีเด็กเช่นลูกชายของXX และจุดประสงค์ของงานนั้นก็เพื่ออวดฐานะทางบ้านและสร้างคอนเนคชั่น
และลูกสาวของขุนนางมักจะแต่งงานทางการเมือง ซึ่งเป็นสะพานในการสร้างคอนเนคชั่น
ลูกสะใภ้น่ะยิ่งอายุน้อยจะยิ่งดี เหตุผลก็คือเด็กน่ะตายง่าย เพราะงั้นยิ่งปั้มลูกได้เร็วมากแค่ไหนยิ่งดี
เพื่อให้กำเนิดลูกชายที่มีสุขภาพดีมากลูกสาวที่แต่งงานแล้วจะต้องทำการคอยเลี้ยงดูบุตร
นี่คือสิ่งที่ขุนนางทั่วไปคิดกัน พวกเขาจะปั้มลูกกันจนกว่าจะได้ลูกชายนั่นแหละ
ต่อให้ทุ่มเทกับการใช้ชีวิตมากแค่ไหนอย่างมากก็แค่อายุสิบหกปีเท่านั้น และในปีถัดไปก็ต้องแต่งงาน
แม้ว่าสถาบันเวทมนตร์จะถูกระบุว่าเป็นสถาบันสอนเวทมนตร์ แต่ว่าส่วนใหญ่จะเป็นที่ๆเหล่าขุนนางสร้างคอนเนคชั่นทางสังคม
ในแง่ของสถานการณ์เหล่านี้ท่านแม่บอกว่าการเข้าเรียนตอนอายุสิบเจ็ดปีไม่ใช่เรื่องที่ดี
「ในกรณีนั้นก็มีแต่ต้องเร่งดำเนินแผนการให้ไปข้างหน้าสินะคะ」
ตอนนี้ลูน่าอายุสิบสองปีและคิดว่าเธอมีเวลาอีกห้าปีในการเข้าสถาบันหลังจากเอาชนะหายนะที่จะเกิดขึ้นในปีนี้หรือปีหน้า
แต่ว่าพอเข้าเรียนตอนอายุสิบห้าปี ก็จะเหลือเวลาเพียงสามปีเท่านั้น
ซึ่งฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้เลย แต่ก็มีวางแผนไว้คร่าวๆและมุ่งมั่นที่ลดระยะเวลาดำเนินการให้มันสั้นลง
(แต่ว่า พอพูดถึงเรื่องนั้น……)
ความกังวลของลูน่าไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเนื้อหาของเกมจีบสาวเท่าไหร่ แต่เป็นการคาดคะเนของชิโระที่ให้หยิบยืมหนังสือแห่งอนาคตมาเล่นเนี่ยแหละ
ชิโระยอมให้ท่านแม่เล่นได้อย่างง่ายดาย
ถ้าลูน่าอยู่ในตำแหน่งของเธอคงจะลังเลเล็กน้อยและหากคิดว่าจะเกิดผลเสียคงจะปฏิเสธ
ไม่รู้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ หรือมีใครบงการเธอไหม
ซาราเอล่าพูดอีกครั้ง ราวกับบังคับให้ลูน่าได้สติ
「และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่สมเหตุสมผลคือไม่มีคำอธิบายปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างหลบเลี่ยงไม่ได้หากเนื้อเรื่องถูกบังคับให้เดินตามปกติ」
「……?」
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉันก็ต้องกลับมาตั้งสติอีกครั้ง
「เนื้อเรื่องโดยย่อก็คือ มาเรีย เทมเพิ พิชิตดันเจี้ยนกับเหล่าเด็กผู้ชายที่เธอจีบในสถาบัน และหลังจากเอาชนะจอมมารได้แล้ว เธอก็จะไปแต่งงานกับใครคนใดสักคน แต่ว่า มีประโยคหนึ่งในข้อความกล่าวไว้ว่า เธอหยิบยืมพลังของเทพธิดาอลิสเทียในตำนาน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพลังของเทพธิดาเป็นกุญแจในการเอาชนะจอมมาร」
「เอออออออออออออ๋……?」
ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันเป็นคำที่คลุมเครือชะมัด
ขณะที่ฉันกำลังสงสัย ท่านแม่ก็ถอนหายใจออกมา
「แม่จะต้องเล่าเพิ่มเติมอีกสักหน่อยสินะเพราะมันไม่อยู่ในเนื้อเรื่องของเกม มันมีสิ่งที่เรียกว่าโบสถ์แห่งแสง ซึ่งเป็นคริสตจักรที่ปกครองทวีปนี้มาอย่างยาวนาน และพวกเขานั้นนับถือเทพองค์เดียว นั่นคือเทพ “เอย์นเฮริยาร์” ซึ่งพวกเขาจะมองเทพตนอื่นเป็นเทพนอกรีต ซึ่งเป็นเทพแห่งความชั่วร้าย แต่ว่าในเนื้อเรื่องบอกว่ามาเรียใช้พลังของเทพอลิสเทีย นั่นหมายความว่ายังไงกันนะ」
「หลังจากนั้นทันทีที่มาเรียเอาชนะจอมมารได้ด้วยความช่วยเหลือของเทพธิดาอลิสเทีย มาเรียจะถูกฆ่าในฐานะที่หยิบยืมพลังของเทพแห่งความชั่วร้ายเหรอคะ?」
「ไม่ก็ถูกลักพาตัว และพาไปล้างสมองและหลอมรวมเข้ากับคริสตจักรในนามของการฟื้นฟูอารยธรรม และกลุ่มที่ทำเช่นนั้นก็จะเป็น”ขุนพลศักดิ์สิทธิ์แห่งสิบสองดารา” ซึ่งอ้างตัวเองว่าตัวเองเป็นผู้พิทักษ์เทพ พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ เว้นแต่ลูกเองก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญเหมือนกับพวกนั้น แต่ไม่ว่ายังไงก็หนีจากเงื้อมมือของพวกนั้นไม่พ้นแน่」
สถานการณ์ดูเลวร้ายชะมัด
ลูน่าทำหน้าหนักใจ
「…เอ่อตอนนี้พวกเราปลอดภัยรึเปล่า มีคนพวกนี้กำลังสอดแนมท่านแม่กับหนูงั้นเหรอคะ?」
「บางทีนะ」
「พูดคลุมเครือจังเลยนะคะ」
「แต่แม่เคยเห็นพวกนั้นตอนเป็นนักเรียนด้วยนะ ดังนั้นแม่ไม่ค่อยแน่ใจนักหรอก」
「เมื่อสมัยเรียนท่านแม่กระตือรือร้นมากเลยสินะคะ」
「ก็คงแบบนั้นมั้งลูก」
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็เพื่อสร้างชื่อเสียง
มันเหมือนกับว่าท่านแม่จะคึกคะนองไปหน่อยจนโดนพวกนั้นส่งคนมาตรวจสอบ
เธออาจจะมองข้ามไปเพราะไม่คิดว่าเป็นศัตรู
「ไม่ว่ายังไง แต่ว่าในหนังสือแห่งคำทำนายก็ไม่ได้มีอธิบายเกี่ยวกับคริสตจักรเลยนะ」
「นั่นสินะคะ แต่พวกเราก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นได้เช่นกัน」
「อืม แม่เองก็เห็นด้วย ดังนั้นแม่จะช่วยรวบรวมข้อมูลโดยใช้เส้นสายของแม่ รวมถึงกระแสการเงินด้วย」
「เงินเหรอคะ?」
「……ลูน่า จำเอาไว้นะลูก เมื่อผู้คนพยายามจะทำอะไรบางอย่าง มักจะมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ อย่างเช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร หรือใช้ในสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ที่พัก แน่นอนยังใช้เงินในการซื้อสินค้าอีกด้วย หากมุ่งเน้นไปทีการตรวจสอบการเงิน ก็จะเจอเบาะแสก่อนสิ่งอื่น」
「เข้าใจแล้วค่ะ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆสำหรับหนูเลย」
เธอเป็นแม่และมีส่วนในการจัดการทรัพย์สินทั้งหมดทั้งทางการทหารและกิจการภายใน
ลูน่ารู้สึกประทับใจ
จากนั้นเธอก็บอกว่า「เอาล่ะ」และลุกขึ้นจากโซฟา
「ลูน่า มีบางอย่างที่แม่ต้องตรวจสอบก่อนจะเชื่อคำพูดของลูกอย่างสนิทใจ กล่าวอีกนัยหนึ่งเรื่องความทรงจำของชาติก่อนที่ลูกบอกว่าเชี่ยวชาญ ลูกจะรับมือกับมือสังหารไหวไหม ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเข้าใจได้เพียงเพราะลูกพูดออกมา แม่อยากเห็นด้วยตาตัวเองน่ะ」
「อืม หนูเองก็คิดว่าท่านแม่จะต้องคิดแบบนั้นอยู่แล้ว」
เพราะงั้นเอง ฉันเองก็อยากสู้กับท่านแม่มากเหมือนกัน
ลูน่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงง่ายๆพร้อมกับลุกขึ้นยืน
พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปยังสนามฝึก
ซึ่งแต่ละคนต่างมีวิชาคนละสำนัก ทั้งแม่และลูกสาวเองก็ต่างบ้าการต่อสู้
ขณะนั้นเองเหล่าเมดที่เห็นนายท่านเดินผ่านไปพร้อมๆกันก็ได้กล่าว「ท้ายที่สุดแล้วก็เหมือนกันทั้งแม่และลูกสินะคะ……」